อยากทราบว่าอาการตึงตรงแน่นๆตรงหน้าผากเหนือหว่างคิ้วประมาณ1นิ้ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย LightLine, 14 มิถุนายน 2014.

  1. LightLine Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +78
    อาการนี้ชอบเป็นบ่อยตอนนั่งสมาธิ เพิ่งเป็นเมื่อประมาณ2ปีที่ผ่าน เวลาไม่นั่งบางทีก็เป็น อยากทราบจากผู้ที่พอจะรู้ว่าน่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไร ข้องใจมานานมากแล้วครับ ขอบพระคุณครับ
     
  2. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,487
    ทางปฏิบัติถือว่าเป็นคนที่มีทิพยจักขุมาก่อนในอดีตชาติครับ.
    และถ้านั่งสมาธิแล้วรู้สึกว่าแค่ตึงๆเฉยๆ และไม่มีอาการปวดศรีษะ
    หรือตึงศรีษะร่วมด้วย ของศรีษะส่วนบนนะครับ.
    นอกจากจะเคยมีทิพยจักขุมาก่อนแล้วยังถือว่าสมาธิสะสมดีในระดับหนึ่งครับ..
    สังเกตุดูครับตอนแรกมันจะคล้ายๆหน่วงๆดันๆจากใต้ผิวหนังเล็กน้อย
    ถ้าเราสมาธิดีหน่อยมันก็จะหมุนวนขวาคล้ายๆใบพัดลมครับและมันจะ
    เหมือนดันๆออกมาเล็กน้อยแต่การหมุนมันจะสม่ำเสมอทั้งระยะที่เรา
    รู้สึกดันๆกับความเร็วในการหมุนครับ.และการหมุนคล้ายๆพัดลม
    แบบนี้ในเวลาปกติทั่วๆไปมันก็หมุนได้ของมันเอง
    แต่ไม่มีผลเสียหายอะไรครับ
    และปกติคนมีอาการแบบนี้มักจะได้เห็นหรือสัมผัสหรือมีความรู้สึก

    ในเรื่องนามธรรมต่างๆเป็นปกติครับ

    แต่ถ้าการหมุนมันถึงขั้นได้ผลมันจะหมุนเหวี่ยงเหมือนคลื่นงวงช้าง
    และหมุมม้วนลงเข้ามาในศรีษะครับส่วนส่งผลด้านไหนค่อยว่าอีกที
    .และถ้าเราฝันนะครับบางทีเรา
    จะเห็นภาพจากจุดนี้ด้วยครับ แสงจะออกจากจุดนี้คล้ายเครื่องฉายสไลด์
    ส่วนมากจะเห็นแบบสภาพแวดล้อมเหมือนกลางวันปกติด้วยครับและมัน
    มักจะเป็นเหตุการณ์ในอนาคต...ส่วนจะเห็นเรื่องอะไร หรือว่าจะปฏิบัติอย่างไร
    ถ้าสนใจมากกว่านี้ค่อยว่ากันครับ..
     
  3. LightLine Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอบพระคุณมากครับ มันตึงเหมือนมีอะไรดันตามนั้นจริงๆครับ เพียงแต่ไม่มีอาการปวดศรีษะ และยังไม่ถึงขั้นหมุน ควรเน้นตรงจุดไหนดีครับ ตอนบวชพระเวลานั่ง มันจะตึงแน่นแล้วเหมือนตัวเองไปนั่งอยู่ในที่โล่งทั้งๆที่อยู่ในกุฏิ แต่อาการนี้หายไปซักพักหลังบวช ตอนบวชเคร่งมากถือว่าบวชเข้ามาแล้วต้องทำให้จริง แต่พอสึกออกมา กลายเป็นว่านานๆจะได้นั่งซักครั้ง อาการนั่งแล้วเหมือนไปอยู่อีกที่ก็ได้หายไปด้วย ช่วยชี้ทางบอกทีว่าผมควรเน้นตรงไหนต่อไป เป็นพระคุณมากครับ
     
