ขอพักไปดูงานแป๊บนึงครับ
อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.
หน้า 301 ของ 2234
-
ได้รับแจกจากพี่มดครับ
" พระผงมหาจักรพรรดิพิมพ์หลวงปู่ทวด ซึ่งผมได้สร้างเอง โดยผมได้ไปศึกษาการสร้างพระกับหลวงตาม้าและครูบาน้องตอนที่ผมไปบวชที่วัดถ้ำเมืองนะเมื่อเดือนเม.ย. ปี'52 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนครับ
หลังจากลาสิกขาแล้วผมก็สร้างพระเรื่อยมาโดยได้บล็อคพิมพ์พระและพระผงมหาจักรพรรดิ จากหลวงตาม้าครับ ผมสร้างเสร็จก็จะนำไปถวายที่วัดถ้ำเมืองนะประจำ บางโอกาสก็นำไปร่วมบรรจุเจดีย์บ้าง ใต้ฐานพระบ้าง แจกคนรู้จักบ้างครับ
พระชุดที่จะนำมาแจกนี้ ผมได้รับความเมตตาจากหลวงตาม้าอธิษฐานจิตให้ และเป็นความโชคดีของผม คนที่บ้านนิมนต์หลวงปู่ท่อน (วัดศรีอภัยวัน จ.เลย) มาที่บ้านผม ผมเลยขอความเมตตาจากหลวงปู่ท่อน อธิษฐานจิตให้อีกครั้งด้วยครับ เท่ากับว่าองค์พระได้กระแสทั้งโพธิญาณและอรหันต์ครับ
ขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่มีรูปลักษณ์ของหลวงปู่ทวดแล้ว เรื่องแคล้วคลาดปลอดภัยนี้เป็นที่แน่นอน หลวงตาม้าท่านอธิษฐานจิตเสกให้ก็เหมือนหลวงปู่ดู่ท่านมาเสกให้ด้วยเหมือนกันครับ เพราะหลวงตาท่านกล่าวเสมอว่า หลวงปู่อยู่กับหลวงตาตลอดเวลา เวลาเสกพระ หลวงปู่ท่านก็ทำให้ครับ"
ขอบคุณข้อมูล พี่ mod-amulet ครับ -
-
อนุโมทนาบุญกับพี่เอ๊ะ ด้วยครับ อยากเห็นพระที่พวกเราๆ สร้างกันเองบ้างนะครับ น่าจะออกมาได้สวยงามทีเดียว อีกอย่าง สร้างเพื่อแจกๆ เวิร์คสุดๆ ครับ :cool::cool: -
-
เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2465 ขุนระมาดไมตรี และชาวแม่ระมาดได้ไปติดต่อขอเช่าบูชามาจากพม่าในราคา 800 รูปี มีขนาดหน้าตักกว้าง 50 นิ้ว สูงจากฐานถึงเศียร 63 นิ้ว โดยนำมาทางเรือผ่านเมืองมะละแหม่ง แล้วเดินทางต่อจนถึงท่าเรือจองโต ท่านครูบาขาวปี ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวบ้านและชางเมืองเหนอได้ไปรับพระพุทธรูปหินอ่อนแล้วอัญเชิญขึ้นบนเกวียนผ่านเมืองกรุกกริก บ้านจ่อแฮ (บ้านกะเหรี่ยง) การเดินทางยากลำบาก และล่าช้าเพราะเป็นภูเขาสูงชันต้องนอนพักแรมระหว่างทางถึงหมู่บ้านป๋างกาง การเดินทางจึงรวดเร็วขึ้นเพราะเป็นพื้นราบกระทั่งถึงหมู่บ้านเมียวดี ริมฝั่งแม่น้ำเมย เขตประเทศสหภาพเมียนมาร์ และข้ามแม่น้ำเมยเข้าสู่ประเทศไทยที่บ้านท่าสายลวด เขตแม่สอด และเดินทางไปยังอำเภอแม่ระมาดจึงอัญเชิญพระพุทธรูปหินอ่อนประดิษฐาน ณ วิหารวัดดอนแก้ว ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2465 รวมเวลาที่ไปอัญเชิญพระพุทธรูปหินอ่อนในครั้งนี้เป็นเวลา 12 วัน
