อยากทราบว่าแสงสีม่วงที่เห็นนี้ คืออะไร คือ ผี หรือ โอภาส หรือ การบอกระดับฌาณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 27 สิงหาคม 2013.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ปกติ ก็ไม่ได้มาเล่าเรื่องการปฏิบัติอะไรในห้องนี้เพราะรู้สึกสมาชิคแต่ละท่านจะแรงๆกันทั้งนั้นและ พูดอะไรไปอาจจะเป็นการอวดอุตริ อวดตน แต่ เพราะเหตุที่มันเจอบ่อยจนเกิดความสงสัยขึ้นมา เลยอยากลองถามดูว่ามันคืออะไรนะคะ

    ดิฉันเริ่มเห็นแสงเป็นดวงสีม่วงนี้ครั้งแรกก็หลังเหตุการณ์ที่คนรักของดิฉันเสียชีวิตคือ ปี 2012 จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาเพ่งอะไรก็ตามแต่ เช่น เวลาอ่านหนังสือ, หรือเวลาป่วยอารมย์ไปจับที่ความเจ็บปวดแสงนั้นก็จะมาให้เห็นแวบนึงชัดมากๆ, หรือเวลาร้องไห้ แสงก็จะมาเหมือนกัน....... วันหนึ่งๆจะเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง, อย่างเมื่อดึกๆที่ผ่านมาดิฉันนำภาพผู้เสียชีวิตที่รักมานั่งดูก่อนนอน ภาพหน้าของเขาในกิริยาตามรูปถ่ายก็ปรากฏในสมาธิ แป็บนึง พอเราออกจากสมาธิที่เห็นภาพเขา แสงสีม่วงก็มาปรากฏอีก


    บางครั้งดิฉันเหนื่อยมากเวลานอนไปหรือบางทีทำสมาธิ หรือแม้แต่ตอนง่วง ภาพใบหน้าของคนรักที่เสียชีวิตก็ค้างกลายเป็นนิมิต คนปกติถ้าสร้างนิมิตก็จะสร้างเป็นภาพพระ แต่ของดิฉัน ณ ปัจจุบันของวิกฤตกาลช่วงนี้ มันก็จะมีแต่หน้าของเขามาแทรกอยู่เรื่อย แทนการภวานาพุทธ โธ หรือ การสร้างนิมิตพระ ซึ่ง ภาพของเขาก็คือ นิวรณ์ นั้นเอง ดิฉันจึงคิดว่า ไหนๆมันก็เห็นแต่หน้าเขาไม่เลิกก็เอาหน้าเขานี้แหละทำเป็นนิมิตไปซะเลย


    หลายครั้งนอนสมาธิ ภาพของเขากลายเป็นนิมิตค้างอยู่นานมากจนแม้แต่ยามหลับ จนฝันภาพหน้าของเขาก็เลยต่อจากนิมิตไปจนถึงฝัน หรือมันไม่ใช่ฝันแต่เป็นนิมิตก็ไม่ทราบ เพราะมันเห็นแต่ภาพ ไม่เคลื่อน,ไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว และขยับ บังคับตัวไม่ได้

    คำถามที่อยากทราบก็คือ แสงสีม่วงกลมนั้นตกลงมันคืออะไรคะ มันคือ วิญญาณของผู้ตายที่ดิฉันนึกถึง หรือมันคือ โอภาสหรือ มันคือการบอกระดับฌาณ หรือ อะไรสักอย่าง


    แสงนี้มีสีเดียวกับตัวอักษรสีม่วงที่ดิฉันพิมพ์คะแต่ มันออกม่วงสว่างๆกว่านี้ ม่วงสีหวานใสๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ว่างๆสดวกๆ..หาชื่อ จอมมารผาไม้ดำนะ..
    จะคุยและได้รายละเอียดชัดเจนพอสมควร..
    คิดว่าพอรู้แล้วนะว่า.ไปเจอได้ที่ไหน..
     
