อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    กำหนดการตักบาตรเทโวและทอดกฺฐิน วัดท่าขนุน

    วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑


    ๐๘.๓๐ น. พระสงฆ์เดินลงจากพระพุทธเจติยคีรีเพื่อรับบาตรเทโวจากญาติโยม
    ๑๓.๐๐ น. ทอดกฐินสามัคคี ๓ วัด (วัดท่าขนุน วัดพุทธบริษัท และสำนักสงฆ์เกาะพระฤาษี)
    ๑๔.๐๐ น. แยกย้ายเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ

    ***อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้านะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ตอนทดสอบของนักปฎิบัตินั้นมาทุกวินาที แล้วทุกแง่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา จะอยู่ในสี่หัวข้อใหญ่ ๆ ก็คือ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ แต่ข้อสอบมันออกมาได้เป็นหมื่นเป็นแสน ถ้าหากเราไม่ระมัดระวังเผลอเมื่อไรมันเข้ามาสู่ใจในทันที

    โดยเฉพาะตัวกระทบกระทั่งกัน พื้นฐานมาจากโทสะ เขาเรียกปฎิฆะ คืออารมณ์กระทบ เหมือนกับสะเก็ดไฟกระเด็นไปถูกเชื้อควันขึ้น ถ้าเราไม่ระวัง มันเป็นโทสะ จะไหม้ขึ้นเป็นเปลวเลย

    เพราะฉะนั้นต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลาว่าจะเจอข้อสอบ จะเจอการทดสอบอยู่เสมอ เผลอเมื่อไรก็โดน ๆ แต่ว่าข้อสอบนั้นดีอยู่อย่างคือถ้าเราทำได้ ต่อไปจะไม่เป็นอีก ต้องมามากกว่านั้น ถ้าแค่นั้นไม่ได้กินเราแล้ว
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    [​IMG]

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    ในช่วงเข้าพรรษานั้น ญาติโยมจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ตั้งใจว่าเป็นช่วงเวลาของการทำความดี อย่างเช่น บางท่านที่ดื่มสุราเมรัยเป็นปกติ ตั้งใจว่าจะงดดื่มสุราเมรัยเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เป็นต้น

    ในเมื่อญาติโยมทั่ว ๆ ไปยังตั้งใจอาศัยเวลาในการเข้าพรรษานี้ เป็นระยะเวลาของการเสริมสร้างความดีให้แก่ตัวเอง พวกเราทั้งหลายที่ถือว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็ควรจะอาศัยระยะเวลานี้ เร่งรัดการปฏิบัติของตนเองให้เข้มข้นขึ้นไปอีก

    อย่างที่เมื่อครู่ได้กล่าวถึงเรื่องของลุงบู๊ไปแล้ว ว่าลุงบู๊นั้น แม้จะปรารถนาพระโพธิญาณ และอยู่ในระดับแค่อุปบารมีเท่านั้น ยังมีการปฏิบัติที่เข้มข้นกว่าพวกเราหลายเท่า พวกเราที่หวังความหลุดพ้นที่จะไปพระนิพพาน ซึ่งเป็นกำลังใจในระดับปรมัตถบารมี สมควรที่จะต้องทำให้เข้มข้นยิ่งกว่า แต่ถ้าหากว่ากำลังใจของเราไม่พอ ไม่สามารถที่จะทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อปฏิบัติภาวนาแบบลุงบู๊ได้ ก็ให้เรากำหนดระยะเวลาที่แน่นอน

    อย่างเช่นว่าตอนเช้าเราจะภาวนาให้ได้ ๑ ชั่วโมง ตอนเย็นเราจะภาวนาให้ได้ ๑ ชั่วโมง เป็นต้น อย่าลืมว่าระยะเวลาทั้งกลางวันกลางคืนรวมแล้ว ๒๔ ชั่วโมง ถ้าเราสามารถฝืนต่อต้านกิเลสได้ เช้า ๑ ชั่วโมง เย็น ๑ ชั่วโมง ก็แปลว่าอีก ๒๒ ชั่วโมงนั้น เราขาดทุนมาโดยตลอด

    ดังนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ว่า เมื่ออารมณ์ใจของเราเริ่มทรงตัวเป็นสมาธิระดับใดระดับหนึ่งแล้ว เราต้องประคับประคองรักษาความทรงตัวของอารมณ์นั้นเอาไว้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว กำลังใจของเราที่ค่อย ๆ เคยชินกับความไม่มีกิเลส เกิดความผ่องใสมากขึ้น ก็จะมีดวงปัญญาที่ชัดเจนแจ่มใส มองตลอดไปถึงความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราให้ยึดถือมั่นหมายในร่างกายนี้ แล้วถอนจิตออกมาจากการยึดมั่นถือมั่น เราก็จะสามารถหลุดพ้นไปพระนิพพานได้

