เห็นด้วย
ทำดี ละชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
เป็นเพียงรหัส
เป็นเพียงทางเดิน
เป็นเพียงสิ่งขัดเกลา
เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งหรือเงื่อนไข...
ยังมีอะไรอีกมากกว่านี้ ............
อรหันต์เป็นผลที่เนื่องมาจากการสร้างเหตุ แต่นิพพานไม่มีเหตุใดทำให้เกิด?
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อู่หยาจื่อ, 14 กรกฎาคม 2012.
หน้า 3 ของ 4
-
-
เพราะพื้นฐานแน่น ก็สามารถปรับเปลี่ยน หรือประยุกต์
หรือเข้าใจ ต้องสิ่งต่างๆ ในระดับก้าวหน้าได้เป็นอย่างดี
เพราะสิ่งที่ก้าวหน้า Advance ต้องอาศัยพื้นฐาน
แต่ พื้นฐาน มิใช่ สิ่งที่เป็นประโยชน์ของผล
ผล ก็ คือ ผล
มนุษย์ มีวิวัฒนาการจาก มิติ แห่งแสง
มิติแห่งแสง มนุษย์ เป็นผู้ไม่มีขันธ์
แต่มนุษย์ที่ถูกสร้าง มีทั้งดี และไม่ดี
ดังนั้น มนุษย์ในรุ่นถัดมาจึงถูกกำหนดให้
ถูกควบคุม เพื่อการขัดเกลา ... อะไรคือสิ่งที่นำ
ใช้ในการขัดเกลา.....
ขัดเกลาเรื่องอะไร ... ความคิดและจริย
มนุษย์ยุคหลังๆ จึงถูกกำหนดให้มีขันธ์
เพื่อมีทุกข์เกิดขึ้น มีกรรมของตน
และสามารถเกิดใหม่ได้ โดยให้เกิดใน Matrix
Matrix คือ เงื่อนไขต่างๆ ที่จะมากำหนดการ
ดำรงอยู่ของทุกสรรพสิ่งใน Matrix
ทำดี ละชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์
คือ เงื่อนไขใน Matrix
เป็นเพียง รหัสหรือกุญแจ เพื่อขัดเกลาตนเอง
ให้กลับคืนสภาวะของตนเอง ให้เหมือนกับ
มนุษย์ที่ดำรงในมิติแห่งแสง .....แต่ต้องเป็นมนุษย์ที่ดีงาม
--------------------------------
มนุษย์ยุคหลัง เป็นเสมือนผู้ที่ถูกสาป ถูกทดลอง
ถูกทดสอบ และจะถูกคัดสรร เฉพาะมนุษย์ที่ดีงาม แท้จริง เท่านั้น
-------------------------------------------
มนุษย์ไม่สามารถปลอมแปลง ความคิดและพฤติกรรม
เมื่ออยู่ใน Matrix ได้ เพราะว่า ความจริงจะปรากฎ
ใน Matrix รูปกายหยาบเป็นเพียงหุ่นก้อนเนื้อเชิด
คิดชั่ว คิดอกุศล แสดงพฤติกรรมชั่วออกมา จะถูกบันทึก
ไว้ใน สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์ โดยตลอดใน Matrix
--------------------------------------------
บทเรียนใน Matrix มนุษย์ จะได้รับผลของกรรมที่กระทำ
ไว้ หากไม่ปรับปรุงตนเอง มนุษย์ก๋จะได้ไปยังดินแดนที่
ตามความชั่วและความดีของตนเอง ....
นี่คือการให้โอกาสของผู้สร้าง Matrix
แต่เมื่อ รหัสให้ปฏิบัติ เพื่อการกลับคืนสภาพ
ก็จงอยู่ใน Matrix แห่งความทุกข์ต่อไป -
พระพุทธเจ้าพระองค์ใด ท่านก็สอนให้ละชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ น้อยนักที่จะมีใครหลงทางมืดมิดเพราะละชั่วทำใจให้บริสุทธิ์นะครับ สิ่งเก่าที่คลาสสิคเสมอ ไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย ^ ^ อะไรที่มันไม่ควรแก่กาลสมัย จริงหรือไม่ ธรรมชาติจัดสรรเองได้ ไม่ต้องมีใคร มาบงการ หรือออกแรงกระทำกรรมอะไรตามความเห็นใดๆ เลย ท่านจึงประกาศไว้แต่สิ่งที่ควรเป็นสากล.. สาธุในธรรมของทุกท่าน ขอให้เจริญในธรรมครับ
-
Matrix มีอะไรบ้าง
ใครที่เคยเรียน คณิตฯ ก็จะรู้ว่า
สามารถสร้าง เงื่อนไข ต่าง ๆ ลงใน Matrix ได้แล้ว
แต่แกนควบคุมเป็นเรื่องอะไร
เงื่อนไขที่กำหนดขึ้นมา หาจะพูดถึงความรู้เก่าคือ
คำสาปจากผู้สร้าง...
