อยากทราบประวัติพระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ หน่อยครับ

อยากทราบประวัติพระสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ หน่อยครับ
ใครพอทราบประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้างครับ
ชาวพุทธมือใหม่ตามไม่ทัน รู้จักแต่ เจ้าชายสิทธัตถะ

[b-wai]

 

รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับผมโดยตรงเลยขอเป็นผู้ตอบแทนก็เเล้วกันครับ
คือสมเด็จองค์ปฐมนี่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกสุด ท่านต้องบำเพ็ญบารมีกว่า40อสงไขยเพราะท่านไม่มีใครเป็นผู้ให้ดำเนินแบบตาม ท่านต้องลองผิดลองถูกปฏิบัติเองโดยไม่มีครูผู้สอนทำให้เสียเวลาในการบำเพ็ญนานช้ากว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ซึ่งองค์หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้เป็นผู้ที่ทำให้พวกเราได้รับทราบถึงพระเมตตาบารมีของพระองค์ท่านที่มีต่อสรรพสัตว์โลก คือมีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อท่านได้เห็นพระพุทธเจ้ามายืนพนมมือกันเป็นแถว2ฟาก ตอนแรกท่านก็นึว่าเป็นอุปาทานเพราะตามปกติพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ประเสริฐกว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายการที่จะยกมืออัญชลีใครเป็นไม่มี แต่สักพักท่านก็เห็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมีพระวรกายสูงใหญ่และรัศมีโชติช่วงกว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเสด็จดำเนินมาในท่ามกลางพระพุทธเจ้าทั้งหลายและมีพระพุทธดำรัสว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกในโลก มีชื่อว่า"พระพุทธสิกขีทศพลที่1" เพราะมีพระพุทธเจ้าที่มีชื่อแบบเดียวกับท่านอีก2หระองค์
ซึ่งพุทธลักษณะของท่านก็เหมือนกับองค์พระพุทธชินราชที่ประดิษฐานอยู่ที่วิหารแก้ว วัดท่าซุง อุทัยธานีครับ
สำหรับการที่มีสมเด็จองค์ปฐมบรมพูทธมหาจักรพรรดิขึ้นมานั้นต้องขอบอกว่าเป็นความคิดริเริ่มของผมคนเดียวโดยแท้ มูลเหตุมีอยู่ว่าเมื่อ3ปีก่อนกระผมและเพื่อนต่างมีความคิดจะสร้างพระพุทธรูป9นิ้วเพื่อไปถวายวัดต่างๆ108วัด โดยในตอนนั้นยังไม่เคยมีใครสร้างสมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิมาก่อน จะมีก็แต่สมเด็จองค์ปฐมปางนิพพานที่ทรงเครื่องคล้ายๆกัน เนื่องจากหลวงพ่อ(ฤาษีฯ)ท่านเคยบอกว่าการสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมนั้นเป็นบุญอันมหาศาลเพราะไม่ค่อยมีใครสร้างรูปท่านเนื่องจากไม่ค่อยมีใครนึกถึงท่าน ด้วยอานิสงค์การหล่อพระบรมรูปของท่านจะทำให้พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ต้องเสด็จมาอนุโมทนาด้วย และทางเบื้องบนจะจารึกชื่อลงในบัญชีสีทองเป็นเครื่องยืนยันว่ายังไงคนนี้ก็ต้องได้ไปนิพพานแน่ไม่ว่าชาติใดก็ชาติหนึ่ง ผมก็เลยตั้งใจจะสร้างเป็นองค์ปฐมขึ้นแต่เนื่องจากโดยส่วนตัวผมก็นับถือหลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยามาก ซึ่งลป.ดู่ ท่านจะชื่นชมพระพุทธเจ้าปางปราบท้าวพญาชมพูบดีมากเพราะเป็นปางที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำฤทธิ์ปราบทิฏฐิท้าวพญาชมพูบดีซึ่งเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ทีฤทธานุภาพมากจนเกิดมิจฉาทิฏฐิว่าไม่มีใครเก่งเกินตน พระพุทธองค์เลยแสดงอิทธิฤทธิ์เนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่กว่าท้าวพญาชมพูบดี ลป.ดู่เลยแนะนำให้ลูกศิษย์ของท่านสวดพระคาถามหาจักรพรรดิเพราะจะทำให้มีลาภ เพราะพระพุทธเจ้าปางมหาจักรพรรดิเป็นปางที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ด้วยเหตุดังกล่าวกระผมจึงได้คิดที่จะรวมเอาพระบารมีของสมเด็จองค์ปฐมและพระปางจักรพรรดิเข้าไว้ด้วยกัน โดยถือหลักว่าก่อนที่สมเด็จองค์ปฐมท่านจะได้สำเร็จพระโพธิญาณนั้นท่านก็ต้องบำเพ็ญเพียรบารมีและในหลายๆภพชาติของพระองค์ก็ต้องเคยเกิดเป็นพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิมาก่อน แม้แต่พระพุทธเจ้าพระองค์อื่นก็เช่นเดียวกัน จึงได้กลายมาเป็นสมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิขึ้น เพื่อรวมบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ตั้งแต่องค์ปฐมเป็นต้นมาและบารมีของทุกๆพระองค์ที่เคยเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิ และเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณขององค์หลวงพ่อของเราและองค์ลป.ดู่พรหมปัญโญเป็นที่สุด จึงเป็นมูลเหตุให้เกิดปางนี้ขึ้นมาครับ
และก็เป็นที่น่ายินดีว่าหลังจากที่กระผมและกองทุนคุณพระได้ร่วมกันสร้างสมเด็จองค์ปฐมบรมพุทธมหาจักรพรรดิขึ้นได้ไม่นานก็ได้ทำให้มีผู้ที่มีจืตศรัทธาได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางนี้ตามมาเป็นอันมาก เพราะแต่ก่อนเวลาสร้างก็มักจะสร้างเป็นองค์ปฐมอย่างเดียวหรือสร้างเป็นพระปางจักรพรรดิ(ปราบท้าวพญาชมพูบดี)เพียงอย่างเดียวซึ่งก็จะหมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเท่านั้น การสร้างสมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิจึงเป็นการรวมพระบารมีจองพระพุทธเจ้าทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันครับ
อานุภาพ

