อยากจะไปนิพพาน... หลวงปู่ดู่

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย chingchamp, 13 พฤศจิกายน 2008.

  1. chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +503

    ผู้ที่มากราบนมัสการหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญหลายๆคน มาถึงก็แจ้งความประสงค์กับหลวงพ่อ ปรารถนาไม่เกิด อยากไปนิพพานในชาตินี้ จะได้พ้นทุกข์ บางคนก็ตั้งเจตนาจริง บางคนก็พูดไปอย่างนั้น หลวงพ่อเคยให้ข้อคิดสำหรับคนที่ไม่ตั้งใจจริงเหมือนคำพูดที่ปรารถนาว่า

    “อยากไปนิพพาน แต่ศีล ๕ ยังรักษาไม่ได้ จะไปได้อย่างไร”

    “วันนี้ มีผู้หญิงอยู่คนมากราบข้า บอกว่าจะไปนิพพาน ข้าไม่พูดแต่มองดู ปากยังทาแดงแจ๋ เล็บตีนเล็บมือยังแดงแจ๋ หัวตะพานจะไปถึงหรือเปล่า”

    ดัง นั้นหลวงพ่อจึงสอนพวกเราทั้งหลาย เมื่อตั้งใจสิ่งใดแล้ว ต้องทำหรือปฏิบัติจึงจะสมปรารถนา ดังที่หลวงปู่ทวดกล่าวว่า “การปฏิบัติจะตัดภพชาติให้สั้นลงทีละครึ่ง เช่น ถ้าเราจะเกิดอีก ๑๐๐ ชาติ ก็เหลือ ๕๐ ถ้าจะเกิด ๒๐ ชาติ ก็เหลือ ๑๐”

    ผุ้ เขียนเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน ท่านเคยเปรียบเทียบดังนี้ ทำทานเหมือนกับไปด้วยถ่อ รักษาศีลไปด้วยรถยนต์ ภาวนาก็ขี่เรือบินไป อาจถึงนิพพานได้ในชาตินี้”

    คนโบราณ จึงกล่าวไว้ว่า “ใกล้ก็ไม่ใกล้ ไกลก็ไม่ไกล มองเห็นไวไว เป็นทิวลิบลิบ” ซึ่งเทียบได้กับพระนิพพาน คือปลายจมูกนี่เอง หลวงพ่อกล่าวว่า “จะว่ายากก็ไม่ใช่ จะว่าง่ายก็ไม่เชิง ผู้ปฏิบัติพึงรู้เอง เห็นเอง เพราะเป็นปัจจัตตัง”

    (เรียบ เรียงจากบทความของ อาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์จากหนังสือไตรรัตน์)

    การ ปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้

    การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกับการ ปลูกต้นไม้ ศีลคือ ดิน สมาธิคือ ลำต้น ปัญญาคือ ดอก ผล ... เราต้องการให้ต้นไม้เจริญงอกงาม ก็ต้องหมั่น รดน้ำ พรวนดิน และต้องคอยระมัด ระวังมิให้ตัวหนอนคือ ฏลภ โกรธ หลง มากัดกิน ... ความสำเร็จนั้น มิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประทานให้ หากแต่ต้องลงมือทำด้วยตนเอง ถ้าตั้งใจทำตามแบบแล้วทุกอย่างรับรองว่าต้องสำเร็จ ไม่ใช่จะสำเร็จ ... พระพุทธเจ้าท่านวางแบบเอาไว้แล้ว ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็ที่สุด ก็ได้ทำตามแบบเป็นตัวอย่างไว้ให้เราดู อัฐิของท่านก็กลายเป็นพระธาตุกันหมด "ของดีอยู่ที่ตัวเรา ให้หมั่นดูจิต รักษาจิต"

    การ ปฏิบัติ ถ้าหยิบตำราโน้น นี่มาสงสัยถามมักจะโต้แย้งกันเปล่า โดยมากชอบเอาจากอาจารย์โน้น นี่ ว่าอย่างนั้นมา อย่างนี้มา ... การจะปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรม ต้องทำจริง จะได้อยู่ที่ทำจริง เอาให้จริง ถ้าไปเรียนกับครูอาจารย์อื่นโดยไม่ทำให้จริงให้รู้ ก็เหมือนดูถูก ดูหมิ่นครูบาอาจารย์

    ที่มา อยากจะไปนิพพาน
     
  2. wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...
     
