อัพเดตข่าวสาร วัดท่าขนุนและหลวงพ่อเล็ก

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย ศิษย์วัดท่าขนุน, 2 กันยายน 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    โอวาทก่อนวันงานหล่อพระทองคำ วันศุกร์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒

    พรุ่งนี้หลังจากที่บวงสรวงเสร็จ ทองคำจะหย่อนลงเบ้าหลอมไป ญาติโยมทั้งหลายไม่ต้องไปหย่อนตาม เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วของพวกเราเป็นทองรูปพรรณ หรือถึงเป็นทองคำแท่งก็เป็นทองชิ้นเล็ก ๆ ๑ กรัมบ้าง ๒ กรัมบ้าง ๔ กรัมบ้าง ซึ่งทองทั้งหลายเหล่านั้นจะมีส่วนผสมโลหะเพื่อให้เกิดความแข็ง

    โลหะต่าง ๆ เมื่อรวมตัวกันมาก ๆ เป็นจำนวนหนึ่ง จะแทรกเข้าไปในเนื้อทอง ถึงเวลาองค์พระก็จะมีลาย พูดง่าย ๆ ว่าไม่สวย อาตมาจึงพยายามใช้ทองแท่งน้ำหนักตั้งแต่ ๕ บาทขึ้นไป ซึ่งตามที่บอกไว้แล้วว่า วันนี้รวบรวมเอาไว้แล้ว ๑๐๕ กิโลกรัม ส่วนที่เหลือเป็นทองรูปพรรณและทองชิ้นเล็ก ซึ่งก็เหลืออยู่อีกหลายสิบกิโลกรัม

    หลังจากที่หล่อพระองค์นี้แล้ว ตัดสายชนวนออกมาก็น่าจะมีทองคำเหลืออีกหลายกิโลกรัม อาตมาจะรวบรวมทองทั้งหมด ทั้งที่เป็นชนวน แล้วก็ส่วนที่ญาติโยมถวายมา เอาไปหล่อพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรเพิ่มอีก ๑ องค์ ถ้าหากว่าได้ทองเพียงพออาจจะหล่อในปีหน้า หรือถ้าไม่พอก็รอหล่อในปีถัด ๆ ไป
    ……………………………….
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  2. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .png

    แจ้งให้ญาติโยมทางภูเก็ตทราบ…

    พระอาจารย์จะเดินทางไปภูเก็ต วันศุกร์ที่ ๒๒ มีนาคมนี้ ออกจากกรุงเทพฯ เวลา ๑๓.๓๕ น. ถึงภูเก็ตประมาณ ๑๔.๕๕ น. อยู่รับสังฆทานที่บ้านคุณสหัสชัย ทศกาญจน์ (สามกอง) แล้วเดินทางกลับวันอาทิตย์ที่ ๒๔ มีนาคม เวลา ๑๒.๕๕ น.ครับ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  3. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -คำพูดที่ว่า-ชีวิตอย.jpg

    ถาม : คำพูดที่ว่า ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง กับ อย่าไปหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อันไหนถูกต้องกว่ากัน ?
    ตอบ : ผิดทั้งคู่ ถ้ายังหวังอยู่ก็แปลว่าใจเรายังเกาะอนาคต ถ้าใจเราเกาะอนาคตนี่ผิดแล้ว

    ขณะเดียวกัน..อย่าไปหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อันนี้ความจริงแล้วดี แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างเราทำ ถ้าจะให้ถูกต้องจริง ๆ ก็คือ ให้ตั้งต้นว่าเราทำอะไรและเพื่ออะไร ? แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำไป ไม่ต้องไปสนใจว่าผลจะเกิดเมื่อไร และเกิดอย่างไร ถ้าทำอย่างนี้แล้วถึงจะดี คือเราต้องมีความหวังหรือตัวฉันทะขึ้นมาก่อน พอมีฉันทะขึ้นมาถึงอยากจะทำในสิ่งนั้น และตั้งใจทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ

    เพียงแต่ว่าในชั่วขณะที่ทำไม่ต้องไปคิด ตั้งหน้าตั้งตาทำให้ถึงจุดหมายเท่านั้น ไม่ต้องไปคิดให้ฟุ้งซ่าน ก็เหลือแค่ว่าลุยทำภารกิจนั้นให้สำเร็จ ถ้าทำอย่างนั้นจะได้เร็วและได้ง่ายกว่า

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกันยายน ๒๕๔๔ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  4. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๖-มีนาคม-พุ.jpg

    วันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เดินทางไปรักษาอาการท่อน้ำตาอุดตัน กับพระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม ณ วัดโพธิ์ลังการ์ หมู่ที่ ๖ ตำบลท่างาม อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งมีคณะญาติโยมที่รู้จักมาขอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  5. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๗-มีนาคม.jpg
    -๑๗-มีนาคม.jpg

    วันอาทิตย์ที่ ๑๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รับฎีกานิมนต์จากพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ เจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ไปร่วมเจริญพระพุทธมนต์ในงานทำบุญประจำปี ณ มหาวิหารพระราชพรหมยาน (๑๒ ไร่) วัดจันทาราม (ท่าซุง) หมู่ที่ ๒ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  6. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ต้องการบนเรื่องหน้.jpg

    ถาม : (ต้องการบนเรื่องหน้าที่การงาน)
    ตอบ : บนพระวิสุทธิเทพดู เรื่องหน้าที่การงานต่าง ๆ เกี่ยวกับการบนให้ได้งาน บนให้ออกจากงานอะไรนี่ พระวิสุทธิเทพท่านเคยตรัสบอกกับหลวงพ่อเอาไว้ว่า ถ้าเกี่ยวกับเรื่องงานให้บนท่านได้ แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อสำเร็จแล้ว การแก้บนท่านว่าต้องรักษาศีล ๕ หรือศีล ๘ พร้อมเจริญกรรมฐาน ๗ วัน อย่างอื่นไม่เอาเลย เน้นการทำความดีขนาดหนักล้วน ๆ
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  7. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๓.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๓ : พลังเหนือโลก

    โลกเบี้ยว ๆ ของเราใบนี้ ปกคลุมด้วยชั้นบรรยากาศและสนามพลังแม่เหล็ก นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยประจุไฟฟ้า คลื่นของเรดาร์ วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ สารพัดสารเพ บางทีกระแสพลังเหล่านี้ก็ให้โทษ เช่น เครื่องบินตกเพราะสับสนในคลื่นสัญญาณ จนต้องสร้างวัตถุที่ป้องกันคลื่นสัญญาณ เรียกว่ากรงฟาราเดย์ ขึ้นมาแก้ไขสถานการณ์…

    พลังบางอย่างสุดที่นักวิทยาศาสตร์จะหาเหตุผลได้ เช่น พลังประหลาดจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา พลังลึกลับจากพีระมิด เป็นต้น อาตมาเผชิญกับพลังของกระแสไฟฟ้าในอากาศ จนแทบจะเสียชีวิตมาแล้ว บอกไปจะมีใครเชื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้…?

    อาตมานอนภาวนาอยู่ เกิดตาดีมองเห็นประจุไฟฟ้าในอากาศ อนุภาคไอออนจิ๋ว ๆ เกาะตัวเป็นกลุ่ม ๆ มีทั้งโปรตอน อิเล็กตรอนครบครัน ดันไปนึกถึงกำลังภายในของจีน เขาว่านี่แหละของแท้ล่ะ… ถ้าดึงมาเข้าตัวได้ ก็ใช้เป็นกำลังภายในแบบในหนังได้…!

    ไม่ได้นึกเลยว่ามันจะมีอันตราย ใช้กำลังใจดึงเอาประจุไฟฟ้ามารวมตัวกัน แล้วดึงดูดเข้ามาสู่ตัวเองทันที… วูบแรกที่รู้สึกคือ… เส้นเลือดทุกเส้นพองตัวแทบระเบิด ลูกตาเหมือนจะทะลักออกนอกเบ้า สมองจะพุ่งกระจายออกทางกระหม่อม…!

    ดีที่ไม่ขาดสติ รีบตัดพลังไฟฟ้าทิ้ง นอนแผ่หราแทบขาดใจตาย เกือบจะจับตัวเองนั่งเก้าอี้ไฟฟ้าแล้วไหมล่ะ…! ใช้กำลังใจเยียวยาตัวเองเป็นชั่วโมง กว่าจะกระย่องกระแย่งออกไปทำวัตรได้ เข็ดจนตาย..ไม่เอาอีกแล้ว…!