พรจากผู้สร้าง....
เพื่อเป็น บทเรียนสั่งสอนขัดเกลา ผู้ทำชั่ว ประพฤติชั่ว
เพื่อเป็นของขวัญสนับสนุนส่งเสริมผู้ทำดี ประพฤติดี
เงื่อนไขใน Matrix เหมือนมีมากมาย แต่ก่ไม่มากมาย
มีมากมายตามพฤติกรรม ดี ชั่ว ของมนุษย์
แต่ก่ไม่มากมาย หากไม่มีความชั่ว -
ฟังแล้วนึกถึง ชาวแสง แห่ง มหาทวีปมารดร ..
ใครทำอะไรไว้ตามสบายเลยครับพี่ ช่วงนี้มีแต่คนหาว่าติดยาผอมๆ บางทีก็มาเลี้ยงข้าวแล้วหลอกด่ากันเฉยเลยฮะ 555 ไม่รุ้โรคอสูรอะไร ก็กินเยอะนะครับ แต่มันไม่อ้วนอ่ะ ฮ่าา ดูมันเฉยๆ เจ็บป่วยอะไร ไม่ปรุงอะไรเพิ่มมาก สบายดีครับ มีกรรมไม่กรรมก็แผ่เมตตาให้สิ่งที่มาเบียดเบียน หรือมาร่วมทางสังขาร เที่ยงแล้ว ทานข้าวยังครับ ง่ำๆ (rose) -
มนุษย์เราที่ดำรงปัจจุบัน ก่อยู่ในมิติแห่งแสง
อยู่แล้ว
Matrix ใน Matrix -
ภาวะของ อรหันต์ เพียงแค่เริ่มต้น
ของการกลับคืน เท่านั้น -
http://palungjit.org/threads/[b]แรงมากทำใจก่อนอ่าน[-b].348654/
555555555
เรือโนอาจะพาเจ้าไปนิพพานแร้วววว
(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||) -
-
1. รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นทุกข์ แต่อยากอยู่ต่อ เพื่อช่วยผู้อื่นด้วยใจจริง มิได้เพื่อข้ออ้างของตน แบบนี้มันจะอยู่ได้จริง และถึงแม้ว่า ชาติข้างหน้า "ตนเองจะต้องเจอทุกข์สารพัดไปอีกเท่าไหร่ก็ตาม แต่ก็เพื่อปณิธานในการฉุดช่วยผู้อื่น
2. ง่ะ จำไม่ได้ 5555 -
-
เพราะคนนั้นไม่รู้จักการแปลรหัส
ยังไม่ถึงเวลาของเขา
เพราะยังพ้นจากวังวนของมาร
ของ อกุศลจิต หรือความคิดที่จักออก
จากมิติแห่งความมืด
ดังนั้นหากเขาต้องเปลี่ยนแปลง
เขาจะต้องริเริ่มคิดต่าง
ต่้างจากไหน ต่างจากกรอบหรือวังวนเดิม
ให้ได้ ....
อีกประการคือ การมีกัลยาณมิตร
กัลยาณมิตร มีทั้งมิติเดียวกัน และต่างมิติก็สามารถเป็นได้
การยอมรับในกัลยาณมิตร จักเป็นการดี เพราะมิตรดี จะนำพา
พบแต่สิ่งดีๆ
หากความคิดไม่ยอมรับมิตรที่ดี ทำลาย ทำร้าย มิตรที่ดี คนเหล่า
นี้โอกาสภายภาคหน้า ก็ยากที่จะเจอทางพบธรรม เพราะมิตรที่ดี
มาหาแต่ทำลาย ทำร้าย ถากถางในสิ่งที่เตือน ก็เป็นอันจบ ...
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก ก็ต้องปล่อยให้มัน วนเวียนอยู่ใน
ทะเลแห่งทุกข์ ต่อไป -
การที่จะสามารถพัฒนาตนเองให้สูงระดับขึ้นไปอีก
เพราะการจะพัฒนาตนเองให้อยู่สูงระดับขึ้นไปอีกต้อง
สะสมบารมีให้มากขึ้นกว่าเดิม สร้างความดีให้มากยิ่งๆ ขึ้น
วัตรปฏิบัติต่างๆ จะต้องบำเพ็ญประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
ดวงดาวเหล่าที่เป็นสถติย์ของอรหันต์หรือพุทธะ (เสียงจาก....)
