เรื่องเด่น อย่างไร เรียกว่า ตายดี..!!?

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 25 มกราคม 2018.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    อย่างไร เรียกว่า ตายดี

    picture025.png


    โยม… ช่วงหลังๆ นี้ ที่วัด… คนที่เสียชีวิตที่ญาตินำมาทำพิธีสวดศพ บำเพ็ญกุศล มีแต่โรคมะเร็งทั้งนั้นเลย หาที่ตายแบบธรรมชาติ ชราภาพ หมดอายุมีน้อยลง” พระอาจารย์ที่สนิทชิดเชื้อกันรูปหนึ่ง ในวัดชลประทานรังสฤษฏ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ปรารภกับผมขณะนั่งสนทนากัน

    เยอะขนาดไหน พระอาจารย์” ผมถามด้วยความอยากรู้

    โอ้ย… ประมาณครึ่งหนึ่งละที่เป็นมะเร็ง นอกนั้นก็อุบัติเหตุรถยนต์บ้าง เป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลันบ้าง ประเภทญาติทำใจไม่ได้ ตั้งตัวไม่ทันก็แยะมาก

    ประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตด้วยสาเหตุต่างๆ ประมาณปีละ ๔ แสนรายในขณะนี้ ตัวเลขจากการศึกษาพบว่าเป็นการเสียชีวิตที่บ้านประมาณ ๕๑% โดยเฉพาะในชนบทซึ่งผิดกับฝรั่ง อย่างในอเมริกา มักเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสูงถึงมากกว่า ๘๐% แต่แนวโน้มว่าในอนาคตการเสียชีวิตที่บ้านจะลดลงไปเรื่อยๆ

    เรื่องความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องประสบพบพานไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ในศาสนาพุทธเราสอนให้รู้จักมีมรณานุสติ คิดถึงความตายอยู่เนืองๆ เพื่อให้ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท คำพูดที่ว่า “ระหว่างพรุ่งนี้กับชาติหน้าไม่รู้ว่าอย่างไหนจะมาถึงก่อนกัน” เป็นอุทาหรณ์ที่เอาไว้สอนใจคนได้เป็นอย่างดี

    แล้วก็มาถึงคำถามที่ว่า แล้วตายดีนั้นเป็นอย่างไร ใครจะเป็นผู้เกื้อหนุน ก่อเกื้อปัจจัย ทำให้คนแต่ละคน “ตายดี” อย่างที่ต้องการ

    ๑. ตายที่บ้านดีกว่าตายที่โรงพยาบาล
    ลูกหลานบางคนมักทุ่มเทกับการรักษาพยาบาลพ่อแม่อย่าง “เท่าไหร่เท่ากัน” เพื่อหวังให้พ่อแม่ได้รับการเยียวยาอย่างดีที่สุด แต่จากการศึกษาวิจัย ผู้ป่วยในระยะท้ายเกือบทุกคน อยากเสียชีวิตที่บ้านมากที่สุด

    ๒. ตายโดยไม่ทุกข์ทรมาน
    ความทรมานในสภาวะใกล้ตายนั้น มีตั้งแต่ความเจ็บปวด แน่นอึดอัด หายใจไม่สะดวก ความหวาดกลัว การเยียวยาผู้ป่วยระยะสุดท้าย ไม่มีความทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ จึงมีความจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางญาติและบุคลากรทางการแพทย์ต้องร่วมมือกัน

    ๓. ตายอย่างมีสติ สงบ ไม่ทุรนทุรายดิ้นรน
    ไม่ถูกยื้อชีวิตด้วยการถูกใส่ท่อ สายระโยงระยางต่างๆ หรือการรักษาแบบรุกล้ำ (Invasive Treatment) ด้วยเครื่องมือต่างๆ ผู้ป่วยจำนวนมากเจริญสติ ด้วยอานาปานสติหรือสวดมนต์ขณะใกล้ตายจะทำให้จิตใจสงบ และเยือกเย็น ทำให้ญาติพลอยสงบระงับไปด้วย

