เรื่องเด่น ห้องประสบการณ์หลวงพ่อเกษม เขมโก สามารถเข้ามาคุยกันได้ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เศรษฐาพล, 27 สิงหาคม 2010.

  1. dinso

    dinso เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,863
    ค่าพลัง:
    +9,562
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระองค์นี้เปนไงบ้างครับ
     
  2. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    สวยงามครับพี่ ดีครับเต็มกรอบพอดีเลย
    รวมพุทธคุณหลวงพ่อเกษมเป็นหนึ่งเดียว

    ชอบ ชอบ ครับ ^^ :cool:
     
  3. motana2008

    motana2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    4,929
    ค่าพลัง:
    +10,336
    สุดยอดครับ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
    เป็นพระองค์แรกที่ผมมีเป็นแบบห้าเหลี่ยม ยิ่งเป็นหลวงปู่เกษมเลยยิ่งชอบ และศัทธายิ่งครับพี่ตี๋ :cool:
    เสียดายตอนบูชามาไม่มีริบบิ้นธงชาติ แต่ยังเชื่อให้หลวงปู่เกษมเกินร้อยครับ _/\_

    ^_^
     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    กราบหลวงปู่เกษมครับ...
    สังฆะรูปัง วันทามิหัง สังฆังนะมามิ.
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  5. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    ขอบพระคุณอย่างสูงครับ...อนุโมทนาบุญครับ.
     
  6. Jintamuttha

    Jintamuttha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,956
    วันนี้ได้รับพระหลวงพ่อทวด เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณมากครับพี่ gentoo และขออนุโมทนากับผู้จัดสร้างด้วยครับ ^^
     
  7. gentoo

    gentoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,161
    เหรียญหลวงพ่อเกษมยืน รุ่นกตัญญู วัดนางเหลียว
    [FONT=&quot]พระชุดหลวง พ่อเกษม รุ่นกตัญญู หลวงพ่อพ่อเกษมปลุกเสกพระเครื่องเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันวิสาขบูชา (๑๙ พ.ค.๓๒) พิธีเดียวกับ รุ่น มหากุศล อย. วิสาขบูชา ปี ๓๒ พระชุดนี้สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษและครูบาอาจารย์ ของเจ้าประเวทย์ ณ.ลำปาง

    ที่มาของการสร้าง[FONT=&quot]กล่าวคือ เจ้าหนานน้อย ณ.ลำปางเป็นบิดาของเจ้าประเวทย์ ณ.ลำปาง ผู้มีใจใฝ่ทางธรรม บวชเรียนอยู่ที่วัดนางเหลียว จ.ลำปาง จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาส ภายหลังลาสิกขาบทเป็นฆราวาสก็อุปถัมภ์ค้ำจุนวัดนางเหลียวมาโดยตลอด อีกทั้งยังนำคณะศรัทธาปฎิบัติธรรมกรรมฐานอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งเจ้าหนานน้อยเสียชีวิตลงขณะนั่งฟังธรรมเทศนาจากพระสงฆ์บนศาลาวัด นางเหลียว[/FONT]
    [/FONT]


    [FONT=&quot]และเพื่อแสดงออกถึง[/FONT][FONT=&quot]ความกตัญญู รำลึกถึงพระคุณเจ้าหนานน้อยและเจ้าแม่จี๋ที่ได้สร้างวัดนางเหลียว เจ้าประเวทย์ ณ.ลำปาง จึงได้จัดสร้าง เหรียญ[/FONT][FONT=&quot],ผง,องค์ ลอย รุ่นกตัญญู นำไปท่านหลวงพ่อเกษมปลุกเสกพระเครื่องเป็น รุ่นสุดท้าย เพื่อหาทุนสร้างกุฎิและหอระฆังวัดนางเหลียว และนำรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนมูลนิธิหลวงพ่อเกษม เขมโก และมอบให้สำนักงานการประถมศึกษา จ.ลำปาง อีกจำนวนหนึ่งเป็นทุนช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน

    [​IMG]
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. apichet40

    apichet40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    815
    ค่าพลัง:
    +5,758
    ว๊าวๆ อย่างนี้ เหรียญรุ่นนี้ หลวงปู่ดู่ ก็เดินญาณมาร่วมเสกด้วยใช่ไหมครับ

     
  9. kraisorn_pithsanulok

    kraisorn_pithsanulok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +3,133
    กราบหลวงพ่อเกษม

    สวัสดีครับทุกท่าน สืบเนื่องจากเมื่อาน(วันหวยออก)ได้มีโอกาสไปหาซื้อหวยผมพยายามหาเลขรหัสพัสดุที่พี่ป๋องได้ส่งหลวงพ่อเกษมมาให้ผม หายไม่ได้เลยเมื่อวาน กะว่าจะกะว่าจะซื้อเลข 242 หาทั่วตลาดเลย ไม่มี เลยซื้อเลข 70 แทน เป็นที่น่าเสียดาย ไม่เป็นไรครับงวดหน้าอาจจะมีโชค
    [​IMG]
     