ดวงดาวที่เป็นสิ่งสถิตย์ของเหล่าอนาคามี (เสียงอะไรบ้าง...ไปอ่านของชยุต)
ดวงดาวที่สถิตย์ของผู้ประเสริฐเหล่านั้นก่จะมีแต่ผู้ที่มีศีลมีธรรมกันอยู่แล้ว
เขาเหล่านั้นจะบำเพ็ญประโยชน์อย่างไรได้ เพราะมีแต่ผู้ประเสริฐกันอยู่แล้ว
หนทางที่จะบำเพ็ญได้คือมนุษย์ผู้โง่เขลาในดินแดนแห่งนี้ นี่ก่เป็นเหตุผล
หนึ่งทำไมจึงมาต่างดาวมาช่วยสงเคราะห์ มนุษย์บนโลกแห่งนี้มากมายนัก
เพราะการบำเพ็ญ(ให้)กับผู้ที่ด้อยโอกาสจึงจะมีคุณค่า สาระและประโยชน์
ที่มากยิ่งกว่าดวงดาวของตนเอง
การจะเข้าหรือไม่เข้านิพพานจึงเป็นเรื่องของความ ฉลาดของแต่ละบุคคล
หากเข้าแล้วก็สูญเีสียโอกาสบำเพ็ญต่อไป หากไม่เข้านิพพาน ก็ไปเกิดใหม่แต่อยู่ในมิติอันละเอียด เพื่อการกลับมาบำเพ็ญประโยชน์กับมนุษย์ในมิติต่ำกว่า
ดังนั้นจึงแยกกันออกไปคือเข้า หรือไม่เข้า
ดังนั้นจึงมีพุทธะที่ล่ะวางพุทธะ หรือเรียกว่า ศรีอริยะ
และลาออกจากศรีอริยะ เป็นเพียง ฤษี ก็มีซึ่งจะลดระดับ
ตนเองมาเป็นเพียงธรรมดาสามัญ จนกระทั่งไม่เอาอะไร
จากการกล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่า ผู้อ่านจะก้าวกระโดดไปยัง
ไม่เอาอะไรเลย ...ไ่ม่ได้ ... เพราะต้องผ่านทุกขั้นตอน ไปจนถึง
ระดับสูงสุดก่อนคือ ความเป็นพุทธะ (สูงสุดสู่สามัญ) ก่อน
จึงจะล่ะวางความเป็นทุกสิ่งสู่สามัญ
ต้องอย่างลืมว่าการล่ะวางสิ่งที่ปรากฎในตนเอง จึงจะทำให้ตนเอง
สามารถพัฒนาตนเอง ในลำดับขั้นต่อไป ล่ะวางไม่ได้ก็จะหยุดอยู่
ที่เดิม ไม่ได้ไปไหน และจะวนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งกลายเป็นของเสีย
เสมือนน้ำในหนองที่นิ่ง เงียบจะหาประโยชน์อันใดไม่ได้ เพราะสัตว์
ไม่ดื่มกินน้ำในหนองนิ่ง เพราะมีสภาพเป็นพิษ
ต่างกันที่น้ำในลำธาร ที่ไหลออกจากจุดเดิมเสมอ เสมือนกับการถ่าย
เทผลัดเปลี่ยนนำแต่สิ่งใหม่ๆ เข้ามา น้ำในลำธารจึงจะสะอาดมีประโยชน์
กับสัตว์ให้ดื่มกิน ได้ใช้ประโยชน์มากกว่า
เสมือนเหล่าอรหันต์ที่ไม่นิพพาน อรหันต์เหล่านี้จะมีคุณเอนก มากยิ่งกว่า
เหล่าอรหันต์ในนิพพาน..... -
ก็เลือกเอาว่า "จะพอแล้วสำหรับชาตินี้" แล้ว fade ตัวเองออกไป
หรือหากยังจะมีใจที่กรุณา "ยอมทุกข์เพื่อผู้อื่น" ต่อ
ความกลัวและความหวาดหวั่นเป็นบ่อเกิดแห่งความกล้า ไม่มีหรอก ที่จะไม่เคยมีใคร "กลัวหรือหวาดหวั่นน่ะ" ก็มีบ้าง ไม่มีบ้างเป็นธรรมดานั่นแหละ -
การอยู่ต่อ เป็นการเรียนรู้ทั้ง ชั่ว-ดี เพื่อที่จะหาทางบอกสิ่งเหล่านี้ ให้แก่สาวกที่ติดตามมา ได้รู้กันต่อไป
ตอนที่เรียนรู้ในด้านดีมันก็ดีไป ทำบุญ หรือบารมีที่ดีๆ มันก้ได้รับผลกรรมที่ดีๆไป แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ตรงที่เราอาจจะติดความดี คิดว่าเราดี พอหลงตัวเองคิดว่าดีมากๆเข้า ก็อาจจะไปทำกรรมชั่วต่อไปได้