    พลังเหนือโลกที่นักวิทยาศาสตร์ก็สุดที่จะพิสูจน์ได้ เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาอาตมาอีกหนหนึ่ง ตอนนั้นมีคำทำนายของท่านปรีชา ทรงธรรมว่า “ในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๘ ศูนย์โลกุตรพลังจะหมุนเวียนมาอยู่ที่วัดท่าซุง ถึงเวลานั้น บุคคลในสถานที่นั้น จะกระทำในปริยัติ ปฏิบัติ หรือปฏิเวธ จะได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง”

    วันนั้นอาตมาชวนเพื่อน ๆ ไปวัดเพื่อรอพิสูจน์ว่า มีอะไรเป็นหลักฐานบ้างยามที่พลังเหนือโลกหมุนเวียนมาถึง ในขณะที่อาตมาเดินไปไหว้พระจุฬามณีนั่นเอง ก็ได้เห็น…ต้นโพธิ์ใหญ่หน้าโรงไฟฟ้าข้างพระจุฬามณี ที่ใบร่วงหมดทั้งต้น จนอาตมาคิดว่ามันคงจะตายในไม่ช้า อยู่ ๆ ก็มีใบอ่อนสะพรั่งพรึ่บขึ้นมา และโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างกับเล่นกล กลายเป็นใบอ่อนขนาดใหญ่ เขียวขจีไปทั้งต้น…!

    ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว อาตมารีบไปตามเพื่อนมาดู ขณะเดินทางจากห้องพักมายังต้นโพธิ์ ยายติ๋ว (ร.ท. หญิงสิริพร จอมผา) ชี้ท้องฟ้าพลางบอกว่า “ฟ้าแลบแลบสวยจัง เหมือนรากไม้เลย เสียดายนะ…ถ้าถ่ายรูปไว้ทันก็ดี…” อาตมาเองไม่ทันสังเกต จึงไม่ทราบว่ามันสวยอย่างไร นอกจากพาพรรคพวกไปดูของมหัศจรรย์ที่ตนเองพบมา

    แต่คืนนั้นเอง พี่เสาวณีย์ (คุณเสาวณีย์ บุญบุตร) ถ่ายรูปสถานที่ในวัดหลายแห่ง และพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล พอล้างฟิล์มออกมา ปรากฏว่า…ทุกภาพมีแสงสีประหลาด เป็นเส้นสายสีสันต่าง ๆ กัน สอดกระหวัดกันไปมา สวยงามเป็นอย่างยิ่ง...

    ยายติ๋วเห็นเข้าก็ร้องลั่นว่า “เหมือนฟ้าแลบที่ติ๋วเห็นเลย…” บางภาพมองเห็นภาพที่ตั้งใจถ่ายอยู่ราง ๆ บางภาพมีแต่เส้นสายประหลาดแน่นทึบจนมองไม่เห็นอะไร…บางภาพเส้นสายถักกันเป็นรูปยันต์เกราะเพชรอย่างสวยงาม บางภาพเป็นอักขระขอม และตัวหนังสือแปลก ๆ ช่างภาพหลายรายมาขอดูแล้วว่า หลายภาพสามารถทำขึ้นเองได้ แต่ภาพตัวอักษรและยันต์เกราะเพชรนั้น ไม่มีใครทำขึ้นมาได้ด้วยเทคนิคถ่ายภาพอย่างแน่นอน…!

    ๕ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  8. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -อัญเชิญหลวงพ่อทอ.jpg
    -อัญเชิญหลวงพ่อทอ.jpg

    วันนี้ อัญเชิญหลวงพ่อทองคำไปประดิษฐานที่วัดท่าขนุนแล้วนะคะ กราบอนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  9. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน เข้ารับการตรวจประเมินจากคณะกรรมการของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งนำโดยนางสาวพิไล จิรไกรศิริ ที่ปรึกษากรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อยกขึ้นเป็น ๑ ใน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ทำหน้าที่ประธานสงฆ์แทน พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ นายสืบสาย ศักดิ์โสภิษฐ์ นายอำเภอทองผาภูมิ ติดการประชุมที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี จึงมอบหมายให้นายไพศาล บัวกลิ่น สาธารณสุขอำเภอ ทำหน้าที่ประธานฝ่ายฆราวาส โดยได้รับความร่วมมือจากชุมชนคุณธรรมวัดต่าง ๆ โรงเรียน หน่วยราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำสินค้าจำนวนมาก และการแสดงต่าง ๆ ตลอดจนการสาธิตการทำอาหารพื้นบ้านและภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาร่วมงานอย่างน่าชื่นใจ

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  10. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -วัดท่าขนุน.jpg
    -วัดท่าขนุน.jpg
    -วัดท่าขนุน.jpg
    -วัดท่าขนุน.jpg
    -วัดท่าขนุน.jpg
    -วัดท่าขนุน.jpg

    หลวงพ่อทองคำ วัดท่าขนุน

    ขอบพระคุณภาพจากกลุ่มมุทิตา พระวัดท่าขนุน และทุกท่านที่เมตตาส่งมาให้ค่ะ

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  11. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
  12. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๘-มีนาคม-พ.jpg

    วันจันทร์ที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ถวายการต้อนรับและอาราธนาสมเด็จองค์ปฐมทองคำ ซึ่งนำมาส่งโดยคณะของพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม และท่านอาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา (ปฏิมากรผู้ปั้นหุ่นสมเด็จองค์ปฐมทองคำ) ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  13. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg

    วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ อากาศที่ทองผาภูมิเย็น มีเมฆมาก มีแนวโน้มว่าฝนจะตกถึง ๘๐ % อุณหภูมิอยู่ที่ ๒๑.๑ องศาเซลเซียส

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  14. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg
    -๑๙-มีนาคม-พ.jpg

    วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน นำพระภิกษุผู้รับผิดชอบงานด้านสาธารณูปการของวัดท่าขนุน ศึกษาระบบการใช้และการซ่อมบำรุงตู้ควบคุมไฟฟ้าแรงสูง หม้อแปลงไฟฟ้า และตู้ควบคุมไฟฟ้าแรงต่ำ จากช่างเทคนิคของบริษัท เจ.เจ.อาร์. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ณ อาคารควบคุมไฟฟ้า วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  15. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    พระอรหันต์ที่เข้าพระนิพพานทุกองค์ไม่มีใครใช้กรรมหมด เพียงแต่ว่าสภาพจิตพอถึงเวลาบริสุทธิ์แล้ว จัดเป็นอโหสิกรรมต่อกัน เหมือนน้ำกับน้ำมันที่แยกตัวจากกันโดยเด็ดขาด ไม่สามารถปะปนกันได้อีก
    ……………………………….

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม #แบ่งปันธรรมะ
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  16. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -ตอนที่-๓๔.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๓๔ : พบพระองค์ที่ ๑๐


    พระองค์ที่ ๑๐ เป็นใคร…? มาจากไหน…? มีความสำคัญอย่างไร…? หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้พวกเราฟังว่า… ครั้งหนึ่ง…มีโยมนิมนต์ท่านไปงานทำบุญบ้านที่จังหวัดราชบุรี พระที่ได้รับนิมนต์มีอยู่ด้วยกัน ๙ รูป มีท่านเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน แต่พอไปถึงบ้านงาน ปรากฏว่ามีพระอีก ๑ รูป ไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว…

    พระรูปนั้นเป็นพระหนุ่ม ดูแล้วอายุคงจะไม่เกิน ๓๐ ปี รูปร่างหน้าตาดีมาก ผิวขาวอมเหลือง ดูผ่องใสอย่างประหลาด ท่านนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน แม้พระรูปอื่นมากันครบแล้ว ท่านก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกจากที่ ท่านเจ้าคณะจังหวัดจึงนั่งถัดมาเป็นคอสอง ตามลำดับไป จนถึงหลวงพ่อที่นั่งปิดท้ายอยู่…

    พอพระรูปนั้นให้ศีล หลวงพ่อวัดท่าซุงเล่าว่า ได้ยินแล้วทึ่งมาก เสียงท่านแจ่มใสกังวาน ฟังไพเราะรื่นหู ชื่นใจจนบอกไม่ถูก อักขระทุกตัวถูกต้องชัดเจน เสียงอย่างนี้ในตำราเรียกว่า “โฆสัปปมาณิกา” คือ มีเสียงไพเราะเป็นที่ชอบใจของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย…

    เมื่อกำลังฉันอยู่ ท่านเจ้าคณะจังหวัดถามว่า บวชมากี่พรรษาแล้ว…? พระรูปนั้นส่งหนังสือสุทธิให้ดู ปรากฏว่าท่านบวชมากว่า ๓๐๐ ปีแล้ว…! ท่านเจ้าคณะจังหวัดราชบุรีถึงกับพูดไม่ออก เรื่องอื่นที่คิดจะถามเลยไม่กล้าถามต่อ…!