  10. kpn

    kpn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +1,510
    วันนี้ได้รับพระหลวงปู่ทวดเรียบร้อยแล้วครับองค์พระสมบูรณ์ทุกประการ ขอบพระคุณมากครับ
     
  11. kraisorn_pithsanulok

    kraisorn_pithsanulok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +3,133
    สมัยเมื่อยังแข็งแรงอยู่ท่านได้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติต่อสู้กับการทรมาน
    ตนเองอย่างแสนสาหัส แม้แต่ตอนไปอยู่ที่ป่าช้าสุสานไตรลักษณ์ใหม่ ๆ มีอยู่วันหนึ่งท่านเป็นไข้หวัดมาลาเรียขึ้นสูงมาก ขนาดนั่งทรงกายยังไม่ได้ฟุบกายลงกับพื้นดินจนบรรดามดขึ้นตามเนื้อ ตามตัวเต็มไปหมด ในคืนวันนั้นบังเอิญหมออี๋ บิดาของ ผศ.รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ซึ่งตั้งร้านขายยาจีนอยู่ในตลาดลำปางและเป็นนายกสมาคมสุสาน ได้มีธุระเข้าไปในป่าช้าสุสานไตรลักษณ์ ได้พบท่านนอนซมอยู่บนพื้นดิน จึงเข้าไปจัดแจงอุ้มร่างของท่านไปไว้บนศาลา จัดแจงปัดมดออกจนหมดแล้วรีบกลับบ้านมาต้มยาจีนไปถวายท่านดื่มโดยวิธีการกรอกเข้าทางปาก เพราะขณะนั้นท่านไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านก็ไม่เคยเจ็บไข้อีกเลย หลวงพ่อได้บำเพ็ญเพียร ท่ามกลางสายฝน สายลม และแสงแดด โดยไม่สะทกสะท้านและไม่หวั่นไหว เป็นเวลานานแล้ว ถึงขั้นนั่งบำเพ็ญภาวนาจนเนื้อหนังมังสาตกสะเก็ดลอกออกเป็นแผ่น ๆ ๑๙ ก็ไม่เป็นอะไร เพราะท่าน ฝึกฝนตนเองด้วยธุดงควัตรอย่างเคร่งครัดถึงขั้นแยกกายและจิตออกจากกันได้นั่นเอง เมื่อกล่าวถึง ความอดทนอันเนื่องมาจากการปฏิบัติธุดงควัตรอย่างเคร่งครัดของท่าน จะเห็นได้จากการที่หลวงพ่ออาพาธด้วยโรคกระดูกสันหลังผุ ไม่สามารถจะลุกไปไหนได้ เรื่องนี้ได้ล่วงรู้ไปถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ให้หมอรับมารักษาที่โรงพยาบาลลำปาง ในหลวงทรงห่วงใย และทรงโปรดพระราชทานหมอที่เชี่ยวชาญด้านกระดูกมาทำการรักษา กล่าวกันว่า ตอนที่หมอจะทำการผ่าตัดเอากระดูกผุออกและใส่พลาสติกแทน ในขณะที่นำท่านเข้าห้องผ่าตัด ท่านได้ถามหมอว่าจะใช้เวลาผ่าตัดกี่ชั่วโมง หมอบอกว่าหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ท่านบอกว่าไม่ต้องวางยาสลบ หมอบอกว่าไม่ได้ เพราะตอนผ่าตัดจะเจ็บปวดมากกลัวจะทนไม่ไหว ท่านบอกไม่ต้อง ถ้าจะผ่าตัดเมื่อไรบอกด้วย เมื่อหมอทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้วได้บอกท่านว่า หมอเตรียมพร้อมจะทำการผ่าตัดแล้ว ท่านก็บอกลงมือได้ จากนั้นท่านก็นอนนิ่งไม่ไหวติงคล้ายคนไข้ถูกวางยาสลบ เมื่อหมอทำการผ่าตัดเย็บบาดแผลเสร็จเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ท่านก็ฟื้นขึ้นมาตรงเวลา ไม่แสดงอาการเจ็บปวดหรือมี
    อาการเพ้อแบบคนไข้ทั่วไป พอท่านลืมตาขึ้นมาก็เรียกหมอให้เข้าไปพบพร้อมกับเป่าหัว
    ให้ทุกคน ยังความอัศจรรย์ใจแก่หมอทั้งหลายยิ่งนัก นับว่าเป็นคนไข้รายแรกก็ว่าได้ที่มีสมาธิจิตเข้มแข็งยิ่ง ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจะกล่าวกันในด้านธรรมะ หลวงพ่อเกษมสามารถแยกกายกับจิตได้ ในขณะผ่าตัดท่านถอดกายทิพย์ออก ก็คงไว้ซึ่งร่างกายที่ไร้วิญญาณ ใครจะทำอย่างไรก็ไม่มีอาการเจ็บปวดนั่นเอง

