อักขระโบราณ

เป็นคนไม่มีความรู้ในศาสตร์ทางด้านอักขระ เลขยันต์เลยค่ะ

เเต่พอดีเมื่อคืนก่อนนอนกำพระผง (หลวงปู่ทวด+หลวงปู่โต) เหรียญเดียวมีสองหน้า ก็กำไว้ก่อนนอนเป็นปกติทุกคืนอยู่เเล้วเพราะรู้สึกอุ่นใจดีค่ะ

พอหลับตาปุ๊ป ใจก็ระลึก นะโมพฺทธายะ..ยะธาพุทโมนะ ไปได้ครู่เดียวไม่เกินนาที อยู่ๆ รู้สึกว่าพระเคลื่อนในมือ พร้อมกับเกิดเป็นภาพอักขระ เลขยันต์โบราณ ตัวอักขระยาวเป็นพรืดดด ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ A4 เห็นจะได้ปรากฏเป็นภาพขาวดำลอยขึ้นมาในจิต ภาพชัด เเต่เป็นภาพ ๒ มิติ

แช่อยู่แว๊บนึงแล้วก็ตัดไป


ไม่แน่ใจว่าเป็นอักขระขอมโบราณ หรือเลขยันต์ หรืออักขระอะไรสักอย่าง
เพราะไม่มีความรู้ด้านนี้เลย รบกวนท่านผู้รู้ช่วยสงเคราะห์ทีค่ะ



อนุโมธนาสาธุๆๆ ค่ะ

 

ต้องเขียนให้ดูบ้างครับ เท่าที่จำได้

 

มันจำได้ลางๆ เลยไม่กล้าเขียนกลัวผิดอ่ะค่ะ ลองไปเสิร์ชอากู๋คำว่า ''ยันต์'' ดูค่ะ อักขระที่ลอยมาในจิต ลักษณะดูคล้ายๆ ยันต์เกราะเพชร, ฉัตรเพชร อ่ะค่ะ เเต่ในจิตไม่มีเส้นขีดโยงไปมาระหว่างอักขระ คิดว่าน่าจะเป็นเพียงแค่อักขระขอม คงไม่ใช่ยันต์ค่ะ

 

นะโมพุธทายะ เป็นคาถาระลึกถีงพระพุทธเจ้า
5 องค์ ของภัทรกัปป์
เมื่อท่องด้วยจิคสมาธื จิคเข้าอุปจารสมาธิ
รวมเป็นป็นหนึ่ง
ธาตุรู้ ที่อยู่ในใจเราจะสื่อสิ่งที่คุณอยากรู้
ผมว่าน่าจะเป็นยันต์ที่กี่ยวกับพระพุทธเจ้า 5 องค์

 

หลังจากวันนั้นเวลาทำสมาธิโดยการกำพระผงในมือ ก็มักจะมีอาการพระดิ้นเเละปรากฎเเสงออร่าจากองค์พระท่าน โดยเห็นในขณะลืมตาค่ะ

เมื่อไม่นานมานี้..ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ น้องชายขับเเละเรานั่งข้างๆ (เรามัวเเต่ก้มๆ เงยๆ หาของเเละยังไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย) พระผงหลวงปู่ทวดท่านลอยสูงละลิ่วจากคอนโซลหน้ารถลอยมาตกอยู่บนตัวเรา จะว่าองค์ท่านลอยเพราะเเรงเบรครถก็ไม่น่าใช่ เพราะพระองค์อื่นที่วางเรียงรายอยู่ด้วยกันก็ไม่ขยับเขยื้อนเลย อุบัติเหตุครั้งนั้นทุกคนเเคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ

ส่วนตัวยังคงเก็บความสงสัย(เพียงเเต่วางอุเบกขา)เรื่องการเห็นอักขระเลขยันต์ในจิตเวลาภาวนาเเละกำองค์ท่านไว้ในมือ(เราไม่ได้ฝึกวิชาอะไรเป็นพิเศษนะคะ) เเต่พอดีเมื่อวานอ่านเว็บธรรมะ เเล้วบังเอิญไปเจอบทความนี้มา จึงทำให้คลายความสงสัย เลยนำมาเเชร์ เผื่อว่าจะมีประโยชน์ค่ะ
..
..
..
..

 

โดยหมอพล (พ. ธรรมรังสี)

--- การตรวจพลังในวัตถุมงคลนั้น เรียกว่า วิชชา "กายหัตถรังสี" หรือ วิชชา "เดินจิต" ต้องรู้หลักในการกำหนดจิต ส่งจิตและอธิษฐานจิตด้วยอุปจารสมาธิ หากชำนาญเป็น "วสีภาวะ" จะสามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วและละเอียดลึกซึ้ง สามารถรู้ถึงพิธีกรรมการปลุกเสกหรือการอธิษฐานจิตของครูบาอาจารย์ได้ สามารถเห็นรัศมี ที่อยู่ภายในวัตถุนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง พระบูชา หรือเครื่องรางของขลังใดๆ และจะเห็น "รูปนิมิต" ที่สถิตอยู่ภายใน หากปลุกเสกด้วย การตั้งองค์พระ หรือ การตั้งธาตุ เรียกรูปเรียกนามตามสายวิชชา อาจครอบด้วย "นวหรคุณ" หรือ วิมานแก้วพระพุทธเจ้า ตาข่ายเพชร เกราะเพชร มงกุฎเพชร จักรแก้วพระพุทธเจ้า ฯลฯ ดังนี้ เป็นต้น

