หินธิเบต::สวัสดิกะ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย น า ทู รี, 9 ธันวาคม 2011.

  1. น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    Swastika Sign dZi



    www.siamganesh.com/sawastika.html



    เครื่องหมายสวัสดิกะนี้ เป็นเครื่องหมายอันเป็นมงคลสูงยิ่ง ที่น้อยคนนักจะรู้จัก เป็นส่วนหนึ่งในเทพปกรณัมที่ควรศึกษา และถูกบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ มาอย่างยาวนาน



    สวัสดิกะ หรือ สวัสติกะ คือ เครื่องหมายแห่งพลวัตร การเคลื่อนไหว ความไม่หยุดนิ่ง ความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เป็นเครื่องหมายแห่งการหล่อเลี้ยงสรรพชีวิต



    เครื่องหมายสวัสดิกะ ได้ปรากฏในงานศิลปะมาหลายยุคสมัย โดยเฉพาะในสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาฮินดู ศาสนาเชน แม้แต่ศาสนาพุทธ



    หลายๆประเทศในแถบเอเชีย กรีก ยุโรป และอเมริกันพื้นเมือง จะใช้เครื่องหมายสวัสดิกะเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสาร โดยเฉพาะการใช้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาและเทพเจ้า



    ในภาพเขียนพระพิฆเนศ ของอินเดียส่วนใหญ่ จะมีเครื่องหมายสวัสดิกะ วาดไว้ให้อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพเขียนนั้นๆ เช่น กลางหน้าผาก บริเวณงวง ฝ่าพระหัตถ์



    หรือปรากฏในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่บนพระวรกายของพระพิฆเณศ เช่น บนหนังสือ ฝาผนัง ที่ประทับนั่ง ฯ เมื่อชาวฮินดูพบเห็นสัญลักษณ์สวัสติกะนี้ ก็จะให้ความเคารพ เฉกเช่นเดียวกับ เครื่องหมายโอม







    ความหมายของสวัสดิกะในแรกเริ่มนั้น จะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีงาม ความอุดมสมบูรณ์ เป็นเครื่องหมายแทนตัวของเทพเจ้า แต่ภายหลังก็ถูกเปลี่ยนแนวคิดไปโดยสิ้นเชิง



    เมื่อมันกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของพรรคนาซีในเยอรมนี ที่ก่อตั้งโดยฮิตเลอร์ ทำให้คนทั่วไปมองว่าเครื่องหมายนี้เป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการ และนำไปสู่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับความหมายของสวัสดิกะ ในประเทศอื่นๆ อีกด้วย


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width=850><TBODY><TR><TD class=middledetails vAlign=middle width="41%" align=left>ความแตกต่างของเครื่องหมายพรรคนาซี และเครื่องหมายพระพิฆเนศ

    เครื่องหมายสวัสติกะของพรรคนาซี จะเอียง 45 องศา และไม่มีจุด



    ส่วนเครื่องหมายสวัสติกะของพระพิฆเนศ จะตั้งตรง ไม่เอียง และมีจุด 4 จุดอยู่ระหว่างแขนทั้ง 4
    สำหรับแขนที่หักออกนั้น จะหักไปทางซ้ายหรือขวา ก็แล้วแต่จิตรกรจะวาดขึ้น โดยส่วนใหญ่จะมีแขนหักชี้ไปทางขวา (ชี้ไปตามเข็มนาฬิกา)

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=5 width=850><TBODY><TR><TD class=middledetails vAlign=middle width="62%" align=left>สัญลักษณ์สวัสติกะ ถือเป็นเครื่องหมายที่เก่าแก่ที่สุดอย่างหนึ่งของโลก มีมาไม่ต่ำกว่า 5 พันปี บางตำราจะให้ความหมายว่า 4 แฉกของสัญลักษณ์สวัสดิกะนั้นหมายถึงพระกรทั้ง 4 ของพระพิฆเนศ หรือหมายถึงคัมภีร์พระเวททั้ง 4 เล่ม ส่วนในตำราของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานก็ว่า 4 แฉกของสวัสดิกะนั้น หมายถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งนิยมใช้คู่กับเครื่องหมาย หยิน-หยาง ตลอดจนการเป็นตัวแทนของธรรมจักร




