อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๑ : คาถามหาประสาน

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 กรกฎาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,268
    ค่าพลัง:
    +25,989
    11.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๑ : คาถามหาประสาน


    คาถาแต่ละบทนั้น ผูกขึ้นโดยครูบาอาจารย์ที่ทรงอภิญญาสมาบัติอย่างหนึ่ง หรือได้มาจากพระ หรือพรหม หรือเทวดา ท่านมาบอกอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเราเชื่อถือ และตั้งใจปฏิบัติตามด้วยความเคารพเลื่อมใสแล้ว ท่านเจ้าของคาถาก็จะแผ่บารมีลงมาช่วยให้คาถานั้น ๆ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ สมดังความปรารถนาของเราทุกประการ...

    การเล่นคาถานั้นเป็นการทดสอบตรง ๆ ว่าเรามีความลังเลสงสัยในครูบาอาจารย์หรือไม่เพียงใด เพราะคาถาบางบทฟังดูแล้วตลกขบขันไม่น่าเลื่อมใส บางทีก็เป็นคำด่าที่หยาบคาย ไม่น่าจะมีสรรพคุณดังที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกเลยซักนิดเดียว...!

    "หลวงพ่อ" เล่าว่า หลวงพ่อเรื่อง วัดใหม่พิณสุวรรณ จังหวัดสุพรรณบุรี มีคาถาบทหนึ่ง ถ้าท่านขึ้นกุฏิจุดธูป แล้วด่าลั่นไปสามบ้านแปดบ้านเมื่อไร ชาวบ้านจะขนเอาผักหญ้า ข้าวสาร อาหารแห้ง มาถวายให้ท่านเลี้ยงพระเป็นหาบ ๆ เลย "หลวงพ่อ" ถามท่านว่า ทำไมต้องด่ากันหยาบคายขนาดนั้นด้วย...? ท่านตอบว่า “ก็คาถามันเป็นอย่างนั้นเองนี่หว่า...!”

    "หลวงพ่อ" บอกว่า คาถาเป็นบาทของอภิญญา คือขั้นต้นของอภิญญา เพราะสมาธิจิตของคนเล่นคาถานั้น ต้องเข้มระดับใกล้อภิญญา ไม่อย่างนั้นเล่นคาถาไม่ขึ้น ที่สำคัญคือ ต้องเป็นคนจริงจังไม่เหลาะแหละมีสัจจะตั้งมั่น โดยเฉพาะตัวสัจจะสำคัญที่สุด จะเห็นได้จากบรรดาอ้ายเสือยุคก่อน ปล้นเขากินแท้ ๆ แต่กลับอยู่ยงคงกระพัน เป็นที่ปวดเศียรเวียนเกล้าของเจ้าหน้าที่ผู้ปราบปราม เหตุที่พวกนี้หนังดีเพราะเล่นของเล่นคาถา และมีสัจจะมั่นคงนั่นเอง...

    ตัวสัจจะที่แต่ละคนยึดมั่น แตกต่างกันไปตามแต่ครูบาอาจารย์สั่งมา บ้างก็ห้ามลอดราวผ้า ห้ามด่าแม่คนอื่น ห้ามกินผักผลไม้บางอย่าง ที่เชื่อว่าล้างอาถรรพ์ได้ เช่น ผักกระเฉด ฟัก แฟง แตง น้ำเต้า เป็นต้น ถ้าครูบาอาจารย์เป็นพระ ส่วนมากก็จะให้ลูกศิษย์ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ถ้าศีลบกพร่อง คาถาก็เสื่อม เป็นต้น

    "หลวงพ่อ" ของอาตมานั้น ท่านมีกุศโลบายยอดเยี่ยมในการสอนศิษย์ทุกประเภท ถ้าเป็นนักรบเก่าอย่างอาตมา ท่านจะหลอกให้คาถาไปภาวนา โดยกำชับว่าต้องภาวนากันจริง ๆ และต้องรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ไม่อย่างนั้นจะทำคาถาไม่ขึ้น...

    อาตมาได้คาถาไปก็ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ภาวนากันแบบเอาเป็นเอาตาย พอได้ผลก็วิ่งโร่หน้าบานมารายงาน "หลวงพ่อ" ก็จะให้คาถาบทใหม่ที่มีอานุภาพแปลก ๆ ไปภาวนาใหม่ กว่าจะรู้ตัวก็ติดการภาวนา และรักษาศีลจนเป็นนิสัย ทีนี้ "หลวงพ่อ" ก็เปลี่ยนให้ใช้การภาวนาพิจารณาตามแบบ กรรมฐาน ๔๐ มหาสติปัฏฐานสูตร หรือวิปัสสนาญาณ ๙ แทน ผลก็คือสามารถทำได้เร็วกว่าการปฏิบัติตรง ๆ ตามปกติ...

    วันหนึ่ง..."หลวงพ่อ" บอก “คาถามหาประสาน” ให้ คาถาบทนี้หากทำถึงที่สุด ต่อให้เกิดบาดแผลใหญ่ขนาดไหน ก็สามารถเป่าให้แผลนั้นประสานติดเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่มีแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ซึ่งดีกว่าศัลยกรรมสมัยใหม่หลายเท่า เพราะไม่ต้องเสียเงินซักบาท...

    คาถานี้มีเคล็ดสำคัญคือ ต้องใช้ใบตองสดปิดแผล แล้วกลั้นใจว่าคาถาเป่าลงไปตัวคาถาว่าดังนี้...

    “วะโร วะรัญญู วะระโท วะราหะโร อนุตตะโร ธัมมะวะรัง อะเทสะยิ”

    อาตมาภาวนาคาถานี้อยู่เป็นนาน แต่โอกาสทดลองไม่ค่อยมี เพราะไม่ได้รับบาดแผลบ่อยนัก แรก ๆ เป่าลงไป พอเปิดใบตองดู เลือดก็ยังไหลโกรกเหมือนเดิม กว่าจะได้เป่าอีกหน อาจจะสองเดือนครึ่งปีไปโน่น พยายามแล้วพยายามเล่า ในที่สุดก็สามารถเป่าให้เลือดหยุดไหลได้...

    หลังจากทบทวนว่า ใช้กำลังใจอย่างไร ใช้สมาธิระดับไหน พอแน่ใจแล้วอาตมาก็นอกครู เพราะขี้เกียจไปหาใบตองสด เอามือปิดแผลว่าคาถาเป่าไปเลย...มันง่ายดี...ผลก็คือเป่ากี่ทีก็เลือดนองอย่างเก่า กลั้นใจซะหน้าเขียว เป่าจนตาเหล่ก็ไม่เป็นผล...!

    เลยต้องยอมแพ้ไปหาใบตองมาปิดแผล เป่าปุ๊บเปิดดู เลือดหยุดแล้ว เฮ้อ...แปลว่า คำสั่งครูบาอาจารย์คือพรอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องเทิดไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า อย่าได้บังอาจฝ่าฝืนเป็นอันขาด ถ้าเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ หัวรั้นนอกครูอย่างอาตมา คงวายชีวาไปแล้ว...

    แต่อาตมาทำคาถาบทนี้ไม่ถึงที่สุด เพียงเป่าให้เลือดหยุดไหลเท่านั้น บาดแผลต้องไปให้หมอเย็บกันเอาเอง เลยไม่ใช่คาถามหาประสาน กลายเป็นคาถาห้ามเลือดไปซะฉิบ...และห่างต้นกล้วยไม่ได้เลย ขาดใบตองสดเมื่อไร ต้องปล่อยตามเวรตามกรรมเมื่อนั้น...

    ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...