อั้ม-ฐนิชาเข้าถึงธรรมะเตือนสติโจ๋อย่าคิดได้ตอนแก่

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 5 สิงหาคม 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    'อั้ม-ฐนิชา'เข้าถึง' ธรรมะ'เตือนสติ'โจ๋'อย่าคิดได้ตอนแก่



    คอลัมน์ คนดังนั่งเขียน

    ฐนิชา ดิษยบุตร



    [​IMG]


    สวัสดีค่ะ อั้ม-ฐนิชาค่ะ ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหนนะคะ ช่วงนี้ก็เริ่มมีงานละครติดต่อมาบ้างแล้ว สำหรับคนที่ติดตามหรือคนที่กำลังรออยู่อีกไม่นานคงจะได้เห็นกันค่ะ และต้องขอขอบคุณด้วยที่ไม่ลืมและผู้ที่ส่งกำลังใจมาให้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

    ช่วงที่ห่างหายไปหลายคนที่คิดถึงกันอาจจะสงสัยว่าอั้มไปทำอะไร ก็จะตอบว่าก็ยังอยู่ในวงการนี่แหละค่ะ เพียงแต่ไม่ได้แสดงละครเท่านั้น เวลาว่างจึงมีและได้นำเอาเวลานั้นไปศึกษาในสิ่งที่อั้มชอบ และสนใจ นั่นก็คือ "ธรรมะ"
    หลายคนอาจจะไม่เชื่อ หรือคิดเหมาเอาว่าเพราะอกหักล่ะสิถึงได้เข้าวัด ก็สุดแล้วแต่จะคิดกันค่ะ แต่สำหรับอั้มแล้ว ก็ยอมรับว่ามีส่วนถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเราเป็นชาวพุทธนี่คะ เวลาทุกข์ใจก็ต้องหันหน้าเข้าวัดเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่กับความรักที่ครั้งนี้ที่ผ่านมา เพราะอั้มได้เคยผิดหวังกับความรักครั้งนึงซึ่งก็เป็นรักครั้งแรกมาแล้ว ผ่านไปประมาณ 6 ปีได้ค่ะ ตอนนั้นจิตใจแย่มากๆ เหมือนกัน แต่โชคดีที่ชอบไปไหว้พระตั้งแต่เด็ก แต่ก็แค่ไปไหว้ ไปขอพร ขอในสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ก็ใส่บาตร ทำบุญ ทำสังฆทาน แค่นั้น คือจบแล้วหน้าที่ของชาวพุทธตามที่อั้มเข้าใจ และก็ช่วยให้เราสบายใจขึ้น (ในช่วงเวลาหนึ่ง) เดี๋ยวก็กลับมาทุกข์อีกแล้วเหมือนเดิม และบางทีก็เป็นเรื่องเดิมด้วย เหมือนพายเรือในน้ำวน วนอยู่นั่นหาทางพายออกมาไม่ได้เดี๋ยวคงหมดแรงแล้วก็คงจม หาได้รู้ไม่ว่า พุทธศาสนาจริงๆ แล้วสอนอะไร ให้อะไรกับเราบ้าง ท่องกันสมัยเด็กๆ ว่าสอนให้เป็นคนดีค่ะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้