  3. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    สิ่งที่กล่าวต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
    ปกติคนเราพอตายแล้วก็จะเกิดทันที และประเภทเดียวที่สามารถคอยติดตามคุณได้คือเปรต หากสิ่งที่คุณเห็นนั้นจริง ข้อดีคือเค้าเป็นเปรต(ปรทัตตูปชีวิกเปรต)ประเภทเดียวที่รับส่วนบุญได้ค่ะ ส่วนฌาณยังคงไม่ได้ เพราะที่กล่าวมาไม่ใช่อารมณ์ฌาณ
    ฌาน - วิกิพีเดีย
     
  4. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    การภาวนาท่านให้ภาวนาดูกาย เช่นนั่งภาวนาดูลมหายใจ จนจิตสงบ อย่างปล่อยให้จิตไปคิดฟุ้งซ่าน การเห็นนิมิตเป็นแสงสีต่างๆ นั้นหมายถึง จิตไม่ได้รู้อยู่กับกายแล้ว แต่เมื่อแก้นิมิตไม่ได้ก็เลยเอาหน้าคนรักเป็นนิมิตไปเลย ตรงนี้ดีครับ ตรงจุดนี้ถ้าพลิกกลับมาทางด้านปัญญา จับภาพหน้าคนรักไปเรื่อย ๆ จนนิมิตภาพคนรักหายไป จิตไปเห็นนิมิตเป็นแสงสีหรืออะไรก็ตามนั่นหมายถึงจิตหลุดจากภาพนิมิตคนไปรักไปรับรู้นิมิตที่เป็นแสงสี ถ้าพิจารณาด้วยปัญญาอย่างนี้จะเห็นว่า จิตมันพิศดารมาก มันหลอกเรา เราภาวนาเพื่อต้องการสงบเพื่อพิจารณากาย แต่จิตมันไม่เชื่อเรา มันคิดนั่นคิดนี่เห็นนั่นเห็นนี่เต็มไปหมด เดี๋ยวจับแสงสีเดี่ยวไปเห็นรูปหน้าคนรัก จากนิมิตแทนที่จะใช้ปัญญาดับนิมิตทำใจให้สงบระงับเป็นสมาธิ กลายเป็นหลงนิมิตจนเอาไปฝัน การที่จิตนึกถึงผู้ตายเพราะมีความผูกพันกันมามาก ถ้าจิตคิดว่าแสงสีนั่นเป็นวิญญาณของผู้ตายเป็นการบอกอะไรสักอย่างหนึ่งมันเป็นไปได้หมดครับ เป็นตัวหนังสือสีม่วงก็ยังได้ถ้าจิตอยากให้เป็นครับ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    จอมมาร ผาไม้ดำ คืออะไรคะ คุณก็รู้ดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทย คงไปหามาอ่านไม่ได้หรอกคะ พูดเป็นปริศนาเชียวเซิรชในเนตก็ไม่มี
     