    พอให้พรญาติโยมเสร็จท่านก็ลากลับ หลวงพ่อถามเจ้าของบ้านว่านิมนต์พระรูปนี้มาจากไหน…? เจ้าของบ้านตอบว่า ผมคิดว่ามาด้วยกันกับท่านซะอีก…! เอาละซี…มีเรื่องจนได้แล้วไหมล่ะ… หลวงพ่อบอกให้เจ้าของบ้าน วิ่งลงไปดูซิว่าท่านไปทางไหน…?

    เพิ่งคล้อยหลังลงบันไดไปแท้ ๆ บ้านก็อยู่กลางทุ่งโล่ง ไม่มีที่ให้หลบมุมซักหน่อย แต่พระรูปนั้นหายไปทางไหนไม่มีใครรู้ อย่างกับท่านเหาะเหินเดินอากาศ หรือว่าดำดินได้อย่างนั้นแหละ เนื่องจากเจ้าของบ้านนิมนต์พระ ๙ องค์ แล้วท่านมาเพิ่มเป็นองค์ที่ ๑๐ หลวงพ่อจึงเรียกท่านว่า พระองค์ที่ ๑๐ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…

    หลวงพ่อเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังนานมากแล้ว จนชักจะลืม ๆ กันหมด อยู่ ๆ ก่อนงานประจำปีของวัดท่าซุง ปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อก็บอกกับลูก ๆ ทั้งหลายว่า งานนี้พระองค์ที่ ๑๐ จะมาโปรด พร้อมกับบรรยายรูปร่างลักษณะให้พวกเราได้ทราบเอาไว้ อาตมาตื่นเต้นมาก ที่จะได้พบกับพระพิเศษอย่างนี้ ชวนพรรคพวกไปวัดก่อนงานตั้ง ๓ วันแน่ะ…!

    หลวงพ่อให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า จะมีพระดีมาเป็นจำนวนมาก “หลวงตาลา” กับ “หลวงตาบุตร” ก็มาด้วย หลวงตาลารูปร่างสูงใหญ่ผมหงอกประปราย หลวงตาบุตรผอมเล็ก ผิวดำ อาตมากับพรรคพวกยิ่งตื่นเต้นใหญ่…

    วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๘ เวลาเช้ามืด…อาตมาตื่นตั้งแต่ตีสาม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งใจเจริญกรรมฐานตามปกติ แต่วันนี้อารมณ์มันแกว่ง ๆ พิกล นั่งกรรมฐานไม่ได้เลย จึงนั่งแกล้งพรรคพวกจนตื่นนอนไปตาม ๆ กัน พร้อมกับร้องเพลงงึมงำอยู่คนเดียว…

    ธรรมนูญ (อาจารย์ธรรมนูญ นาคส่องแสง) ร้องว่า “โอ้โฮ..พี่ร้องเพลงเชียวหรือ?” แมมมี (ร.ท.หญิงรมณีย์ พยุงเวช) ที่นอนอยู่ใกล้ ๆ หัวเราะคิก เพราะอาตมาถือศีล ๘ จนผอมกะหร่อง อยู่ ๆ ยอมศีลขาดร้องเพลงเล่น นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก…!

    ทำอย่างไรใจก็ไม่ยอมสงบ อาตมาจึงทิ้งเพื่อน ๆ ให้นอนต่อ เปิดประตูออกไปเพื่อจะเดินเล่น ก็พบกับ สามเณรบุญชุ่ม ทาแกง ยืนจ้องเป๋งอยู่หน้าห้อง…อาตมาถามว่า “หลวงพี่เณรมีธุระอะไรกับผมหรือครับ…?” ท่านไม่ตอบ หันหลังเดินจากไปเฉย ๆ…

    สำหรับเณรรูปนี้ (ปัจจุบันคือ ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร วัดพระธาตุดอนเรือง) อาตมาเลื่อมใสท่านมานานแล้ว ทราบว่าท่านเก่งแน่ แต่มาจ้องอยู่ที่หน้าห้องแต่เช้ามืดแบบนี้ ท่านมีอะไรจะบอกใบ้หรือเปล่าหนอ…? อาตมาคิดว่า “วันนี้ต้องมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน” รู้สึกสังหรณ์ใจผิดปกติ ตั้งแต่ตอนที่นั่งกรรมฐานไม่ได้แล้ว…

    ประมาณ ๑๗.๓๐ น. เลิกจากการงานของวัดแล้ว พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย อาตมาก็ชวนพรรคพวก ประกอบด้วย ธรรมนูญ แมมมี ติ๋ว (ร.ท.หญิงสิริพร จอมผา ยศในขณะนั้น) ตุ้ม (จำชื่อจริงไม่ได้) นัน (นันฑิญา เหลืองถาวรกุล) แข (ดวงแข คชภูมิ) นิพพา (นิพพา สืบสิงห์) คิ้ม (จงกล แจ่มแจ้ง) ออกลาดตระเวนกัน…

    จุดมุ่งหมายคือ ตามหาพระที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ ตอนนี้พระอาคันตุกะมาเป็นร้อยรูปแล้ว ลองสำรวจเผื่อจะโชคดี ได้พบรูปที่เหมือนกับที่หลวงพ่อบอก จะได้ทำบุญกับท่านก่อนคนอื่น (ขนาดเรื่องทำความดีนะนี่ ยังไม่ยอมให้คนอื่นเกินหน้าเล้ย…ตูละหน่าย…) จากพระจุฬามณี เดินลัดเลาะเรื่อยมา พบพระหลายรูปแต่ไม่เข้าเค้า บางรูปโดนหมากัดซะเหวอะ ต้องเข้าไปช่วยทำแผลให้กับท่าน (ติ๋วกับแมมมีเป็นพยาบาลทหารอากาศ) จนข้ามมาฝั่งวัดเก่า ซึ่งตอนนั้นยังเป็นป่าอยู่ (ปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งตึกรับแขกทั้งหมด)

    ขึ้นไปปฏิสันถารกับพระหลายรูป ที่กางกลดอยู่บนศาลาไม้สัก (ปีถัดมาศาลาหลังนี้ถูกไฟเผาซะเรียบเลย) พอสมควรแก่เวลาก็กราบลาท่าน ลงจากศาลาเพื่อไปหาพระที่ตั้งใจไว้ พอเดินมาถึงหน้าโบสถ์เก่า อาตมาก็เห็น… พระหนุ่มรูปหนึ่ง ลักษณะท่าทางดีมาก อายุประมาณ ๓๐ ปี นั่งตัวตรงอยู่บนตอไม้ ที่ซึ่งท่านนั่งอยู่เป็นที่เด่นมาก อยู่ห่างจากศาลาไม้สักไม่ถึง ๑๐ เมตร อาตมาเป็นคนสายตาดีเป็นพิเศษ (พวกมือปืนต้องสายตาดีกันทุกคน) แต่เชื่อหรือไม่…? อาตมาเดินมาจนเกือบถึงองค์ท่านแล้ว ถึงได้มองเห็นท่านนั่งอยู่กับลูกศิษย์ ๓ คน…!

    ในสายตาอาตมา พระที่จะขลังต้องแก่ ๆ หน่อย (แบบนี้มีหวังถูกต้มทั้งชาติ) เมื่อเห็นเป็นพระหนุ่ม อาตมาก็จะเดินหลีกไป แต่เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้น…คือ เท้ามันไม่ยอมเชื่อฟัง สั่งให้มันเดินหนี แต่มันกลับพาเลี้ยวเข้าไปหาท่าน โดยที่อาตมาฝืนอย่างไรก็ฝืนไม่ได้…! อาตมานั่งลงกราบท่านอย่างเสียไม่ได้ ท่านก็โอภาปราศรัยด้วย ประโยคแรกซึ่งท่านถามอาตมาคือ “เธอมาจากไหน..?” พรรคพวกทุกคนฟังแล้ว สะดุ้งกันแปดตลบ เพราะไปเหมือนกับที่พระพุทธเจ้าตรัสถามเปสการีธิดาเปี๊ยบเลย…!

    อาตมาตอนนั้นทั้งมืดทั้งบอดอย่างสนิท ไพล่ไปตอบท่านว่า “หลวงพี่ต้องการแบบไหนละครับ…? ถ้าจากวัดผมมาจากจุฬามณี ถ้าจากบ้านผมมาจากพระโขนง…” ท่านยิ้มน้อย ๆ พลางว่า “นี่เธอรวนฉันก่อนนะ ขอถามอีกที เธอจะไปไหน..?”