  4. LightLine Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +78
    แต่อาการตึงแน่นทุกวันนี้ยังคงอยู่ครับ
     
  5. sumomochi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ผมก็เป็นเหมือนกันครับตึงๆหน่วงๆที่กลางหว่างคิ้ว ชีวิตประจำวันตอนไม่ได้ภาวนายังเป็นเลยครับ เข้ามาขอความรู้อีกคนครับ
     
  6. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,487
    เด่วเล่าให้ฟัง ขอกล่าวคลอบคลุมทั้ง ๒ คนเลยนะครับ.
    เพราะอาการคล้ายๆกัน คือเป็นได้ปกติในชีวิตประจำวัน
    และไม่ปวดศรีษะ.ความจริงถือว่าดีนะครับ.แต่ประโยชน์
    ในระดับนี้นะครับ.ถ้าเราเอาจิตไปจับไว้ตรงหน้าฝากแล้ว
    ภาวนาไป.จะเป็นการสร้างสติทางธรรมไปในตัว
    แบบฐานอยู่ที่กาย ไม่ทำให้จิตใจเราวอกแวกด้วยครับ.
    และถ้าเกิดเราง่วงๆหรือขี้เกียจในขณะทำงานนะครับ.
    จะเป็นการกระตุ้นความรู้สึกให้กลับมาได้อีก.
    จะทำให้เราทำงานได้อีกต่อไป
    และมีสมาธิดีขึ้นด้วยครับ..ตรงจุดนี้ลองพิสูจน์ดูได้ครับ
    ประเด็นข้างบนคือ การใช้ในชีวิตประจำวันนะครับ..


    ส่วนถ้าจะพัฒนาในเรื่องการปฏิบัติ จนถึงขั้นที่หมุน
    เป็นวงกลมวนขวา หมุนแบบเป็นงวงช้างได้. จะต้อง
    ทำการไปเปิดจักระตรงสมองส่วนกลาง หรือกลางกระโหลก
    ศรีษะ ตรงศรีษะที่ขีดแล้ววัดลงมาตรงกับหูครับ ให้ได้ก่อน
    เป็นอันดับแรกถึงจะมีการพัฒนาต่อไปได้ครับ.ด้วยการ
    กำหนดจิตไปให้ถึงกลางกระโหลกศรีษะให้ได้ แรกๆยังจะ
    ยังไม่ไม่ถึงตรงจุดกลางกระโหลกครับจะติดๆอยู่ต้องโคนผม
    ที่ศรีษะก่อน ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะย้ายไปหน่วง
    ที่กลางกระโหลกศรีษะครับ.และพอถึงจุดนี้ มันจะมีความรู้สึก
    ว่าวงการหมุนเริ่มจะมีวงกว้างเป็นวงกลมได้ และจะขยายรอบ
    กระโหลกศรีษะเรา..ถ้าตรงจุดนี้ทำได้แล้ว ตรงเหนือระหว่าง
    คิ้วมันก็จะเกิดการหมุนได้ครับ และไม่ต้องกลัวครับ
    เพราะกลางกระโหลกเป็นการเชื่อมกับระดับภพภูมิดีๆ
    ระดับสูงด้วยครับ. และจะรู้สึกว่าเบากว่านี้
    และก็จะสามารถเปิดจักระจุดอื่นๆตามมาได้เอง
    .และจะสามารถใช้งานด้าน
    ทิพยจักขุในแบบหลับตาได้. สร้างสติทางธรรมได้
    ในเวลาปกติ ระลึกสติเพื่อการทำงานได้..
    และสามารถเชื่อมหรือสื่อสาร
    กับพลังงานภายนอกต่างๆได้หรือสื่อถึงบุคคลอื่นๆได้ด้วยครับ..
    แต่ให้ระวังจุดท้ายทอยนะครับอย่าไปยุ่งตอนนี้.เด่วเอาเท่านี้ก่อน
    ประเด็นอื่นๆปลีกย่อยค่อยว่ากัน หรือถ้ายังสงสัยประเด็นไหน
    ก็ลองถามดูครับ

