ถ้าบอกแล้วจะเชื่อไหม สวดมนต์ นั่งสมาธินี่ล่ะ
พอปฏิบัติไปสักพัก ตัวเราจะเริ่มมีกลิ่นหอม กลื่นของความดี
แล้วทีนี้จะมีแต่คนดีๆเข้ามาหาเรา เพราะความดีจะดึงดูดกันและกัน
อยากได้คาถาที่ทำให้มีแฟนหรือมีเสน่ห์ แต่ไม่เอาแบบบังคับใจครับ
ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย aoseiei, 7 ตุลาคม 2013.
หน้า 2 ของ 3
-
ผมเชื่อครับ
-
กระทู้นี้ยอมรับว่า จขกท มีความกล้าที่ตั้งนะครับ เพราะพวกลัทธิกรรมเก่ามันเยอะ แทนที่เค้าถามดีๆ จะตอบดีๆ ดันมาอ้างกรรมเก่าว่าโดนแบบนี้เพราะเคยไปทำชั่วมาก่อนในอดีตชาติ ซึ่งความเชื่อในแนวนี้มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย มีแต่โยนความผิดให้คนที่เค้ามีทุกข์ว่ากำลังใช้กรรม
-
-
-
เราปฏิบัติธรรมไปสักระยะหนึ่ง จะมีกลิ่นหอม กลิ่นคุณงามความดี (กลิ่นอ่อนๆละมุนละไมอยู่ที่ตัวเรา) เสน่หฺเมตตานี้จะฟุ้งกระจายดึงดูดผู้คนให้มาสนใจ ให้มาเป็นมิตร เมตตาแก่เรา
ในท่ามกลางคนเป็นร้อยๆเป็นพันๆ เราจะหนึ่งในท่ามกลางฝูงชนเหล่านั้นที่โดดเด่นสะดุดตามาก ดึงดูดให้เค้ามาสนใจและเมตตาเรา นี้เป็นประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน [B
อยากให้ท่านเจ้าของกระทู้หันมาปฏิบัติธรรมดูนะคะ แล้วจะรู้ ถึงคุณเป็นผู้ชายสิ่งเดีๆหล่านี้ก็จะเกิดกับคุณขึ้นได้ [/B] -
ความเชื่อก็คือความเชื่อ ไม่ลงมือทำ ก็ไม่มีทางรู้จริง
-
ถ้าจะใช้พวกคาถาเสน่ห์แบบให้เพศตรงข้ามหลงใหล คาถาพวกนี้ส่วนมากพระเกจิเป็นผู้ผูกขึ้นมา เพราะช่วยเหลือลูกศิษย์ท่านที่ท่านเห็นว่าเป็นคนดี แต่มีปัญหาจีบหญิงไม่ติด ท่านให้เพราะสงสารเมตตาอยากให้มีครอบครัวมีลูกมีเต้ากันเขาบ้าง
แต่พวกคาถาเสน่ห์จะมักจะมีคำสาปตามมาด้วยนะครับ หากผู้ที่ใช้ใช้ในเชิงชู้สาว แนวเจ้าชู้ มีเมียไปทั่วแล้วทอดทิ้ง ไม่รับผิดชอบ ว่าง่ายไม่ได้รักเขาจริง กะจีบเพื่อได้หลีบนอนกับเค้าพอเบื่อก็ทิ้งกาคนใหม่
จะโดนคำสาปต่ำๆ ทำให้ทำมาหากินไม่ขึ้น ทรัพย์สินมีคนเบียดเบียนตลอด หนักมากๆก็วินาศ เจอแต่ปัญหามารุมเราไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้น ระวังไว้นิดนึงนะ จีบเองดีกว่า ใช้แล้วอาจโดนอาถรรพ์ถ้าเกิดเลิกรากันเพราะคุณทนเค้าไม่ใหวแล้วอยากเลิก -
รวยแล้วสาวแห่มาเอง
ไม่ต้องใช้คาถาหรอก
ในกรณีนี้เงินแน่นอนที่สุด -