    เพื่อนพ้องทุกคนเหงื่อแตกพลั่ก…แต่อาตมาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ตอบท่านว่า “ผมมาหาพระดีครับ” “แล้วเจอไหมเล่า…?” อาตมาตอบเป็นเชิงกระทบกลาย ๆ ว่า “ยังครับ” ความหมายคือ พระดีที่ตามหา ไม่ใช่ท่านอย่างแน่นอน…!

    เพราะอะไรจึงมั่นใจอย่างนั้น…? ก็ทันทีที่กราบท่าน อาตมาใช้วิธีดูใจแบบที่หลวงพ่อสอนเอาไว้แล้ว มืดสนิทอย่างนี้เป็นพระดีก็เกินไปละ… (ภายหลังหลวงท่านชมว่าโง่ดีมาก คนที่เราจะดูใจได้ คือคนที่เสมอกันหรือต่ำกว่าเท่านั้น คนที่มีคุณธรรมสูงกว่าถ้าตั้งใจปกปิด เราจะไม่มีวันได้รู้กำลังใจที่แท้จริงของท่านเลย)

    เมื่ออาตมาประกาศสงคราม ท่านก็ลงสนามรบด้วย ลีลาของท่านแม้จะนุ่มนวล แต่ก็สง่างามเหมือนราชันย์สู่สงคราม ถึงลูกถึงคน เปี่ยมไหวพริบปฏิภาณ มีทั้งลูกล่อลูกชน หากว่าอาตมาไม่มีไม้ตาย คือยามคับขันอ้างว่า “หลวงพ่อยังไม่ได้สอน” มีหวังจอดตั้งแต่ยกแรก ท่านต้อนจนฉิว บ่นว่า “ไอ้ลูกลิงนี่เหลือเกิน ติดมุมแล้วมุดดินหนีก็ยังเอา…!” ลูกเล่นลูกฮาของท่านก็เหลือเกิน พรรคพวกส่งเสียงเฮชอบอกชอบใจ นาน ๆ ถึงจะมีพระยอมเล่นด้วยซักที ความเกรงท่านแต่แรกหายไปหมด เหลือแต่ความปีติอิ่มเอิบใจ จึงนั่งเชียร์พระโต้ธรรมะกับฆราวาสอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน…

    จนเกือบสองทุ่ม ฝนเริ่มลงเม็ดเปาะแปะ ท่านก็ขอตัวไปพักผ่อน อาตมาพาพรรคพวกกลับที่พัก ทุกคนแจ่มใสเบิกบานโดยทั่วหน้ากัน อารมณ์ขุ่นมัวแต่เมื่อเช้าหายขาดเป็นปลิดทิ้ง ยังข้องใจกับคำพูดประหลาด ๆ บางประโยคของท่านที่ว่า… “ฉันมาจากวัดที่มีพระ” “ฉันมาที่นี่บ่อย แต่เธอไม่ได้เห็นฉันหรอก ฉันมาหาฤๅษีเขา” “ฉันเป็นผู้ปรารถนาพระโพธิญาณ ทุกวันนี้ก็ยังทำหน้าที่พระโพธิสัตว์อยู่” “ฉันคิดว่าคงจะช่วยใครให้พ้นนรกไม่ได้ ฉันมีหน้าที่บอกทางให้เท่านั้น” … ฯลฯ

    รุ่งเช้า… วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๒๘ เป็นวันงานประจำปี พระเถรานุเถระทยอยกันมาตั้งแต่เมื่อคืน บางองค์ เช่น พระพรหมคุณาภรณ์ วัดสระเกศ ถึงกับลงไปฉันก๋วยเตี๋ยวร่วมกับพระทุกรูปในวัดอย่างไม่ถือองค์เลย…

    อาตมาทำหน้าที่ประเคนอาหารพระ พอครบถ้วนดีแล้ว นึกถึงหลวงพี่เมื่อคืนขึ้นมา จึงบอกพี่ประทุม (แม่ครัวกองทุน) ว่ามีพระอาคันตุกะกับลูกศิษย์ อยู่ทางฝั่งวัดเก่า ไม่เห็นท่านมาฉันที่นี่ ขออาหารไปถวายท่าน และขอเผื่อลูกศิษย์ท่านด้วย… พี่ประทุม (เสียชีวิตไปประมาณ ๓-๔ ปีแล้ว) ก็แสนดี รีบจัดอาหารให้โดยเร็ว เป็นเกาเหลาแห้ง ๘ ชาม อาตมาก็ไม่ทราบว่า ขนไปได้เรียบร้อยในเที่ยวเดียวได้อย่างไร ? (แต่ก็เอาไปแล้วล่ะ) ไม่เห็นท่านบนศาลา จึงชะโงกไปดูข้างนอก แล้วก็ได้เห็น…

    ข้างศาลาที่อาตมาเพิ่งเดินผ่านมานั่นแหละ ท่านกำลังเดินจงกรมอยู่…อะไรกันวะ ? เมื่อกี้เดินมาเราไม่เห็นใครเลยนี่หว่า…รอบศาลาก็ว่างโล่งไม่มีอะไรบัง เราผ่านท่านมาโดยไม่เห็นเลยได้อย่างไรกัน ? ตาถั่วแล้วมั้งตู…?!? แต่ว่างานกำลังยุ่ง กระทั่งเวลาสงสัยยังไม่มี กราบเรียนท่านว่า “อาหารวางไว้บนอาสน์สงฆ์ จะฉันเมื่อไรหลวงพี่หาคนประเคนด้วยนะครับ” ท่านตอบยิ้ม ๆ ว่า “เดี๋ยวก็มีคนมาประเคนให้เองแหละ…” อาตมาจึงโกยแน่บไปช่วยงานที่ศาลา ๒ ไร่…

    บนศาลานั้น หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส หลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม หลวงพ่อบุญรัตน์ วัดโขงขาว กำลังช่วยหลวงพ่อวัดท่าซุงรับแขกอยู่ อาตมากราบทุกท่าน แล้วไปช่วยงานที่ข้างองค์หลวงพ่อ… หลวงพ่อกำลังคุยกับ พล.ท.พิจิตร กุลละวณิชย์ และพล.ท.เทียบ กรมสุริยศักดิ์ สองแม่ทัพภาคอยู่ อาตมาแจกหนังสือของขวัญวันรับสมณศักดิ์ แก่ญาติโยมที่มาทำบุญกัน ผู้คนมากันแน่นขนัดไปทั้งวัด ศาลา ๒ ไร่เล็กเกินไปซะแล้ว…!

    พระเถรานุเถระมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา เป็นประธาน กำลังจะเริ่มเจริญพระพุทธมนต์ พี่สุนันท์ (คุณสุนันท์ เจียรกูล) มากระตุกแขนเสื้อกระซิบว่า “พระองค์ที่ ๑๐ มาถึงแล้ว อยู่ที่ฝั่งวัดเก่าแน่ะ…!” อาตมาขนลุกด้วยความดีใจ รีบถามว่าท่านมีลักษณะอย่างไร ? อยู่ตรงไหน ?

    พอได้รับคำอธิบาย อาตมาก็งงเป็นกำลัง ลักษณะที่บอกมา มันตรงกับหลวงพี่องค์นั้นนี่นา…! ถามด้วยความไม่มั่นใจว่า “แน่ใจแล้วหรือพี่…?” “แน่ซิน่า…เมื่อคืนหลวงพี่วัชรชัย (พระวัชรชัย อินทวํโส) เห็นท่านเดินจงกรม เท้าลอยพ้นพื้นตั้งสูง…แล้วตาใหญ่ (คุณอรรถวุฒิ ภาณุพินทุ) ขอถ่ายรูปท่าน เห็นรัศมีออกมาเป็นประกายรุ้งเลย…!” พี่สุนันท์ยืนยันขันแข็ง ขณะที่อาตมายังลังเลใจอยู่…

    เรื่องของเรื่องก็ต้องพิสูจน์กันหน่อย อาตมาลากพี่น้องฝาแฝดมาทำหน้าที่แทน เหลียวมองหาพรรคพวก เห็นแต่ติ๋วกับแมมมีสองคนเท่านั้น คว้าแขนได้ก็ลากวิ่งลิ่วไปเลย อธิบายให้ทราบคร่าว ๆ ว่า พระองค์ที่ ๑๐ มาแล้ว มีคนพบท่านที่ฝั่งวัดเก่า…

    ที่หอกลองข้างศาลาการเปรียญ ซึ่งอยู่ติดกับหอฉันหลังใหม่นั่นเอง “หลวงพี่” นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ มีญาติโยมเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าไปทำบุญกับท่าน อาตมาขี้เกียจเข้าคิวจึงทิ้งเพื่อนทั้งสองเอาไว้ข้างล่าง ตัวเองปีนต้นมะม่วง ขึ้นไปนั่งแปะอยู่ข้างองค์ท่านเลย…

    ท่านเหลือบมาดูนิดเดียว แล้วกล่าวคำพูด ที่อาตมาเข้าใจคนเดียวว่า “มาแล้วรึ…? ตอนนี้ไม่เล่นด้วยแล้วนะ…!” อาตมากราบท่านแล้วมองไปรอบข้าง เห็นท่านเจ้ากรมเสริม (พล.อ.ท. ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์) พี่ปี๊ด (คุณกัลยาณี ไชยะโท) และใครต่อใครมากันจนแน่นหอกลอง ติ๋วกับแมมมีก็แสดงปาฏิหาริย์ เหาะขึ้นมานั่งอยู่ข้าง ๆ เมื่อไรก็ไม่รู้…!