    ---------------------------------------
    พอดีอ่านเกือบจะจบแล้ว เมื่อเช้าอินเตอร์ที่ทำงานใช่งานไม่ได้ ขอบคุณครับพี่ป๋องสำหรับหนังสือบทความกรณีศึกษาของหลวงพ่อเกษมอ่านแล้วก็ได้ประโยชน์อย่างมากบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เคยได้รู้เกี่ยวกับหลวงพ่อ และหลักธรรมต่างๆ ก็ได้รู้อย่างข้อความข้างดังกล่าวเป็นต้น ขอบคุณครับ วันนี้อ่านย้อนหลังถึงหน้า204 แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,049
    ค่าพลัง:
    +53,093

    หลวงพ่อเกษมท่าน บรรลุแล้ว จะเรียกได้ว่า ถึงแล้วซึ่ง อรหันต์ ก็คงไม่ผิด

    ผิด-ถูก ขออภัยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  13. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    ได้รับแล้วครับพี่ป๋อง ขอบคุณมากครับ
     
  14. gentoo

    gentoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,161
    มาอ่านข้อเขียนของ คุณคำมูล เจริญหล้า เรื่อง ตนบุญแห่งเมืองลำปาง ศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่เกษม ที่ได้บันทึกเอาไว้ในหนังสืออนุสรณ์ ครบรอบ ๘๐ ปี ของหลวงปู่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ กันต่อเลยครับ คุณคำมูลได้บันทึกต่อไปว่า

    นึกถึงเมื่อคราวไปใกล้ชิดหลวงพ่อเกษม เขมโก สมัยนั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจะจดจำ และติดตาตรึงใจ ดังเช่น  ลุงขี้เมาคนหนึ่ง ที่ประตูม้า (ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง) แกมีนาทำอยู่ที่ใกล้ ๆ บ้านหม้อ (ต.ทุ่งฝาย อ.เมือง จ.ลำปาง) ทุกเย็นแกจะเมาสะเงาะสะแงะไปแวะที่หลวงพ่อเกษม เขมโก เสียก่อนที่จะไปนอนห้างนากลางทุ่ง หลวงพ่อท่านก็บอกพวกเราซึ่งอยู่ในที่นั้น กล่าวคำ “สวัสดี” แก่ลุงขี้เมาคนนั้น ท่านว่า “เอ้า สวัสดีเจ้าทุ่งเสีย” ซึ่งพวกเราก็ปฏิบัติตามคำสั่งหลวงพ่อ ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้นมีคนมาบอกว่า คุณลุงขี้เมาคนนั้นแกถูกยิงตายคาห้างนาเป็น “เจ้าทุ่ง” ไปเสียแล้ว

                    พอจะสันนิษฐานได้กระมังว่า หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านรู้ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นแก่ลุงขี้เมา ดังในเรื่องอุทุมพริกสูตร ของหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
                    อีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์บุญโสม  (พระครูโสภณปัญญาคุณ) เจ้าอาวาสวัดหัวข่าว จังหวัดลำปาง ท่านก่อสร้างกุฏิ และได้จัดสร้างพระพิมพ์รูปพระพุทธด้วยดินผสมขี้ธูป และดอกไม้แห้งหน้าพระประธาน เพื่อตอบแทนแก่พุทธศาสนิกชนที่นำเงินมาช่วยเหลือวัด (ชื่อ พระสิงห์เกสร เนื้อว่าน ทำจากเกสร ๑๐๘)
                    ท่านอาจารย์บุญโฮม ได้ถวายพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นให้กับ หลวงพ่อเกษม เขมโก ช่วยปลุกเสก ส่วนหนึ่งก็ถวายท่านเพื่อแจกจ่ายแก่ศรัทธาญาติโยม ซึ่งเป็นไปอย่างเงียบ ๆ ไม่เอิกเกริกนัก ผมกับ คุณเกษม โรจนศักดิ์ (อดีตรองผู้อำนวยการการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แม่เมาะ ลำปาง) และ คุณบุญทวงศ์ ณ ลำปาง (อดีตเทศมนตรีเมืองลำปาง และนักหนังสือพิมพ์อาวุโส) นั่งดื่มกาแฟกันที่ตลาดในเมือง ปรารภกันว่า หลวงพ่อเกษม เขมโก กำลังแจกพระ เราไปขอกันไหม ตกลงกันแล้วเราทั้งสามคนก็ไปหาหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า
                    ปรากฏว่า หลวงพ่อกำลังซุ่มอยู่ในห้อง พวกเราจึงกราบลงที่นอก “ตูบ” (ศาลาที่หลวงพ่ออยู่) พอกราบเสร็จเงยหน้าขึ้น ก็พบกับมือหลวงพ่อยื่นออกมาจาก “ตูบ” ผมเอามือไปรับ ปรากฏว่า เป็นพระพิมพ์รวม ๓ องค์ คุณเกษม และคุณบุญทวงศ์มองหน้ากันตาปริบ ๆ พูดไม่ออก บอกไม่ถูกว่า หลวงพ่อท่านรู้ได้อย่างไรว่า พวกเราจะมาขอพระพิมพ์ ก็เป็นเรื่องของอุทุมพริกสูตร ที่จะให้ความเข้าใจแก่ท่านอีกน่ะแหละ
     
