หากคุณเหงา มาฟังเรื่องเล่า จากเม้าตาอิน

กัวคุณตา (ที่สาม) มาอ่านอะ
จุ๊..จุ๊..อย่าให้คุณตา (ที่สาม) รู้เชียวนา
เด๋ว "ง้วนดิน" ออร่าดำแน่

(b-oneeye)(b-oneeye)(b-oneeye)

 

ขอยื้มทู้ "คุณเม้าฯ" บอกบุญหน่อยนะจ๊ะ

ขอเชิญร่วมบริจาคเงินซื้อหนังสือเรียนให้เด็กไทใหญ่
และตามไปอ่านเรื่องจริงของชาวไทใหญ่ที่ถูกทหารพม่าข่มเหงที่นี่
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?p=520872#post520872

เศร้ามาก...อ่านแล้วอึ้ง...
ลองดูตัวอย่างจากลายเซ็น "ง้วนดิน" ข้างล่างนี่ไปก่อน

ขอบคุณเจ้าของกระทู้และทุกคนที่ตามไปอ่านมากจ้า

 

ผมไปตาม ตา (ตาที่สาม) มาแล้วครับ
คุณง้วนดำ เอ้ยย..ง้วนดิน ... ออร่าดำ แน่ๆ เที่ยวนี้(b-oneeye)

 

ผมขอเล่าขั้นรายการสักเรื่องนะครับลุงเม้า

จาก Fwd Mail ครับ

 

ต่อครับ










<!-- / message --><!-- sig -->

 

ผมมีอีกเรื่องที่จะบอกให้ทราบกัน

ผมเองได้เคยลงเรื่องของการกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มแล้วนะครับว่า ทุกๆครั้งที่เรากดเงิน เราต้องสังเกตุดูว่าตู้ที่เรากดเงินนั้น มีสิ่งแปลกปลอมอยู่หรือไม่ ควรกดเงินที่ตู้ที่เราคุ้นเคยและรู้ว่าตู้นี้มีลักษณะเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจะเกิดเหตุการที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ครับ

ลองดูตามรูปครับ












<!-- / message --><!-- sig -->

 

สาธุ สาธุ เป็นประโยชน์ต่อสาธุชน
ขออนุโมทนา.....ข รับ

 

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาบอกกันอีกสักหน่อย

ส่วนรหัสบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต ก็ไม่ควรใช้ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เช่น วันเดือนปีเกิด หรือเลขในบัตรประชาชน หรืออื่นๆ เพราะว่าผู้ที่ได้บัตรไปนั้น สามารถเดาได้จากเลขเหล่านี้ ผู้บัญชาการที่บ้านผมโดนมาแล้ว นำเอาปีเกิดไปเป็นรหัสบัตรเอทีเอ็ม แล้วกระเป๋าสตางค์โดนล้วงไป ปรากฎว่าแค่เพียง 5 นาที ก็ถูกกดเงินออกไปแล้ว อายัดบัญชีไม่ทัน แต่โดนไปแค่ 2 หมื่น แล้วก็อายัดทันครับ

ส่วนบัตรเครดิตนั้น หากนำไปใช้ไม่ว่าจะใช้ที่ไหน ควรดูทุกครั้งว่าพนักงานนำบัตรของเราไปที่ไหน ไปทำอะไร ต้องคอยสังเกตุนะครับ เดี๋ยวนี้มีเครื่องสแกนข้อมูลที่มีขนาดเล็ก ประมาณเท่าฝ่ามือ สามารถสแกนข้อมูลของบัตรเครดิตจากแถบแม่เหล็กได้ แต่ถ้าบัตรเครดิตบางแห่งติดชิปแล้วก็พอป้องกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้นครับ

.
<!-- / message --><!-- sig -->

 

