พระจูฬปันถก เป็นตัวอย่างนึงครับ
เป็นตัวอย่างให้เราได้
หาคำตอบเกี่ยวกับอภิญญาที่ติดตัวมาครับ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 16 ธันวาคม 2015.
หน้า 6 ของ 23
-
บอกตรงๆ นะครับ ว่าที่โม้ไปน่ะ มันเกิดขึ้นจริงรึป่าว ก็ไม่ทราบนะ
แม้จะดูเหมือนมีเจโต รู้ใจหรือรู้ล่วงหน้าได้บ้าง บางเรื่อง บางปัจจัย
แต่เราก็ไม่ยอมฝึกตาทิพย์ แบบเห็นด้วยตาอ่ะ ไม่รู้สึกอยากเห็นเลย
ไม่รู้ทำไม แต่คงต้องมีเหตุผลแน่เลย ที่ไม่ยอมมีตาทิพย์ แบบท่านนพ
แต่เรื่องพันธมิตรทางโลกวิญญาน หรือโลกทิพย์ อันนี้ก็น่าเชื่อนะ ว่ามีจริง
จากการเฝ้าพิสูจน์มาหลายครั้งหลายหน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่ามีจริง
การร้องขอความช่วยเหลือ เราทำน้อยมากนะ ไม่ค่อยขอให้ใครช่วยอะไร
อาจเป็นเพราะโดนคำสาปอนัตตาแล้ว ความต้องการของตน จึงไม่ค่อยมี
เราใช้ชีวิตไปตามสภาพแวดล้อม ตามเหตุปัจจัยภายนอก
คล้อยตามธรรมชาติรอบตัว ยอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และปรับตัวตามไปได้ อย่างดี
ความช่วยเหลือมักจะมาแบบออโต้น่ะครับ เหมือนเค้าเตรียมการไว้ให้ล่วงหน้า ตลอดตลอด
บ่อยครั้งมาก ที่เจอเรื่องแบบบังเอิญ ที่ตรงใจ ตรงสถานการณ์ แบบที่ต้องการ
รับรู้เรื่องราวแล้ว ก็ต้องหัวเราะชอบใจ บ่อยมากเลย ขอบอก หึหึหึ
ต้องขอบคุณพวกเค้าประจำเลยอ่ะ เพราะมันบังเอิญเกินเหตุ มากเลย เนอะ
องค์ประกอบต่างๆ ที่พวกเค้าพิจารณา บางทีนะ เราก็คิดว่า
น่าจะเป็นองค์ประชุมเลยล่ะมั้ง นะ เพราะมันหลากหลายเหตุปัจจัยมากเลย
รอบด้าน ครบถ้วน ทุกแบบ มีเรื่องให้แปลกใจได้ ตลอดยี่บสี่เลย ขอบอก
เทพ เทวดา หรือวิญญานต่างๆ ไม่น่าจะมีความเชี่ยวชำนาญได้รอบด้าน
เช่นที่เราเจอ เหมือนมีมือโปรรอช่วยอยู่ ในทุกสถานการณ์เลยอ่ะ ดีเหมือนกันนะ
แต่บางทีก็กลุ้มใจนะ ว่าเค้าทุ่มเทให้เราขนาดนี้
แล้วเราต้องทำอะไร กะชีวิตที่เหลือต่อไปดีน๊า
เท่าที่ผ่านมา ก็ว่าทำให้ตั้งแยะ แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าพอใจแค่ไหนกัน
แต่ภารกิจ คงไม่ใช่การไปให้ถึง หรือใกล้เคียงสภาวะนิพพานแน่เลย ขอบอก
เหล่าพันธมิตร ตั้งแต่พรหม เทพ เทวดา ไปจนนาครา ยักษ์ อสุรกาย
เปรต ผีตายโหงแบบต่างๆ สัมภเวสี เหล่าสรรพสัตว์
แม้กระทั่งเหล่าธาตุต่างๆ ตามธรรมชาติ แผ่นดิน สายลม แสงแดด สายฝน
เหล่านี้นั้น บางทีก็รู้สึกว่าหนิดหนมคุ้นเคยกันหมดเลย แปลกใจจนเลิกแปลกใจไปนานแล้ว ๕๕๕
กระต่ายป่า แห่งหมู่บ้านในนิทาน / ค้างคาวแห่งแสง
. -
วันนี้วันพระ....
เห็นไรมั๊ย...
เขาเห็น..
เดินมาตรงป่าไผ่ข้างบ้าน.
โคตรสงสัย...
คลุมขาวมาเลย..
เหมือนคน....
หมาไม่หอน......