มีเรื่องเล่ากันว่าตอนที่นำองค์พระพุทธรูปข้ามแม่น้ำด้วยแพนั้น มีช่วงหนึ่งที่น้ำไหลเชี่ยวรุนแรงมาก จนแพพลิกและองค์พระได้เลื่อนหลุดจมลงในน้ำ ชาวบ้านต่างพากันใช้เชือกช่วยกันฉุดรั้งกันอย่างเต็มที่ ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ว่าจะทำประการใด ก็ไม่เป็นผล จนต้องนิมนต์ขอบารมีท่านครูบาอภิชัยขาวปีช่วย
ครูบาท่านลงแพไม้ไผ่ แล้วใช้ด้ายเส้นเล็กๆ ส่งให้คนดำลงไปคล้ององค์พระพุทธรูป แล้วท่านก็ตั้งจิตอธิษฐานอัญเชิญพระพุทธรูป จบคำอธิษฐาน ท่านครูบาดึงเส้นด้ายที่คล้ององค์พระขึ้นมา ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น องค์พระพุทธรูปที่ปกติต้องใช้คนหามนับสิบคนจึงจะยกไหวก็ได้ลอยขึ้นมาและสามารถอัญเชิญขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
พระพุทธรูปหินอ่อน วัดดอนแก้ว จ.ตาก
"พระพุทธรูปหินอ่อน" วัดดอนแก้ว อ.แม่ระมาด จ.ตาก เป็นพระพุทธรูปหินอ่อน ปางมารวิชัย แกะสลักด้วยหินอ่อน ขนาดหน้าตักกว้าง 1.30 เมตร สูงจากพระแท่นฐานถึงรัศมี 1.60 เมตร ศิลปะแบบพม่า
พระพุทธรูปหินอ่อน วัดดอนแก้ว จ.ตากเป็นพระพุทธรูปปฏิมาแบบประธานในอุโบสถ วัดดอนแก้ว กล่าวได้ว่าเป็นพระประธานองค์เดียวในประเทศไทยที่ทำด้วยหินอ่อนที่มีขนาดใหญ่
องค์ที่สามคือพระพุทธรูปหินอ่อน ประดิษฐานที่วัดดอนแก้ว อ.แม่ระมาด จ.ตาก ซึ่งได้อัญเชิญมาจากประเทศพม่าเมื่อเดือนเมษายน พุทธศักราช 2546 นับเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนชาวจังหวัดตาก และชาวจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงชาวพม่าให้ความเลื่อมใสศรัทธา ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดดอนแก้ว
เล่าขานกันว่า ครูบาขาวปี ศิษย์เอกของครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย หลังจากประสบชะตากรรมจากทางการ บังคับให้สึกและจองจำในเรือนจำ ถึง 6 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมา ครูบาศรีวิชัย จึงอุปสมบทท่านเป็นภิกษุอีก หลังจากครูบาขาวปีได้กลับมาสู่รมกาสาวพัสตร์ ท่านอยู่จำพรรษากับครูบาศรีวิชัยได้ 1 พรรษา
ครั้งหนึ่ง ท่านได้มุ่งสู่แม่สอดเดินทางรอนแรมไปตามป่าเขาลำเนาไพรถึง 4 คืน 4 วัน ตนถึงแม่ระมาดและเริ่มงานสร้างถาวรวัตถุอีกมากมาย จากอายุ 36 ถึง 42 ปี ช่วงเวลาดังกล่าวตามประวัติครูบาเจ้าขาวปี ที่ได้จาริกบุญอยู่ที่ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ท่านได้สร้างถาวรวัตถุมากมาย ชาวบ้านในพื้นที่ มีทั้งคนไทย ชาวกะเหรี่ยงและชาวพม่า ต่างให้ความนับถือท่านเป็นอย่างมาก