    ปล.อาการนั่งๆแล้วเหมือนไปปรากฏอีกทีหนึ่ง
    ลักษณะเหมือนว่าสถานที่นั้นๆเลื่อนเข้ามาหาเราเอง
    แสดงว่าเรามีครูบาร์อาจารย์หรือทางภพภูมิท่าน
    เมตตาสอนเราอยู่ตอนนั้นครับ...
     
  7. sumomochi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณ ท่านnopphakanมากครับที่ได้เข้ามาให้ความรู้ และการปฏิบัติในเรื่องของจักระ โดยส่วนตัวก็ยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของจักระเท่าไหร่ แต่ก็ได้เคยอ่านศึกษามาบ้างครับ แล้วถ้าไม่ไปเปิดจักระ ปฏิบัติไปเรื่อยๆนี้จักระจะเปิดเองได้ไหมครับ
     
  8. นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,500
    สาธุๆๆ ขออนุโมทนาในธรรมทาน
    ของคุณ nopphakan ด้วยนะครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,434
    ค่าพลัง:
    +35,487
    ปฏิบัติไปเรื่อยๆจะเปิดได้ครับ..ตามจุดที่คุณเคยๆได้อ่านมานั่นหละครับ.
    เพียงแต่จักระ ๑ กับ ๗ เป็นเสมือนประตูในการเชื่อมกับพลังงานภายนอก
    ทั้งนี้ทั้งนั้นควรมีกำลังสติและสมาธิสะสมพอสมควร
    และเคยเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสมาบ้างเพื่อไม่ให้ยึดติดกับความ
    สามารถพิเศษต่างๆและรู้เท่าทันจิตตนเองไม่ให้หลงไปกับกิเลสต่างๆ
    .และรู้จักการถ่ายเทพลังงานตกค้างเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ
    กับร่างกายต่างๆที่จะตามมา

    ก่อนที่จะเข้าไปเกี่ยวพันธ์กับเรื่องนี้แบบเปิดหมดทุกจุดครับ
    ความจริง ๗ จุดเป็นแค่พื้นฐานเท่านั้น.ยังมีสายวิชา ๙ จุด
    ๑๒ จุดและถ้าทำต่อไปจะเปิดได้ ทั้งที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และสามารถ
    เปิดได้ทั้งตัวด้วยครับคือเชื่อมทางผิวหนังได้เค้าเรียกว่าส่วน
    วิญญานธาตุครับ....ซึ่งแล้วแต่แนวทางการปฏิบัติของแต่ละสาย
    ครูบาร์อาจารย์ที่เราจะได้พบเจอทั้งทางโลกและทางภพภูมิ
    และแนวทางการนำไปใช้งานทางด้านต่างๆที่เป็น
    ประโยชน์ในทางธรรมด้วยครับ..ซึ่งเรื่องทำนองนี้ถ้าไม่ได้
    มีประสบการณ์ด้วยตัวเองก็ยากที่เข้าใจหรือจะอธิบายให้
    บุคคลอื่นๆเข้าใจได้ยากเช่นกัน เผลอๆเราอาจจะโดน
    ปรามาสได้ครับ.เพราะเครื่องรู้บางอย่างมันหาไม่ได้จาก
    ตำราบนโลก เป็นการสอนจากครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิครับ
    เพียงแต่ถ้า ๒ จุดสำคัญยังไม่เปิด อาการหน่วงๆตามจักระต่างๆก็จะเปิดได้เอง
    แต่ไม่ใช่การเปิดแบบถาวรหรือการเปิดที่สามารถนำไปเพื่อการใช้งานด้าน
    อื่นๆที่มีประโยชน์ได้ หมายถึงเปิดในระดับหมุนเป็นคลื่นงวงช้าง(มันกำลังดูด)
    นะครับและอีกกรณีจะเป็นการหมุนรับพลังงานภายนอกคือหมุนคล้ายๆใบพัด
    แต่เป็นใบพัดคล้ายๆตัวอินฟินิตี๊ หรือเลขแปดสากลแบบแบนๆ
    .หาก ๒ จุดสำคัญไม่เปิดมันก็จะปิดของมันเองได้เพราะ
    แต่บางคนจุดที่ ๗ หรือ ๑ เค้าเปิดเองได้แบบไม่รู้ตัว.เลยทำให้จุดๆอื่นเค้าเปิด
    ตามมาโดยบางครั้งเจ้าตัวก็ไม่รู้สาเหตุนั่นเองครับ.
    เพราะจะมีพลังงานธาตุอากาศจากภายนอกมาหนุน
    จากอากาศธาตุภายนอกตัวนี้ จึงส่งผลให้คนที่จักระเปิดส่วนมาก
    จะมีความรู้สึกรับรู้เกี่ยวกับพวกอากาศและลมได้ดีเป็นปกติครับ..