    การที่เราจะอาศัยช่วงเวลาของการเข้าพรรษา ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติความดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องประกอบไปด้วยบารมี ก็คือสัจจบารมี ความมั่นคงแน่วแน่ เมื่อกำหนดใจลงไปแล้วว่าเราจะทำอะไร ก็ทำตามนั้นอย่างจริงจัง ต้องอาศัยวิริยบารมี คือความพากเพียร ทำไปให้ได้ตามเป้าหมายที่ตนเองกำหนดไว้

    ต้องอาศัยขันติบารมี คือความอดทนอดกลั้น ที่จะต่อสู้กับความเหนื่อย ความหิว และสิ่งที่มายั่วยุ เพื่อให้เราเลิกละการปฏิบัตินั้น อย่างน้อย ๆ บารมีทั้ง ๓ ข้อนี้ เราจะต้องมีทรงเอาไว้ในใจ ไม่เช่นนั้นแล้ว เราจะมีกำลังไม่พอในการสู้กับกิเลส

    จึงขอให้ญาติโยมทั้งหลายฉวยโอกาสในวาระที่เป็นบุญ เป็นกุศลนี้ พยายามสร้างเสริมความดีให้แก่ตัวเรา ตลอดระยะเวลา ๓ เดือนในช่วงเข้าพรรษา ให้ทุกคนตั้งความหวังไว้ว่า จะปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดในการปฏิบัติธรรมของเรา อย่างเช่นว่า จะพยายามภาวนาให้ทรงอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง อย่างเช่น ฌาน ๑ ฌาน ๒ ฌาน ๓ ฌาน ๔

    หรือท่านใดกำลังใจเข้มข้นมาก ตั้งใจว่าพรรษานี้ เราจะทรงสมาบัติ ๘ ให้ได้ ก็เป็นได้ หรือท่านทั้งหลายที่ไม่นิยมการเกิดแล้ว ตั้งใจว่าในพรรษานี้ เราจะพากเพียรปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันให้ได้ เป็นต้น

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อเราตั้งใจแล้ว ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป โดยไม่เบื่อหน่าย ไม่เกียจคร้าน มีความอดทน มีความพากเพียร มีความจริงจังจริงใจ ไม่ท้อถอยโดยง่าย ถ้าท่านทั้งหลายทำได้ดังนี้ ความสำเร็จตามที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ ก็เป็นสิ่งที่ไม่เกินความหวังของเรา

    ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านกำหนดการภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันศุกร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๗*๕
    เดือนกันยายน ๒๕๖๑ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    -ฉบับ.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ความสะดวกสบายยิ่งมีแก่พวกเรามากเท่าไร ยิ่งจำเป็นต้องฝึกลูกฝึกหลานให้หัดสมาธิให้มากเท่านั้น เพราะเมื่อเขาได้รับการตอบสนองทุกอย่างที่รวดเร็ว ทำให้กลายเป็นคนใจร้อน ใจเร็ว รออะไรไม่ได้ ถ้าขาดในเรื่องของสมาธิมาช่วย จะเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง น่าสงสารมาก

    มีลูกมีหลานพยายามจับให้หัดสมาธิให้ได้ อย่างน้อย ๆ จะได้เป็นประโยชน์แก่เขาในภายหน้า ไม่ต้องถึงขนาดตายแล้วไปสวรรค์ ไปพรหม หรือไปนิพพานหรอก เอาให้แค่รู้จักระงับยับยั้งชั่งใจตนเองได้ก็พอ

    พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กันยายน 2018
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    unseen-thailand-ตามประทีปถวายเป็นพุท.jpg

    Unseen Thailand ตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชา
    ณ วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
    ขอบพระคุณวิดีโอจากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ถ้ารู้สึกว่าตอนนี้.jpg

    ถาม : ถ้ารู้สึกว่าตอนนี้ใช่แล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่อีก จะรู้ได้อย่างไรว่าใช่แล้วจริง ๆ ?

    ตอบ : อย่าเชื่อว่าใช่จริง ๆ เพราะทันที่จิตละเอียดกว่าเดิมขึ้นไป ก็จะรู้ว่ายังไม่ใช่นี่หว่า …แล้วเราก็จะไปยึดตรงจุดที่ปัจจุบันว่าตรงนี้ใช่อีก
    เพราะฉะนั้น…อย่าเพิ่งไปยึดว่าใช่ จนกว่าจะเข้าพระนิพพานจริง ๆ แล้วค่อยใช่ ถ้ายังมีร่างกายนี้อยู่อย่าเพิ่งไปเชื่อ

    http://www.grathonbook.net/book/162.2.html

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ฤทธิ์ของสัตว์เดรัจฉาน

    ถาม:
    สัตว์เดรัจฉานมีชีวิตจิตใจแต่ว่าปัญญาน้อย ?
    ตอบ: ไม่ใช่ สัตว์ก็คือคน เขามีความรู้สึกความต้องการเหมือนคนทุกอย่าง เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายของเขาบังคับ เลยทำให้เขากินไม่ได้อย่างใจ นอนไม่ได้อย่างใจ ต้องการอะไรคนก็ไม่สามารถจะสนองตอบให้ ต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าหน่อย จำไว้ว่าสัตว์ที่อยู่ใกล้คน ที่คนเลี้ยงเขา กรรมของการเป็นสัตว์เดรัจฉานของเขาจะหมดแล้ว ถ้าใจเกาะคนจะเกิดเป็นคน ถ้าใจเกาะพระจะไปเกิดเป็นเทวดา

