จขกท. ต้องถามใหม่ว่า..
"อะไรทำให้คุณเริ่มทำหน้าที่แม่ทัพธรรม รุ่น2"..
อะไรทำไห้คุณเริ่มสนใจธรรมมะ?
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สุรีย์บุตร, 21 มีนาคม 2008.
หน้า 7 ของ 23
-
-
-
ไม่บอก อย่าหลอกถาม..
-
-
อันนี้กระทู้เก่าเหรอครับ? ย้อนกลับไปปี 2008 ช่วงนั้นคนในเว็บนี้คงเยอะน่าดู เสียดายตอนนั้นไม่รู้จักเว็บนี้
-
-
ความไม่จีรัง
-
เมื่อก่อนก็มัว ละเมอ หาถึง อดีต
ว่า ทุกอย่างคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
จนมาพบ ศาสนาพุทธ -
-
แต่ความรู้สึกลึกๆ ขาดความอบอุ่บ
ทำให้ ใช้ชีวิตผิดๆ เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจ -
-
คุณเหล้า เขาหมายถึง ตอนคุณเกิดสภาวะตอนนั้น แล้วตอนท้ายๆ คุณบอกรู้สึกสลดที่หลงยึดมานานตอนนั้นรึป่าว
ว่าจะถาม จิตมันบอกคุณหรอว่าคุณบรรลุโสดา -
ถ้าเจริญสติ จนแ่ก่รอบเมื่อไหร่ ไตรลักษณ์ญาณ
อย่าง
อนัตตานุปัสนาญาณ อนิจจานุปัสนาญาณ ทุกขานุปัสนาญาณ
ไม่ค้องถามหาเลยมันจะมาเอง
แล้วถ้ามันเกิดขึ้น หวังผลได้เลย
ฉะนั้น การที่จิตเห็นไตรลักษณ์ นั่นคือ จิตมีผลรองรับ
ถ้าไม่มีผลรองรับ คือ ยังไม่มีการเห็นไตรลักษณ์
อีกอย่างนึง ลักษณะผลของวิปัสนาที่จะเกิดขึ้น
คือการ " รู้เท่าทัน " ไม่มีการตั้งท่า รู้ก่อน
อบรม จาก ตามรู้ จน รู้เท่าทัน
การฝึกวิปัสนาของสติปัฐฐาน
จึงเรียกว่า ตามรู้ หรือบาลี เรียกว่า นุปัสนา
กายานุปัสนา เวทนานุปัสนา จิตตานุปัสนา ธัมมานุปัสนา
ตามรู้กาย
ตามรู้เวทนา
ตามรู้จิต
ตามรู้ธัม
ภาษาบ้านๆก้ ตามรู้กาย ตามรู้ใจ
การเดินมรรค 8 หรือการทำสติปัฐฐาน
จึงไม่มีข้ออ้างในการปฏิบัติ
ธรรมจึงเป็นอกาลิโก คือ ไม่จำกัดกาล
หากยังบอกว่า เวลานี้ เวลาภาวนานะ
เวลานี้ไม่ต้องภาวนานะ
อันนี้คือ ยังไม่เข้าใจวิธีในการปฏิบัติ
แถม ตำราให้อีกนิด
อนิจจานุปัสสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เป็นไฉน
อนิจจานุปัสสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปทาน ๓ คือ ทิฏฐปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวาทุปาทาน อนิจจานุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปทาน ๓ เหล่านี้
ทุกขานุปัสสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปทาน ๑ เป็นไฉน ทุกขานุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปทาน ๑ คือ กามุปาทาน ทุกขนุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๑ นี้
อนัตตานุปัสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เป็นไฉน อนัตตานุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปทาน ๓ คือ ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน อัตตวานุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เหล่านี้
อนิมิตตานุปัสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เป็นไฉน อนิมิตตานุปัสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ คือ ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน อนิมิตตานุปัสสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เหล่านี้
อัปปณิหิตตานุปัสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๑ เป็นไฉน อัปปณิหิตนุปัสสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๑ คือ กามุปาทาน ปัปณิหิตานุปัสสนาญาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๑ นี้
สุญตานุปัสนาญาณ
ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เป็นไฉน สุญญาตานุปัสสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ คือ ทิฏฐุปาทาน สีลัพพตุปาทาน อัตตวานุปาทาน สุญตานุปัสสนาญาณ ย่อมพ้นจากอุปาทาน ๓ เหล่านี้
...........................
ปอลิง.
พ้นจากอุปาทานได้ ก้พ้นทุกข์ -
-
เข้าใจสิ ไม่งั้นจะบอกคุณได้ไงว่าปัญญาญาณตัวไหน และบอกต้องทำให้มันทรงตัวได้ด้วย ไม่ใช่เกิดครั้งเดียว ถ้าเทียบจาก100เกิด 1 ครั้ง อีก 99 ครั้งคุณจะละอะไรได้ ...ไตรลักษณะญาณมีคนได้เยอะแยะ บางคนไม่ได้ฝึกอะไรมาด้วยซ้ำ ก็เห็นไปก่อนได้(ใช้คำว่าเห็นละกันขี้เกียจพิมพ์ยาวๆ)
คุณยังไม่รู้เลยว่าสภาวะที่เกิดกับคุณคืออะไร....