  15. gentoo

    gentoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,161
                    ที่อำเภองาว จ.ลำปาง มีฝรั่งคนหนึ่งอายุประมาณ ๗๒ ปี เป็นฝรั่งชาวออสเตรเลีย อดีตเคยเป็นทหารในกองทัพบก เมื่อคราวสงครามอินโดจีน เขาถูกส่งมาร่วมรบกับทหารไทย เขาเล่าว่า สมัยเมื่ออยู่ในสมรภูมิ เขาได้รู้ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์จากเพื่อนทหารไทยเสมอ เช่น ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ส่วนทหารไทยที่ตายส่วนมากไม่มีบาดแผล อันเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก ของดีในเมืองไทยที่เขารู้จักในเวลานั้นก็คือ “วัตถุมงคลครูบาเจ้าศรีวิชัย” แห่งจังหวัดลำพูน ฝรั่งต่างชาติทุกคนทึ่งในอภินิหารของทหารไทย และรู้จักกันดีในชื่อ “ครูบาศรีวิชัย”
                    เรื่องเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ นายแฟรงค์ นอร์แมน ใฝ่ฝันอยากมาเมืองไทย เมื่อสงครามอินโดจีนเลิก เขาก็ได้มาเมืองไทยจริง มาได้พบเห็นขนบธรรมเนียมประเพณีของเมืองไทย โดยเฉพาะเกี่ยวกับการสังคม และความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว การปฏิบัติระหว่างสามีภรรยา ทำให้เขาหลงใหลอยากมาใช้ชีวิตในเมืองไทย
                    ในที่สุด ฝันของมิสเตอร์แฟรงค์ก็เป็นจริง เมื่อเขาได้รู้จักกับสาวงามชาวอำเภองาวคนหนึ่ง ที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ จนกระทั่งได้แต่งงานกัน หลังจากได้แต่งงานกันแล้ว มิสเตอร์แฟรงค์ก็กลับไปยังบ้านเกิดของเขาที่ออสเตรเลีย ไปจัดการเรื่องมรดกให้กับบุตร และภรรยาในออสเตรเลียเรียบร้อยแล้ว เขาได้เงินส่วนหนึ่งมาเมืองไทย จัดการปลูกบ้านให้ภรรยาใหม่ที่อำเภองาว ซึ่งเขาตั้งใจว่า เขาจะตายที่นี่แน่นอน
                    วันหนึ่ง เขาเหมารถแล้วชวนภรรยาให้ไปส่งที่จังหวัดลำพูน ไปไหว้อนุสาวรีย์ครูบาเจ้าศรีวิชัย แล้วกลับมาแวะที่ตลาดลำปาง เขาไปที่แผงพระเครื่อง เดินสำรวจทุกแผงก็ยังไม่ติดใจ อีกประการหนึ่งยังไม่รู้จัก และวิธีการดูพระเครื่อง จึงผ่านไปผ่านมาตามแผงพระต่าง ๆ
                    ในที่สุดเขาก็ตรงรี่ไปที่แผงพระหนึ่ง หยิบเอาพระมาเหรียญหนึ่ง ถามเจ้าของแล้วได้ความว่า เป็นเหรียญรูปเหมือน “หลวงพ่อเกษม เขมโก” รุ่น วิสาขบูชา เนื้อเงิน เจ้าของแผงถามว่า ทำไมเจาะจงไปหยิบเหรียญองค์นี้ เขาบอกว่า “องค์นี้ส่องแสงกระทบตาเขา มีองค์เดียวเท่านี้” ถามราคาค่าเช่า ตกลงกันที่ราคา ๙๙๙ บาท เขาส่งใบ ๕๐๐ ให้ ได้รับทอน ๑ บาท ได้แล้วเขาก็จัดการให้เจ้าของแผงพระทำกรอบเลี่ยมขึ้นคอทันที เสร็จแล้วก็บอกให้ภรรยาพาไปที่สำนักของหลวงพ่อเกษม ที่ประตูม้า บอกว่า อยากได้พระอย่างนี้อีก ๑๐ องค์ จะนำไปฝากญาติที่ออสเตรเลีย
                    ขณะที่ไปถึงสุสานไตรลักษณ์ ประตูม้า เขาตรงไปที่กุฏิหลวงพ่อ เป็นจังหวะพอดีที่เห็นหลวงพ่อเกษม เขมโก กำลังยืนอยู่ที่ประตู เขายกมือไหว้ แล้วหลวงพ่อก็หายเข้าไปข้างใน
                    เมื่อเขาได้ไหว้หลวงพ่อแล้ว เขาก็พาภรรยาเดินไปที่จำหน่ายวัตถุมงคลหลวงพ่อเกษม เขมโก ในสุสานไตรลักษณ์ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับกุฏิหลวงพ่อ เขาถามเจ้าหน้าที่ที่จำหน่ายวัตถุมงคลว่า อย่างนี้มีไหม พร้อมกับชูเหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ห้อยคออยู่องค์เดียวจนกระทั่งบัดนี้
                    เขาบอกให้คนรู้จักฟังว่า ในโลกนี้มีองค์เดียวเท่านี้  ที่เขายอมรับ และเชื่อถือ มีอยู่วันหนึ่งเขาจะเดินทางไปออสเตรเลียเพื่อกิจธุระ ทั้ง ๆ ที่เครื่องบินกำลังจะออกอยู่แล้ว เขาทำท่าตกใจเพราะลืมสร้อยคอที่ห้อยเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม เขมโก ไว้ที่บ้านอำเภองาว เขาบอกขอเลื่อนการเดินทางทันที แล้วจับรถทัวร์กลับอำเภองาว พร้อมกับภรรยา เพื่อกลับมาเอาเหรียญหลวงพ่อเกษม แล้วกลับไปใหม่
                    ผมว่า ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งนับว่า ได้มีการสร้างพระเครื่องมาตั้งนาน จำนวนพระเครื่องก็มีมาก แต่จะได้พระเครื่องอันศักดิ์สิทธิ์ ชนิดที่ส่องแสงออกมากระทบตาฝรั่งต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยเราเอง ไม่ได้มีบ่อยครั้งนัก แต่เท่าที่ได้ยินได้ฟังมาก็มีเพียง ๒ ครั้ง เท่านั้น คือ ครั้งแรก ได้แก่ พระสมเด็จวัดระฆัง ที่สร้างและปลุกเสกโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพกพาติดพระองค์ไปเมื่อคราวเสด็จประพาสประเทศเยอรมันนี ได้ส่องแสงออกมานอกพระอาภรณ์ กระทบพระเนตรพระเจ้าไกเซอร์ ถึงกับทรงทูลถามว่าพกพาสิ่งใดมา พระสมเด็จรุ่นนี้วงการพระเขาเรียกว่า “พระสมเด็จไกเซอร์” มาจนทุกวันนี้
                    ต่อจากนั้นมาก็ได้ยิน ได้เห็น ได้พบ เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ส่องแสงกระทบตามิสเตอร์แฟรงค์ นอร์แมน ในปัจจุบันสด ๆ ร้อน ๆ นี่แหละ เพราะฉะนั้น เหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก รุ่นนี้ น่าจะเรียกว่า เหรียญหลวงพ่อเกษม “รุ่นนอร์แมน”
     