หมาแค่สงสัย..เลยเห่าดู..
หมาวิ่งไปโน้น...
แต่มาหยุดยืนตรงนี้....
.... -
ชอบ....
สถานที่ต่าง สภาพแวดล้อมต่างๆ
เป็นมิตรบ้าง...
ไม่ชอบบ้าง....
พาเที่ยวให้หายโศกเศร้าบ้าง...
พาไปอยู่บางจุดเมื่อพบความเจ็บปวดบ้าง...
...สนุกนะ -
เสียงอุทาน.
เวลาหนูเข้ามา
.....แป๊ว...
ขำๆฮะ -
ตอนเช้าเข้าเว็บผูใหญ่ใจดีช่วย......
ตอนบ่ายเข้ามาโดนเชือดคอแทิ้งซะงั้น
หึหึ...
เวรกรรม...เวรกรรม
จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง... -
แปลความอย่างย่นย่อและเรียบง่ายว่า
อภิญญาเป็นเรื่องของผลจากสมาธิ ทั้งอดีตและปัจจุบัน
อภิญญาของพระอรหันต์ไม่เสื่อม ของปุถุชนเสื่อมได้ไม่เที่ยง
ปัญหาคือ การเกิดของอภิญญาอาศัยสภาวะแห่งความว่างที่จิตเกิดสมาธิ อันแล้วแต่ว่าเป็นสมาธิแบบไหน ให้ผลแสดงกำลังของอภิญญาออกมา จิตปุถุชนทั้งหลาย ถูกเครื่องปรุงแต่งคืออวิชา ครอบงำ ไว้ การแสดงออกมาของอภิญญาย่อมเกิดได้ยาก หรือหากปัจจัยพร้อมก็เกิดได้
อภิญญาที่เกิดอาศัยตามอำนาจจิตที่บริสุทธิ์ต่างกันตามอำนาจของสมาธิต่างๆที่บริสุทธิ์ต่างกัน
อวิชาที่ปรุงแต่งจิตของปุถุชนย่อมมีไม่เท่ากันตาม วาสนาบารมีเดิมและปัจจุบันที่สั่งสม นอกจากนี้ อวิชาก็เกิดแต่อดีตกรรมคือวิบากกรรมที่ให้ผลในปัจจุบันร่วมด้วย
ปัญหาจึงมีหลายปัจจัยมากที่ร่วมกันให้ผลแต่ความสามารถต่อการแสดงออกของอภิญญา ซึ่งจะต้องสร้างตัวสมาธิให้เกิดก่อน เมื่อใดที่ปัจจัยพร้อมและสมาธิเกิดอภิญญาย่อมเกิดแสดงออกให้ปรากฏได้ แม้จะเคยสั่งสมของเก่าไว้มาก ถ้าไม่ได้ช่อง แห่งสมาธิ ก็อย่าหวังว่าอภิญญาจะปรากฏได้ เพราะปัจจัยไม่พร้อม ช่องทางไม่เปิดสมาธิไม่เกิด จิตไม่มีกำลังหนุนส่ง
อภิญญามันจะปรากฏหรือไม่ ไม่สำคัญ
สติปัญญาแจ้งโลกต่างหากที่สำคัญและควรทำให้ปรากกฏแสดงออกมาเพื่อคำ้จุนตนเองค้ำจุนโลก เมื่อได้สติปัญญาแจ้งโลกแล้ว อภิญญามันก็เกิดตามมาอันเป็นเรื่องขี้ผง เป็นเพียงกะพี้เปลือกมิใช่แก่น นั่นเองครับ สาธุ -
-
choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี
..อยากจะได้จริงๆ มันก้อต้องพยายามเพียรขยัน แต่ก่อนที่จะเพียรขยัน มันก้อต้องปลูกความชอบความพอใจศรัทธาที่จะอยากได้อยากทำ เรามีความชอบความพอใจที่จะอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่มันยิ่งขึ้นไปอีก (อภิญญา) อยากเห็นจริงๆเทวดาสวรรค์นรกมีจริงไหม? อยากรู้จิตใจมนุษย์อนาคตของแต่ละคนรวมทั้งตัวเราจะเป็นไงหนอ? ทำบุญให้ทานความดีอะไรก้ออธิฐานลงไปขอให้ข้าพเจ้าจงสำเร็จดังใจปรารถนา ทำไปเรื่อยๆอธิฐานลงไปบ่อยๆ ปลูกความพอใจศรัทธาในอภิญญาลงในใจ เมื่อมันชอบพอใจความเพียรความขยันก้อจะตามมา..