    ๔. ตายท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นไม่แปลกแยก
    แวดล้อมด้วยญาติมิตร ครอบครัวลูกหลาน บางคนขอจับมือสามีหรือภรรยาไว้ตลอดในยามใกล้สิ้นลม สิ่งแวดล้อมเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ต่อจิตวิญญาณความรู้สึกของคนใกล้ตาย

    ๕. ตายโดยมีเวลาสั่งเสีย
    ตระเตรียมมอบภารกิจ จัดการกับพินัยกรรมทรัพย์สินและปัญหาค้างคาใจต่างๆ บางคนรอญาติที่อยู่ต่างประเทศ บางคนอยากขอโทษขออโหสิกรรมคนที่ตนเองเคยล่วงเกินไว้

    ๖. ตายแล้วไม่ทำให้ครอบครัวลูกหลาน หมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้สิน
    บางครอบครัวเงินทองทรัพย์สินที่สะสมมาตลอดชีวิต หายมลายไปหมดสิ้นกับการรักษาเยียวยาภายใน ๓-๖ เดือนสุดท้ายของชีวิต บางคนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมากมายเป็นภาระระยะยาวหรือแม้กระทั้งข่าวคราว แม่หรือลูกที่ไปก่อคดีผิดกฎหมาย เช่น ลักทรัพย์ ฉ้อโกง เพื่อเอามาเยียวยารักษาความเจ็บป่วยเรื้อรังของคนในครอบครัวก็เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังกันอยู่บ่อยๆ

    ๗. ตายเมื่อถึงวัยและเวลาอันสมควร
    คนไทยเราขณะนี้ในปี ๒๕๕๖ ผู้ชายมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ ๗๑ ปี ผู้หญิงอยู่ที่ ๗๗ ปี แต่ทุกวันนี้บางคนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเสียชีวิตตั้งแต่อายุ ๕๐ ปี บางคนเป็นไตวายเพราะเป็นเบาหวานตั้งแต่อายุ ๔๐ ปี บางคนเสียชีวิตจากโรคเอดส์ตอนอายุ ๓๐ ปี บางครอบครัวลูกตายก่อนพ่อแม่ คนเราหากจะต้องการทีอายุยืนถึงอายุขัยเฉลี่ย ต้องหมั่นเอาใจใส่ดูแลตนเองในทุกเรื่อง

    ๘. ตายแล้วใช้ร่างกายของตนเองก่อเกื้อประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม
    การมีเจตนาขอบริจาคอวัยวะก็ดี เช่น ดวงตา ไต หลังเสียชีวิตเป็นอานิสงส์ที่มีคนสนใจกันมากขึ้น การบริจาคร่างกายให้เป็นครูสำหรับให้นักศึกษาเรียนในวิชากายวิภาคศาสตร์ให้กับมหาวิทยาลัยต่างๆถือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม

    ๙. ท้ายสุดคือการตายเสียก่อนตาย
    ซึ่งเป็นโศลกธรรมของท่านอาจารย์พุทธทาส ที่สอนให้เรารู้จักการมีมรณานุสติ การใช้หลักไตรลักษณ์ในการดำรงชีวิต รู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งต่างๆ และให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เมื่อถึงเวลาของความตายมาถึง ก็จะยิ้มแย้มเข้าสู่ความตายอย่างเข้าใจและสงบ

    ข้อมูลสื่อ…นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 415 เดือน/ปี: พฤศจิกายน 2013

    คอลัมน์: สปสช. สำนักงานหลักประกันสุขภาพ

    นักเขียนหมอชาวบ้าน: นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ

    ขอบคุณที่มา
    http://www.chilljungloei.com/ธรรมะ/อย่างไร-เรียกว่า-ตายดี/
     
  2. Awisada

    Awisada สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2013
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุคะ
     
  3. tanaong2011

    tanaong2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    6,205
    ค่าพลัง:
    +7,392
    สาธุ สาธุ สาธุ... จร้าหนูตา
     
  4. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
  5. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,095

แชร์หน้านี้

Loading...