<TABLE class=tborder id=post519742 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>รักปู่<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_519742", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:14 AM
วันที่สมัคร: Jan 2007
สถานที่: รามอินทรา
ข้อความ: 40 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 152 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 154 ครั้ง ใน 28 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_519742 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->คิดอย่างไรกับจตุครามฯมาแรงเหลือเกินครับ!เหรียญพระพุทธ พระสงฆ์เราหายไปจากใจพวกเราเปล่า
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เราชาวรักพระเครื่อง-วัตถุมงคล ถึงเวลาท่านแสดงความคิดเห็นกันแล้วนะครับมาแรงจริงๆองค์พ่อจตุครามในยุคนี้และช่วงเวลานี้
อย่างรู้จังยัง ศรัทธาพระอะไรกันบางครับ มีจตุครามอยู่ในใจตามกระแสหรือเปล่าคับ +++++++!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!+++++++++++++++
</TD></TR></TBODY></TABLE>

เราในฐานะพุทธศาสนิกชน ย่อมศรัทธา
เคารพกราบไหว้ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่แล้ว
สำหรับองค์พ่อจตุคามรามเทพ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์
รักษาดูแล องค์เจดีย์พระธาตุ นครศรีธรรมราช
พระพุทธเจ้า เป็นสิ่งเคารพ สักการะสูงสุด ของท่าน เช่นกัน

เมื่อถึงคราวท่านลงมาโปรด เพื่อบำเพ็ญบารมี
ใครกราบไหว้สักการะบูชาท่าน
ก็ย่อมได้รับมงคลอันประเสริฐ
ผมว่ากราบท่าน ก็เท่ากับได้กราบพระพุทธเจ้าด้วย
เพราะพระพุทธ อยู่เหนือเศียร ขององค์พ่อจตุคามฯ

เมื่อท่านประทานความสำเร็จให้ผู้คน
ซึ่งเป็นเมตตาบารมี...แต่บางคนแทนที่จะ
ยึดเอาอย่างท่าน...กลับหาช่องทางกอบโกยเงินทอง
เข้ากระเป๋า โดยเอาพระนามของท่าน ไปแสวงหาประโยชน์
อย่างนี้เท่ากับเร่งอกุศลกรรม ทำภัยพิบัติให้เกิดไวขึ้น

กลุ่มหนึ่งกำลังรวมใจกันพิชิตภัยพิบัติ
แต่อีกกลุ่มหนึ่ง กลับ เร่งให้เกิดภัยพิบัติ
อย่างนี้ สิบหมื่น องค์จตุคามฯ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมว่านะ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

(b-oneeye) บรึ๋ย ย ย ย ย ย ย ย

(b-uh) แย่แว้ว ว ว ว...."ง้วนดำ"...เอ้ย..."ง้วนดิน"

" คุ ณ ต า ฯ " ม า า า า า า า !!!!



อูย ย ย ย...เล่นของสูง ง ง ง ง ง ซะแร่ว ว ว ว ว ว

[b-wai][b-wai][b-wai]​

 

555555555555555555 ขำ อาจารย์ป้าง้วนดิน
(b-oneeye)

 

วันนี้มีรูป มาฝาก แทน เรื่องที่จะเล่า ครับ
ตามกระแสศรัทธา บูชา แล้วสมหวัง ดังจิตปรารถนา
ด้วยบารมีเมตตา แห่ง องค์พ่อจตุคามรามเทพ
ถ้าท่านไม่ศักดิ์สิทธิ์จริง จะสร้างกระแส เท่าไร อย่างไร ก็ไม่สำเร็จ หรอกครับ........โปรดพิจารณา นา ข รับ

รูปขนาดเล็ก

 

ซำบายดีครับ น้องพงศ์สิทธิ์
ว่างๆ ก็เข้ามาทักทาย กันเน้อ(f)

 

เรื่องเล่าสำหรับเช้าวันฝนตก ประเดิมต้นฤดูร้อน

เมื่อวานผมไปเดินสำรวจตลาดพระท่าพระจันทร์
เห็นกระแสการซื้อหา ท่านท้าวจตุคามรามเทพ ของเลียนแบบ
แรงไม่ยอมตกจริงๆ