พูดง่ายๆปลูกความชอบพอใจอภิญญาลงไปในใจก่อน แล้วเราก้อไปต่อด้วยความเพียรกระทำ
เดี๋ยวมันก้อจะเป็น"อิทธิบาทสี่"โดยอัตโนมัติเป็นลำดับ มันสำคัญที่ใจเป็นหลัก แล้วก้ออธิฐานขอให้พ้นจากทุกข์ติดเอาไว้ด้วย
"อุปมาดั่งบุรุษหลงรักในหญิงสาว บุรุษนั้นก้อจักเพียรจิตคิดหาวิธีเอาชนะใจนางให้ได้" -
สัมมาทิฏฐิได้อยู่นะฮะ เพราะยังอยู่ขอบเขตของพุทธะ -
รู้ว่ามัน. เกิด ดับ. ไงฮับ. หนาสันติ 00000
รู้อุบายนำออก. คือ เสพให้มากๆ. เพื้อประจักษ์ เวทนาพอใจ. ไม่พอใจ อทุกขมสุข มันเกิดดับ. ไงฮับ. หนาสันติ 00000
ไม่เกียวอะไร กางแล้วกาง. ใสแล้วใส. สำเร้จด้วยหยุด ฮาเฮ้ว. เอ้า เฮ้วๆ. เฮียอะไร -
มีแต่เสพให้มากๆ. จนเกิดสติ เหนเกิดดับ. ด้วยสามารถตามจริง
ไม่ใช่คิดเอา
คนจานลายเดินอ้อมโลก คนฉลาดเดินจงกรมได้ ก้เหนือมนุษย์แล้ว
คนฉลาดไม่หายใจทิ้ง. ก่อสงครามพระทุกลมหายใจ
หายไปลมหายใตเดียว ยางจานลายลายามอยุ่แน่นอน -
เเต่มีเจตจำนงจะเลือกไปทางตรง หรือทางอ้อมก็เป็นสิทธิ์ของเขา
เพราะเขาได้สะสมมาทางนั้นๆ อภิญญาก็ดี
วิปัสสนา ปัญญา
ก็ดี กสิณก็ดีหรือมโนมยิทธิก็ตาม ถ้าปลายทางไปรวมลงที่การรู้แจ้ง
ในทุกข์ทั้งปวงได้ ก็น่าโมทนามากกว่า
เราจะไปเดือดร้อนในกรรมของท่านทำไม ในเมื่อการประพฤตินั้นๆ ยังเป็นกุศลกรรมอยู่ -
อย่าไป. ตั้งสูตรสำเร็จ. อย่าง ลาโง่ จิฮับ
จิตดวงไหน. จะ. แสดงออกมาถึง. ธรรมฉันทะ. ใด
มันจะเปนเรื่องของจิต จะผลิกของมันไป. ระหว่างที่ เราทำสติปัฏฐาน
สติปัฏฐาน มันจะเปน กิจที่สมควรแก่ธรรม ชำระกิเลส
เวลาที่ มโนวิญาณธาตุ ถุกชำระกิเลส. อาสวะมันจะแสดงตัวออกมา
อาสวะใดทนต่อการพิสุจน์ไม่ได้ เราจะเหนว่า. ญาณทัสนะนั้น เปนธรรมลวง
สาสวะใดทนต่อการพิสุจน์ได้ เราจะเหนว่า. ญานทัสนะนั้น เปนธรรมอัน
เราใช้อาสัยระลึก. เหนความเกิดดับ. ได้ตามความเปนจริง
มีประโยชน์ในเบื้องต้นคือ. ทำกิเลสตนให้จางคลาย รุ้ว่าพ้น
มีประโยชน์ในท่ามกลาง. รุ้ว่าพ้นแล้ว
มีประโยชน์ในบั้นปลาย. รุ้ว่ากิจอื่นเพื่อการเปนอย่างนี้ ไม่มีอีก
รุ้รอบโลก. คือ. รุ้เกิด. รุ้ดับ
ภาวนาตั้งธง. อ้างสุตรสำเร้จ. นั่น คิดนึกเอาลอยๆว่าปฏิบัติ
แท้จริง ไม่เคย ก่อสงครามพระ. ไม่เคยล้างกิเลส
แต่เปนกิเลสหนา เพราะอุปทานในชุดความคิด ที่ งับเอาไว้ -
ใครเคย นอนหลับแล้วฝันว่าเหาะได้มั่ง
เป็นอาการบ่งบอกว่า เคยทำฌานสมาบัติมีอภิญญามาแต่ปางก่อน
วิธีจะปลุกสิ่งที่เคยทำมาแต่ปางก่อนก็ไม่ยาก
ทำสติปัฐฐาน ๔ ให้ได้ให้เป็น ให้คล่อง มันจะเชื่อมกันไปเองโดยอัตโนมัติ