    ตรงหน้าท่านมีถุงใบใหญ่ ญาติโยมที่ทำบุญกับท่าน ต่างเอาปัจจัยหย่อนใส่ถุงจนแทบล้น อาตมาหมายมั่นปั้นมือว่า ถ้าท่านไม่เอาไปถวายหลวงพ่อ แบบหลวงปู่หลวงพ่อองค์อื่น ๆ ทำละก็ อาตมาจะ “อัด” ท่านให้หนัก ท่านหันมาพูดยิ้ม ๆ ว่า “ไม่มีทางหรอก…!” อาตมาถึงกับสะดุ้ง ท่านรู้วาระจิตผู้อื่นจริง ๆ หรือนี่…?

    เห็นพี่ปี๊ดถือกล้องถ่ายรูปอยู่ อาตมาเลยอาสาถ่ายรูปท่านให้ รับกล้องมาแล้วอธิษฐานขออนุญาตในใจ ท่านหันมาบอกว่า “ขอให้คนอื่นเขาได้ยินด้วยซิ…!” อาตมาสะดุ้งกล้องแทบหลุดมือ…! พอถ่ายรูปท่านเรียบร้อย อาตมาก็กราบขอบารมีองค์สมเด็จพระบรมครู ขอ “ดู” ท่านอีกวาระหนึ่ง คราวนี้เห็นแสงสีทองเป็นกรวยสามเหลี่ยม พุ่งจากข้างบนมายังศีรษะของท่าน มันชักจะยังไง ๆ ซะแล้ว ก็เมื่อคืนไม่เห็นแบบนี้นี่นา…

    อาตมามองเห็นใต้สังฆาฏิของท่าน มีลูกประคำโผล่ออกมาจึงตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าท่านคือพระองค์ที่ ๑๐ จริง ๆ และวาสนาบารมีของลูกสามารถเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้จริง ๆ ขอให้ท่านแสดงออก ด้วยการมอบลูกประคำให้แก่ลูกด้วยเถิด…”

    ท่านยิ้มพลางกล่าวเบา ๆ พอได้ยินว่า “ได้ซิ…แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ…คนเยอะ…” ได้ยินแล้วอาตมาหัวใจพองคับอก เป็นท่านจริง ๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อเลย…ท่านมาโปรดลูกหลาน ตามที่สัญญาไว้กับหลวงพ่อจริง ๆ อาตมานั่งดูท่านรับแขกอย่างเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีตอนท่านสั่งให้กันคนออกไปก่อน แล้วยกอาหารมาประเคนด้วย ท่านจะได้ฉันซะที…!

    อาตมารีบขอร้องทุกคน ให้ถอยออกไปชั่วคราว แล้วยกอาหารมาจะประเคนท่าน คนอื่นเห็นอาตมาได้ถวายอาหารท่าน ต่างก็เอาอาหารที่ตนมีอยู่ใส่ถาดร่วมถวายด้วย…ท่านดูถาดที่พะรุงพะรังด้วยอาหารแล้ว ถามยิ้ม ๆ ว่า “นั่นเธอจะเลี้ยงลิงหรือ…?!” อาตมาตีหน้าไม่ถูก ท่านรับประเคนแล้ว ไล่อาตมาไปเฝ้าทางขึ้นเอาไว้ อย่าให้ใครขึ้นมารบกวนตอนนี้ อาตมา ติ๋ว แมมมี นั่งเรียงหน้ากระดาน ขวางอยู่ตรงทางขึ้น สับสนไปหมด เหมือนฝันไปทั้งกำลังตื่นอยู่ (ลองกัดลิ้นตัวเองซักทีซิ…จะได้รู้ว่าไม่ได้ฝัน)

    กำลังคิดเพลินอยู่ ก็มีหลวงตาร่างผอมบางองค์หนึ่ง เดินหลีกคนขึ้นมาข้าง ๆ อาตมา แล้วกราบพระองค์ที่ ๑๐ อย่างนอบน้อม อาตมามีคำถาม ๑๐๘ อยู่เต็มสมอง แต่หลุดปากไปแบบโง่สุดขีดว่า “หลวงตาชื่ออะไรครับ…?” “อาตมาคือ โหรอรุณ เทศถมทรัพย์” อาตมาได้ยินแทบหงายผลึ่ง สุดยอดหมอดูของเมืองไทยท่านนี้ ที่แท้เป็นพระหรือนี่ หลงเข้าใจว่าเป็นฆราวาสมานาน

    อาตมาถามท่านด้วยปริศนาว่า “องค์นี้ท่าน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แน่นะครับ…” “ยิ่งกว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ซะอีก” หลวงตาอรุณตอบอย่างหนักแน่น อาตมาเหงื่อแตกพลั่ก…นรกกินหัวแน่กู…! เมื่อคืนล่วงเกินท่านไว้ขนาดหนักเลย พอดีท่านฉันเสร็จ เตรียมให้พร อาตมาคิดว่า ถ้าให้พรไม่ถึงพระนิพพานละสวยแน่ (เป็นซะอย่างนี้แหละ ไอ้ควาย…!)

    ท่านให้พรเป็นภาษาไทย ไพเราะกลมกลืน รื่นหูเป็นอย่างยิ่ง แต่เชื่อหรือไม่ อาตมาเองจัดเป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศคนหนึ่ง ฟังอะไรครั้งแรกจะจำได้เกือบครึ่ง ถ้าสามครั้งแปลว่าชาตินี้ไม่มีวันลืม แต่จำคำให้พรของท่าน ไม่ได้แม้แต่คำเดียว…!

    ท่านบอกว่า “จำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ ถึงเวลาจะได้เอง” อาตมายกถาดอาหารออกมา ไม่ทราบว่าท่านฉันอย่างไร ไม่ยุบเลยแม้แต่น้อย ส่งแอปเปิลให้ติ๋วกับแมมมีคนละ ๑ ลูก ตัวเองเก็บลูกที่ท่านฉันแหว่งไปลงกระเป๋า… (คอยคลำอยู่เรื่อย กลัวรอยแหว่งจะหาย…!)

    มีผลไม้ประหลาดลูกหนึ่ง ลักษณะคล้ายผลทับทิม แต่ดูเนื้อคล้ายสาลี่ คล้ายแอปเปิล ผิวเป็นสีน้ำตาลอ่อน ไม่ทราบว่ามือลึกลับที่ไหนถวายมา…อาตมาตัดสินใจถวายหลวงตาอรุณไป ท่านรับได้ก็หันหลังไปแน่วเลย เหมือนกับตั้งใจมารอรับผลไม้ลูกนี้เพียงอย่างเดียว…!

    พอไม่มีหลวงตาขวางทาง มือนับร้อยก็ยื่นมาทุกทิศทุกทาง คนละหมุบคนละหมับ พริบตาเดียวหมดเกลี้ยง แม้แต่ที่ตกลงบนพื้นก็กวาดเรียบ…อาตมายืนงง ดูถาดเปล่า ๆ ในมือซึ่งเมื่อกี้ยังมีอาหารเต็มถาด ตอนนี้หายวับไปกับตา ยิ่งกว่าปาฏิหาริย์ซะอีก…!

    ท่านบอกให้ทุกคนเปิดทาง ท่านจะไปนั่งที่ศาลาการเปรียญ เงินในถุงท่านให้รวบรวมเอาไปถวายหลวงพ่อวัดท่าซุง พวกรูป-เหรียญของหลวงพ่อที่ญาติโยมถวายท่าน ท่านสั่งให้อาตมาแจกแก่ญาติโยมจนหมด อาตมาขอผ้าขนหนูผืนเล็กจากท่านไว้เป็นที่ระลึก ๑ ผืน…

    พอท่านออกเดินก็มีคนปูผ้าเป็นทางตลอดแนว เพื่อเก็บรอยเท้าท่านไว้บูชา อาตมารีบปูผ้าขนหนูผืนเล็กลง ก้มกราบขณะที่ท่านเหยียบผ้าพอดี จึงได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์อีกวาระหนึ่ง ผ้าผืนนั้นกว้าง ๑ ฟุต ยาว ๒ ฟุต เท้าของท่านโตเต็มผ้าพอดี…!