  16. gentoo

    gentoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,161
                    เมื่อคราวสร้างเหรียญหลวงพ่อเกษม เขมโก รุ่น “เสตุวารี” นั้น ก็มีเหตุการณ์ปรากฏให้คนเล่าลือถึงอภินิหารของหลวงพ่อ เกี่ยวกับปรากฏการณ์เมื่อคราวครั้งนั้น จัดพิธีปลุกเสกที่บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าแม่สุชาดา สถานที่เกิดพระรุ่น “แตงโม” อันโด่งดัง ประชาชนทั้งในจังหวัดลำปาง และต่างจังหวัด ให้ความสนใจไปในงานอย่างมืดฟ้ามัวดิน ทั้งสองฝั่งแม่น้ำวังคลาคล่ำไปด้วยฝูงชน นักเลงพระจากกรุงเทพ ฯ ทั้งเซียนเก่า และเซียนใหม่ มุ่งหน้าเข้าสู่นครลำปางอย่างคึกคัก กระเป๋าหนักอึ้งไปด้วยเงิน เพื่อเตรียมาบูชาพระคนละหลายหมื่น
                    อนุสาวรีย์เจ้าแม่สุชาดา ความจริงก็กว้างขวางพอดีอยู่แล้ว แต่วันนั้นทำไมมันแคบนิดเดียวก็ไม่รู้ วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว ร้อนทั้งแสงแดด และกลิ่นไอผู้คน แม้กระนั้นคนทั้งหลายก็ไม่ปริปากบ่น คงยัดเยียดกันเหมือนปลากระป๋อง
                    คุณวิทยา วันงาม เพื่อนผม ชวนอาคันตุกะจากต่างจังหวัดหลายคน นั่งเบียดฝูงชนอยู่ทางด้านหน้า เล่าให้ฟังว่า “เพื่อนจากเมืองใต้เขาว่า ทำไมทางนี้ปลุกเสกวัตถุมงคล ให้พระองค์เดียวนั่งปรก ที่บ้านผมนั้นนิมนต์พระตั้ง ๑๐๘ รูป และต้องนิมนต์ล่วงหน้าเป็นปีถึงจะได้ ลงทุนคราวหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนนับล้านบาท ไม่เหมือนทางนี้” อาเสี่ยเพื่อนผมที่มาจากต่างจังหวัดอธิบายยังไม่ทันจบ ก็พอดีเสียงโฆษกประกาศว่า บัดนี้ได้เวลาฤกษ์แล้ว หลวงพ่อจะเริ่มแผ่เมตตาจิต ขอให้ทุกคนนั่งอยู่กับที่
                    ในขณะที่หลวงพ่อเกษม เขมโก กำลังภาวนาแผ่เมตตาไปยังพระเครื่องยังไม่จบดี อากาศที่ส่องแสงแดดแผดกล้า และร้อนอบอ้าว ก็พลันมีเมฆกระจาย แล้วรวมตัวกันมาบดบังเฉพาะบริเวณพิธี ลมเย็นพัดโชยมาแผ่ว ๆ พร้อมกับสายฝนโปรยลงมาบาง ๆ เพื่อนจากต่างจังหวัดของคุณวิทยาผลุดลุกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาจ้องมองไปที่หลวงพ่อเกษมอย่างไม่กระพริบตา เขาว่า อย่างนี้ไม่เคยมีปรากฏ สักครู่หนึ่งหลวงพ่อก็เสร็จพิธี เสียงโฆษกประกาศให้ประชาชนที่สั่งจอง ให้นำใบสั่งจองไปขอรับพระได้แล้ว เสียงโปรดอย่ายัดเยียดกัน ๆ ดังไม่ขาดสาย เพื่อนต่างจังหวัดของคุณวิทยาที่ว่า “ทำไมใช้พระองค์เดียวปลุกเสก” ควักเงินออกมายัดเยียดใส่มือคุณวิทยา ๒๐,๐๐๐ บาท กำชับว่า ขอให้ช่วยบูชาวัตถุมงคล หลวงพ่อเกษม เขมโก มาให้ทั้งหมด ๒๐,๐๐๐ บาท กระนั้นยังมิวายที่จะบ่นว่า “เสียดายที่เอาเงินมาน้อย”