ในปี พ.ศ.2465 ครูบาขาวปี พร้อมด้วยขุนระมาดไมตรี และชาวแม่ระมาดได้ร่วมกันอัญเชิญ "พระพุทธรูปหินอ่อน" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินอ่อนทั้งแท่ง เป็นประติมากรรมของช่างฝีมือชาวพม่า พุทธศาสนิกชนชาวแม่ระมาด ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า ในราคา 88 รูปี ทั้งทางเรือและทางเกวียน ประดิษฐานในวิหารวัดดอนแก้ว อ.แม่ระมาด จ.ตาก ใช้ระยะเวลานานกว่า 12 วัน ที่ อ.แม่ระมาด เกิดเรื่องน่าเศร้าใจขึ้น ท่านครูบาขาวปี ถูกบังคับให้สึกและครองผ้าขาวเป็นครั้งที่ 2 อีก กล่าวคือ ในการสร้างโบสถ์ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนนั้น ปรากฏว่าขาดปัจจัยอยู่อีกประมาณ 700 บาท เป็นค่าทองคำเปลว 400 บาท กับค่านายช่างอีก 300 บาท ท่านก็ปรึกษาเรี่ยไรเอาจากชาวบ้านจนครบ ด้วยความเต็มใจของชาวบ้าน แล้วช่วยกันสร้างต่อ จนแล้วเสร็จทันฉลอง
แต่เรื่องการเรี่ยไรนี้ ทราบถึงอำเภอ จึงเรียกกำนันไปสอบสวนว่า อภิชัยภิกษุ หรือครูบาขาวปี เรี่ยไรจริงหรือไม่ กำนันก็รับว่าจริง แต่ด้วยความเต็มใจของชาวบ้าน เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น งานสร้างโบสถ์ก็หยุดชะงัก ทางอำเภอก็ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ผิดเพราะเป็นพระ จะทำการเรี่ยไรไม่ได้ ผิดระเบียบคณะสงฆ์ แล้วรายงานเรื่องนี้ไปยังเจ้าคณะจังหวัด และตัดสินว่าให้สึกเสีย ท่านจึงจำยอมสึก และกลับมาครองผ้าขาวอีกครั้ง ไม่นานนักท่านก็เดินทางออกจากเมืองแม่ระมาด เข้าสู่อำเภอลี้ จ.ลำพูน และเผชิญวิบากกรรม อีกมากมาย และได้อุปสมบทเป็นหนที่ 3 แต่ก็ถูกมารผจญต้องลาสิกขาครองผ้าขาว เป็นครั้งที่ 3 และได้สร้างวัดผาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน ด้วยเมตตาของท่านครูบาขาวปี ได้ทำนุบำรุงพระศาสนา สร้างวัด สร้างโรงเรียน ทั้งสุโขทัย ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ ตาก จนกระทั่งท่านครูบาขาวปี จากไปอย่างสงบ ในวันที่ 3 มีนาคม 2520 สิริอายุ 88 ปี
พระพุทธรูปหินอ่อนวัดดอนแก้ว อ.แม่ระมาด จ.ตาก ไม่เพียงเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แต่การได้มาซึ่งพระพุทธรูปหินอ่อนองค์นี้ ต้องใช้ศรัทธาแห่งพุทธศาสนิกชนอัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้งประเทศพม่า จนมาประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถแห่งนี้มาจนปัจจุบัน ซึ่งลูกศิษย์ผู้เลื่อมใสศรัทธาครูบาขาวปี แห่งวัดพระพุทธบาทเขาหนาม อ.ลี้ จ.ลำพูน ได้ติดตามรอยบุญแห่งครูบาเจ้าขาวปี เพราะอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนจากเมืองพม่า กลับกลายเป็นชนวนเหตุให้ท่านครูบาขาวปีต้องถูกมลทิน แกล้งบังคับสึกและครองผ้าขาวเป็นหนที่ 2