สาเหตุที่ของเลียนแบบ ยังเป็นที่ใฝ่หากันไม่สร่างซาเพราะ

1. ของที่จัดทำในพิธี มีราคาสูง และหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว
2. ของเลียนแบบ จัดทำขึ้นมาได้สวยสดงดงาม ไม่แพ้ของพิธี
3. ของเลียนแบบ มีราคาถูกมากๆ และใช้ได้ผลเช่นกัน
จากปากต่อปาก
4. ของเลียนแบบ นำไปปล่อยได้ราคา โดยเฉพาะงานฝีมือ

และที่น่าสังเกต คือ มีอาชีพเกิดใหม่ แถวท่าพระจันทร์ ได้แก่

1. อาชีพรับปัดทอง (ปิดทององค์พ่อจตุคาม)
2. อาชีพรับใส่ตลับจตุคามฯ

ซึ่งทำรายได้วันหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 2-3,000.-บาท

นับได้ว่าบารมีขององค์พ่อจตุคาม ช่วยให้เศรษฐกิจการเงิน
ที่ตลาดพระท่าพระจันทร์หมุนเวียนดีมาก และไม่มีทีท่าว่าจะถดถอยแต่อย่างใด

ส่วนภาพโปสเตอร์พ่อจตุคามฯ มีออกมาวางจำหน่าย
หลายสิบแบบ......แรกๆ ที่ออกมา มี4-5 แบบ ราคา
ใบละ 50.- บ้าง 40.- บ้าง .... เดี๋ยวนี้เหลือใบละ 15.-
และ 20.-

สำหรับที่ร้านแพท โปสเตอร์ พรานนก ไม่เอาเปรียบเรื่องราคา
ยังคงยืนราคา ปลีก ใบละ 20.- ราคาส่ง(100 ใบขึ้น) เหลือใบละ 12.-บาท และเป็นแบบที่ไม่ซ้ำกับท้องตลาด เพราะพิถีพิถัน
ในการจัดทำเป็นพิเศษ...เลยประชาสัมพันธ์ให้..อิอิ

 

สืบเนื่องจากกระแสมหาชน ชุลมุนวุ่นวาย
เสาะแสวงหาพระผงจตุคามรามเทพ เป็นจำนวนมาก
ทำให้เกิดการเก็งกำไร หาผลประโยชน์ใส่ตน
โดยลืมนึกถึง จริยธรรมพื้นฐาน
เป็นที่น่าสังเวช ยิ่งนัก โดยเฉพาะพวกชอบกอบโกย
บนความทุกข์ของผู้อื่น

ดังนั้น หลวงปู่พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย กำแพงแสน
จึงประกาศทำพระจตุคามรามเทพ แจกฟรี แก่ผู้ต้องการ
ในวันที่ 13-14 เมษายน 2550
ใครว่างก็ไปรับแจกกับมือหลวงปู่ได้เลยนะครับ

คุณ kittipong s. เป็นผู้แจ้งมาครับ
ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง

 

หลวงพ่อสร้อย วัดมงคลคีรีเขตต์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
เป็นเกจิอาจารย์ในสมัยช่วงปี 2530 กว่าๆ เป็นที่นับถือของชาวกะเหรี่ยง
รอบๆใกล้วัดท่าน และพุทธบริษัท ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด
ก็นับถือท่านมากเช่นกัน
ท่านมีวิชาลงทองหน้าผาก และฝ่ามือ
ก่อนลงทอง ท่านจะใช้เหล็กจาร ลงอักขระบนหน้าผากก่อน
จากนั้นลงน้ำมันจันทร์ แล้วลงทอง
ที่ฝ่ามือก็เช่นกัน
ตอนลงด้วยเหล็กจาร เสียวแป๊บ ได้ไม่น้อยเหมือนกันครับ

นำภาพมาให้ชม เมื่อตอนไปกราบท่าน
ปัจจุบัน ท่านสร้างพระอุโบสถ เสร็จ ก็มรณะภาพในกาลต่อมา

ขอกราบดวงพระวิญญาณ ของหลวงพ่อมา ณ ที่นี้
ลูกยังระลึกถึงหลวงพ่ออยู่เสมอ หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตามากๆ องค์หนึ่ง
น่าเสียดายที่ท่านจากไปเร็วเกินไป

 