--- แต่หากเพียงแค่ทำการอธิษฐานจิตด้วยบารมี ก็จะเห็นแต่เพียง รังสีสว่าง สีขาวนวล อันเป็นผลรวมของรังสีทั้งเจ็ด คลื่นความถี่บ้าง ก็มีรังสีต่างๆ กันไป แต่จะไม่มีรูปนิมิตใดๆ ปรากฏ ยกเว้นจะมีการเสกทั้งสองรูปแบบ จึงจะปรากฏทั้งรูปนิมิตและรังสี การตรวจพลังในองค์พระอย่างง่ายๆ ก็คือ ใช้นิ้วชี้ นิ้วโป้ง และนิ้วกลาง (มือซ้ายจะดีกว่ามือขวา เพราะสัมพันธ์กับสมองซีกขวา อันเป็นด้านของพลังจิต) จับสัมผัสองค์พระเบาๆ กำหนดจิตให้นิ่ง แล้วสังเกตถึงกระแส พลังที่แล่นเข้ามาในตัว หากมีกระแสรุนแรง จนขนลุกชันทั้งตัว หรือท่วมศรีษะ แสดงว่ามีพลังสูงมาก กระแสที่เยือกเย็น คือ พลังแห่งเมตตา กระแสที่คลุมทั้งตัว คือ คุ้มครอง กระแสที่ทำให้ผิวหนังตึงไปทั้งตัว จนอาจถึงชา คือ คงกระพันจนถึงชาตรี กระแสที่แผ่ออกไปรอบๆ ตัว คือ แคล้วคลาดปัดตลอด (ถ้าจะฝึกจับครั้งแรก ต้องเป็นพระที่มีพลังแรงๆ จึงจะสังเกตรู้ได้ง่ายกว่า) ซึ่งวิธีนี้หากเราเดินพลังย้อนเข้ามาในตัว จะสามารถกักเก็บพลังในองค์พระได้ เป็นการปรับกระแสคลื่นความถี่หรือพลังรัศมีกายทิพย์ของเราให้สว่างขึ้นชั่วขณะหนึ่ง

--- หลวงปู่ดู่ กล่าวว่า เป็นการเรียกพระเข้าตัว โดยที่พลังในองค์พระหรือวัตถุมงคลนั้น ๆ ไม่ได้หายไป เป็นส่วนหนึ่งของ "วิชชาเดินจิต" หรือ จะเรียกว่าเป็น "วิชชามหาเวทย์ดูดดาว" ก็ได้ ถ้าจะให้พลังอยู่คงทนยาวนาน ต้องมีคาถากำกับหรือมีสมาธิจิตที่มั่นคง ช่วยให้ "จักระ" ภายในตัวเปิดออก หากพลังสะสมได้ถึงระดับ จะเกิด "ตาที่สาม" ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ และสามารถดึงเอาพลังงานในอากาศและจักรวาลเข้ามาในตัวได้ตลอดเวลา (พลังปราณ หรือ พลังจักรวาล หรือพลังธาตุบริสุทธิ์...หรือแม้กระทั่ง "พลังงานแห่งคุณพระรัตนตรัย") และยังมีวิธีตรวจสอบอานุภาพในองค์พระอีกหลายวิธี เช่น การตรวจด้วยกายทวาร (เอามือกำพระ แล้วบริกรรมคาถาอัญเชิญมือจะยกลอยขึ้นเอง แล้วมีท่าต่างๆ ปรากฏ) การวัดคืบ (นำพระมาวางบนมือ แล้วบริการรมคาถา ทำการวัดคืบ ถ้าพระนั้นดีจะวัดไม่ถึงความยาวของมือตามปกติ ดูเหมือนมือนั้นยืดออกได้) ผมเองเมื่อก่อนนั้น ชอบศึกษาและสะสมพระเครื่องมาก มาตอนนี้ลดละปล่อยวางไปมากแล้ว จะมีเฉพาะของครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือมากๆ เท่านั้น และที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ไม่ประสงค์จะให้ทุกท่านเกิดความงมงายหรือความยึดติดในวัตถุแต่ประการใด เพียงแต่ต้องการชี้แจง แสดงเหตุและผลในศาสตร์เหล่านี้เท่านั้น

--- ส่วน "คุณพระรัตนตรัย" นั้นถือเป็นสิ่งสูงสุด "ธรรมะ" นั้น ถือเป็นเรื่องที่ควรนำมาใส่ใจมากที่สุด และ การศึกษาพระเครื่องที่ถูกต้อง ก็คือ ต้องศึกษาทั้งในส่วนของ"รูปธรรม" (ทั้งเนื้อหามวลสาร ความเก่า จุดตำหนิและพิมพ์ทรง) และศึกษาในส่วนของ "นามธรรม" ดังที่กล่าวมาแล้วนั้นแล..

*อ่านจบกรุณาลบ "อคติ" ออกให้หมดนะครับ*

--- หมายเหตุ (เป็นความเชื่อในส่วนบุคคล) ผมฝึกตามแนวสายวิชชาพรหมศาสตร์ ผนวกกับวิชชามโนมยิทธิของวัดท่าซุง กับ วิชชาตั้งองค์พระของหลวงปู่ดู่-หลวงปู่ทวด และวิชชาครอบจักรวาลของหลวงปู่ใหญ่ สายอื่นผมไม่ทราบจริงๆ ครับ ต้องกราบขออภัยด้วย...


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558