จะค่อยๆรู้ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องที่ทดสอบด้วยตัวเองได้
เหมือนๆจะรู้สึกว่า เคยทำมาและจะรู้วิธีทำด้วยตัวเองด้วย
เพียงแต่ในระว่างทาง จะแว๊ปไปฝึกต่อหรือเปล่า
หรือจะเอาทีเดียวตอนบรรลุธรรม จะได้อภิญญาเป็นลาภี
ดั่งพระอรหันต์ ในสมัยพุทธกาล มีพระจูฬปันถกเป็นต้น -
และ พอ ภาวนาเปน
คนที่ภาวนาเปน คือ มีอภิญญา เพื่ออาสัยระลึก ความเกิดดับ
มีอภิญญา. เพื่อ. เปนอุบาย. อบรมจิต
คนจานลายเท่านั้น. ที่จะอ้างว่า. Kuมีอภิญญา. Kuเปนนั่น เปนนี่
มันจะฟ้องทันทีว่า. ยังปฏิบัติยกเปน อุบายอบรมจิต. ไม่เปน
ไม่เคยละกิเลส อุปกิเลสใด
มีแต่ความจานลาย. มารยาสาไถย. หลอกลวง. เท่านั้น
แต่ถ้าอบรมเปน. ก้จะสอนให้สหธรรมิก. ทำได้อย่างตน คือ ทำพอเพียงเปนอุบาย
อบรมเหนความเกิด ความดับ -
อีกอย่างนึง
หลวงปู่หล้า เขมะปัตโต
ท่านบอกว่า
" ผู้ที่จะมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ล้วนเป็นผู้มีบารมีมามากแล้วทั้งนั้น "
อย่าสนเท่ห์เลย
มุ่งทางมรรคผล อภิญญาจะมาหา 1ในอภิญญา6 ก็ อาสวะขยญาณ มีแน่นอน -
แปลกแต่จริง
พระพุทธองค์ตรัสบอกว่า. อานาปานสติ เปนกรรมฐานที่จะทำให้สติปัฏฐานเต็มไวที่สุด
อภิญญาใดที่มีในโลก. สงฆ์สาวกก้กล่าวเปนเสียงเดียวว่า อานาปานสติครอบคลุม
ทุกกรรมฐาน
ได้ยินแม้นอย่างนี้แล้ว. กิเลส. มันกระซิบว่า. ไม่จริงหลอก
อย่าไปรีบยกวิปัสสนา. สติปัฏฐาน. ให้หายใจทิ้งไปซะ
นักภาวนาก้ไปเชื่อกิเลส. ไม่กำหนดรุ้ ลมหายใจเข้า. ลมหายใจออก
ไม่ก่อสงครามพระ. ทุกลมหายใจ
ปล. น้องๆหนูๆ อย่า. งง นะฮับ. โพสนี้ ไม่ใชชุดความคิด สุตรสำเร้จ
เพราะ นัยยะ ที่จิต จะแสดงธรรมฉันทะ. เพื่อความรู้ยิ่ง หรืออภิญญา
จะแสดงออกมาให้ยก. ภาวนาจนชำนาญ. ระหว่างที่มีสติ ระลึกรุ้
ลมเข้า. ลมออก -
กินยาบ้างเฮีย ระวังนกหวีดติดคอ ปี๊ดๆ อยู่ได้คนเดียว
-
ไม่แปลกที่บุคคลแต่ละบุคคล
ที่มีความแตกต่างกันในทางบุญ
บารมี และสติปัญญาที่สร้างสมมา
กับที่มาบำเพ็ญกันใหม่ที่มีมากบ้างน้อย
บ้าง...เหล่านี้เป็นต้นทุนเฉพาะตน ของแต่ละ
บุคคล
ดังนั้น ก็นับว่าเป็นโชคอันมหาศาล ที่ยีงมีโอกาส
ค้นคว้าประพฤติปฏิบัติกิจ ที่อยู่ในขอบข่ายของ
พุทธะ ตามกำลังปัญญาและต้นทุนของตนๆ
หน้าที่การตำหนิติเตียน ว่าใครทำอะไรผิดถูก
โดยไม่เอาต้นทุนของแต่ละบุคคล
มาพิจารณาประกอบ จะเป็นสิ่งที่ชอบ
หรือมิชอบ อย่างไรผู้มีปัญญาสนใจธรรมะ
ก็ตัดสินได้ไม่ยากฮะ
หน้า 6 ของ 23