    มัวแต่ตกละลึงอยู่ จนท่านเรียกให้อาตมาปูอาสนะ ๒ วาระ จึงได้สติ ปูอาสนะที่มุมศาลา…คลื่นมนุษย์รายล้อมเข้ามา แย่งกันถวายปัจจัยท่าน พรรคพวกของอาตมาก็มากันครบ ธรรมนูญขึ้นมาช่วยอาตมานับเงินอีกคน… นับเงินไปฟังท่านให้พรญาติโยมไป ตาก็ชำเลืองคอยดู ไม่เห็นจะต่างกับคนทั่วไปเลย เสียงท่านบอกว่า “อย่าดูเลย…ไม่ได้เห็นหรอก” อาตมาหลบตามานับเงินต่อ ท่านพูดอีกว่า “ไม่เชื่อรึ…? ลองคลำดูก็ได้นะ…” ไม่ว่าจะคิดอะไร ท่านเป็นรู้ล่วงหน้าไปซะหมด…!

    พี่วิไล (คุณวิไลวรรณ ภูมิธเนศ) ติดเครื่องบันทึกเสียงมาพอดี อาตมาขอยืมมาเพื่อบันทึกเสียงของท่าน แต่กดปุ่มเรคคอร์ดไม่ลง ต้องอธิษฐานขอเสียงท่านไว้เป็นหลักฐาน ทีนี้กดลง แต่เทปเดินแค่ ๑๐ นาที แล้วหยุดเอง…! อาตมาต้องขอท่านว่าให้ได้หมดทั้งม้วน เทปก็เดินต่อเอง เอากับท่านซิ…เห็นผู้คนมากันมืดฟ้ามัวดิน อาตมาห่วงงานที่ ๒ ไร่ก็ห่วง ห่วงลูกประคำที่ท่านจะให้ตามคำขอก็ห่วง จนท่านต้องหันมาบอกเองว่า “ร้อนตัวได้ แต่อย่าร้อนใจ” …

    อาตมาอายท่านแทบแย่ มีอะไรอยู่ในใจท่านขุดออกมาซะหมด จึงเอ่ยปากบอกท่านไปตรง ๆ ว่า “ขอลูกประคำของหลวงปู่เถิดครับ ผมจะได้นำญาติโยม กราบขอขมาหลวงปู่ซะทีเดียว” ท่านบอกให้ขอขมาก่อน อาตมาจึงนำญาติโยมกราบพระ และกล่าวคำขอขมาดังนี้

    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    ภันเต ภะคะวา ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า กรรมอันใดที่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ได้ล่วงเกินไปแล้วต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จะด้วยกาย วาจา หรือใจ ก็ดี จะโดยต่อหน้าหรือลับหลัง รู้หรือไม่รู้ เห็นหรือไม่เห็น ทราบหรือไม่ทราบ เจตนาหรือไม่เจตนา จะโดยต่อหน้าหรือลับหลังก็ดี…

    ลูกทั้งหลายขอกราบขอขมากรรมนั้น ต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ขอองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดเมตตาอดโทษนั้นแก่ลูกตั้งแต่บัดนี้ ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า…

    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ
    สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ

    พอกราบพระเรียบร้อย ท่านก็กล่าวตอบว่า “ขอบใจ…ขอบใจ เทวดาลิงน้อย ๆ ทั้งหลาย ที่มีแก่ใจขอขมาต่อเรา…” ท่านยินดีอโหสิกรรมทุกประการ ขอให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพานของตนเถิด…

    ตลอดเวลาที่ปฏิสันถารกับญาติโยม เสียงของท่านแจ่มใสกังวาน ลีลานุ่มนวลชวนมอง แต่แฝงด้วยธรรมะอันลึกซึ้ง…ใครกราบขอพรท่านก็ให้ ใครจะ “ดูใจ” ท่านก็ปราม ทุกคนต่างอัศจรรย์ใจเหลือที่จะกล่าว ที่ท่านรู้วาระจิตไปเสียทุกอย่าง…

    “พรใดในหล้าว่าประเสริฐ จงบังเกิดแก่เธอทั้งหลาย” … “รักษาศีลให้ประเสริฐ ทำสมาธิให้เลิศ ทำปัญญาให้บริสุทธิ์” … “คำว่าบารมีแปลว่ากำลังใจ จะมาขอบารมีฉันทำไม ? ทำให้มีให้เกิดขึ้นกับตัวเองซิ ถ้าบารมีขอกันได้ ฉันก็กลายเป็นบารจนเท่านั้นเอง…”

    “นิพพานไม่ใช่ภาษาพูด ไม่ใช่ภาษาเขียน เป็นภาษาใจ ถ้าอยากไปนิพพานให้เร่งปฏิบัติ เร่งขวนขวาย เร่งหาธรรม ใครทำใครได้ ไม่มีใครทำแทนกันได้” … “พวกที่คิดว่าตัวเอง “แว่นตา” ดีน่ะ อย่าพยายามดูเลย เดี๋ยว “แว่นแตก” แบบเมื่อคืนนี้อีก…” “เธอกับฉันมีธรรมเสมอกัน คือมีความตายเหมือนกัน มันต่างกันตรงไหนล่ะ…?” ที่ได้ยินทุก ๓-๕ นาทีคือท่านบอกว่า ปัจจัยทั้งหมดที่ถวายมา ท่านจะมอบให้หลวงพ่อไปทำอะไรบ้าง ขอให้ทุกคนโมทนา ท่านเน้นเรื่องปัตตานุโมทนามัยมาก…

    ผู้ที่ขอถ่ายรูป ท่านถามว่า “ถ่ายไปทำไม…? ถ่ายไปแล้วเธอไม่ตายรึ…?” เลยไม่มีผู้ใดกล้าขออีก จนกระทั่งถึงน้องเพิร์ล (สรัญญา แสงหิรัญ) อาตมาจึงตอบแทนว่า “ขอไว้เพื่อเป็นอนุสติครับ…” นั่นแหละ…ท่านจึงยอมให้ถ่ายได้…

    จนเวลาใกล้เที่ยงเต็มที ท่านจึงมอบหมายให้อาตมากับธรรมนูญนำปัจจัย และสิ่งของทั้งหมดไปถวายหลวงพ่อ ขึ้นไปบนศาลา ๒ ไร่ งานเขาเลิกกันแล้ว แต่หลวงพ่อยังนั่งรออยู่ พอเห็นหน้าท่านก็ถามว่า “ไอ้หนูเอ๊ย…เอามาจากไหนหว่า…?” “หลวงปู่ที่ฝั่งวัดเก่าริมน้ำ ให้นำมาถวายหลวงพ่อครับ…” “เออ..ใช่… ใช่…องค์นั้นแหละ…” หลวงพ่อตอบเหมือนรับรองว่าเป็นท่านแน่นอน อาตมากราบลาออกมาหาอาหารรองท้อง มันหิวจนไส้กิ่ว พรรคพวกก็แยกย้ายกันไป ตอนนี้เล่นบทตัวใครตัวมัน…

    ว่าจะพักผ่อนแต่ใจหนึ่งก็ห่วง เลยกลับไปฝั่งวัดเก่าอีก พบพระองค์ที่ ๑๐ ท่านย้ายไปนั่งที่โคนโพธิ์ มีญาติโยมล้อมแน่นเช่นเดิม อาตมาสังเกตท่าทีอยู่ห่าง ๆ ดูท่านแปลกไปมาก บางทีก็ดูเป็นองค์ท่าน บางทีก็ไม่ใช่ท่าน ไม่ทราบว่าอุปาทานไปหรือเปล่า…?! จนประมาณบ่ายสามโมง ท่านไล่ทุกคนให้หลีกไป แล้วไปนั่งพักที่ริมศาลาการเปรียญด้านติดกับแม่น้ำ อาตมาตามไปทวงประคำ ท่านล้วงพวงลูกประคำออกมา พลางกล่าวว่า “นี่เป็นของโบราณ ฉันทำด้วยมือของฉันเอง ฉันจะให้เม็ดที่ ๑๐๙ แก่เธอ…”

    ท่านดึงลูกประคำเม็ดที่ ๑๐๙ ออกจากสายแต่ดึงไม่ออก นายตี๋แว่น (ปัจจุบันนี้ท่านคือ พระนิติ สุธมฺมสุนฺทโร) ใช้กรรไกรตัดฉับเข้าให้ ลูกประคำทั้งสายเลยขาดกระจาย หล่นลงเกลื่อนพื้น ผู้คนกรูกันเข้ามาเก็บ ธรรมนูญร้องห้าม แต่ท่านบอกว่า… “ช่างเขาเถอะ…ใครมีบุญเขาก็ได้ไปเอง…” ไม่น่าเชื่อที่ลูกประคำมากมายปานนั้น มีน้องเป้ (รังสิมา แสงหิรัญ) เก็บได้ ๒ เม็ด หลวงพี่ชัยวัฒน์ (พระชัยวัฒน์ อชิโต) เก็บได้ ๑ เม็ด นอกนั้นอันตรธานไปไหนหมดก็ไม่รู้…!