    แต่สุดท้ายถ้าเราไม่ได้มารูปแบบที่จะต้องใช้พลังงานตรงนี้เพื่อประโยชน์
    ทางด้านอื่นๆ.เราปฏิบัติของเราไปปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ.
    ขอให้หลักๆอยู่ใน ทาน ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นใช้ได้
    แต่หากว่าเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเหตุใดก็ตาม
    เราก็ควรที่จะต้องเรียนรู้และอยู่กับมันในสภาพชีวิตปกติ
    และเพียงแต่ว่าจุดกลางกระหม่อนที่ได้แนะนำไปก่อนหน้านั้น.
    เป็นจุดที่ไม่มีอันตรายไม่ส่งผลกระทบกับร่างกาย.
    ซึ่งจะช่วยในเรื่องทิพยจักขุซึ่งหากเรามีตรงนี้
    จะทำให้ความเข้าใจในส่วนนามธรรม การส่งผลต่อ
    ความเชื่อที่ส่งผลต่อการปฏิบัติของเราชัดเจนยิ่งขึ้น
    ดีกว่าการที่เราเพียงแต่ ได้ยิน ได้อ่านมา.
    มันก็พอจะมีประโยชน์ในการปฏิบัติที่เราจะได้รับ
    จากองค์ความรู้ต่างๆที่เราสัมผัสได้.
    ที่จะเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติตามความเหมาะสมเฉพาะเราได้
    และจักระที่กลางศรีษะเป็นช่องทางสื่อสารช่องทางหนึ่ง
    จากภพภูมิระดับสูงๆหรือครูบาร์อาจารย์ทางธรรมรูปแบบหนึ่งด้วยครับ.

    .ปล.ประมาณนี้ครับแบบทั่วๆไป
     
  10. tOR™ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +328
    พยายามย้ายจุดดูครับ บังคับได้แล้วก็ทำให้นิ่งต่อไป ทำให้มันหยุดหมุน มันเป็นนิมิต ถ้าไปเพ่งแถวนั้นผมว่าไม่ดีเท่าไหร่ หากว่าถ้ากายทิพย์หลุดออกมาก็จะตกใจ พยายามสวมเข้าไปที่กายเนื้อ สวมทั้งตัวยังไม่ได้ก็ให้แขนขยับได้ก่อนก็ได้ครับ แค่นี้ก็คืนร่างเดิมได้แล้ว

    มีไร pm มาได้ครับ เพราะตอนเด็กๆผมเป็นมาก่อน อ่านข้อความที่นี้ระวังให้มากครับ คนที่เขาเป็นเหมืนกันมาอ่านจะเข้าใจผิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปต่อความครับ ดีที่สุด
     