  6. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    แสงสีม่วง อาจจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราเห็นมา เนื่องจากเราไม่รู้เราจึงสงสัยว่า แสงสีม่วงนี้หมายถึงอะไร
    แสงสีม่วงหมายถึงอะไรนั้น ขอให้ยกเอาไว้ก่อน เหมือนคน เห็นฟ้าแลบ แล้วไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เอะใจถามว่านั่นคืออะไร นั่นใช่ของวิเศษหรือไม่หนอ ก็ยกเอาไว้ก่อน หากยังไม่รู้ แต่พอทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าคะนองก็มักจะเห็นแสงฟ้าแลบนี้เสมอ จึงเป็นข้อยุติได้ว่า เป็นเรื่องปกติที่ก่อนฝนตกจะมีฟ้าแลบ เมื่อทราบความจริงแล้ว หลังจากนั้นฟ้าจะแลบอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้สงสัยอีกเลย
    ทีนี้มาถึง แสงสีม่วงนี้ ก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นความปกติของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพียงแต่เรายังไม่รู้จักมันมากพอ เราก็เอะใจ และอยากรู้คำตอบ แล้วด้วยความไม่รู้เราก็ผูกโยงไปยังเรื่องนั้นเรื่องนี้ สิ่งเหล่านี้เราจะไม่มีทางทราบคำตอบที่ชัดเจนได้ หากเราไม่มองอย่่งเป็นกลางเสียก่อน เพราะคติของเราจะดึงไปผูกกับเรื่องที่เราอยากจะให้มีให้เป็น
    คำแนะนำคือ ลองหมั่นทำจิตให้สงบก่อน ลืมเรื่องวิญญาณผู้ตายไป แล้วเมื่อจิตสงบดีแล้วยังเห็นอีกก็ให้สืบสาวดูว่า เห็นตอนไหน เมื่อไร อย่างไร เมื่อชัดเจนแล้ว แล้วว่ามิได้เป็นอาการตาฝาดหรือเห็นเพียงชายตา และมีผลต่อชีวิตจนสังเกตุได้แล้วจึงค่อยหาคำตอบอีกทีนะครับ ทำแบบที่กล่าวมาจึงเรียกว่าใช้สติปัญญาพิจารณาไตร่ตรองปัญหาให้ดีแล้วจึงค่อยหาคำตอบ
     
  7. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ตอบตามความเข้าใจของผมนะครับ

    ก่อนอื่นนะครับ...
    พอดีเคยทดลองวิชา ที่เอารูปคนมาเข้าสมาธิแล้วสั่งให้ทำตามที่เราต้องการ
    ขั้นแรกนะครับ ให้เข้าสมาธิโดยการนึกถึงคนที่เราต้องการจะสั่งไปเรื่อยๆ
    พอจิตเข้าเขตุอุปจารสมาธิ รูปคนจะปรากฏออกมาทั้งตัว เหมือนคนจริงๆมีการเคลื่อนไหวไปมาเล็กน้อยพอให้สังเกตุได้ว่า
    คนไหนสั่งได้ คนไหนสั่งไม่ได้
    ขั้นสองนะครับ บอกไม่ได้...
    เพราะคนที่เราสามารถสั่งได้ เราให้ทำอะไร เขาก็จะทำ
    แล้วเราเองก็จะมีกรรมให้ไปโดนเรื่องแบบนี้เอาง่ายๆทีหลังด้วย

    ทีนี้นะครับ กลับมาเข้าเรื่อง
    เทียบจากประสบการณ์วิชามารของผมนะครับ
    ภาพของเขาที่คุณเห็น เป็นนิมิตที่เกิดจากสมาธิที่เอารูปของเขาเป็นองค์กรรมฐานเท่านั้นแหละครับ
    ตัวจริงอาจจะไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

    อีกเรื่องนะครับ เรื่องแสงสีม่วง
    ส่วนตัว ไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้ แต่ว่ามีบางคนที่ได้นิมิตจากอานาปานุสติ เป็นแสงมีสีต่างๆกันไป
    ดังนั้น เป็นไปได้ว่า แสงสีม่วงที่คุณเห็น เป็นนิมิตจากอุปจารสมาธิ ในเวลาที่คุณไม่ได้เอารูปเขามาเป็นองค์กรรมฐานเท่านั้นเองครับ

    ทีนี้การบอกระดับฌาน
    โดยปรกติ พอเข้าฌาน นิมิตมันจะหยุดเคลื่อนไหว และคลายสีออกเป็นสีขาวหรือเกือบขาว
    และยิ่งขาว ยิ่งใส ไปเรื่อยๆตามความลุ่มลึกของฌาน ที่คุณเข้าอยู่
    ถ้าสีม่วงของคุณ ยังหวาน ยังใส อยู่ละก็
    มั่นใจได้ค่อนข้าง 100% ว่า เป็นอุปจารสมาธิ
     