    พอส่งเม็ดประคำให้อาตมาแล้ว ท่านก็ออกเดินตรงไปยังโบสถ์ใหม่ อิริยาบถการเดินดูแผ่วพริ้วนุ่มนวล เหมือนกับท่านลอยไปอย่างนั้นแหละ ผู้คนปูผ้าให้ท่านเหยียบเป็นทาง บางคนหาผ้าไม่ทัน ถึงกับถอดเสื้อลงปูให้ท่านก็มี…!

    ท่านไหว้พระประธานที่หน้าโบสถ์ แล้วหันหน้าไปทั้งสี่ทิศ ยืนสงบนิ่งอยู่ทิศละอึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันมาถามอาตมาว่า “เธอรู้ไหม ฉันทำอย่างนี้เพื่ออะไร…?” “ขอความกรุณาอธิบายเพื่อความกระจ่างด้วยครับ…” ท่านตอบว่า… “ฉันทำอย่างนี้เพราะปรารถนาให้สัตว์โลกในทิศทั้งสี่ มีความสุขเสมอหน้ากัน” อาตมาถามว่า “ทิศสุดท้ายหมายถึงองค์หลวงปู่ใช่ไหมครับ…?” ทิศเหนือคือทิศอุดร อาตมาหมายความว่า ท่านคือหลวงปู่ใหญ่โลกอุดร ท่านตอบว่า “เธอเข้าใจผิดแล้ว…”

    อาจารย์ประเสริฐ เกษตรเอี่ยม ขออนุญาตไปส่งท่าน ท่านถามว่า “เธอแน่ใจแล้วหรือว่า จะไปส่งฉันได้ตลอด…?” “ผมส่งหลวงปู่ยันพระนิพพานเลยครับ…!” ตอบได้เด็ดขาดมาก น่าเสียดายที่ไปแค่กลางทาง ท่านก็เล่นกลหายไปต่อหน้าต่อตาซะอย่างนั้นแหละ…!

    หลวงพ่อเมตตาให้ความกระจ่างว่า “ฉันยืนยันองค์เดียวนะ องค์ที่ใต้ต้นโพธิ์ริมน้ำ คือพระองค์ที่ ๑๐ องค์อื่นฉันไม่รับรอง” อาตมาเชื่อ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ตอนนี้เอง แต่ท่านไปถึงฟากฟ้าป่าหิมพานต์ไหนแล้วก็ไม่รู้…? อีกนานไหมหนอ…กว่าจะได้พบท่านอีก…!?

    ภายหลังหลวงพ่อได้สร้างศาลาประดิษฐานรูปปั้นของท่าน ไว้ที่โคนโพธิ์ริมน้ำเพื่อให้ญาติโยมได้กราบไหว้บูชา เท่านั้นยังไม่พอ ยังสร้างมณฑปแก้ว เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อของท่าน และพระองค์ที่ ๑๑ อีกหลังหนึ่ง งานหล่อรูปของท่าน ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน บริจาคทองคำช่วยหล่อรูปของท่านได้ถึง ๒๒ กิโลกรัม…!

    ผ้าพิมพ์รอยเท้าของท่าน อาตมามอบให้น้องแสงชัย (แสงชัย เพชรชื่นสกุล) ไปบูชาเมื่อคราวเดินทางไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่วนลูกประคำนั้น อาตมามอบให้กับ ติ๋ว (ปัจจุบันคือ น.ต.หญิง อิศรา กิติธีระกุล) เป็นของขวัญแก่ลูกในท้องของเธอ…

    หลังจากนั้นไม่นาน เถ้าแก่สุวิทย์ (คุณสุวิทย์ สวรรค์กสิกร) ไปพบพระองค์หนึ่ง ที่รูปร่างหน้าตาคล้ายพระองค์ที่ ๑๐ มาก พระองค์นั้นท่านก็รับสมอ้างด้วย หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่ใช่ แต่อาตมาชอบพิสูจน์ทราบ จึงเดินทางไปดูด้วยตาตนเอง… เห็นปุ๊บก็รู้ว่าไม่ใช่ เพราะลีลาไปกันคนละโลกเลย

    แต่การพิสูจน์ครั้งนั้น เป็นเหตุให้อาตมาถูกเข้าใจผิด หาว่าสมรู้ร่วมคิดกับพระองค์นั้น หลอกเอาทรัพย์สินเงินทองจากลูกศิษย์หลวงพ่อ ทั้งที่พวกเขาไปทำบุญกันเอง อาตมาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวด้วยแม้แต่นิดเดียว…! สู้ทนให้เขาเข้าใจผิดไป เพราะจำลีลาหลวงพ่อได้ “ใครว่าร้ายท่านไม่เคยโต้ตอบ ไม่แก้ข่าว ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์” ในที่สุด บรรดาผู้ที่ด่วนลงความเห็น ต่างพากันยิ้มแหย ๆ เวลาเห็นหน้าอาตมา แต่ยังไว้ท่า จะขอโทษสักคำก็ไม่มี นี่แหละมนุษย์…!

    ลูกกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้โปรดช่วยสงเคราะห์ให้ทุกท่านที่ได้พบกับพระองค์ที่ ๑๐ ก็ดี หรืออ่านพบและเลื่อมใสในองค์ท่านก็ดี จงเป็นผู้มีจิตอันเข้าถึงธรรมโดยถ้วนหน้ากัน ธรรมอันใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรรลุแล้ว ขอทุกท่านจงเป็นผู้มีส่วนเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้เทอญ…

    องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน
    ตัดมูลกิเลสมาร บ่มิหม่นมิหมองมัว
    หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว
    ราคีบ่พันพัว สุวคนธกำจร
    องค์ใดประกอบด้วย พระกรุณาดังสาคร
    โปรดหมู่ประชากร มละโอฆกันดาร
    ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมศานติ์
    ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย….ฯ

    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ พุทฺโธ เม สรณํ วรํ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ ธมฺโม เม สรณํ วรํ
    นตฺถิ เม สรณํ อญฺญํ สงฺโฆ เม สรณํ วรํ
    เอเตน สจฺจ วชฺเชน โหตุ เม ชยมงฺคลํ…ฯ

    ๖ มีนาคม ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    บันทึกเพิ่มเติม
    ภายหลังพระรูปที่รับสมอ้างว่าเป็นพระองค์ที่ ๑๐ ไปสร้างวัดอ้อน้อยธรรมอิสระ ที่อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แล้วหลวงพี่ชัยวัฒน์ยังไปรับรองกับบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อว่า “องค์นั้นแหละ พระองค์ที่ ๑๐…”

    เมื่อเป็นดังนั้นจึงมีลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อจำนวนมากแห่กันไปหา ท่านเองก็พลอยรับสมอ้างกันใหญ่โต จนท้ายสุดท่านสะดุดคำพูดตัวเอง เลยต้องลาสิกขาบท แล้วบวชใหม่เพื่อให้พ้นจากข้อหาโกงพรรษา ปัจจุบันนี้ท่านมีชื่อเสียงมากทีเดียว แต่ผู้ที่ไปหาต้องทำใจกับจริยาบางอย่างที่เป็นเฉพาะตัวของท่าน ถ้าคิดจะหาประสบการณ์ก็ทดลองไปดูได้

    ๘ กรกฎาคม ๒๕๔๙
    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  17. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg

    วันนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวสมัยเก่า ๆ หลายเรื่องด้วยกัน จึงอยากจะนำเอาแนวทางในการปฏิบัติของอาตมาเองในสมัยต้น ๆ มากล่าวไว้ในที่นี้ เผื่อว่าใครเห็นดีเห็นงาม อยากจะปฏิบัติตามแนวนั้นก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาค้นคว้าด้วยตนเอง