    ถาม: เขาเหมือนคน ?
    ตอบ: ไม่ใช่เหมือน แต่ใช่เลย เพียงแต่ว่ากรรมที่เขาทำ ทำให้เขาต้องลำบากอยู่ในภูมิของเดรัจฉาน ก็เลยไม่สามารถที่จะสื่ออะไรกับคนที่ไม่ได้ทิพจักขุญาณได้มากนัก

    ถาม: แต่เขาฟังเรารู้เรื่องตลอด ?
    ตอบ: เขารู้ แต่ว่าเวลาเขาสื่อสารมันก็เป็นภาษาของเขา เป็นภาษากายบ้าง เป็นภาษาเสียงบ้าง ประเภทยิ้มด้วยหู กระดิกหาง

    ถาม: เหมือนเขาฟังคำพูดเราออก แต่ทำไมคนฟังคำพูดเขาไม่ออก ?
    ตอบ: ก็ส่วนใหญ่แล้วคนมันห่วยแตกสู้หมาไม่ได้ เคยเห็นหมาตัวไหน หัดพูดภาษาต่างประเทศบ้างไหม ? ไม่มี แต่เอาหมาไทยกับหมาต่างประเทศมาสิ มัเขาคุยกันได้ทุกตัวแหละ เขาเรียกว่า กรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดโดยวิบากกรรม เขาสื่อสารกันได้ หมาไม่ต้องฝึกทิพจักขุญาณ ไม่ต้องฝึกกสิณหรอก แต่เห็นผีได้ทุกตัว ฤทธิ์โดยวิบากกรรม พระพุทธเจ้าบอกไว้ชัดเลยว่าฤทธิ์มี ๑๐ อย่าง

    เพราะฉะนั้น..จริง ๆ แล้วเราสู้หมาไม่ได้นะ หมาเขาเจ๋งกว่าเราเยอะ ที่วัดถึงเวลาหมาไม่ยอมกินข้าว หลวงพ่อวัดท่าซุงก็สงสัย ท่านแม่บอกว่าก็เขาไปดุมัน ต้องพูดกับมันเพราะ ๆ มันถึงจะกิน และอีกทีหนึ่ง ประเภทว่าแมวไม่ยอมกินอาหาร ท่านก็บอกว่าให้เรียกชื่อเก่ามันสิ ถามว่าชื่อเก่าชื่ออะไร ? ชื่อชูศรี พอเรียกชูศรีเอ๊ย..มากินข้าว วิ่งอ้าวมาเลย

    พวกสัตว์ดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงจุดที่ว่าเขามีแต่กิริยา มารยาไม่มี ทำอะไรก็แสดงออกตรง ๆ ของคนเรานี่ปรุงแต่งเยอะไปหน่อย เคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง..คงจะแถว ๆ เส้นทางระหว่างบ่อพลอยออกด่านช้างไปโน่น กำลังไปวัดท่าซุงนั่นแหละ จำได้ว่าเข้าปั๊มน้ำมัน อาตมาก็จะเดินไปห้องน้ำ พออ้อมพ้นสำนักงานเขาปั๊บ จ๊ะเอ๋กับหมาตัวหนึ่ง ความคิดเขาออกชัดเลย "นั่นแน่..กูได้กินแน่แล้ว" เขารู้เลย แล้วก็เดินตามเดี๋ยวนั้น อาตมาเองก็ต้องไปซื้อขนมให้กิน เขารู้ขนาดนั้น รู้ว่าคน ๆ นี้สงเคราะห์เขาได้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -บูชาพระ.png

    การไหว้พระ บูชาพระ

    การไหว้พระนั้น มีอยู่ ๔ อย่างคือ
    ๑. ลาภวันทนา ไหว้เพราะอยากได้ลาภ
    ๒. ภยวันทนา ไหว้เพราะกลัวภัย
    ๓. กุลาจารวันทนา ไหว้ตามจารีตประเพณี
    ๔. อภิวันทนา ไหว้พิเศษยิ่ง โดยระลึกถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ระลึกถึงพระรัตนตรัยจริง ๆ

