สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ( ดอยอ่างขาง ) เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน
ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียส มีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน
อากาศบน ดอยอ่างขาง หนาวเย็นตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็ง นักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า เสื้อกันหนาว
จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ( ดอยอ่างขาง )
เรื่องกำเนิดของสถานีฯแห่งนี้เป็นเกร็ดประวัติเล่ากันต่อมาว่าครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จทางเฮลิคอปเตอร์ผ่านยอดดอยแห่งนี้และทอดพระเนตรลงมาเห็นหลังคาบ้านคนอยู่กันเป็นหมู่บ้าน จึงมีพระดำรัสสั่งให้เครื่องลงจอด เมื่อเสด็จพระราชดำเนินลงมาทอดพระเนตรเห็นทุ่งดอกฝิ่น และหมู่บ้านตรงนั้นก็คือหมู่บ้านของชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ พระองค์มีพระราชดำรัสที่จะแปลงทุ่งฝิ่นให้เป็นแปลงเกษตร สถานีฯจึงเกิดขึ้นเมื่อปี 2512 มีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่จะหาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง สามารถชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม สตรอเบอรี่ สาลี่ ราสเบอรี่ พลับ กีวี ลูกไหน เป็นต้น พืชผักเมืองหนาว เช่น แครอท ผักสลัดต่างๆ ฯลฯ แปลงไม้ดอก เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ มีการจำหน่ายผลิตผลตามฤดูกาลที่ปลูกในบริเวณโครงการฯ ให้แก่นักท่องเที่ยวในสถานีฯ มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยวดูรายละเอียดในข้อมูลที่พัก
สถานที่น่าสนใจภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ได้แก่
- สวนแปดสิบ (สวน80)
สวนแปดสิบ เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งมีดอกไม้เมืองหนาวสีสันสดใส ประดับประดาอยู่มากมาย อันได้แก่ กะหล่ำแฟนซี ซึ่งมีทั้งสีขาว และสีม่วง, เยอบีร่า, รูบาร์ป, คริสต์มาส, เทียนแฟนซี, แซลเวีย และดอกไม้อื่น ๆ อีกมากมาย
- สวนกุหลาบ
สวนกุหลาบ เป็นที่รวบรวมกุหลาบมากมายหลายพันธ์ ส่วนใหญ่เป็นกุหลาบขนาดใหญ่ สวนกุหลาบตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของที่ทำการสถานีเกษตร ฯ
- สวนบอนไซ
สวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันยังมีสวนสมุนไพร ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
[*]หมู่บ้านคุ้ม
ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็กๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
[*]จุดชมวิวกิ่วลม
จุดชมวิวกิ่วลม อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย
หมู่บ้านนอแล
หมู่บ้านนอแล ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมา มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดนไทย-พม่า
- หมู่บ้านขอบด้ง
หมู่บ้านขอบด้ง เป็นที่ที่ชาวเขาเผ่ามูเซอดำและเผ่ามูเซอแดงอาศัยอยู่ร่วมกัน คนที่นี่นับถือผี มีวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการส่งเสริมจากโครงการหลวงในด้านการเกษตรและด้านหัตถกรรมพื้นบ้าน (เช่น อาบูแค เป็นกำไลถักด้วยหญ้าไข่เหามีสีสันและลวดลายในแบบของมูเซอ)
บริเวณหน้าหมู่บ้านจะมีการจำลองบ้านและวิถีชีวิตของชาวมูเซอ โดยชาวบ้าน ครู และนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกาสเรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านโดยที่ไม่เข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป และยังมีโครงการมัคคุเทศก์น้อยที่อบรมเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านขอบด้งเพื่อช่วยอธิบายวิถีชีวิตของพวกเขาให้ผู้มาเยือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกและสร้างความรักในท้องถิ่นให้เด็กๆ ด้วย
- หมู่บ้านหลวง
ชาวหมู่บ้านหลวงเป็นชาวจีนยูนานที่อพยพมาจากประเทศจีนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมเป็นหลัก อาทิ ปลูกผักผลไม้ เช่น พลัม ลูกท้อ และสาลี่
- ของฝาก
- ผลิตภัณฑ์ใต้สัญลักษณ์ "ดอยคำ" มีทั้งสินค้าแปรรูป ผักสด ผลไม้ปลอดสารพิษ
- ไม้ดอกเมืองหนาว
- หัตถกรรมสาน ถัก จากหญ้าอิบุแค และหัตถกรรมสิ่งทอ
ที่พัก ร้านอาหาร
- บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 18 หลัง
ขนาดพัก 2 คน ราคา 1,000 บาท/หลัง/คืน
ขนาดพัก 6 คน ราคา 1,200 บาท/หลัง/คืน
อร่อยสมราคาบนดอยอ่างขาง ฝาง จ.เชียงใหม่
ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 7 กรกฎาคม 2010.
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ที่เกริ่นนำมาไม่ใช่อะไรหรอกครับ อยากให้ไปลองทานอาหารบนดอยที่สูงจากระดับน้ำทะเลร่วมๆ 1,400 เมตร บรรยากาศดีมากๆ แถมอาหารทั้งราคาเหมาะสม และอร่อย ที่สำคัญหากได้ทานกาแฟ และเค้ก และดูวิวไกลๆออกไป ก็เป็นช่วงเวลาความสุขที่น้อยคนจะหาได้ครับ....