    ในสมัยนั้นการเริ่มต้นปฏิบัติก็จะเป็นการกราบพระสวดมนต์เสียก่อน หลังจากนั้นก็สมาทานพระกรรมฐาน นึกทบทวนศีลของตนเองทุกสิกขาบท ถ้าหากว่ามีข้อใดขาดตกบกพร่องก็จะตั้งใจว่า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ แล้วก็เริ่มภาวนาจับลมหายใจเข้าออก คำภาวนาก็ใช้ง่าย ๆ คือพุทโธ

    โดยลมหายเข้าออก คืออานาปานสตินั้น เป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง ต้องบอกว่าเป็นแม่บทของกรรมฐาน ใครภาวนาโดยไม่จับลมหายใจ ชีวิตนี้อย่าหวังเลยว่าจะประสบความสำเร็จในด้านสมาธิภาวนา ส่วนที่ควบกับพุทธานุสติ เพราะว่าพระพุทธโฆสาจารย์ผู้รจนาวิสุทธิมรรค ท่านยืนยันเอาไว้ในตำราวิสุทธิมรรคว่า พุทธานุสติเป็นกองกรรมฐานที่ช่วยให้เข้าสู่พระนิพพานได้ง่ายที่สุด ซึ่งเมื่อปฏิบัติไปจนถึงระยะหลังอาตมาจึงเชื่ออย่างแท้จริง

    หลังจากที่ภาวนาจนกระทั่งอารมณ์ใจเริ่มทรงตัว หรือว่าภาพพระชัดเจนแจ่มใส จิตใจนิ่งสงบแล้ว ไม่สามารถจะดำเนินต่อไปได้ เพราะสมาธินั้นเมื่อดำเนินไปถึงที่สุด ก็เหมือนกับเดินชนกำแพง จะเคลื่อนคล้อยถอยหลังมาเอง

    ถ้าหากว่าช่วงนี้เราไม่หาสิ่งดี ๆ ให้คิด ให้ภาวนา ทางด้านกิเลสจะเอากำลังสมาธิไปฟุ้งซ่านทางด้าน รัก โลภ โกรธ หลง แทน ทำให้หลายต่อหลายคนคิดว่า “ยิ่งปฏิบัติ กิเลสยิ่งมาก” ความจริงกิเลสไม่ได้มากขึ้น กิเลสมีเท่าเดิม แต่กำลังดีขึ้นเพราะได้พื้นฐานสมาธิของเราไปช่วย

    ดังนั้น…วิธีก็คือเมื่อจิตเริ่มคลายออกมา อาตมาจะใช้วิธีแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ขอให้เขาทั้งหลายล่วงพ้นจากกองทุกข์ ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นอยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นอย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

    เมื่อภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวเยือกเย็นแล้ว ถ้าหากว่าสมาธิทรงตัวตั้งมั่นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ก็จะใช้กำลังนั้นในการพิจารณาร่างกายนี้ โดยพิจารณาในลักษณะของกายคตานุสติ ซึ่งเป็นกองกรรมฐานที่สำคัญสุดยอดอีกกองหนึ่ง เพราะว่าถ้าหวังบรรลุมรรคต้องอาศัยกายคตานุสติทุกคน ถ้าหากไม่ผ่านกรรมฐานกองนี้ ก็อย่าไปคาดหมายถึงเรื่องของมรรคผล เพราะว่าเรายังจะยึดตัวตนแน่นหนา สักกายทิฐิไม่สามารถจะตัดขาดลงได้

    เมื่อพิจารณาร่างกายไป แยกออกเป็นชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้ว บางทีก็รู้สึกว่ายังไม่ได้อย่างใจ ก็จะนำเอาธาตุ ๔ เข้ามาประกอบด้วย คือแยกส่วนที่เป็นดิน ส่วนที่เป็นน้ำ ส่วนที่เป็นลม ส่วนที่เป็นไฟขึ้นมา เมื่อแยกแล้วก็ประกอบกลับเข้าไปเป็นร่างกายใหม่ ประกอบกลับเข้าไปแล้วก็แยกออกมาอีก ทำอย่างนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสภาพจิตยอมรับว่าร่างกายนี้ไม่มีแก่นสารจริง ๆ ร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราจริง ๆ สักแต่ว่าเป็นรูป สักแต่ว่าเป็นธาตุ สักแต่ว่าเป็นเพียงธาตุ ๔ ที่ยืมจากโลกนี้มาใช้งานแค่ชั่วคราว

    ในเมื่อร่างกายนี้ไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้ เราก็ควรจะไปพระนิพพานดีกว่า ก็จะกลับมาน้อมนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงยืนยันว่า พระพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่อื่นใดเลยนอกจากพระนิพพาน การที่พระองค์ท่านเสด็จไปที่ต่าง ๆ ให้เราเห็นนั้น เป็นฉัพพรรณรังสีที่พระองค์ท่านเปล่งไปปรากฏเฉพาะหน้า เหมือนกับพระองค์ท่านเสด็จมาด้วยพระองค์เอง

    ดังนั้น..อาตมาจึงสรุปความว่า เมื่อเราเห็นพระรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แปลว่าเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน การที่เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่านแปลว่าเราอยู่บนพระนิพพาน เมื่อกำลังใจจับมาถึงจุดนี้ อาตมาก็จะใช้วิธีย้อนกลับมาดูลมหายใจเข้าออกใหม่ ถ้าหากว่ายังมีลมหายใจอยู่ ก็จะตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ก็จะตามดูตามรู้คำภาวนาทั้งหลายเหล่านั้นไป โดยที่ตั้งใจว่า ถ้าหากว่าเราหมดอายุขัยตายลงเมื่อไร ขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานนี้แห่งเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ภาวนาและพิจารณาไปตามอัธยาศัยของตน

    ซึ่งญาติโยมทั้งหลายสามารถน้อมนำไปเป็นหลักปฏิบัติได้ ถ้าทำจนเกิดความช่ำชองชำนาญแล้ว จะสามารถแตกแขนงไปสู่กองกรรมฐานอื่น ๆ ได้โดยไม่ยากเลย ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
    วันอาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๗

    ที่มา www.watthakhanun.com
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  18. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg
    -๒๐-มีนาคม-พุทธ.jpg

    วันพุธที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน เจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ รับฎีกานิมนต์จากพระมหาสุราช สุวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ไปเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ฉันภัตตาหารเพล และเจริญชัยมงคลคาถาในงานยกฉัตรยอดพระเจดีย์ ณ วัดบ้านไร่ หมู่ที่ ๖ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  19. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    .jpg
    .jpg
    .jpg
    .jpg

    @กาญจนบุรี
    วันพุธ ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๒ เวลา ๑๓.๓๐ น. นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้ นางจริญญา จักรกาย วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกสภาวัฒนธรรมดีเด่น จังหวัดกาญจนบุรี ประจำปี พ.ศ.๒๕๖๒
    ในการนี้ นางสาวพรพรรณ กลิ่นเกษร ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พร้อมด้วย นางสาวอัฏฐ์ญาณ์ บู่สามสาย นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ศาลากลาง (หลังเก่า) ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

    อัฏฐ์ญาณ์ บู่สามสาย/รายงาน
    อรุณ ชมภู่ทอง/ภาพ


    ผลการคัดเลือก..สภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ได้รับรางวัลสภาวัฒนธรรมดีเด่นระดับอำเภอ

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
  20. ศิษย์วัดท่าขนุน

    ศิษย์วัดท่าขนุน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2017
    โพสต์:
    2,510
    กระทู้เรื่องเด่น:
    30
    ค่าพลัง:
    +2,945
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ประธานชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ได้ทำการประชุมคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน และคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ ในการประชุมสามัญครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในการนี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ได้มอบเงินจำนวน ๙๐,๐๐๐ บาท แก่นายอำนาจ คำสาร ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการสร้างศูนย์การเรียนรู้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของอำเภอทองผาภูมิ และมอบเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทแก่นายประชา บ๊อบหนุก คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เพื่อดำเนินการจัดทำโครงการทอผ้าพื้นเมือง จากนั้นพระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.ได้นำคณะกรรมการทั้งหมดไปเยี่ยมชมบ้านพักเชลยศึก ที่บูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อปรึกษาหารือในการจัดนิทรรศการแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนาช่วยโลก #พระสงฆ์ช่วยสังคม

    -๒๑-มีนาคม.jpg
    -๒๑-มีนาคม.jpg
    -๒๑-มีนาคม.jpg
    -๒๑-มีนาคม.jpg
    -๒๑-มีนาคม.jpg
    -๒๑-มีนาคม.jpg

    ที่มา วัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...