    และอีกมากมายหลายตำรา ที่กล่าวถึงสวัสดิกะ ในแง่ของเครื่องหมายอันเป็นมงคล
    เครื่องหมายสวัสติกะ สามารถนำมาใช้แก้ฮวงจุ้ยได้ โดยการแขวนหรือประดับไว้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของที่พักอาศัย เช่น ประตู ผนัง โต๊ะทำงาน ฯ เพราะโบราณเชื่อว่า จะช่วยสลายพลังร้าย และทำให้ธาตุต่างๆในบ้านเรือนเกิดการหมุนเวียนอย่างสมดุล นำมาซึ่งความสวัสดิมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย



    ฉะนั้น การประดับเครื่องหมายสวัสติกะไว้ในบ้านเรือน หรือบริษัทห้างร้าน ควบคู่กับเครื่องหมายโอมอันศักดิ์สิทธิ์ ย่อมจะนำมาซึ่งความโชคดี ความสำเร็จและชัยชนะต่อศัตรู


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    www.mysteriousclub.com/forum.php?mod=viewthread&tid=151

    หินธิเบต ดี.ซี.ไอ. ความเชื่อกับหลักวิทยาศาสตร์




    หินธิเบต ดี.ซี.ไอ. มีความเชื่อมาเป็นนับพันๆ ปี จากสัญลักษณ์ หรืออาจสามารถเรียกว่า "มนตรา" ที่ถูกสลักลงบนเนื้อหิน และความเชื่อนั้นยังคงสืบทอดมาจนปัจจุบัน แต่ความเชื่ออย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ชาวโลกยอมรับว่าหินธิเบต ดี.ซี.ไอ. ดีอย่างไร

    ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้นำหินธิเบต ดี.ซี.ไอ. กลับไปทำการวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่น และพบว่า หินชนิดนี้มาจากใต้เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์พบว่าในเนื้อหิน ประกอบด้วยแร่ธาตุจากดาวอังคารประมาณ 14 ชนิด ซึ่งเป็นผลมาจากสะเก็ดดาวจากดาวอังคาร ได้ตกลงมาบริเวณเทือกเขาหิมาลัยประมาณ 5,000 ปีที่แล้ว



    ทำให้หินชนิดนี้มีค่าความเป็นแม่เหล็กสูงถึง 13 วัตต์ ในขณะที่หินคริสตรัลนั้นมีเพียง 4 วัตต์เท่านั้น ซึ่งปริมาณแม่เหล็กในหินนี้มีปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ผู้สวมใส่มีระบบหมุนเวียนโลหิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น

    หินธิเบตดี.ซี.ไอ. ทำไมจึงเป็นหินเพื่อสุขภาพท่านเชื่อหรือไม่ว่าแม่เหล็กมีผลต่อร่างกายของคนเรา




    ในทางวิทยาศาสตร์มีวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “คนเรามีคุณสมบัติคล้ายแม่เหล็ก และรอบตัวคนเราก็มีสนามแม่เหล็กด้วย" ซึ่งจากผลวิจัยอันนี้ได้นำไปสู่การบำบัดด้วยแม่เหล็ก กับการใช้ฝ่ามือรักษาโรคของนักพลังบำบัดต่างๆ

    ความนิยมเรื่องแม่เหล็ก และธุรกิจแม่เหล็กขยายตัวอย่างรวดเร็ว และมีการผลิตสินค้าเกี่ยวกับแม่เหล็กเพื่อรักษาโรคต่างๆ ในปี ค.ศ. 1920




    ดร. ซี. เจ. แทชเชอร์ บริษัทชิคาโกแมกเนตของเขามีผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เสื้อผ้าที่เย็บแม่เหล็กเอาไว้ในตำแหน่งต่างๆ ไปจนถึงแท่งแม่เหล็กที่ใส่ไว้ในพื้นรองเท้า แทชเชอร์กล่าวว่า

    "พลังชีวิตมาจากสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่ส่องมายังพื้นโลก และมันถูกเหนี่ยวนำมาสู่ตัวเราด้วยเหล็กที่มีอยู่มากในกระแสเลือด"



    เรื่องนี้ถ้าจะหาเหตุอธิบายให้เข้าข้างกันสักหน่อยก็อาจต้องนึกถึงสารฮีโมโกลบินซึ่งมีเหล็กอยู่ด้วย ว่าอาจเป็นตัวตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กโลกหรือ?