ซึ่งพอมาถึงตรงนี้ มันก็เข้าสู่โหมดการเรียนในด้านมืดหรือ "ชั่ว" กันต่อไป โดยที่ไม่มีใครบังคับ เพราะทำตัวเอง และผลจากการทำความชั่ว โดยที่รู้ตัวและหรือ ไม่รู้ตัว ผลที่ออกมา ทำให้เราได้เสวย ก็คือผลแห่ง "บาป" ที่ทำให้เราต้องทนทุกข์กันต่อไป แต่ข้อดีของบาปก็มีอยู่ตรงที่ "มันไม่ทำให้เราไม่หลงตัวเองต่อไป ในขณะที่เรายังเสวยบุญอยู่" หรือเพราะผลของ "บาป" นี่แหละ ที่เป็นตัวที่ทำให้เราได้ขัดเกลาและเจียระไนตัวเองยังไงล่ะ
ดังกระทู้ที่ท่านหลิวเคยพูดไว้ว่า "มันไม่มีบุญและบาปที่แท้จริงหรอก" ที่อยุ่ในกระทุ้นึง ที่เกี่ยวกับ ทฤษฎีัสัมพันธภาพ ซึ่งตรงนี้แหละ คือการเกื้อกูลต่อปวงสัตว์ ได้อย่างแท้จริง
เนี่ยแหละ กงล้อแห่งบุญ-บาป แห่งการเรียนรู้ในสังสารวัฎน่ะ
มันไม่มีหรอก ที่จะไม่มีใครกลัวบ้าง เหนื่อยบ้าง เซงบ้าง มันมีบ้าง หวาดหวั่นบ้าง มันมีและเป็นกันทุกคน เป็นธรรมดานั่นแหละ
แล้วจากนี้ พร้อมมั้ยล่ะ สำหรับ 2 โหมดนี้ 555
เบื่อมั้ย เหนื่อยมั้ย จะเอาต่อมั้ย 555
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=GkSkb0hMjnk]AC/DC - Are You Ready [HD] - YouTube[/ame] -
เพราะเหตุนี้ พระพุทธเจ้า ท่านถึงได้ค้นพบ "พระนิพพาน" ยังไงกันล่ะ
อ้าววว ว่าไงล่ะ พวกกก 555
เพราะสังสารวัฏมันมีแต่ทุกข์ -
(สร้างคุณประโยชน์)เป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นต่อมนุษย์ทุกๆตัวตน
แม้แต่เหล่าผู้ประเสริฐยังต้องแปลงสภาวะตนเอง เป็นมนุษย์อีกครั้ง
ในอีกมิติสูง แล้วมาสงเคราะห์มนุษย์ในระดับมิติที่ต่ำกว่า....
แต่มนุษย์ด้วยกันเองในโลกนี้ กลับมองไม่เห็นคุณคาของการบำเพ็ญ
กุศลคอยแต่ จาบจ้วงกัน เสียดสีกัน แสวงหาความสนุกจากความคิด
ที่ละเมิดความเป็นปกติของ ตนเอง และผู้อื่น
ไม่ระวังความคิดตนเอง ... ถล่ำไปสู่ภาคมืด มิติอันต่ำทราม
ซึ่งจะกลายเป็นวิญญาณอันแปลกประหลาด คือ อสูรกาย
เสพแต่ของเน่าเหม็น (ภาคกายหยาบจะไม่เห็น)
แต่ภาควิญญาณจะชอบ(เพลิดเพลิน)แต่ของเน่าเหม็น
เหมือน บทความสนทนา ระหว่าง หนอนกับเทวดา -
-
อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านค่ะ^^
ความจริงแท้หนึ่งเดียวนั้น(โพธิ นิพพาน)เมื่อเข้าถึงแล้ว จะไม่มีผิด ถูก ชั่ว ดี เพราะเหนือสมมติบัญญัติเหล่านั้นแล้ว
แต่ผลจากการปฏิบัติหาได้มีแค่หนึ่งเดียว หากเข้าใจปฏิจจสมุปบาทลึกซึ้งจริงจะรู้ว่า "ผลหลากหลาย เกิดได้จากปัจจัยเอนก"
แต่ผลหลากหลายเหล่านั้นพระพุทธองค์ท่านไม่ทรงสรรเสริญเท่านั้นเอง เรียกว่าเป็น"ใบไม้นอกกำมือ"
เมื่อไร้ซึ่งอัตตา ก็จะเข้าใจคำว่า"ไร้ขอบเขต"ถ้ามีขอบมีเขตมันก็ยังคับแคบนั่นเอง
สาธุ สาธุ สาธุ^^
หน้า 3 ของ 4