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ห้องอาหารของโครงการ... รายการอาหาร...และอาหารที่สั่ง 3-4 อย่าง มีสลัดผักยูนนาน หาทานข้างล่างไม่ได้แน่ ไก่บ้านตุ๋นโสมตังกุย ขาหมูหมั่นโถว ขอบอกว่าหมั่นโถวอร่อยมากๆจนต้องสั่งหมั่นโถวเปล่าๆอีก 1 จาน ไม่ใช่แบบนึ่งแบบที่เราเห็นแต่เป็นการอบ แล้วก็ผัดปวยเล้ง
ระหว่างทานกันไป จานหมั่นโถวมีเต่าทองมาเกาะตัวนึง หากอากาศที่นี่ปลอดมลพิษ แมลงเต่าทองที่ช่วยกำจัดศัตรูพืชก็จะมากมาย ให้ดูว่ามันใกล้ชิดกับเราขนาดไหน ขนาดบนโต๊ะทานข้าว ยังมาป้วนเปี้ยนๆให้เราได้ชมกันไฟล์ที่แนบมา:
-
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ภาพใกล้ๆแบบนี้ พอจะทำให้เกิดความอยากไปพักผ่อน ทานอาหารกันไม๊ครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ที่พักก็ดูดี มีให้เลือกหลายขนาด แบบ 6 คน หรือ 10 คนขึ้นไป ช่วงนี้ low season ก็ราคาถูกหน่อย มีส่วนลด แต่หากไปช่วง high season ก็จะเป็นราคาเต็ม ต้องจองล่วงหน้า
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
การเดินทาง
จากเชียงใหม่ ใช้เส้นทางสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง เป็นเส้นทางผ่านแม่ริม แม่แตง เชียงดาว ทางแยกเข้าดอยอ่างขางมี 2 เส้นทาง คือ แยกซ้ายที่ กม.79 เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่ชันมากแต่ทางจะเปลี่ยวหน่อย ระยะทางจากแยกทางหลวงสาย 107 ไปจนถึงอ่างขางมีระยะทางประมาณ 50 กม. อีกเส้นทางคือแยกที่ กม.137 มีระยะทางถึงอ่างขางประมาณ 25 กม. เป็นเส้นทางที่สั้นแต่ชันมาก รถเก๋งและรถทุกชนิดขึ้นได้ถ้าคนขับมีฝีมือ ถ้าไม่แน่ใจให้จอดรถไว้ที่วัดที่ปากทาง กม.137 หรือจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถเอกชนมีรั้วมิดชิด สถานที่รับจอดรถอยู่ตรงข้ามกับปากทางเข้าดอยอ่างขาง ค่ารถจอดคันละ 50 บาท แล้วนั่งรถสองแถวขึ้นไป หรือเหมารถขึ้นไป
<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="33%">จากเชียงใหม่ใช้เส้นทางสาย 1089 เลยอำเภอไชยปราการไปประมาณ 8.5 กิโลเมตร แยกซ้ายขึ้นดอยอ่างขางไปตามเส้นทางหมายเลข 1249 ตัดผ่านหมู่บ้านแล้วตัดตรงขึ้นดอยอ่างขาง เป็นเส้นทางที่ชันที่สุดและลุ้นที่สุดของเส้นทางในเมืองไทย คลิกชม แผนที่เชียงใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
สภาพเส้นทางขึ้นอ่างขางทางด้านหน้า
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%"></TD><TD width="50%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
ค่าบำรุงสถานที่เพื่อเข้าชม
บัตรผ่านประตู ท่านละ 30 บาท รถยนต์คันละ 50 บาท จ่ายครั้งเดียวที่ปากทางเข้า เข้าชมจุดต่างๆ ภายในโครงการได้ทุกจุด
ขาไปใช้เส้นทาง 1178 ตรงแยกกม.79 ถ้ำเชียงดาว ระยะทางประมาณ 50ก.ม.
ส่วนขากลับ เลือกเส้นทาง 1249 ผ่านด่านทหารพราน ลงดอยประมาณ 30 ก.ม. เพราะใช้เวลาขาขึ้นมากแล้ว เลย save เวลาขาลงโดยใช้เส้นทางที่ชันที่สุด ลองดูบรรยากาศถนนขาลงเอาละกันครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
น่าสนุก+น่าไป+น่ากิน
ไปค้างกันกี่วันครับ -
ไปมาแล้ว เมือปลายปี หนาวมากคะ ตอนดึก อุณหภูมิ -3 องศา ตอนเช้าตรู่มีแม่คนิงด้วย ทางขึ้นก็ชันสุด...สุด
-
เคยไปมา๒ครั้งอากาศหนาวสุดๆ แถมมีหมูกะทะให้กินอีก อร่อยได้ในราคาไม่แพงแต่เห็นแล้วก็อยากไปอีก ช่วงมค.ได้ดูนางพญาเสือโคร่งบานเต็มหุบเขากลายเป็นโลกนี้สีชมพู๊ชมพู..
-
ยามหน้าหนาวอากาศที่นี่เย็นสบายสุด ๆ ค่ะ
-
ขอบคุณค่ะที่แนะนะ น่าเที่ยวจริงๆ ค่ะ
-
วิวสวย บรรยากาศดี น่าไปเที่ยวครับ