โฆษณาคั่นรายการครับ

ผมได้รับเมล์มา อ่านแล้วดีเลยนำมาฝากกันครับ

ที่มา Fwd Mail ครับ


วันฝนตกกับรถแท็กซี่รุ่นเก่า<O</O
<O</O

เรื่องนี้เป็นเพราะความบังเอิ&shy;ญที่บ่ายวันนั้นฝนตก
ตัวเองก็รีบจะไปเจอเพื่อนที่รออยู่บีทีเอสหมอชิต
ตัดสินใจรีบวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงกันอยู่โดยไม่มองว่ารถคันนั้นมีสภาพยังไง
เข้ามานั่งแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นรถแท็กซี่รุ่นเก่า
(คันเล็ก แอร์ไม่เย็น แล้วก็จะมืดๆหน่อยอ่ะค่ะ
คือมองจากข้างนอกจะเห็นข้างในไม่ค่อยชัด)
ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า เออ
แค่นี้เอง เดี๋ยวก็ถึง ร้อนหน่อย ไม่เป็นไร
นั่งไปได้สักพักรถติด
คุณลุงคนขับรถก็หันมาถามประมาณว่ามีแบงก์ย่อยรึเปล่า
ลุงไม่มีเงินทอน
นี่เป็นรอบแรกของวันนี้เลย
เราเห็นว่าตอนนั้นมันจะสี่โมงเย็นแล้ว
แต่ลุงบอกว่าเป็นเที่ยวแรกของวันนี้ ก็เลยถามว่า
"ลุงเข้ากะบ่ายหรือคะ
คุณลุงตอบกลับว่า
"ลุงขับมาตั้งแต่ตีสี่แล้ว นี่รถของลุงเอง
วนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้ว แต่ไม่มีลูกค้าเลย"
"อ้าวทำไมล่ะคะลุง"
ตอนนั้นก็ชวนคุณลุงคุยแบบไม่ได้ติดใจอะไร
ถามไปเรื่อย
"รถลุงเก่า คนเค้าก็ไม่อยากนั่ง
แต่ลุงเข้าใจนะ
มันก็เป็นเงินของเค้า
รถเก่า รถใหม่
ค่าโดยสารมันเท่ากัน
เป็นลุงลุงก็อยากได้ที่มันดีๆเหมือนกัน
เด็กๆเดี๋ยวนี้เค้าก็ชอบรถที่มีสีๆกัน"

น้ำเสียงคุณลุงตอนนั้น
เป็นน้ำเสียงเหมือนจะขำๆ
แบบเล่าสู่กันฟังมากกว่าจะประชดประชันนะคะ

แล้วลุงก็เปลี่ยนเรื่อง ถามว่า "รถไฟฟ้านี่ เค้าคิดเงินกันยังไง"
ก็เลยอธิบายเรื่องราคาให้ลุงฟัง แล้วลุงก็ถามว่าทำยังไง
ถ้าทำไม่เป็นจะมีใครช่วยไหม
"ลูกชายลุงมันอยากจะลองนั่ง แต่ลุงก็ทำไม่เป็น
ไม่เคยเห็นว่าเป็นยังไง ไม่กี่วันจะถึงวันเกิดมันแล้ว
ลุงว่าจะพามันมานั่งดูสักรอบ คงจะชอบนะหนู
ลุงเคยพามันมาดู
แต่วันนั้นไม่มีเงินจะให้นั่ง"

สมัยนั้น บีทีเอส
สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้วเกือบสามปี
น้ำเสียงตอนคุณลุงเล่า
ฟังดูมีความสุขนะคะ คุณลุงยิ้มให้เราทางกระจก
คำพูดของคุณลุง
ทำให้เราตื้อขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยิ้มตอบ