                    อ่านข้อเขียนของคุณคำมูล เจริญหล้า แล้วจะเห็นถึงความศรัทธาที่เหนียวแน่นจากสานุศิษย์ของหลวงปู่ทั่วประเทศ แม้กระทั่งฝรั่งต่างชาติ ตาน้ำข้าวก็ยังให้ความเคารพศรัทธา ขนาดเครื่องบินจะออก แล้วนึกขึ้นได้ว่า ลืมสร้อยเหรียญของหลวงปู่ที่คล้องประจำไว้ที่บ้านต่างจังหวัด ถึงกับยกเลิกการเดินทาง เพื่อกลับไปนำพระมาไว้กับตัวเสียก่อน จะไปไหนมาไหนโดยขาดหลวงปู่ไม่ได้ อย่างนี้เขาเรียกว่ามีศรัทธาอย่างเหนียวแน่น และพลังศรัทธา บวกกับ พลังจิตของหลวงปู่เกษมที่ท่านได้บรรจุ หรืออธิษฐานจิตเอาไว้ในวัตถุมงคลแต่ละรุ่นนี่แหละครับ จะเป็นพลังมหาศาลที่จะปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ และยังอำนวยลาภผล ความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้า ให้กับผู้ที่พกพาและอธิษฐานจิตขออีกด้วย
                    ต่างกับบุคคลที่มีศรัทธาโลเล ไม่มั่นคง สั่นไหวสั่นคลอนไปตามกระแส ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ท่านเรียกว่า “อจลศรัทธา” (อ่านว่า อะ-จะ-ละ-สัด-ทา) หรือ “ศรัทธาหัวเต่า” คือ หดเข้าหดออกเหมือนหัวเต่า พวกนี้พกพาวัตถุมงคลของหลวงพ่อองค์ใดก็ตาม มักไม่เห็นผล เพราะใจโลเล เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ ก็ตัวของเขาเองยังขาดความเชื่อมั่นศรัทธา แล้วจะเอาพลังที่ไหนไปช่วยส่งเสริม สนับสนุน หรือคุ้มครองตัวเขาได้ ดังพุทธภาษิตที่ว่า “อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ” ตนต้องเป็นที่พึ่งของตนเองเสียก่อน หากตนเองยังไม่เชื่อมั่นในตนเอง ยังพึ่งพาตนเองไม่ได้ ทำอะไรก็เหยาะแหยะ โลเล เหมือนไม้หลักปักขี้เลน อย่างนี้ พระท่านไม่ส่งเสริมให้พบกับความสำเร็จก้าวหน้า หรือเจริญรุ่งเรืองหรอกครับ
                    ดังนั้น ผู้ที่พกพาวัตถุมงคลของหลวงพ่อ หลวงปู่ องค์ใดก็ตาม จะต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาในพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย อันได้แก่ เทวดาที่ปกปักรักษารูปเหรียญพระพุทธ หรือ พระสงฆ์องค์นั้น ๆ และต้องมีศรัทธาในองค์พระอาจารย์ที่ปลุกเสกด้วย โดยปราศจาก “วิจิกิจฉา” หรือ ข้อสงสัยใด ๆ ทั้งมวล ทำจิตให้เชื่อมั่นในพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นหนึ่งเดียว หรือ “เอกัคคตาจิต” เสียก่อน รับรองว่า พลังอำนาจที่บรรจุไว้ในวัตถุมงคล จะแผ่ออกมาประสานกับพลังจิตศรัทธาของท่าน ทำให้วัตถุมงคลที่ท่านพกพา แสดงอภินิหาร และความศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างแน่นอน
     