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ของผม ตอนถึงอุปจารสมาธิ ก็เป็นดวงสีม่วง เหมือนกัน

    คิดเหมือนท่าน solardust ว่าน่าจะเป็น นิมิตของอานาปานุสติ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันมีธุระต้องออกไปข้างนอกคะแล้วจะกลับมาตอบ
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แสงที่เห็นลักษณะเป็นดวงกลมๆ ชัดมาก บางทีก็มีเหมือนกันที่มันปรากฏเป็นสีฟ้าเหมือนไฟที่แล็บออกมาจกปลั๊กเสียบ แต่ส่วนใหญ่จะสีม่วงอมชมพู ไม่ได้เห็นด้วยหางตา แต่เห็นจะๆ อย่างเวลาพิมพ์ ตัวอักษรนี้ก็เหมือนกันถ้าเพ่งสมาธิ จริงจังมากๆ ดวงกลมสีม่วงก็จะปรากฏขึ้นมาทันที
     
  11. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ก็ให้จำอารมณ์ ความหนักเบา ของจิต ตอนนั้นไว้ให้ดีครับ

    แต่ควรทำแบบสบายๆดีกว่า ไม่ถึงว่าต้องเพ่งมาก

    ถ้าผ่าน อุปจารสมาธิ ก็จะเข้า ฌาน ครับ


    ปล มโนยิทธิ ครึ่งกำลัง ใช้สมาธิ ระดับ อุปจารสมาธิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 สิงหาคม 2013
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ครับที่เป็นวงกลมมีรูปร่างชัดเจนมีความสว่างในตัวขนาดเท่ากับหัวไม้ขีดไฟ ถ้าเป็นสีออกฟ้า หรือม่วงนะครับ..
    หรือไม่ก็ขนาดเท่าเข็มหมุดถ้าเป็นสีขาว หรือว่าขนาดใหญ่กว่าหน่อยถ้าเป็นสีเขียวหรือสีส้ม
    ก็คือ ดวงธรรมหรือบางคนอาจจะเรียกว่า ดวงจิตของระดับเทวดาถ้าเป็นสีขาว หรือสีม่วงหรือ
    ฟ้าเป็นเทพครับ..เอกลักษณ์คือเราหันไปมองจะหายไป และการปรากฏอยู่ในตำแหน่งไม่แน่นอน
    เราจะสามารถเห็นได้ แม้ไม่ต้องทำสมาธิเพียงแค่หลับตา หรือ บางครั้งเราลืมตาอยู่ก็สามารถเห็น
    ได้.ซึ่งถือว่าการเห็นได้เป็นสิ่งที่ดี.