แต่กระนั้น ผลบุญแห่งการสร้างถาวรวัตถุ ถวายเป็นพุทธบูชาของครูบาขาวปีและชาวแม่ระมาด ได้ประจักษ์เป็นสักขีพยานแห่งการสืบทอดพระพุทธศาสนา ล่วงมากว่า 90 ปี ตราบจนถึงปัจจุบัน
คอลัมน์ เดินสายไหว้พระพุทธ
วิทยา ปัญญาศรี ที่มา... ฉบับที่ 6708 ข่าวสดรายวัน
-
-
-
-
-
บัวกับความเชื่อเรื่อง “ ฝัน ” มีความเชื่อโบราณทำนายความฝันเกี่ยวกับดอกบัวว่า ถ้าผู้ใดฝันเห็นดอกบัว จะมียศฐาบรรดาศักดิ์ นำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูล ถ้าฝันเห็นดอกบัวและได้ถือดอกบัวในมือ จะได้ลาภหรือข้าทาสบริวาร หรือได้ข่าวอันเป็นมงคลจากพี่น้อง หญิงมีครรภ์ หากฝันถึงดอกบัว จะได้บุตรเป็นชาย แต่ถ้ายังไม่แต่งงาน ฝันเห็นดอกบัว หมายถึง อาจจะได้คู่ครองในไม่ช้านี้ ถ้าฝันว่าดมดอกบัว จะได้พบญาติพี่น้องจากแดนไกล ถ้าฝันว่าได้บริโภคเง่ารากและใบบัวกับผลาหารอันมีรส จะหายจากโรค เป็นต้น
ไม่มีรูปพระ งั้นขอลงขอมูลดีๆรู้รอบตัวแทนนะคับ -
ขออนุญาติเล่าประสบการณ์และเผยแพร่บารมี หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนาครับ''สมเด็จหลังรูปเหมือน หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา ออกวัดหนองจรเข้ ปี35 รุ่นนี้เคยมีประสบการณ์นักการเมืองท้องถิ่นแถวปากน้ำประแส โดนยิงถล่มด้วยอ้าก้าและเอ็ม16แต่กระสุนมิอาจพรากชีวิตไปได้และไม่โดนแม้เพียงนัดเดียว ส่วนอีกหนึ่งประสบการณ์คือหลานของผมเอง เมื่อประมานเดือนตุลาปีที่แล้วหลานกระผมโดนรถสิบล้อแหกไฟแดงชนจังๆที่สี่แยกป้ายทัมใจ อ.แกลง คือหลานผมเลิกเรียนก็รับแฟนไปส่งบ้านพอดี เวลานั้นฝนตกถนนลื่น ขณะโดนชนฝั่งหลานผมได้ไฟเขียวและมีมอไซค์นำหน้าไปแล้ว 2คันหลานผมคันที่3 เจอแจ๊คพอทสิบล้อในรูปแหกไฟมาเต็มๆบวกกับมอไซค์หลานผมลื่นไถลมาหลายเมตรตามภาพประกอบ ปรากฏว่าคนซ้อนท้ายคือแฟนหลานโดนชนกระเด็นหลุดออกไปเจ็บหนักกระโหลกร้าวพักฟื้นอยู่หลายเดือน ส่วนหลานผมก็เกาะมอไซค์ติดมาด้วยกันเรย หัวอยู่ตรงล้อหน้าพอดีแต่ไม่ทันเหยียบ บาดเจ็บแค่หัวแตกแหละแถมตำรวจให้ไป รพ.เอง รอดตายปาฏิหารครับ หลานผมคล้องเดี่ยวรุ่นนี้ครับ -
ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ
พี่อยู่ไกลจากจุดนั้นมากโขอยู่ครับ ลืมถามพี่โญ กะพี่เอ๊ะ ว่าได้รับผลกระทบหรือป่าวอะ น่าจะละแวกนั้นนะ -
สุดยอดครับ ขอบคุณคุณแจมมากๆ ที่นำประสบการณ์แบบนี้มาให้ได้รับรู้กัน เคยได้ยินชื่อท่านมานาน
กราบหลวงปู่บุญ บ้านนาครับผม -
-
หน้า 301 ของ 2234