    เป็นที่รู้กันว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรวมทั้งคนเราที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ต่างได้รับพลังงานชีวิตอยู่ตลอดเวลาจาก พลังชีวิตของโลก พลังนี้ก็คือสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง มันเป็นสนามพลังอ่อนๆที่เราได้รับอยู่ตลอดเวลา ในชีวิตจริง แม่เหล็กไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเราสารพัดแบบ



    เพราะอันที่จริงแล้ว ตัวเราล้วนจมอยู่ในห้วงมหาสมุทรของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และที่มนุษย์เราประดิษฐ์ขึ้น ที่มีอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้วก็คือ สนามแม่เหล็กโลก สนามแม่เหล็กจากดวงอาทิตย์

    นักดาราศาสตร์ชื่อ เมสเมอร์ เขาบอกว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกของเรามีคลื่นแม่เหล็กบางๆส่งทอดถึงกัน และสนามพลังดังกล่าวนี้เอง ส่งผลต่อระบบประสาทและพลังชีวิตในตัวของคนเรา



    ในโลกเรานี้ก็เช่นกัน เมื่อสมัยที่ยังมีภูเขาไฟระเบิดกันอยู่นั้น เป็นที่ทราบในภายหลังว่า ลาวาที่หลอมเหลวในภูเขาไฟได้หลอมเหลวแร่ธาตุต่างๆ ใต้พื้นดินซึ่งมีส่วนผสมของแร่เหล็ก เมื่อภูเขาไฟระเบิด ลาวาได้พุ่งออกมาและถูกทับถมเป็นหินอยู่บริเวณรอบภูเขานั้นๆ เป็นเวลานาน ทำให้หินบริเวณนั้นมีแร่เหล็ก และคลื่นแม่เหล็กบางๆ อยู่



    ทำไมใส่หินธิเบตถึงมีผลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย

    หินที่มีคลื่นแม่เหล็กในตัวเองจำพวกนี้ จะเป็นเหมือนตัวนำของสนามแม่เหล็กโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์

    หินธิเบตซึ่งมาจากเทือกเขาหิมาลัย ก็เป็นหินที่มีปริมาณเหล็กในตัวเองมาก ดังนั้นเมื่อผู้สวมใส่หินธิเบตแล้ว ร่างกายจะได้รับคลื่นแม่เหล็กจากในตัวหินที่ใส่ และสนามแม่เหล็กจากธรรมชาติที่ผ่านมาทางหินธิเบต ซึ่งเป็นตัวนำนี่เอง



    เมื่อใส่หินธิเบต แล้วในช่วงแรก อาจมีการเวียนศรีษะบ้าง เนื่องจากพลังของแม่เหล็กได้ทำปฎิกิริยากับสารฮีโมโกลบินในเลื่อดเรานั่นเอง แต่หลังจากร่างกายได้ปรับสภาพสมดุลแล้ว จะทำให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น อันเป็นผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

     
  2. Indesol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2011
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +30
    :cool::cool::cool: :cool: (rose)
     
  3. น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TDUdT5z_CBU&feature=related]Magical Healing Mantra: Om Mani Padme Hum - YouTube[/ame]
     
  4. วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    ขอบคุณสาระที่ดี รวบรวมมาได้เยอะเลย
    ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ที่เว็บพลังใจครับ
    ธรรมจักร(สวัสดิกะ)
     
  5. น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    ดีใจจ้ะที่มีประโยชน์
     
  6. AFIKLIFI๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    869
    ค่าพลัง:
    +78
    สังเกตุดีๆ มันจะมีบางภาพที่
    เครือ่งหมายหันไปคนละทิศ
    กับเครื่องหมายที่ควรจะเป็น
    หรือว่าทางไหนก็ได้แต่สำคัญ
    ที่มีจุดหรือไม่มีจุดเท่านั้น
     
  7. maaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +136
    โอ้ละหนอ....จะหาหินนี้ได้จากที่ใดในเมืองไทยได้บ้างคะ
     
  8. น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    ที่ไทยมีจ้ะ บางส่วน เป็นหินใหม่จากจีนหรือไต้หวัน ทำจากโรงงาน ไม่ใช่แฮนด์ เมด ไม่ได้ทำพิธีจ้ะ บางส่วนก็นำมาจากธิเบตจริง ก็มีทั้งเก่า ทั้งใหม่ ทั้งผ่านพิธี ไม่ผ่านพิธี เก่าเป็นพันปีจากลามะเดี๋ยวนี้หายาก แต่เก่าหลักร้อยปีก็คงมี

    ถ้าศรัทธาลองอธิษฐานว่า ถ้ามีบุญสัมพันธ์ขอให้ได้เจอที่ดีไม่หลอกลวงดูจ้ะ

























     

แชร์หน้านี้