    .และมีเอกลักษณ์อีกอย่างคือถ้าเราเห็นไปมองจะหายไป
    .แต่หากว่า วงกลมที่ว่ามานี้อยู่ในตำแหน่งด้านขวาของศรีษะ
    โดยที่ไม่ขยับไปไหน บอกได้ว่าเป็นคนที่เรารู้จักในชาตินี้ที่ได้เสียชีวิตไปแล้วแวะมาหา
    ส่วนมากจะเห็นตอนนั่งสมาธิถ้าแบบนี้.ถ้าตำแหน่ง
    เดียวกันแต่ว่าการขยายรัศมีส่องมาทางด้านขวาเป็นการส่งกระแสพลังงานหรือของเก่าจากครูบาร์
    อาจาราย์ทางภพภูมิ แต่ถ้าอยู่ด้านซ้ายในลักษณ์ที่เป็นสีขาวในทำนองเดียวเป็นเทพเทวดาประจำตัว
    ของเราเอง..แสงที่กล่าวมานี้จะไม่เย็นจะออกอุ่นๆเล็กๆน้อย..แต่ถ้าสว่างว๊าบทั้งศีรษะเป็นอาการปิติ
    ประเภทหนึ่งคือ ไม่มีความร้อนและความเย็็น..ประมาณนี้นะครับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อ่อ...ลิืมบอกไปครับ..ลักษณะการเห็นแบบนี้ถือว่า ณ เวลาขณะนั้นจิตมีสภาวะความเป็นทิพย์
    ชั่วคราว..ใช้ตรวจสอบตอนที่เรากำลังทำบุญหรืออุทิศส่วนกุศลได้ครับ.ยิ่งไปอยู่สถานที่ใด
    ที่มีเทวดาหรือเทพเยอะจะเห็นได้มากขึ้นในขณะหลับตา..และใช้เป็นตัวตรวจสอบกำลังบุญ
    ของเราในการอุ
    ทิศส่วนกุศลได้อีกระดับหนึ่งด้วยครับ.
    .เด่วในอนาคตถ้าคุณ ทำบุญอุทิศส่วน
    กุศลบ่อยๆไปเรื่อยๆ ..ในระดับที่สัมพะเวสีมานั่งคุกเข่าเพื่อรอรับบุญจากคุณ และสัมผัสภพภูมิใน
    ระดับที่สูงกว่าปัจจุบันนี้.ต่อไปจะสามารถมองเห็นดวงธรรม.แบบที่เค้าถ่ายรูปติดด้วยตาเปล่า.ในระยะ
    ไม่เกินหนึ่งฟุตวัดจากหน้าคุณออกไปได้ แบบบังคับให้คุณต้องเห็นได้ครับ..
     
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ท่าน noppakhan บอกได้ตรงมาก อย่างกับตาเห็น......รู้ด้วยว่าขนาดมันประมาณหัวไม้ขีดไฟใช่เลยคะ
     
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    เคยไปเที่ยวเมืองเก่า เห็นจุดแบบนี้ ลอยอยู่ใระดับเรี่ยพื้น เคลื่อนไหวได้ เต็ม

    ไปหมด ก็ไม่แนใจเหมือนกันว่าคืออะไร เข้าไปเห็นภาพเบลอๆ เหลื่อมๆ ก็

    เลยแผ่เมตตาก่อน พอเดินออกมา คล้ายมีคนเรียก เลยหันกลับไป เข้าฌานเต็มที่

    แผ่เมตตาเต็มเหนี่ยวเลย พอหมดแรง รีบชิ่งออกมาก่อน ชักเยอะ ไม่ไหว

    เหมือนกัน
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019

    สามารถเห็นได้และคิดแผ่เมตตาก่อน.ส่วนตัวถือว่าดีนะครับ จุดนี้ขอชมเชยนะครับ
    .และควรทำให้เป็นปกติให้เป็นนิสัยแม้ว่าเราจะไม่เข้าใจว่าคืออะไรก็แล้วแต่
    เนื่องจากการที่เราอุทิศส่วนกุศลแล้วจะทำให้จิตเราลงสู่ความสงบ
    ในใจและเพิ่มความเมตตาในจิตให้มีสูงยิ่งๆขึ้นไปได้
    และจะเป็นการเพิ่มวงสมาธิของเราให้ขยายไปเรื่อยๆด้วยครับ
    และเป็นฐานสำคัญที่จะเพิ่มส่วนของความเข้าใจในสมาธิ
    ในเรื่องของสัมผัสต่างๆจะทำให้เราฝึกอะไรก็จะให้ไปได้เร็ว
    ประเด็นต่อไปนี้จะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ...