    การบูชานั้นมีอยู่ ๒ อย่างคือ
    ๑. อามิสบูชา บูชาด้วยสิ่งของ
    ๒. ปฏิบัติบูชา บูชาด้วยการปฏิบัติ แบ่งเป็น ๓ อย่างคือ
    ๑. ขั้นต่ำ ได้แก่ให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม เรียนธรรม ไหว้พระ สวดมนต์ เป็นต้น
    ๒. ขั้นกลาง ได้แก่เจริญสมถกรรมฐาน
    ๓. ขั้นสูง ได้แก่เจริญวิปัสสนากรรมฐาน

    เพราะฉะนั้น การไหว้พระบูชาพระ นับเป็นบุญเป็นกุศล มีผลให้ไปเกิดเป็นมนุษย์และเทวดาได้ในเมื่อแตกกายทำลายขันธ์ไปแล้ว ถึงผู้นั้นจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม เมื่อทำลงไปอย่างนี้ ย่อมได้บุญอยู่ อุปมาเหมือนกับนาที่มีดินดี เวลาจะปลูกข้าวลงไป เราจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ข้าวของเราต้องงามเป็นแน่ เพราะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นรัตนะ คือแก้วอันประเสริฐแท้ และเป็นเนื้อนาบุญของชาวโลก

    ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
    ครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๒๖ พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส)
    อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ต. ท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ถ่ายทอดสดงานทำบุญครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๒๖ หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ดวงเกินตำรา

    ถาม : เรื่องของดวงชะตามีจริงไหมคะ?
    ตอบ :
    ดวงชะตาก็คือ การส่งผลของบุญกรรมที่เราทำมา ส่งให้เป็นอย่างนั้น

    เราทำความดี ผลดีก็ส่งให้เราเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มีโชคลาภ แต่ถ้าเราทำชั่วมา ถึงเวลาก็ทำให้เราตกต่ำ เคราะห์ร้าย ต้องรับในเรื่องที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่จะประดังกันเข้ามา

    ช่วงของบุญของบาป จะสลับกันมาให้ผล ถ้าบุญขาดช่วงลงบาปก็เข้าแทรก ถ้าหากกำลังบาปอ่อนตัวลงกำลังบุญก็ไล่บาปพ้นไป ความดีก็จะสลับกลับคืนมาใหม่

    บรรดาพราหมณ์ทั้งหลาย เขาเก็บสถิติต่อเนื่องกันมาเป็นพัน ๆ ปี เขาช่างสังเกตว่า คนที่เกิดวันนี้ เวลานี้ ที่ใกล้เคียงกัน ถึงเวลาจะมีผลดีผลร้ายเกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้น ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ดีหรือไม่ดีคล้ายคลึงกัน คนที่เกิดใกล้เคียงกัน แสดงว่าทำบุญบาปมาใกล้เคียงกัน ก็เลยสามารถที่จะสรุปลงมาเป็นตำราได้ว่า ดวงชะตาของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ว่ามีโอกาสผิดพลาดมาก ถูกต้องเต็มที่ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์

    แล้วอีกอย่างหนึ่ง ตัวที่ผันแปรดวงชะตาได้ดีที่สุดก็คือ กำลังของความดีสูง ๆ อย่างเช่น ทาน ศีล ภาวนา ถ้าเรามีการให้ทานเป็นปกติ รักษาศีลเป็นปกติ เจริญภาวนาเป็นปกติ ผลของดวงชะตา หรือบุญกรรมในอดีต ส่วนใหญ่ที่เป็นผลบาปที่เราเรียกว่ากรรม ก็จะให้ผลได้ไม่เกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์

    คนประเภทนี้ หมอดูจะทายผิดประจำ เขาเรียกว่า พวกนอกเหตุเหนือผล เกินตำรา

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    กำหนดหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมทองคำทรงเครื่อง วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๒ นะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    กำหนดการหล่อหลวงพ่อทองคำวัดท่าขนุน คือ วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลาประมาณ ๑๒.๓๐ น.ครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    ภาพงานทำบุญวันบูรพาจารย์วัดท่าขนุน ประจำปี ๒๕๖๑
    วันศุกร์ที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๑

    ขอบพระคุณภาพจากพี่มะลิแก้ว ช่างภาพเว็บวัดท่าขนุน

    ที่มา /www.facebook.com/hashtag/post219919">#post219919” target=”_blank”>http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=219919 #post219919

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ฉบับ.jpg

    กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๗๕
    เดือนกันยายน ๒๕๖๑ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 และ http://www.grathonbook.net/book/ นะคะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -สมาธิสั้น.jpg

    ความจำดี…สมาธิสั้น

    ถาม :
    …(ไม่ชัด)… มีความจำดี
    ตอบ : ความจำดี..เกี่ยวกับสมาธิโดยตรง ถ้าสมาธิทรงตัว จิตผ่องใส สมองก็เหมือนกับจัดลำดับของตัวเองได้ สามารถเรียงลำดับข้อมูลได้เลย เวลาอาจารย์พูดเรื่องอะไรมาก็จะจับประเด็นได้เร็ว