 

แจ่มแจ้งโดยแท้

 

เอ่อแล้วทำไมจำเป็นด้วยหรือครับ ที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
ต้องเสวยพระชาติเป็น พระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิก่อนทุกพระองค์
เอ่อ แล้วพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิคือใครอะครับ

 

การบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตนั้น จำเป็นต้องเวียนว่ายตายเกิดนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะบรรลุโพธิญาณ อย่างต่ำก็4อสงไขยกับกำไรอีกแสนมหากัปป์ ซึ่งเวลาเท่านี้เริ่มนับจากที่ได้รับพุทธยากรณ์แล้วเท่านั้นก่อนหน้านั้นที่เวียนตายเวียนเกิดก่อนหน้า4อสงไขยกับกำไรแสนมหากัปป์ยังไม่ได้นับนะครับ และนับเฉพาะชาติที่มาเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้นที่เกิดเป็นสัตว์อื่นๆไม่นับ และความยากที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์นั้น พระพุทธองค์ท่านเคยเปรียบไว้ว่ามีห่วงวงหนึ่งรัศมีวาหนึ่งลอยอยู่ในมหาสมุทร(ซึ่งใหญ่กว่าทะเลแล้วมีเต่าตาบอดตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาหายใจแล้วโผล่เข้ามาในกลางห่วงพอดี ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเกิดเป็นมนุษย์อาจจะยากยิ่งกว่าการถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอีกครับ
ในช่วงที่พระโพธิสัตย์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อบำเพ๊ญพระบารมี30ทัศให้ครบถ้วนนั้น พระองค์ก็มีบางช่วงที่เกิดเป็นสัตว์ต่างๆหรือแม้แต่ลงนรกก็มี ดังนั้นไม่เคยมีสัตว์ใดที่พระพุทธองค์ไม่เคยเป็น พระองค์เคยเล่าว่าแค่น้ำตาของพระองค์ที่เวียนว่ายตายเกิดก็ใหญ่กว่ามหาสมุทรแล้ว หรืออย่างการกรวดน้ำของท่านก็ยิ่งใหญ่จนสามารถพัดพาพญามารและฝูงพลให้พ่ายแพ้ย่อยยับไปได้ คิดดูว่ามากแค่ไหนกองกระดูกที่เคยตายแล้วเกิดมากองสุมกันแล้วก็ยิ่งกว่าโลกทั้งโลกทีเดียว ดังนั้นพระพุทธองค์ทุกพระองค์ต่างต้องเคยเกิดเป็นพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิมาแล้วทั้งนั้น แม้แต่ในอนาคตกาลพระศรีอริยเมตไตรยก็จะมาเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิชื่อพระเจ้ามหาสังขจักรและจะได้ออกบวชบรรลุสัมมาสัมโพธิญาญเป็นพระศรีอาริย์
สำหรับพระเจ้าบรมจักรพรรดิคือใคร ก็ต้องขอบอกว่าตามปกติพระเจ้าจักรพรรดิจะมีอยู่3ระดับตามกำลังบุญบารมีคือพระเจ้าจักรพรรดิ พระเจ้ามหาจักรพรรดิและพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิ ถ้าในสายของวัดปากน้ำก็จะมีจักรพรรดิภาคผู้เลี้ยงตามกำลังฤทธิ์คือจุลจักร มหาจักรและบรมจักร ซึ่งพระเจ้าจักรพรรดิทั้ง3ระดับจะไม่เกิดพร้อมกันในโลก คือเมื่อเกืดจะต้องมีองค์เดียวเท่านั้นเพราะท่านเป็นใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเกิดก็จะมีปราสาททองผุดขึ้นมาเอง และจะมีของวิเศษคู่พระบารมี7อย่างเกิดตามมาด้วยอำนาจบุญบารมีที่กระทำมาในอดีตชาติครับ เรียกได้ว่าฤทธิ์ของพระเจ้าบรมมหาจักรพรรดิ์แม้แต่พวกเทวดายังต้องเกรงเลยครับ ท้าวพญาชมพูบดีถึงได้ลำพองคิดว่าตนเองไม่มีใครสู้ได้เพราะมีของวิเศษเป็นวิสสรที่สามารถจะสั่งให้ไปทำร้านศัตรูที่ไหนก็ได้ และเกือกแก้วที่ใส่แล้วเหาะเหิรเดินอากาศได้และยังใช้เป็นอาวุธได้เมื่อเขวี้ยงไปจะกลายเป็นพญานาค แต่ในที่สุดก็พ่ายฤทธิ์แห่งพระพุทธองค์ครับ

 

ชมพูปติสูตรเทศนา