    การเพิ่มวงสมาธิในทางกิริยาทางจิตก็คือ ถ้าเราสามารถอุทิศส่วนกุศล
    ไปได้ถึงไหน.จิตเราที่ส่งออกไปโดยมีกำลังสติคอยควบคุมจะสามารถไป
    ได้ถึงนั้น...สามารถพัฒนาไปถึงอีก ๓ ทวีปที่เหลือได้และจะไปได้ไกล
    ได้ไกลอย่างแน่นอนหากขอบารมีพระร่วมด้วยและปลอดภัย
    และการอุทิศส่วนกุศลในส่วนที่เราจะยกระดับให้เลยอุปจาร
    สมาธิขึ้นไปถึงระดับฌาน ๑ แบบที่คุณทำเป็นธรรมดาที่ทำใหม่ๆเราจะเหนืื่อย
    ได้ครับคล้ายๆว่าร่างกายยังไม่ชิน....วิธีการหนึ่งนอกจากการรักษา
    อารมย์ที่เราต้องทำคือการ

    ขอบารมีพระพุทธเจ้าฯ พระปัจจเจกพุทธเจ้าฯ พระธรรม พระอริยเจ้าทั้งหลาย
    ให้มารวมกันอยู่เบื้องหน้าเราให้ได้และให้เกิดเป็นวงกลม.และด้วยบารมีที่เราทำมา
    ทั้งหมดก็ให้ไปรวมกับบารมีธรรมของท่านทั้งหลายเหล่านั้นก่อน.แล้วค่อยอุทิศส่วน
    กุศลตามแต่ที่เราจะต้องการครับ..จะสามารถทำให้เหนื่อยน้อยลง เพิ่มวงสมาธิ
    เรา.และที่สำคัญบารมีพระท่านมีหาประมาณไม่ได้.กลุ่มวิญญานบางกลุ่มที่พอมี

    ฤิทธิ์จะโมทนา.หากใช้บารมีเราอย่างเดียวจะเหนื่อยและกลุ่มนี้บางครั้งอาจจะ
    ไม่เกรงใจเราได้ครับ และที่สำคัญโอกาสที่ครูบาร์ อาจารย์เราในอดีตชาติ
    ท่านจะกลับมาสอนเราในสมาธิมีโอกาสเร็วขึ้นครับ..
    ที่เราให้ฟังส่วนตัวเรียกว่า การสร้างบารมีซึ่งมีผลโดยตรงกับสัมผัสและ
    ความสามารถพิเศษส่วนตัวของเรา.ที่เห็นเป็นรูปแบบที่ชัดเจนก็สายหลวงปู่
    หลวงตาที่ท่านแจกพระผงไว้ให้ทำสมาธิและมีบทสวดเฉพาะนะครับหรือถ้านึกอะไรไม่ออกฟัง
    เทคนิคที่หลวงตาท่านปัจจุบันนี้ท่านชอบเน้นๆอยู่บ่อยๆตอนที่ท่านเทศก็ได้ครับ.
    ถ้าจับทริคตรงได้ก็โอเลยครับ.ส่วนตัวเชื่อว่าสายท่านได้รับการยอมรับจากทุกภพภูมิ
    และทุกระดับชั้นในส่วนภพภูมิครับ

    ปล.ถือว่าเล่าสู่กันฟังไว้นะครับเพื่อสนใจ...​
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ดิฉันเคยเล่าไปในกระทู้นึงในหมวดผีนานแล้ว เคยขอบารมี พระ พุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ ทุกพระองค์ ขอเทพหลายองค์มาก อยู่ช่วงหลังสวดชิณบัญชร โดยการขอให้คนรักที่ตอนกำลังนอนอยู่ไอซียู แต่ทำแบบนี้แค่สามวันก็ต้องเลิกเลย ที่เคยเล่าไปว่า เจอเสือโคร่งตัวใหญ่มากมานอนที่ข้างเตียง เจอที่ปลายเท้าก็มี เจอทุกคืนที่สวด ดิฉันขอบอกว่าถ้าเขาหายป่วย ดิฉันจะบวชตลอดชีวิต แต่ไม่รู้ทำไมถึงเจอเสือโคร่งตัวใหญ่มาก แปลกมากๆเลย เลยสวดและขอแค่สามวันคะ หลังจากนั้นช่วงก่อนเขาจะเสียเพราะมาโดนฆ่าตายก็ เจอผี มาให้เห็นปละปลายเป็นครั้งคราว ส่วนตัวเขาก็อย่างที่เคยเล่าไป ว่า เขานอนหลับไปก็ฝันเห็นผู้ชายกลุ่มเดิมๆ หน้าเดิมมาหาตลอด เขาบอกพวกผู้ชายพวกนี้มาเข้าฝันหลังจากดิฉันกลับมาที่ยุโรป แต่ช่วงที่ฝันคือ ประมาณสองอาทิตย์ก่อนเขาจะเสีย