    ลักษณะนี้บางทีพูดแล้วก็เข้าใจยาก ยกตัวอย่างว่า หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านเจ้าคุณพระมงคลไชยสิทธิ์ เวลาไปหาท่านแต่ละทีนี่ ท่านชอบให้คาถา แล้วคาถาท่านยาวมาก เช่น

    “อะระหังพันเกศา ภะคะวากันอาวุธ พระพุทโธอุด พระธัมโมอุด พระสังโฆอุด พระพุทธะเจ้าห้ามอาวุธ อุดด้วยพระพุทโธ พระธัมมะเจ้าห้ามอาวุธ อุดด้วยพระธัมโม พระสังฆะเจ้าห้ามอาวุธ อุดด้วยพระสังโฆ อุดธัง อัดโธ นะโมพุทธายะ” พอให้เสร็จแล้วท่านเขกหัวเปรี้ยงเบ้อเร่อเลย บอกว่า “เอ้า…ให้เอ็งไปใช้” เป็นคนอื่นก็ลืมหมด เพราะมัวแต่เจ็บหัวอยู่

    แต่ว่าพอสมาธิดี ก็สามารถที่จะเรียงลำดับได้หมดเลยว่า คาถาของท่านมีเนื้อหาเป็นอย่างไร ขึ้นต้นก่อนหลังอย่างไร จะจัดลำดับการจำ แล้วแยกแยะออกมาเสร็จเรียบร้อย จำได้แม้ขนาดที่ว่าถ้าไปบอกคนอื่นเขา ๓ เที่ยวแล้วเขายังจำกันไม่ได้เลย ถ้าสมาธิดีก็เหมือนอย่างกับสมองของเราแยกออกเป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นระดับเอง จะจัดเรียงเรียบร้อยเลยว่าต้องจำอย่างไร แล้วก็จะจำได้

    อยากจะความจำดี ต้องภาวนาเยอะ ๆ เข้าไว้ ถ้าสมาธิดีแล้วจะเหมือนกับเจ้าจอย (วีรนุช นวลปลั่ง) เขานั่งมองอาจารย์อยู่ เพื่อนข้างหลังห้องก็เล่นกัน โยกโต๊ะโยกเก้าอี้ โยกไปโยกมา ทีนี้โยกเกินศูนย์ถ่วง เก้าอี้หงายฟาดโครมลงไป เพื่อนอีก ๓๐ กว่าคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน เจ้าจอยนั่งมองแต่หน้าอาจารย์ สมาธิดีขนาดรอบข้างมีอะไรเธอไม่รู้เรื่องเลย ได้ยินแต่เสียงอาจารย์อยู่อย่างเดียว เขาทำได้ขนาดนั้น ถ้าเราสมาธิดีขนาดนั้น เรื่องความทรงจำจะไม่มีปัญหาเลย

    ส่วนใหญ่แล้วเด็กสมัยใหม่สมาธิสั้น เพราะรีโมตคอนโทรลทำพิษ..นึกออกไหม ? ไม่ชอบใจก็เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ความจำจึงขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนตัวจิ๊กซอว์ ในเมื่อความจำขาดเป็นท่อน ๆ เหมือนตัวจิ๊กซอว์ ความสนใจจุดใดจุดหนึ่งก็น้อย……..

    ถาม : เป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ คือคนสมัยนี้ไม่ค่อยได้เดิน สมัยก่อนเดินเยอะ ?
    ตอบ : ก็มีส่วนเหมือนกัน จะมากจะน้อยก็มีอยู่ แต่ว่าจริง ๆ ก็คือสังคมปัจจุบันใช้พวกคอมพิวเตอร์ หรือพวกเครื่องเล่นที่เป็นระบบดิจิตอล ซึ่งสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เร็วมาก รับข้อมูลได้เร็ว ค้นหาข้อมูลอะไรได้เร็ว สิ่งเหล่านี้ทำให้คนสมาธิสั้นลง

    ถาม : เพราะว่าสมัยก่อนชาวนาเขาปลูกข้าว กว่าเขาจะปลูกได้ไร่หนึ่งเขาใช้ความเคยชิน ถ้าเดินนี่นับ ..?
    ตอบ : นับครั้งไม่ถ้วน สมัยนี้เล่นรถไถนา ดำนา เกี่ยวแล้วนวดเสร็จเลย …(หัวเราะ)…

    ถาม : เปลี่ยนแปลงง่าย ฉะนั้นเวลาทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นพัน ๆ ครั้งทำให้ได้เรื่องสมาธิ ?
    ตอบ : ใช่..แต่ของเราความสนใจเฉพาะที่น้อย ความจำก็เลยไม่ดีไปด้วย เขาเรียกว่า “สมาธิสั้น”