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,049
    ค่าพลัง:
    +53,093


    ขอบคุณครับ อ่านแล้วอ่านอีก ไม่เบื่อเลยจริงๆครับ
    :cool::cool:
     
  18. gentoo

    gentoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +1,161
    ย้อนรอย ถอยอดีต เป็นข้อเขียนของคุณ อุดม ลิ้มเจริญ ศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงปู่ ที่ได้เขียนบันทึกเอาไว้ในหนังสืออนุสรณ์ครบรอบ ๘๐ ปีเกิดของหลวงปู่เกษม เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๓๔......
                    คุณพี่ ทวีผล ไชยวงศ์ ซึ่งผมเคารพนับถือดั่งพี่ชาย ขอร้องให้ผมช่วยขีด ๆ เขียน ๆ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ผมมาคิดดู ประสบการณ์ในอดีตของผมนั้น ก็หนีเรื่องการเดินทางสัญจรไปมาเหมือนคนชีพจรลงเท้า ไปมาระหว่างจังหวัดกับจังหวัด และไปต่างประเทศที่ใกล้เคียง ซึ่งพาหนะที่นำไปก็มี รถยนต์ รถไฟ และดูเหมือนว่า “จะใช้เครื่องบิน คือ การสัญจรทางอากาศ” มากพอดูทีเดียว
                    ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องด้วยอาชีพของผมนั้น เป็นทั้งช่างภาพ และนักข่าว ถอยหลังไป ๒๐ ปี สถานีวิทยุโทรทัศน์ในท้องถิ่น ก็มีเพียงช่อง ๘ เพียงแห่งเดียว ซึ่งสถานีโทรทัศน์ช่องนี้แพร่ภาพไปให้แฟน ๆ ได้ดูชมทั่วท้องถิ่นภาคเหนือ พอสังกัดช่าวภาพ และนักข่าวของ “ศูนย์ประชาสัมพันธ์ เขต ๓” สมัยนั้นกรมประชาสัมพันธ์ ยังไม่ได้แต่งตั้งประชาสัมพันธ์ไว้ตามจังหวัดต่าง ๆ เหมือนเช่นปัจจุบัน ดังนั้น การไปทำข่าว ภาพท้องถิ่นจึงตกเป็นภาระหน้าที่ของฝ่ายข่าว ซึ่งมีจำนวนน้อย จำต้องตระเวนไปทั่วภาคเหนือ และบางครั้ง แม้ในกรุงเทพมหานคร เราก็ต้องลงไปทำข่าวเอง
                    การทำข่าวในสมัยนั้น อุปกรณ์ในการทำข่าวไม่ทันสมัยเยี่ยงปัจจุบัน และภาพที่ส่งออกไปจากช่อง ๘ นั้นก็เป็นภาพขาวดำ อุปกรณ์ในการไปทำข่าว และภาพจึงเป็นกล้องถ่ายหนังระบบ ๑๖ มม. พร้อมด้วยฟิล์มขาวดำม้วนหนึ่งมีความยาวไม่เกิน ๑๐๐ ฟุต ผมนั้น ชอบทำข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ข่าวทหารในยุคนั้นก็เป็นข่าวชายแดน ที่ทหารไปปฏิบัติการปราบปราม “คอมมูนิสต์” ในจังหวัดชายแดนภาคเหนือตามป่า ตามเขา และการไปทำข่าวดังว่านี้แหละ ทำให้ตื่นเต้นเสี่ยงภัย ซี่งมีอยู่บางครั้ง ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด ผมขอเล่าให้ฟังในบางตอนครับ
                    ข่าวทหารปราบปรามคอมมูนิสต์นั้น ในจังหวัดภาคเหนือ ไม่มีจังหวัดใดจะเกินจังหวัดเชียงราย และจังหวัดน่าน รองลงมาก็อุตรดิตถ์ พะเยา เรื่องราวที่ผมได้ไปผจญมานั้น ผมจำวันเดือนปีไม่ค่อยจะได้ เอาเป็นเนื้อ ๆ ก็แล้วกัน
                    ครั้งหนึ่งสมัยนั้น ท่าน พ.อ.สงัด ชาญวาทิตานนท์ เป็นเสนาธิการ พล.ร.๔ ส่วนหน้า ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่อำเภอเชียงคำ และในครั้งนั้น ทางกองบัญชาการได้มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นที่หน้ากองบัญชาการ และจะมีการประกอบพิธี ท่านเสธ. “หงัด” ก็ให้ทหารนำเครื่องบินมารับผมไปทำข่าว และภาพ ในช่วงนั้น ผมยังรำลึกได้ว่าเป็นฤดูฝน ก็ราว ๆ เดือนสิงหาคมนี่แหละ ฝนตกชุกเสียด้วย