  11. tOR™ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +328
    เพิ่มเติมอีกนิดไม่รู้จะได้มาตอบอีกไหม ก็คือทำให้หยุดหมุนได้แล้วต่อไป ถ้าไม่เรียกนิมิตนี้มาก็ไม่ปรากฏนะครับ ต้องการให้ปรากฏก็ปรากฏได้ เท่านี้ก็พอล่ะครับ ต่อไปอยากทำอะไรด้านสมาธิก็ทำตามปรกติได้
     
  12. sumomochi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอบคุณครับ อนุโมทนาในธรรมทานที่ท่าน nopphakan ได้เข้ามาให้ความรู้ ตอนนี้ยังไม่ถึงไหนเลยครับแต่จะพยายามทำตามที่ท่านแนะนำครับ
     
  13. บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ให้ ****กำหนด*** ***รู้*** ***ทุกข์*** ในความสงสัย
    ไม่ว่าสงสัยอะไรให้ ***กำหนด*** ***รู้*** ***ทุกข์***
    ในความสงสัยนั้นๆ

    จนกว่าคุณจะพบว่าสงสัยก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน และถัดไปเป้นคนละสงสัย
    เป้นคนละ อัตตะ อัตตะ อัตตะ
    และ
    จนกว่าคุณจะพบว่า ไม่มี สงสัยก่อนหน้า ปัจจุบันและถัดจากนี้
    เพราะเรา ***กำหนด*** ***รู้*** ***ทุกข์*** ***ใน*** ***ลังเลสงสัย***

    ทุกข์จะเป็ฯสารสื่อประสาท ทุก ****อัตตะ*** จะรวมตัว จะแยกตัวกันเอง
     
  14. บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,236
    ในเบื้องต้น เราจะไม่สามารถทรงฌาน
    ไม่สามารถทำอัปปนา่สมาธิได้

    ทุกข์จะมี อันก่อนหน้า อันปัจจุบัน อันถัดไป

    และถ้าโชคดีคุณกำหนดรู้ทุกข์ตั่งก่าก่อนทรงฌาน นานๆทรงฌานได้จิ๊ดนึงก็พอ
    พอเข้าฌาน มีอัปนาสมาธิ บังเอิญก็ได้ แต่กำหนดรู้ทุกข์นอกฌานไง
    พอเข้าฌานบังเอิญ มั้ง คุณจะยังเห็นทุกข์อยู่
    แต่ไม่มีอันก่อนหน้านี้ ไม่มีอันปัจจุบัน และไม่มีอันถัดไป
    กำหนดรู้ทุกข์ในอริยะสัจจะ สี่

    อวิชชาประกอบด้วย
    ราคะ
    และ
    ฉันทะ
     
  15. ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    จุดมโนทวาร

    อยู่ตรงกลางระหว่างคิ้ว ตรงดั้งจมูกหัก จุดนี้เป็นทางออกของกระแสความคิด เมื่อสติดีขึ้นซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติ ก็จะเห็นความตรึง ณ ที่จุดนี้หรือบริเวณข้างเคียงกับจุดด้วย
    การเพ่งฌานก็จะเพ่งเข้าที่จุดนี้ จุดมโนทวารนี้หลวงปู่สาวกโลกอุดรเป็นผู้ค้นพบและปฏิบัติเพ่งฌานจนบรรลุธรรม ดังนั้นจุดมโนทวารจะไม่ปรากฏในตำราใดๆ แม้นในพระไตรปิฎกก็ไม่มี จะมีเฉพาะตำราที่หลวงปู่สาวกโลกอุดรแต่งหรือแสดงธรรมไว้เท่านั้น
    จุดของคุณเป็นตำแหน่งเหนือคิ้ว จุดนี้เพ่งไม่ได้นะครับ หากเพ่งจะเสียสติเพราะจุดนี้เป็นเส้นประสาท อาการตรึงสามารถเกิดได้ทั้งรอบบริเวณจุดมโนทวาร เช่นหน้าผาก ที่ดวงตาหรือที่บริเวณโพรงจมูก แต่ตัวจุดจริงๆเขาจะไม่ตรึงหากไม่เพ่งเข้า จุดอื่นเกิดขึ้นเหมือนหลอกให้หลง
    แสดงเท่าที่รู้ เชื่อหรือไม่ ก็ไม่ว่ากันครับ
     