แล้ววิปัสสนาญาณตัวไหนถ้ามันโดด เพราะพละ 5 สมบูรณ์ขณะนั้น (ขณะจิตเดียว หรือสอง สามขณะก็ได้) ความรู้สึกจะชัดเจนมาก ขาวกับดำ อะไรแบบนี้ก็มีได้ เหมือนที่คุณเจอ เป็นต้น.....
แต่ ถ้าพละ5ไม่สมบูรณ์ มันจะค่อยๆ เกิดขึ้นเงียบๆ จนคุณมีความรู้สึกมั่นคงในอารมณ์นั้นไปเอง ..ความรู้สึกจึงเปลี่ยนเข้าลำดับต่อไป ...
คำถามคือ จิตบอกคุณหรอว่าคุณบรรลุโสดาบันแล้ว -
ทั้งหมดเริ่มจากความทุกข์ ความผิดพลาดที่อะไรก็ไม่เป็นดั่งความฝันที่เราคาดไว้ มันไม่เป็นอย่างที่คิด โดดเดี่ยว เหงา ซึมเศร้า
ดังนั้น จึงเริ่มหาสาเหตุของปัญหา ทดลองแทนค่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ค่อยๆจับทาง หาจนเจอว่าเราต้องการอะไรกันแน่ อะไรที่ทำให้เราเป็นทุกข์ แล้วแก้จุดนั้น
ต่อมาเริ่มอ่านหนังสือออกเสียง หนังสือเล่มแรกที่อ่าน คือ เมตตาภาวนาด้วยรัก เพราะตอนนั้นเหงามาก ซึมเศร้าหนัก อ่านออกเสียงและทำความเข้าใจกับมัน อ่านคนเดียวในห้อง ใครไม่ได้ยินไม่เป็นไร อ่านให้ตัวเอง จิ้งจก ตุ๊กแก แมลงสาบ ผีบ้าน ผึเรือน เจ้าที่เจ้าทาง เทวดา ฟังก็ยังดี ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริงๆนะ
อ่่านไปสักพัก ไปหาหมออีกรอบ ผลก็คือ อาจารย์หมอนึกว่าไม่ป่วย สีหน้าดีมาก ไม่ค่อยเครียดเหมือนตอนรักษาใหม่ๆ แต่ก็ต้องรับยาปกติ เพื่อรักษาระดับยาและถอนยา และระวังปัจจัยใหม่ๆที่ควบคุมไม่ได้ที่อาจเข้ามา
ผ่่านไปหลายปี เราสามารถเรียนจบ และทำงาน ที่เหมาะกับบุคลิกภาพ และมีความสุขกับชีวิตตามอัตภาพ -
มี พระท่านนึง แถวราชบุรี ท่านเป็น พระ ไม่ใช่ หมอ
แต่ก่อนจะเป็น พระ ( ไม่แน่ใจว่า จบปริญาโท รึเปล่า
อาจจะจำผิด แต่... ที่จะเอ่ยถึง พระ ท่านนี้ เพราะว่า
คนที่ซึมเศร้า ชอบไป ถามปัญหาธรรมกับท่าน อาจ
เป็น เพราะวิธีเทศนา หากได้ฟังอยู่ ก็จะ หลับไหล ไม่ลง
อะไรงี้ )
พระท่าน จึงแนะว่า ให้ แยกให้ออก
ช่วงเวลาที่ ซึม ซึ่งจะมี สองอย่างคือ
1.บางทีเป็นเพราะ ร่างกาย พวกต่อมไร้ท่อ
ผิดปรกติ อันนี้ก็จะ ซึม ได้
2.กรณีที่ ซึม เพราะ เรื่องราวชีวิต
กรณีซึมเพราะ เรื่องราวชีวิต ก็ แก้ไขเป็นเรื่องๆ
กรณีเพราะต่อมไร้ท่อ ก็ต้อง กินยา
ระหว่างที่ แก้ไข แล้วได้ผล มันจะมี จังหวะชีวิต
ที่ พ้น ทุกข์ รุมเร้า
ให้ยก สภาวะ ที่ พ้น การถูกสิ่งรุมเร้า มาพิจารณา
อย่างกรณี คุณ ลูซี่
" ผ่านไปหลายปี เราสามารถเรียนจบ และทำงาน
ที่เหมาะกับบุคลิกภาพ และมีความสุขกับชีวิตตาม
อัตภาพ "
ให้ยก สภาพตรงนี้ เป็น สาภวะธรรม มาพิจารณาเนืองๆ
แล้วสังเกต ปิติ สุข ความมั่นคงทางกายใจ จิตแช่มชื่น
แจ๋มใส
จนจิตใจ มั่นคง ก็สังเกตไป
พอ ร่างกายเกิดผิดปรกติ เรื่องราวชีวิตมีปะทะ เข้ามาอีก
ก็สังเกต ความเข้มแข็ง ความโน้มไป ทาง สงบ สงัด มั่นคง
มีได้ง่ายกว่าเดิมไหม หรือ พอ มดกัด แดดแยงตา ก็ ตีโพย
ตีพาย วาสนาน้อย ไปหมด -
-
หมด คำถาม เลย
สมาธิ เป็นเหตุปัจจัยให้เกิด ปิติ -
หน้า 7 ของ 23