ตอนผมบวชหมู่ พม่าผัวเมียในวัด คุกเข่าถวายเงิน1000 พระเพื่อนอีก1000เห็นแก่ยากจนลำบาก อีกทั้งกำลังเมา ก็จะไม่รับ ไอ้พระเพื่อนก็เชียร์ให้รับ ก็เลยรับมา เห็นหน้าเมียพม่าแล้วหดหู่ใจแท้จะส่งคืนให้เมียมันผัวก็ไม่ให้เมียรับ..
ผัวมันใจบุญหรือเมาก็ไม่รู้ แต่เรานี่สิ .ได้แต่คิดว่า ชิบหายเอ๊ย เอาก็เอาวะะะ
ห้องอภิญ(ยา) พาเพลิน...
ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย BENATO, 29 เมษายน 2020.
หน้า 45 ของ 60
-
สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU
-
ข้ออ้างเพื่อให้บรรลุอุดมการณ์
ถึงเอกลาภที่มีอยู่มากมายในวงการ
สีเหลือง ที่ญาติโยมก็ไม่รู้เพราะไม่ได่
ปฏิบัติสิกขา
จึงไม่คำนึงถึงว่าการปฏิบัติเช่นนั้น
เป็นทำลายศาสนาด้วยการสืบทอด
ความเสื่อม
ให้ขยายตัวมากขึ้นมากขึ้น
เพราะขาดความเคารพในพระธรรมวินัย
และขาดความเคารพในองค์พระศาสดา -
พระผู้มีพระภาค ได้ละทิ้งพระราชทรัพย์
ในวังทั้งหมด เพื่อออกมาแสวง
หาโมกขธรรมเพื่อการพ้นทุกข์
มีหรือทรงมีข้อธรรม
คำสอนแก่ภิกขุให้ประพฤติ
ปฏิบัติเพื่อ แสวงลาภยศสรรเสริญ
เพื่อนำมาเป็นปัจจัยในการดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์
คำกล่าวแก่ภิกขุในพระธรรมวินัย
ประเภทให้มีการอนุโลมโน่นนี่นั่น
เป็นพุทธพจน์จริงหรือเปล่า?? ถ้าไม่มีจริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นตามมาในอนาคต
เอ้อ... -
ตนถูก คนอื่นผิด อย่างนี้ไม่ถูกต้อง..
นิทานต้นบัญญัติก็มี..
ไม่ต้องนิทานต้นบัญญัติก็มี ดังนี้...หลวงปู่มั่นตอนที่เดินทางไปรับท่านพ่อลี ที่วัดในกรุงเทพ หลวงปู่มั่นได้รับกิจนิมนต์ให้ไปแสดงธรรมที่บ้านท่านเจ้าขุนมูลนายท่านหนึ่ง..
ได้รับสิ่งของถวาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันก๊าช ผ้าไตร และ เงิน(ปัจจัย)จำนวน80บาท..
หลวงปู่มั่นก็รับไว้ แต่ ได้สละออกเหลือเงินไว้แค่พอค่ารถไฟสำหรับพระสองรูป ในการเดินทางกลับเชียงใหม่..
งั้นหลวงปู่มั่น ผู้ได้รับชั้นยศว่า "พระวินัยธร" ก็ไม่เคารพพระธรรมวินัย น่ะสิ..
แล้วทำไม เวลารับเงิน ให้เรียกว่า "ปัจจัย"
ใช้ปัญญาพิจารณาให้ละเอียดแยบคายด้วย อย่าโง่ให้มากนัก.. -
มันเจริญขึ้นมากไหม???
ที่นิยมปฏิบัติสวนกับการปฏิยัติของ
องค์พระสัมมาฯ ที่เข้าใจว่าทำสวนทาง
กับคำสอนแล้วธำรงพระศาสนา -
เวลาฟังธรรม หัดฟังประวัติครูบาอาจารย์ด้วย..
นิทานต้นบัญญัติด้วย..
วิธีหรือแนวทางในการเผยแผ่พระพุทธศานาในยุคต่างๆด้วย..
แล้วพิจารณาตาม ให้เห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ ในยุคต่างๆ..
ถ้าฟังได้ต่อเนื่องแต่ละยุค ก็จะเห็นความเป็นไปในแต่ละยุค ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรค หรือ การใช้ชีวิต.. -
เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ไม่มีหรอก พุทธพจน์ไม่มีการดัดแปลง
ตามยุคสมัย
ทรงตรัสพระธรรมทั้งหลาย
ไว้ดีแล้ว -
ยกตัวอย่าง ในยุคนี้นี่แหละ..หลวงพี่ที่วัดเล่าให้ฟังว่า วัดทางจังหวัดสระแก้ว ห้ามอุบาสก อุบาสิกา มาเก็บเห็ดในวัด โดยการเขียนป้ายติดไว้
พอวันรุ่งขึ้นเข้าไปบิณบาตรในหมู่บ้าน เจอป้ายเขียนว่า "ห้ามพระมาบิณบาตรในหมู่บ้าน"
เป็นไงล่ะ พิจารณาเอาเอง.. -
อย่าแถไปเรื่องอื่น..
หลวงปู่มั่น ชื่อ "พระวินัยธร" แล้วทำไมรับเงินได้ล่ะ.. -
ถ้ายังโง่อยู่ ก็ปฏิบัติให้มาก เจริญให้มาก..