                    วันที่ เสธ.หงัด ให้นักบินเอาเครื่องบินมารับผมไปทำข่าววันนั้น พอดี คุณพี่ทวีผล โผล่มาที่ฝ่ายข่าวช่อง ๘ ผมจึงดึงเอาตัวคุณพี่ทวีผลไปทำข่าวด้วย ซึ่งต้นตอข่าวเปิดอนุสาวรีย์อยู่ที่อำเภอเชียงคำ และจะต้องบินไปด้วยเครื่อง “แอล.๑๙”
                    ที่นั่งด้านหลัง แอล.๑๙ มีที่ว่าง ๒ ที่นั่งพอดี ตอนเดินทางทัศนวิสัยแจ่มใส ไร้เมฆฝน แอล.๑๙ นำเราทั้งสองจากลำปางถึงเชียงคำเพียงชั่วโมงเศษ ๆ ก็มาถึง นอนพักรอทำข่าวที่เชียงคำคืนหนึ่ง รุ่งเช้าพิธีเสร็จ ราว ๑๐ น. นักบิน แอล.๑๙ ยศจ่าสิบเอก นำ แอล.๑๙ ทะยานขึ้นจากสนามบินเชียงคำ โดยมีผมนั่งท้ายทั้งสองเยี่ยงเดิม
                    ก็ตอนทะยานขึ้นจากสนามบินเชียงคำนั้น ฟ้าโปร่งใสแท้ ๆ แอล.๑๙ พาเรามุ่งตัดไปทางพะเยา จะเข้าไปทางวังเหนือ นักบินบอกว่า จำต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่ เพราะเกิดมีพายุฝนเมฆดำทมึนขวางหน้า แต่แม้นักบินจะเปลี่ยนเส้นทางตัดเข้าพะเยา มาทางวังเหนือเพื่อมาลำปางแล้วก็ตาม เราก็ไม่พ้นพายุที่ตามกระหน่ำ และกระหน่ำอย่างหนักเสียด้วย นักบินแม้จะยศ “จ่าสิบเอก” ก็มีความสามารถเกินตัว พยายามประคองเครื่องหลบหลีก โต้ ต้านพายุฝนสุดฝีมือ ทั้ง ๆ ที่ท้องฟ้าทิศ ทางที่เรามุ่งกลับนั้น ไม่โปร่งใสเปิดช่องทางให้แม้แต่น้อย
                    ฝนกระหน่ำ น้ำฝนชะแรง จน แอล.๑๙ มีอาการ “รั่ว” น้ำฝนหยดติ๋ง และหนักขึ้น คุณพี่ทวีผล พยายามอุดรูรั่วของเจ้า แอล.๑๙ ด้วยการใช้มือพยายามขันน็อตหลังคาเครื่องบินกันฝนสาด ผมและพี่ทวีผลนั้น ตอนนั้นนึกถึง “คุณพระคุณเจ้า” ล้วงคอ ล้วงสร้อยแขวนพระหลวงพ่อพวงใหญ่ หลวงพ่อเกษม ฯ ทั้งนั้น หลายรุ่น ยกมืออาราธนา พระเดชพระคุณเจ้าให้ท้องฟ้าเปิด
                    นึกในใจคราวนี้ไม่จอดก็จ้องแจว จ่าสิบเอกกัปตัน เบนทิศทางเครื่องบินวกขึ้นไปทางเหนือ แปลกแท้ ๆ หลังอาราธนาหลวงพ่อเกษม ๑๕ นาที ท้องฟ้าโปร่งแจ้งจางปางทันตาเห็น พอฟ้าโล่ง นักบินก็ร้องบอกว่า “เรามาถึงน้ำตกวังแก้ว วังเหนือแล้วครับคุณพี่....”
                    นักบินมองไปที่หน้าปัดวัดน้ำมัน ผมถาม เหมือนอ่านใจกันออก “น้ำมันหมดหรือน้อง”
                    นักบินยิ้ม “เปล่าคุณพี่ ไอ้ที่เข็มมันตกเลขศูนย์นั้น เข็มมันเกไปเองน่ะ”
                    ผมถอนหายใจลึก ๆ
                    เรามาถึงสนามบินลำปางด้วยความสวัสดีมีชัย
    ผม และพี่ทวีผลนั้น แน่นอน เพราะบารมีหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ห้อยเต็มคอนั่นแท้ ๆ วัตถุมงคลทั้งหลาย หลายรุ่นนี้ ผมได้รับเมตตาจาก “เจ้าพี่ประเวทย์ ณ ลำปาง” ทั้งนั้น
     
  19. เบญจมงคล

    เบญจมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,335
    ชอบอ่านมาก มีประโยชน์และสาระดีๆ
    ขอบคุณ
     
  20. เบญจมงคล

    เบญจมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +2,335
    ชอบอ่านมาก มีประโยชน์และสาระดีๆ
    ขอบคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...