ทั้งสองเรื่องที่ลุงพูดมา
เรื่องรถแท็กซี่เก่าของลุง
เราฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้ลุงไป
เพราะเราเองก็รู้ตัวดีอยู่ว่า เป็นหนึ่งใน "เด็กๆเดี๋ยวนี้"
ที่มักจะเลี่ยงนั่งรถเก่าๆ
และมักจะยอมเสียเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงเพื่อรอรถแท็กซี่ใหม่ๆผ่านมา
เรารู้ดีว่าแม้แต่การนั่งรถของคุณลุงในครั้งนี้
มันก็เป็นแค่ความบังเอิ&shy;ญ
ถ้าฝนไม่ตก ถ้าเราไม่รีบ
เราก็คงไม่เรียกรถของคุณลุง
หลังจากนั้นเราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลที่เราสามารถเลือกใน
สิ่งที่เราต้องการได้
แต่ถ้าสิ่งที่เราเลือกทำมันมีประโยชน์กับคนอื่นด้วย
เราก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
แท็กซี่ใหม่ก็ไม่ผิดหรอกค่ะ
เพราะในจำนวนนั้นก็มีคนที่ลำบาก
หาเช้ากินค่ำเช่นกัน

<O</O
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า เรื่องของลูกชายคุณลุง
ทำให้เรากลับมามองตัวเอง
เราใช้รถไฟฟ้าไปไหนมาไหนตลอด
บางครั้งไม่มีอะไรทำก็ชอบไปนั่งเล่นด้วยซ้ำ
จะใช้ทีก็แทบจะไม่ต้องคิดเลย
แต่สำหรับลูกชายคุณลุง
มันคือ
"ของขวั&shy;ญวันเกิด"
เป็นความต้องการที่แทบจะต้องใช้คำว่า
"ความฝัน" ด้วยซ้ำ ...
เงิน "แค่" สิบห้าบาทของเรา กับ เงิน
"ตั้ง" สิบห้าบาท ของเค้า หดหู่ค่ะ

วันนั้นลงจากรถคุณลุงมาก็เล่าให้เพื่อนฟัง
คิดถึงตัวเองที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทั้งที่หาเงินเองไม่ได้
คิดถึงหลายๆอย่างในชีวิต ที่ได้มาง่ายๆ
โดยไม่ต้องดิ้นรน<O</O
<!-- / message --><!-- sig -->

 

เป็นภาพที่สะท้อนชีวิตได้เป็นอย่างดี
มีใครบ้างที่จะคิด

 

เจ้าเกิดมามีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอาแต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่าแล้วเจ้า จะเอาอะไร
เจ้าก็ไปมือเปล่า เหมือนเจ้ามา
ยศและลาภหาบไป ไม่ได้แน่
มีเพียงแต่ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตนเขายังเอา ไปเผาไฟ

โมทนาสาธุกับทุกๆท่านครับ

 

เข้ามาอ่านเรื่อยๆ

เรื่องค่าของเงินนี่พูดได้มากหลาย วันหนึ่งเรานั่งรถโดยสารไปต่างจังหวัด ก็มีคุณยายแก่ๆ อายุมากแล้วโดยสารมาด้วย พอกระเป๋ารถเดินมาพูดว่า

กระเป๋า: ยายจะลงตรงไหน?
ยาย: อ๋อ ลงในเมือง
กระเป๋า: ค่ารถสิบบาทจ้ะยาย
ยาย: อะไรกันพ่อหนุ่ม เมื่อก่อนสามบาทเอง ขอต่อเท่าราคาเดิมได้มั๊ย?
กระเป๋า: ไม่ได้หรอกยาย ตอนนี้น้ำมันแพง แล้วยายขึ้นราคานี้มานานหรือยัง?
ยาย: สิบกว่าปีแล้ว นี่ถ้ายายยังแข็งแรงอยู่นะ ยายจะไม่ขึ้นหรอก
กระเป๋า: อ้าวทำไมหล่ะยาย
ยาย: ค่ารถมันแพง เดินเอาดีกว่า แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ตกลงจะไม่ลดให้ยายรึ?
กระเป๋า: ไม่ได้หรอกยาย ถ้าผมลดให้ เถ้าแก่ก็ด่ากระเจิงนะสิ
ยาย: บ่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็ควักกะตังค์ออกมาจ่าย (ในกระเป๋ามีเงินหลายร้อยนะนั่น) ฮาาาาาา!!!!

(deejai)