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วันนี้มีโยมท่านหนึ่งมาสอบถามเรื่องของการปฏิบัติว่า อยากจะทำให้ดีกว่านี้ แต่การทำด้วยความอยาก เข้าใจว่าเป็นกิเลส จึงไม่คิดที่จะทำต่อ

    เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดมากต่อมากด้วยกัน อย่างเช่นเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรม ปรารถนามรรคผลนิพพานเป็นกิเลส เพราะยังอยากจะไปพระนิพพานอยู่ เป็นต้น การเข้าใจผิดลักษณะนี้ ถ้าตัวเราเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร แต่ว่ามีหลายสำนักที่ไปสั่งสอนลูกศิษย์ให้เข้าใจผิดตาม ๆ กันไป เป็นจำนวนมากต่อมากด้วยกัน

    ขอให้ญาติโยมทั้งหลายพึงเข้าใจให้ถูกว่า การปฏิบัติของเรานั้น เริ่มต้นเราจำเป็นต้องอยากดีก่อน เมื่ออยากดีเราจึงต้องเกาะดี ก็คือ การที่เรามาปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา หรือศีล สมาธิ ปัญญา เราอยากดีเราถึงทำ ถ้าเราไม่มีความดีเหล่านี้เอาไว้ เราก็ไม่มีอะไรปล่อยที่จะไปปล่อยวางได้

    อย่างเช่น บางสำนักสอนให้ละทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรก็เอาแต่อนัตตาอย่างเดียว อาตมาอยากจะถามว่า ถ้าไม่มีอัตตาแล้วท่านจะเอาอนัตตามาจากไหน ? เหมือนกับบุคคลไม่ได้ถือของไว้ในมือ แล้วบอกว่าเราจะวาง แล้วจะเอาของที่ไหนมาวางได้ ?

    การปฏิบัติในเบื้องต้นจึงจำเป็นที่จะต้องยึดเกาะความดีก่อน เพื่อความมั่นคงของการปฏิบัติ เปรียบเหมือนบุคคลขึ้นสู่ที่สูง อย่างเช่นขึ้นบันได ก็ต้องเกาะราวบันไดเพื่อความมั่นคง เพื่อเป็นเครื่องนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง แต่เมื่อถึงชั้นบนแล้ว เราก็จะปล่อยราวบันไดโดยอัตโนมัติเอง

    บุคคลที่ทำถึงที่สุดแล้ว จิตใจก็จะปลดออกทั้งส่วนดีหรือส่วนชั่ว จะเป็นอัพยากฤตารมณ์ ก็คืออารมณ์ที่เป็นกลางโดยอัตโนมัติ ไม่ข้องแวะทั้งความดีความชั่ว แต่ในระยะเริ่มต้นนั้นจำเป็นที่จะต้องเกาะดีก่อน เมื่อดีถึงที่สุดแล้วจึงวางดีนั้นเสีย ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าว่ากล่าวไปแล้ว อาจจะพาให้ญาติโยมจำนวนมากฟุ้งซ่านเสียเปล่า ๆ เพราะว่าอาจจะนำไปคุยต่อ การคุยของเราถ้าหากว่าไม่รู้จริง ก็จะออกทะเลไปเรื่อย หาที่หมายไม่เจอ และทำให้เราฟุ้งซ่าน อารมณ์ใจไม่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว

    จึงขอให้ทุกคนเข้าใจแค่ว่า การที่เราทำความดีนั้น เราต้องอยากดีก่อน แต่ตัวอยากตัวนี้ไม่ใช่อยากที่เป็นตัณหา เป็นตัวอยากที่เป็นธรรมฉันทะ คือความพอใจในธรรม ขอให้สังเกตว่า ตัวอยากที่เป็นตัณหานั้น มีแต่จะนำความทุกข์มาให้เรา แต่ถ้าคำว่าอยากที่เป็นธรรมฉันทะนั้น มีแต่จะนำพาเราให้พ้นทุกข์ เพียงแต่ว่าศัพท์ภาษาไทยไม่ได้แยกออกชัดเจนเหมือนบาลี

    ดังนั้น..ตัณหากับธรรมฉันทะ เราจึงไปใช้คำว่า “อยาก” เหมือนกัน ในเมื่อใช้คำว่า “อยาก” เหมือนกัน ท่านที่ต้องการจะเอาดีจริง ๆ เป็นบุคคลที่มีปัญญามาก ก็ไปคิดว่าเป็นกิเลส อาตมาอยากจะบอกว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีปัญญามาก แต่ขาดสติกำกับ ในเมื่อขาดสติกำกับ ก็ลืมไปว่าการที่เราจะข้ามน้ำนั้น อย่างไรเสียก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพไปก่อน