  16. tOR™ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +328
    คุณอ่านเรียงความ สังเกตุที่มาที่ไปบ้างนะครับ อยู่ดี ๆ ไม่ใช่จะมาได้นะครับ

    ขอฝากแนวคิด : ห้างสยามพารากอน มีคนเข้าไปนับล้าน มีซักกี่ท่านที่จะทราบว่า
    1. มีห้องน้ำกี่ห้อง มีไฟกี่ดวง ขนาดกว้างยาวเท่าไหร่ ฯลฯ
    2. คนเข้าไปทุกคน เห็นสัมผัส เหมือนคุณที่ได้พบบางอย่างด้วยตนเอง
    3. แต่คุณไม่ทราบใ่ช่ไหมครับรายละเอียดดังกล่าว

    เรื่องคร่าว ๆ สิ่งที่คุณเจอ ถ้าให้เงินทุนไปซัก 100 ล้าน คุณจะทำวิจัยเรื่องนี้อย่างไรครับล่ะครับ ข้อความเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่านจับโน้นผสมนี้ ให้ระมัดระวังให้มากที่สุดนะครับ ข้อมูลบางอย่างอ่านแล้วดูที่มาที่ไปว่า มาได้อย่างไร ได้มาแบบนี้แล้ว จะต้องไปทำอะไรได้มา ไม่ใช่ว่า อ่านหนังสือหรือจิตนาการไป ผมเรียกว่าเพ้อเจ้อ หรือฟุ้งซ่านครับ
     
  17. LightLine Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +78
    เพิ่งเสร็จงานกลับมาอ่าน สับสนมากมายครับ แต่ยังไงขอขอบคุณทุกๆท่านในความหวังดีครับ วันนี้ผมเจอแต่เรื่องแย่ๆ อยากกลับไปบวชจัง อยากหาที่ๆสงัด เบื่อทางโลกที่แสนจะวุ่นวายเหลือเกิน ฝันไว้ว่าอยากบวชตลอดชีวิต แต่ต้องดูแลครอบครัว ผมเองก็ลูกคนเดียวอยากให้ทางครอบครัวสบายทั้งกายและใจก่อน คงต้องมีวันนั้นซักวัน
     
  18. Cool_time สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +24
    เพ่งมากเกินไปครับถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้น ตอนนั่งสมาธิให้ เอาจิตไล่ไปตามลมหายใจเข้าออกให้รู้ว่าลมกระทบจมูกผ่านลำคอเอาไปที่ปอดผ่านลงท้อง แล้วไล่จากท้องขึ้นมาปอดผ่านลำคอ ออกจมูก ทำไปเรื่อย ๆ ซักพักอาการนี้จะหายน่ะครับ นั่งสมาธิไม่ต้องหวังจะเห็นอะไรครับให้มีสติรู้อยู่ตลอดก็พอ ส่วนเรื่องอยากบวชนั้นรอให้หมดภาระหน้าที่ก่อนก็ได้ครับช่วงนี้ก็บวชใจถือศีล 5 ศีล 8 อยู่บ้านวันพระก็ชวนครอบครัวไปทำบุญที่วัดก็ได้ครับ
     
  19. LightLine Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +78
    ขอให้คณบอกมาให้กระจ่างทีครับ ขอบคุณครับ
     
  20. sumomochi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +19
    รอคุณ ส่องตน มาตอบอีกคนครับ
     

แชร์หน้านี้