น่าปลื้มในความมีบุญดีรักษาตนอยู่จนบัดนี้ เพราะลำพังขันธ์๕ของตนก็ยากเย็นแสนเข็ญในการบริหารแล้ว..การแสวงหาขันธ์๕อื่นๆมาเพิ่มเติมจะเป็น"ภาระ"อีกสักเพียงไร..ท่านจขกท พึงทราบว่า การแสวงหาสิ่งที่มีความเกิดแก่เจ็บตาย เหมือนตนนั้นเรียกว่าเป็นการแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ..นำมาแต่ทุกข์โทษเท่านั้น..เพราะสัตว์สังขารทั้งหลายไม่ตั้งมั่นแน่นอนเช่นนั้นตลอดไป มีความแก่ครอบงำ ร่างกายหมดงามในครานั้น เพราะถูกชรากระทำเอาแล้ว เเม้อุบัติภัยนานัปการก็ยังรูปที่น่ารักให้เข้าถึงความพิการไปได้..ยังมีโรคาพาธที่แพร่ระบาดทั่วทุกหัวระแหงที่อาจทำลายแม้รูปของตนนั่นเทียวให้เสียหาย หรือถึงกับมรณะไปทีเดียว นอกจากรูปเสียหายแล้ว ยังจิตใจที่ใครๆไม่อาจทราบใจใครอื่นได้อีกเล่าว่าจะแปรผันเปลี่ยนไปได้อีกเช่นไร หรือเมื่อใด ..ดังที่พบเห็นในคำถามที่ผู้ทุกข์ทั้งหลายนำมาถามกันบ่อยๆทำนองว่า แต่งงานมา ๕ปีบ้าง ๑๐ปีบ้าง ๒๐ปีบ้าง..ฯ จู่ๆสามีหรือภรรยาก็ขอหย่าเพราะมีคนรักใหม่ มิใยที่ตนเองมีลูกกับคู่ของตน มากบ้าง น้อยบ้างก็ตาม บางรายมีหนี้สิน ทิ้งให้อีกฝ่ายรับผิดชอบ ตามลำพังให้ปวดร้าวเกินบรรยายอีก..
เขาเหล่านี้ก็เคยขวนขวายอย่างที่ท่านจขกท กำลังขวนขวายอยู่ด้วยความไม่รู้เช่นกัน..ในเวลานั้น เขาทั้งหลายก็เพ่งเล็งไปที่รูปสวยๆ พร้อมจินตนาการอันบันเจิดที่ไม่สอดคล้องกับความจริงขั้นปรมัตถ์..มีวิปลาสสัญญาว่าทุกอย่าง เที่ยงแท้ งดงามและเป็นสุขแน่นอนเสมอ..แต่สภาพแท้จริงของธรรมะทั้งปวงย่อมไม่เป็นไปตามจินตนาการของใคร ยังคงแสดงตนว่าเป็นทุกข์ เพราะแปรผันตลอดเวลาด้วยอำนาจเหตุปัจจัยและไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาอะไรของใครที่ใหนเลย..
เมื่อท่านจขกทรู้สึกอยากมีเพื่อนเพราะกลัวเหงา ท่านพึงศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าให้มากย่อมได้ปัจจัยคือปัญญาเป็นเพื่อน เมื่อตนมีปัญญาดีจะมีตนนั่นเองเป็นเพื่อนเป็นที่พึ่งของตนได้อย่างวิเศษ ผู้ที่พึ่งตนเองได้จะหมดความเหงา เพราะความเหงาเกิดจากความรู้สึกพร่อง..ขาดที่พึ่ง..คนที่บริบูรณ์ไม่พร่องย่อมไม่เหงา..
บัดนี้ ท่านจขกท ยังปลอดภัยจากคำว่า.."สายเกินไป"..เพราะยังไม่มีภัยจากขันธ์อื่นเบียดเบียน...จึงพึงยังใจตนให้ปลาบปลื้มโสมนัสในบุญของตนเถิด..ความเดือดร้อนใจที่ท่านกระทำตนเองในบัดนี้ เกิดจากกิเลสคือตัณหาและความหลงเท่านั้น ท่านพึงรู้ทันและต่อสู้ไม่ตกเป็นทาสตัณหาให้มาบงการหรือลากจูงท่านเข้าสู่ความทุกข์โดยใช่เหตุ.....
ขอให้หมั่นประพฤติศีล มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ศึกษาสดับพระธรรมให้มาก จะพ้นความหลงและไม่รู้ได้ในที่สุด แม้ทุกข์ที่ปรากฏย่อมถูกกำจัดไปได้ตามลำดับ เพราะตนทราบชัดว่าสิ่งไรคือสาระหรือไม่ใช่สาระที่ควรถือ ..