    ถ้าเราอยู่กลางน้ำแล้ว เราบอกว่าจะสละเรือ สละแพ ก็ย่อมอยู่ในฐานะที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากว่าเรือแพนั้นยังนำเราไปสู่จุดหมายไม่ได้อย่างที่เราต้องการ เราจะไปสละเรือ สละแพ ก็ต่อเมื่อเราขึ้นสู่ฝั่งแล้ว ตอนที่ยังลอยคอข้ามในวัฏสงสาร อย่างไรเสียก็ต้องอาศัยยานพาหนะเพื่อจะนำพาเราข้ามไป สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็เป็นการถกเถียงกันมากเรื่องเสียเปล่า ๆ

    เมื่อเราเข้าใจถูกแล้วว่าตอนแรกเราต้องเกาะดีก่อน เมื่อทำความดีจนถึงที่สุด ปัญญาของเราถึง เราก็จะปล่อยวางความดีนั้นไปเองโดยอัตโนมัติ จึงขอให้ทุกท่านตั้งหน้าตั้งตาสั่งสมในสิ่งที่เป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา ในสิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล ของเราเอาไว้ เมื่อทำไปจนเต็มที่แล้ว เราจะปล่อยวางเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไปเอง

    ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า ตราบใดที่เรายังอยู่ในกรอบของศีล ตราบนั้นเราไม่มีทางที่จะหลุดพ้นจากความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเราได้ ยกเว้นว่าเราไปยึดมั่นถือมั่นจนเป็นสีลัพพตุปาทาน ก็แปลว่าเราอยู่ในกรอบของความดีแต่ไม่ได้ไปที่ไหน เพราะไปยึดกรอบเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเสียแล้ว

    ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจ นึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของตนเอง ไม่ว่าท่านที่ได้มโนมยิทธิก็ตาม หรือว่าจับภาพพระอยู่ก็ตาม ถ้าสามารถกำหนดใจขึ้นไปกราบพระได้ ก็ให้ขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ท่านที่ทำไม่ได้ก็ให้ดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเราเอาไว้ ตั้งใจไว้ว่าเราทำความดีทั้งหมดนี้ก็เพื่อพระนิพพาน ให้ทุกคนดูลมหายใจและคำภาวนาของตนไปตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันเสาร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -บูรณะซ.jpg

    อานิสงส์การสร้าง บูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูปและโทษของการทำลายพระพุทธรูป

    ถาม :
    จะถามเรื่องการทำบุญ ที่ไปหล่อพระพุทธรูปหรือการสร้างพระพุทธรูป บูรณะซ่อมแซมพระพุทธรูป บุญกุศลเหล่านี้จะได้บุญอย่างไรคะ ?
    ตอบ : พุทธบูชา มหาเตชวันโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดช มีอำนาจมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นเทวดา พรหม ก็จะมีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าหากว่าเกิดเป็นคน ส่วนใหญ่ต้องเป็นผู้นำหมู่ชนเขา และการซ่อมพระพุทธรูป ถ้าหากว่าเกิดใหม่ รูปร่างหน้าตาจะสวยงามเป็นพิเศษ ถ้าเป็นสุภาพสตรีจะได้เบญจกัลยาณี หรือไม่ก็อาจจะถึงขนาดอิตถีลักษณะ ๖๔ ประการ ที่เป็นพุทธมารดา อันนั้นหายากสุด ๕ อย่างก็ยากเต็มทีแล้ว อันนั้นได้อีก ๖๔ หัวข้อ

    ถาม : แล้วถ้าไม่ได้ซ่อมพระพุทธรูปแต่เป็นฐานพระพุทธรูปละคะ ?
    ตอบ : ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งด้วย

    ถาม : แล้วถ้าเป็นผู้ชายละครับ จะได้เบญจกัลยาณีหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : หวังสูงนะ …(หัวเราะ)… ตั้งความปรารถนาไว้แล้วกัน ดีไม่ดีได้เกินนั้น

    ถาม : ทีนี้ในทางตรงกันข้ามละเจ้าคะ ถ้าทำลาย ?
    ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอก ลงอเวจีมหานรกเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นก็เคยทำอะไรไว้ ก็ช่วยซ้ำครบทุกขุมเลย

    ถาม : มีเพื่อนที่รู้จักเจ้าค่ะ คือเขานำพระพุทธรูปมาองค์หนึ่ง แล้วเขาไม่ทราบว่า เขาคิดว่าพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นปูน เขาคิดว่าองค์ท่านควรจะมีน้ำล้อมรอบเขาก็เอาไปแช่น้ำเจ้าค่ะ พอแช่ทิ้งเอาไว้ท่านก็บวมขึ้นเรื่อย ๆ เลยมาทราบทีหลังว่าเป็นขี้เลื่อยอัดกาวค่ะ แล้วอย่างนี้ไม่ทราบว่า…?
    ตอบ : จริง ๆ เขาทำโดยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจจะถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เรื่องเป็นโทษคงจะไม่มี เพียงแต่ว่าพระชำรุด