    ส่วนน้องสาวเขาที่ตายอาทิตย์เดียวกันนั้นก็เจออะไรแปลกๆเหมือนกันก่อนตาย และทุกวันนี้ตำรวจก็ยังสรุปไม่ได้ว่าเธอตายเพราะอะไร แต่ดิฉันคนเดียวนี้คะที่รู้ ว่าต้นตอที่พวกเขาต้องมาตายก็เพราะดิฉันกับสิ่งที่มองไม่เห็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อืม...ถาม คุณ Duss หน่อยนะครับเพื่อว่าจะมีอะไรเล่าให้ฟังต่อได้
    .ว่าเสือโคร่งตัวที่เห็นเนี่ย.หน้าตาเรามองแล้วรู้ว่าเป็นหน้าเสือโคร่ง
    แต่ว่าสังเกตุดีๆตามลำตัวไม่ยักจะมีลายเหมือนเสือโคร่งๆทั่วๆไป
    และขนดูเรียบๆเฉพาะส่วนลำตัวถ้าดูด้านข้างลึกประมาณเมตรหนึ่งได้
    หรือเปล่าครับ.

    .หรือว่าเราเห็นแล้วคิดว่าเป็นเสือนะตอนนั้นก็จริงๆอยู่..เอ่อ...แต่คิดอีกทีหน้าตา
    ดูคลับคล้ายคลับคาว่าจะเหมือนสิงโต
    ถ้าแบบแรกเป็นได้ว่าตอนนั้นกำลังฝึกกสิณหรือฝึกสมาธิถึงขั้นที่สร้างรูป
    ได้ค่อนข้างดี.ถ้าแบบที่สองเป็นโอปาติกะที่คอยตามคุ้มครองคนรัก..

    ปล.เด่วค่อยว่ากันอีกทีครับ
    .
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    แต่ดิฉันคนเดียวนี้คะที่รู้ ว่าต้นตอที่พวกเขาต้องมาตายก็เพราะดิฉันกับสิ่งที่มองไม่เห็น

    กรรมใครกรรมมันครับ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301



    เหมือนเสือโคร่งมีลายทั่วๆไปคะแต่ตัวมันใหญ่มากกว่าเสือไทย ออกคล้ายจะเป็นเหมือนเสือต่างประเทศคะ คืนแรกพอสวดเสร็จขอทุกสิ่งทุกอย่างประมาณว่าสามโลกเบื้องหน้าเบื้องหลังเบื้องบนขอหมด บนทุกอย่าง แม้กระทั้งว่าบวชภิกษุณีตลอดชีวิตก็ได้ โกนหัวก็ไม่เป็น ไร ขออย่างเดียวอย่าให้ผู้ชายคนนี้ตายเป็นพอ (พูดๆอยู่นี้วงกลมมีแสงก็มาอีกแล้วแต่มาเป็นดวงสีออกฟ้า อยู่ด้านขวาคะ)