เป็นกำลังใจให้ครับ... -
1.มีเงิน
2.มีเชื่อเสียง
3.มีการศึกษาสูง
4.มีรถขับ
5.หน้าตาดี
ถ้ามีไม่ครบ หรือ น้อย ลง เปอร์เซนต์ ที่จะถูกรับเลือก ก็จะน้อยลงมา
แต่หน้าตา เยี่ยม พอทดแทนได้ -
ถ้าเป็นคาถาแบบเมตตามากก็มี บทของหลวงพ่อโอภาษี หลวงปู่ศุข บทอิติปิโส แต่จะเจริญเมตตาได้จะดีมากเพราะอานิสงส์ข้อหนึ่งคืิอเป็นที่รักของมนุษย์ นี่เป็นเมตตาแบบทั่วๆ ไปแต่ถ้าอยากให้ใครเมตตาเป็นพิเศษอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน
-
ทำงานเก็บเงิน
เยอะๆไปทำหล่อแน่นอนกว่า
สาวมักใจอ่อนกับคนหล่อ
เรียกว่าหล่อเลือกได้
อย่าเสียเวลาไปกับการเรียนของพวกนี้
ส่วนมากต้ม กัน ซะส่วนใหญ่ ไม่ทันกิน -
ตามนั้นครับ เก็บเงิน รวยแล้วเลือกได้ ว่าจะทำหล่อหรือเอาเงินฟาด เลือกเอา
กำ ห้องคาถา แทนตอบแนวคาถา ดันแนววิทย์ ซะเยอะเลยครับ
จริงๆ แล้วถ้าคนที่เคยใช้แล้วได้ผล จะรู้ว่ามันทำให้คนที่ไม่เคยมองเรา " เปิดใจมองเรา " เป็นยังไง ไม่ใช่ว่าแบบโดนน้ำมันพราย แค่สะกดชั่วคราวในตอนที่เราใช้ ให้เค้ามองเราแบบบางมุมก็ดูดีเหมือนกัน
ซึ่งเป็นหลงใหลแบบชั่วคราว คือสร้างโอกาศ สร้างจังหวะให้คุณทำคะแนน ต้องใช้ฝีมือการสานต่อเสริมอีกที เพราะไม่ใช่ยาสเน่ห์ ชนิดคุมอยู่ แต่อยากได้แบบนั่นคงต้องใช้ไสย
ป.ล. ดูคนสอนด้วยนะ ว่าเค้าใช้วิชาคาถาได้เพราะอะไร เช่น รวยแต่ขี้เหร่ หล่อแต่จน แก่แต่รวย อย่าเชื่อ
ให้ดูคนสอนที่อัปลักษณ์ รูปชั่ว จนหรือพอมีพอใช้ไปเดือนๆ แต่ได้แฟนสวย รวย ย้ำ ว่า ทั้งสวย ทั้งรวย ค่อยเชื่อ -
สวดมนต์ บทเมตตาใหญ่
หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ครับ
ท่านจะให้ หญิง-ชาย ที่ถูกทิ้งสวด แล้วแผ่เมตตา ให้คนรัก
เจ้าของกระทู้ลองหาประวัติ ที่ท่านสอนมาอ่านดูนะครับ เกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ
เป็นกำลังใจให้
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า บุคคลที่จะเป็นคู่สามี ภรรยากันได้ จะต้องมีบุญบารมีเสมอกัน มั่นทำบุญ สร้างบารมีไว้ -
คาถาเรียกสาวที่ขลังที่สุด ก็คือ เงิน เงิน เงิน ทอง ทอง ทอง
ดูหน้าตาเศรษฐีแต่ละคน ตะกวดเรียกพี่ พวกดาราสาวๆสวยๆ แห่กันไปรุมแย่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
-
อันความดีน่ะครับ ทำให้ถูกมันเป็นอายตนะดึงดูดสิ่งที่ดีมาสู่เราจริงๆ เหมือนฟองน้ำที่วิ่งเข้าหากัน ฉันใดฉันนั้น ทำก้ำๆกึ่งไม่มีผลนะ มันจะมาไม่เต็ม ว่างๆระหว่างนี้เห็นใครเป็นคู่ให้ทำใจยินดีมีสุขกับเขาทุกเมื่อ (เขาจะจูบจะกอดกันจงอย่าอคติ)
-
หน้า 2 ของ 3