นอนก็ดึก ตื่นมาตี2ตี3 แทนที่จะปฏิบัติจิตตภาวนา เสือก มาเฝ้าเว็บ..
ถ้าตนเองยังโง่อยู่มาก อย่าเสือกมาเฝ้าเว็บให้มากนัก..
ปฏิบัติจิตตภาวนามากๆ ทำให้มาก เจริญให้มาก.. -
หัวหงอก หัวดำ หัวดอกเลา ถ้ามาแบบโง่ๆ เราด่าหมดแหละ..
ตัวเองไม่ปฏิบัติ เสือกไปชี้บอกคนนั้นต้องอย่างนี้ คนนี้ต้องอย่างนั้น..
มา มา เรา จะ ด่า ให้ ลืม ภพ ชาติ เลย นิ๊.. -
สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU
พระพุทธเจ้าบอกทำจิตให้ผ่องใส
ปัจฉิมโอวาท ก็
ทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท
ประโยชน์ผู้อื่นเอาไว้ก่อนละกัน ยุคนี้ต้องเอาตนให่เป็นที่พึ่งแห่งตนได้ก่อน
คนอื่นแค่แวบๆไปพอให้มีรสชาติ แล้วก็ปล่อยมันไป
ชีวิตไม่ยาว แต่สั้นแค่ลมเข้าออก
อนาคตเราลงหลุมไปแล้วก็ไม่รู้เรื่องแล้วละครับ55
ศาสนาพุทธยังไงก็ต้องเสื่อม มันเป็นสัจธรรม หนีไม่พ้นนนเ
เสื่อมที่นี่อาจไปเจริญที่โน่นที่ไหนก็ใจของพุทธบริษัทอย่างเราๆนี่ไง
✌️✌️ -
ถึงกะขนลุกปวดขี้เลยเจอคารมเณร55
-
มาๆเณรผมสมัครเป็นเด็กเก็บตังให้เณร
55 -
เพราะความกะพร่องกะแพร่ง
ในพระธรรมวินัย
ชาวบ้านเลยต้อนเอา
ชะจนมุม -
ยิ่งเป็นพุทธพจน์ยิ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่เอาความนุกคิดชาวบ้านมา
ปรับเปลี่ยนพระธรรมวินัย ให้ภิกษุคล้อยตามชาวบ้านเพราะกลัวอด
ปฏิบัติตามชาวบ้านแล้วไม่อด
ก็เลยยอมผิดพระวินัย -
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
/ ทาน คือ อะไร ..?
*** พิจารณาที่ กิเลสผู้ให้***
/ ผู้ให้ หวังอะไรในทานนั้น ๆ..?
(ผลบุญหนุนนำใช่ หรือไม่ ..? / ส่วนสิ่งของและวิธีการที่ได้มา ถวายในครั้งนี้นั้น.. ไม่ว่าจะได้มาด้วยวิธีถูก-ผิด นั้น คือ ต้นทุนกุศลของทาน) เช่นโจร ขโมยของมาถวาย
*** พิจารณาที่ กิเลสผู้รับ ***
/ ส่วน ผู้รับ นั้น.. ยินดี ในสิ่งของที่ได้รับหรือไม่..?
( ผู้รับ ได้พิจารณาเล็งเห็นเจตนาอันบริสุทธิ์ของผู้ให้ หรือไม่ ย่อมอยู่ที่ปัญญาของผู้รับเอง หากผู้รับ รู้เห็นเป็นใจ สมประโยชน์ร่วมกันในสิ่งของที่ได้นำมาถวายในครั้งนี้ว่า เป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยทุจริต(ของโจร)แล้วยังรับไว้ .. นั้นเท่ากับว่า.. ผู้รับได้ตอบสนองกิเลสของผู้ให้ แถมยังเป็นการสร้างกิเลสกรรมให้กับตนอีกด้วย..
/ แต่หาก.. ผู้รับ.. ได้รับสิ่งของและเจตนาอันบริสุทธิ์ใจจากผู้ให้มาแล้ว และได้พิจารณาเผื่อแผ่สิ่งเหล่านั้นให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมแล้ว / ผู้ให้ ย่อมได้รับอนิสงส์ ในครั้งนี้ร่วมด้วยนะ..
นักปฏิบัติ ผู้ชื่อว่า.. สละแล้ว... ย่อมไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านี้... โดยพิจารณาเฉพาะปัจจัยที่สมควรตามแต่เหตุปัจจัยความพอเพียงแห่งธาตุ 4 และสังขาร เพื่อดำรงไว้ซึ่งหน้าที่ในกิจของสงฆ์ เท่านั้น.. ที่เหลือ คือ เผื่อแผ่... -
ก็จะมีความมั่นคงในจิตใจ
เเละจะมีความละอายโดยไม่ต้อง
มีใครมาทักท้วง -
ยินดีต้อนรับ ท่าน phy ด้วยครับ
-
หากติดขัด สงสัยประการใด.. พิมพ์คำถามโพสต์ทิ้งไว้ก็ได้ครับ... เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับนักปฏิบัติทั้งหลายได้เรียนรู้และศึกษาไปพร้อมกันครับ..
สาธุ... ขอเจริญในธรรมครับ
หน้า 45 ของ 60