    ถาม : ชำรุดมากเลยค่ะ หลุดเป็นชิ้น ๆ เลยค่ะ
    ตอบ : หาองค์ใหม่ให้เขาเอาที่แช่ได้ทน ๆ

    ถาม : เนื่องจากว่าเขารักองค์นี้มากเลยค่ะ เขาก็เลยให้ช่างไปซ่อม ทีนี้ช่างบอกซ่อมไม่ไหวแล้ว ต้องทุบท่านทีนี้ไม่ทราบว่า…?
    ตอบ : ถ้าลักษณะอย่างนั้นถือว่าทำลายพระพุทธรูป โทษอเวจีเหมือนกัน ลักษณะนั้นควรจะบรรจุไว้ในองค์ที่ใหญ่กว่าแล้วบูชาต่อไป

    จำไว้เลยนะ พระที่สร้างขึ้นมาแล้วไม่ว่าองค์ใหญ่องค์เล็กก็ตาม จะชำรุดหรือไม่ชำรุดก็ตาม ถ้าเราเอาไปป่นทำลาย โดยเฉพาะสมัยนี้นิยมกันนัก สร้างเป็นองค์พระขึ้นมาใหม่ มีส่วนผสมของพระเก่า คุยอย่างดิบดีเลย นั่นเป็นโทษทำลายพระพุทธรูป อเวจีมหานรกรออยู่ รีบ ๆ กราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียดี ๆ

    ถาม :
    แล้วจะหายไหมคะ ?
    ตอบ : ไม่หายหรอก ขอไปเรื่อย ๆ จนกว่าท่านจะยอม คือจิตของเราจะคลายออกจากจุดนั้นเอง ใช้คำว่าท่านจะยอม ท่านยอมตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเขาทุบไปเรียบร้อยแล้ว

    ถาม : มีรูปจิ๊กซอว์เป็นรูปพระค่ะ โรยกากเพชรเอาไว้แล้วฝุ่นจับ เอาไปล้างน้ำทำความสะอาดแล้วหัก จะเอาไปใส่กรอบแล้วกาวหลุดค่ะ ?
    ตอบ : อย่างเดียวกัน เป็นเจตนาดีไม่มีโทษ ก็ไปซื้อกาวมาทาใหม่ ขวดละ ๒๐ บาทเอง

    ถาม : ติดเสร็จแล้วใส่กรอบแล้วละคะ ?
    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ อันนั้นเจตนาดีเหมือนกัน จะทำความสะอาดพระ แต่ไม่รู้ว่ากาวจะละลาย

    ถาม : แล้วไปเจียรฐานพระเป็นอะไรไหมคะ ?
    ตอบ : ฐานพระ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ตกแต่งในลักษณะที่เราจะให้สวยงามใช่ไหม ? อย่างนั้นได้บุญด้วย ต่อไปถ้าเกิดมาจะผอมสวยกว่านี้จ้ะ …(ห้วเราะ)…

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    บุญที่สูงที่สุด

    ถาม :
    ทำบุญอะไรจะได้บุญสูงสุดคะ ?
    ตอบ : บุญสูงสุดจริง ๆ ก็คือ ทำตัวให้เป็นพระอริยเจ้า ไม่ต้องเสียเวลาไปทำภายนอก

    ถาม : แต่ถ้าเป็นทานบารมีละคะ ?
    ตอบ : ทานบารมีเป็นสิ่งที่ต่ำสุด สูงขึ้นไปเป็นศีล แล้วเป็นภาวนา ถ้าทำทานบารมีแล้วบอกจะเอาสูงสุด ชาตินี้ก็คงจะไม่ได้

    สนทนาพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    อิทธิพลดวงดาว

    ถาม:
    อิทธิพลดวงดาว …ชะตาชีวิต ?
    ตอบ: มีผลอยู่ อย่าลืมว่าแค่ดวงจันทร์นี้ ยังทำให้น้ำขึ้นน้ำลง แล้วโดยเฉพาะผู้หญิงกับดวงจันทร์นี่ไปด้วยกันอยู่แล้ว ๒๘ วันเจอกันทีหนึ่ง ดาวอื่น ๆ ก็เหมือนกัน

    แต่ว่าขณะเดียวกัน เราก็อย่าปล่อยให้เขามีอิทธิพลต่อเราฝ่ายเดียว ถ้าหากว่าความดีของเราสูง ความเข้มแข็งของใจของเราสูง เขาก็มีอิทธิพลน้อยลง ในเรื่องของดวงเรื่องของโหราศาสตร์ที่แม่นที่สุด ถ้าหากว่าเรามั่นคงในเรื่องของ ทาน ศีล ภาวนา เรื่องไม่ดีที่จะเกิดขึ้นมีไม่เกิน ๒๕ % ที่เหลือสู้ความดีไม่ได้

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...