    เล่าเรื่องเสือต่อ, พอสวดเสร็จก็ล้มตัวจะนอน แต่ไม่หลับ นอนเฉยๆตาก็ไม่หลับ คิดเรื่องว่าจะช่วยยังไงดี หมอถึงขนาดบอกว่าเขามีแนวโน้มว่าต้องตายนะ (วงสีฟ้ามาอีกแล้ว) ปกติดิฉันจะเปิดไฟที่หัวเตียงดวงนึง ก็มองไปที่ปลายเท้าก็เห็นจะจะเลยว่ามีเสือโคร่งนั่งอยู่ที่พื้นปลายเตียงและมองมา ดิฉันตกใจมากเอาผ้าห่มรีบคุมโปงนอน


    คือเริ่มรู้แล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆที่ลึกลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามาจากการสวดมนต์, คืนที่สองก็สวดอีก แต่ยังไม่เจอทันที ดิฉันนอนไปได้ประมาณ1 ชั่วโมงแต่หลับไม่สนิท นอนตะแคง พอเอามือคลำๆด้านหลังอีกข้างก็รู้สึกเหมือนจับหางเสือก็เปิดตาหันมาดู ก็เห็นหางเสือยาวจากหัวเตียงไล่ไปถึงตัวของมันหันหัวไปทางปลายเตียง (ขณะเล่าอยู่นี้ตอนนี้วงแสงสีฟ้ามาสามสี่ดวงและอยู่ค่อนข้างนานเป็นพิเศษ)

    คืนนี้เสือขึ้นมานอนอยู่บนเตียงข้างๆเลย ก็เหมือนเดิมตกใจเอาผ้าคุมหัวและ ท่อง นะโม ตะสะฯ คืนที่สามมาอีก ทีนี้เลิกเลยคะไม่สวดอีกแล้ว


    ขอเล่าเรื่องน้องสาวของเขาหน่อย เห็นใครๆในบ้านเล่ากันว่าเธอมีสัมผัสพิเศษ คือเธอตอนเด็กๆ มีญาติซึ่งเป็นสามีของญาติผู้หญิงคนนึง เสียชีวิตเป็นมะเร็งปอด ศพเขาก็เอาไปฝังที่สุสาน ตอนเธอหกขวบ(ปัจจุบันตอนที่ตายเธออายุ 19 ปี) ตอนเธอหกขวบ เธอเล่าให้พี่ฟังว่า ตอนไปที่สุสาน เธอพบลุงคนที่ตาย สามีของป้าเธอ ซึ่งก็ยังหนุ่มๆอยู่ตอนที่ตาย มาคุยด้วย เขาบอกเธอว่า นี้หนูฝากบอกออเนลร่า (ภรรยาเขา)ให้ฉันด้วยนะว่า ฉันรักเขามากและคิดถึงเขา ซึ่งน้องสาวก็ไปเล่าให้พี่ชายซึ่งคือแฟนดิฉันฟัง ตอนนั้นเขายังไม่เชื่อ เรื่องผีเรื่องศาสนาใดๆทั้งสิ้น เขาเลยพาน้องสาวไปพบจิตแพทย์เด็ก


    กระทั้งพอตัวเขาเองมาล้มป่วยเป็นมะเร็ง โดนฉีดมอร์ฟีนนอนสะลึมสะลือทั้งวัน แต่แฟนดิฉันค่อนข้างเป็นคนแอ็คทีฟมาก แม้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ตอนกลางวันยังลุกมาใช้คอมพิวเตอร์ คุยนู้นคุยนี้ ดิฉันก็มานอนเฝ้าอยู่ที่พื้นในห้องโรงบาล ก็เห็นเขานอนอยู่ตลอดเวลาตอนกลางคืน วันรุ่งขึ้นน้องสาวของเขาก็มาเล่าห้ดิฉันฟังว่าเห็นพี่ชายมาที่บ้าน เดินอยู่ในบ้าน พอเธอทักเรียกว่ามาได้ยังไง เขาก็ไม่ตอบและทำท่าเหมือนไม่เห็นเธอ เขาเดินเข้ามาในห้องขณะมืดๆและก็ออกไป เธอลุกตามแต่พออกจากห้องไปเธอก็ไม่เห็นเขาแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...