  3. uncle jing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา สาธุ

    ขอผลบุญในการเผยแพร่ธรรมะนี้จงเป็นปัจจัยให้คุณ chingchamp

    และท่านทั้งหลายที่ร่วมอนุโมทนาการเผยแพร่ธรรมะนี้

    ได้ถึงซึ่งพระนิพานในชาตินี้ด้วยเถิด
     
  4. โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกันครับ ท้าวความถึงแต่ก่อน...
    ตอนเด็กๆ คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเคยพาผมและพี่น้องไปวัดสะแก
    (ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา) เดิมทีคุณพ่อผมเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยพื้นเพไปมาหาสู่และสักการะกับหลวงปู่ดู่อยู่เป็นประจำ ตั้งแต่ยังเล็กๆ จนกระทั่งคุณพ่อผมแต่งงานกับคุณแม่ผม จึงได้พาทั้งครอบครัวมายังที่วัดสะแก มาเป็นเวลานานมากแล้ว...(นานจนไม่รู้ว่ากี่ปี) ซึ่งแต่ก่อนที่วัดสะแกจะมีการสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่เป็นประจำ เท่าที่ทราบจากคุณพ่อและคุณแม่ของผม ได้บอกกับผมว่ามีการสร้างพระอยู่เป็นประจำ ทั้งแบบปูนปลาสเตอร์หลวงปู่ทวดก็ดี หลวงปู่ดู่ก็ดี ทั้งเนื้อชินและเนื้อว่าน รวมไปถึงแหวนพระ พระผงหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด เป็นต้น ในเวลาว่างๆ คุณพ่อผม ก็มักจะเล่าถึงเรื่องราวของหลวงปู่ดู่ และสมเด็จหลวงปู่ทวดให้ผมฟังอยู่เสมอ กับคำพูด คำสอนของทั้งสองท่านในเวลาเดียวกัน อยู่ตลอด รวมถึงคำภาวนา คาถาต่างๆ ที่เคยได้ยินมา รวมไปถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ และเรื่องราวทางจิต เกี่ยวกับพระอรหันต์เจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า สิ่งศักดิ์เบื้องสูง อยู่เสมอ และ ผงบัวที่หลวงปู่ดู่ได้ทำขึ้นมาจากบัวที่นำมาตากให้แห้ง ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมในการทำพระแต่ละองค์ ซึ่งตรงนี้ในส่วนตัวแล้วผมไม่สงสัยอะไรเลยกับการทำ การสร้างในแต่ละครั้ง รวมถึงข้าวสารเสกของหลวงปู่ดู่และสมเด็จหลวงปู่ทวดด้วย
    นอกจากนี้ยังได้รู้จักหลวงพี่ม้า(หลวงตาม้า) วัดถ้ำเมืองนะ ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ด้วย ซึ่งหลวงตาม้า ก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ เช่นกัน และคุณพ่อผมก็ไปมาหาสู่กับหลวงพี่ม้าเป็นเวลาสิบๆ ปี ตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อผมรับราชการทหารที่กองพันสัตว์ต่าง จ.เชียงใหม่ ฝั้งแถบ อ.แม่ริมก่อนที่จะมีการจัดตั้งกรมป่าไม้ในปัจจุบัน ซึ่งในตอนนั้นหน่วนทหารบางหน่วยเพิ่งจะได้รับคำสั่งย้ายขึ้นมาจัดตั้งที่ อ.แม่ริม เช่น กรมรบพิเศษที่ 5 ราบ 7 ราบ 17 เป็นต้นและอีกหลายต่อหลายหน่วย ก็น่าจะหลายสิบปีมาก ๆ ก่อนที่จะมีการตัดถนน โดยการลาดยางมะตอยเสียอีก ซึ่งในสมัยนั้นยากลำบากมากในการเดินทาง เพราะพื้นที่โดยรอบจะมีแต่ป่าดิบชื้นอยู่เสียมาก พื้นที่บริเวณแถบนั้นสมัยก่อนจะเต็มไปด้วยฐานปฏิบัตการของคอมมิวนิสต์ทั้งนั้น ก่อนที่กองทัพบกจะเสริมกำลังจัดตั้งแต่ละกรมทหารในแต่ละพื้นที่จังหวัดนั้นๆ เสียอีก แต่คุณพ่อผมได้ใช้ยานพาหนะเพียง รถจักรยานยนต์รุ่น คาวาซากิ 100 ซีซี ในสมัยตอนนั้นเดินทางขึ้นลัดเลาะไปยังที่ถ้ำเมืองนะ ระยะทางก็ประมาณ 60-70 กิโลเมตรเห็นจะได้ ถ้าผมจำไม่ผิด ซึ่งที่ถ้ำเมืองนะนั้น อยู่ห่างจากชายเเดนไทย-พม่าประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าๆ เห็นจะได้ ถ้าใครเคยไปจะพบว่าอยู่ใกล้ๆ กับกองกำลังผมเมืองซึ่งเป็นของทหารม้าอากาศ สังกัดกองทัพบกไทย ภูมิประเทศค่อนข้างสูงชัน และมีอากาศที่ค่อนข้างเย็นมาก ในช่วงฤดูหนาว แต่ในหน้าร้อนจะเย็นสบายมาก หน้าฤดูฝนก็จะชุ่มฉ่ำ ฝนตกจะเกือบตลอดทั้งวัน แถบนั้นจะเต็มไปด้วยทุ่นระเบิดของทั้งฝ่ายเราและฝ่ายพม่า ถ้าจะเรียกให้คุ้นก็ บริเวณนั้นจะเป็นที่รู้ๆ กันว่า หุบเขาหัวกระโหลก
    ซึ่งแนวทางของหลวงตาม้าก็จะเป็นสายหลวงปู่ดู่ และสมเด็จหลวงปู่ทวดด้วย
    <!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้