    จนกระทั่งวันนึงได้พบกับพี่สาวที่แสนดี ซึ่งอั้มว่าพี่เค้าเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ชี้ทางธรรมให้กับเราคือชวนอั้มไปปฏิบัติธรรม ก็คือคุณพี่กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ เองค่ะ ตอนที่พี่เค้าชวนก็เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว พอดีมีโอกาสได้ร่วมงานกัน เจอกัน น่าจะเป็นครั้งที่ 2-3 เอง แต่พี่เค้าก็ชวนก่อนหน้านี้อั้มไม่รู้จักการปฏิบัติธรรมเท่าไรนัก เคยแต่ไปถือศีล บวชชีพราหมณ์ที่วัดกับคุณอา พอพี่กิ๊กชวนจึงคิดว่าอย่างเดียวกัน ไม่ทันคิดอะไรมากก็ตกลงรับคำพี่เค้าไปแล้วว่า ไปสิค่ะ พอใกล้ถึงวันที่จะไปพี่กิ๊กก็ได้โทร.มาสอบถามว่าไปแน่นอนใช่มั้ยคะ ก็เลยคุยถามถึงการไปปฏิบัติ เลยเข้าใจว่าไม่ใช่ในแบบที่เราเคยไปถือศีลกับคุณอาเลย แต่ด้วยความเกรงใจเลย ตอบตกลง พอวางสาย ในใจกลับคิดว่าไม่อยากไปแล้วล่ะ เพราะการไปปฏิบัติธรรมนั้นมีกฎให้เราทำตามอยู่หลายข้อ เช่น ห้ามพูด และต้องฝากโทรศัพท์ไว้ที่เจ้าหน้าที่ สรุปคือตัดขาดจากทางโลกนั่นเอง คิดแล้ว น่ากลัวจัง กลัวอยู่ไม่ได้ เพราะไม่เคยหายจากที่บ้านไปนานๆ โดยไม่ติดต่อกันเลย พอคิดได้ดังนี้ จึงคิดจะบอกกับพี่กิ๊กว่าไม่สบายไปไม่ได้ ดีมั้ยยังไม่ทันจะโทร.ไปบอกเลยค่ะ ก็ไม่สบายจริงๆ อยู่ๆ กับมีอาการคล้ายๆ คนหน้ามืดซะอย่างนั้น ทรงตัวไม่ได้ ยืนแล้วก็ล้ม มีความรู้สึกว่าบ้านหมุนล้มนอนไปกับพื้น พอประคองตัวลุกขึ้นได้ นั่งซักพักพอหาย ลุกเดินอีกก็เป็นอีก จนที่บ้านพาส่งโรงพยาบาลตอนดึก คุณหมอหาสาเหตุไม่พบ จึงนัดตรวจใหม่ตอนเช้ากับแพทย์เฉพาะทาง พอตอนเช้าก็ไปพบแพทย์ตามนัด คุณหมอให้แต่ยาบำรุงมาทาน เพราะตรวจอย่างละเอียดแม้กระทั่ง ตรวจน้ำในหูแล้วแต่ก็ไม่พบว่าผิดปกติ
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลังจากนั้นอั้มก็ตัดสินใจโทร.บอกพี่กิ๊กว่า หนูไม่สบายคงไปไม่ได้ แต่พี่กิ๊กตอบว่า น้องอั้ม ไปเถอะ ถ้าไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อพี่อยากให้ไป บางที่สิ่งที่เราเป็นอยู่อาจจะดีกว่าก็ได้ อั้มเห็นว่าพี่เค้าตั้งใจแล้วเราเองก็รับปากไว้แล้ว จึงควรรับผิดชอบด้วย จึงได้ไป จนวันนี้ปปฏิบัติมาแล้ว 3 ครั้ง (ก็ยังถือว่าน้อย และเสียดายที่กว่าจะพบพระพุทธศาสนาที่แท้จริงก็จะ 28 แล้ว) แต่ก็เมื่อได้พบก็ตั้งใจว่า จะศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดี และนำมาปฏิบัติตามในชีวิตเรา และถ้ามีโอกาสได้ช่วยเหลือหรือช่วยชี้ทางให้กับผู้อื่นได้อั้มก็ยินดี ตามกำลังและปัญญาที่เราจะสามารถช่วยได้ค่ะ

    บางคนอาจคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องของคนแก่ เพราะอั้มเคยคุยกับเพื่อนคนนึง ชวนเค้าไปปฏิบัติธรรมเพราะเค้าเป็นคนใจร้อน แต่เพื่อนบอกว่า ไม่ว่างหรอก เอาไว้แก่ก่อนไม่มีอะไรทำแล้วจะไปด้วยนะ อั้มอยากจะบอกกับเพื่อนและทุกๆ คนว่าชีวิตเราไม่แน่นอนหรอกนะ ตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้เราทุกคนรู้ดีว่าเราอายุกี่ปีแล้วเมื่อถึงวันเกิด แต่นับจากวันนี้ไปไม่มีใครบอกได้ว่าเราจะอยู่อีกกี่ปี ธรรมะสอนให้เราเป็นคนดี และนอกเหนือจากนั้นสอนให้เราเห็นความจริง ความจริงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็หนีจากความจริงนี้ไปไม่ได้ นั่นคือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวลาที่เราสูญเสียของรัก คนรัก หรือญาติพี่น้อง อย่างอั้มเองสูญเสียคุณพ่อ พอได้มาปฏิบัติธรรมอั้มก็เข้าใจได้เลยว่า นี่คือธรรมชาติ ไม่มีใครอยู่ยืนยาวตลอดกาล รักกันก็ต้องจากกัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่แท้ เรารู้ได้แล้วว่าธรรมชาติจริงๆ คืออะไร จากการที่อั้มมาปฏิบัติธรรม อีกอย่างที่ได้มาคือสติ สติที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ค่อยได้เจอกัน เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับเราแต่เราไม่ค่อยสนใจเค้าเอง เพราะสติเนี่ยเค้าจะเป็นเหมือนเพื่อนที่มาเตือนว่าอันนี้ไม่ดีอย่าทำนะ ไอ้สิ่งที่ไม่ดีก็คือกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ถ้าเราทำตามกิเลส ก็จะพาเราไปในทางที่ไม่ดี พอไปปฏิบัติทางวัดจะสอนให้เรารู้เท่าทันปัจจุบัน ก็คือสอนให้เราเป็นคนมีสติ นั่นเองค่ะ

    อั้มเองคิดว่าตัวเองโชคดีแล้วที่ตอนนี้ได้พบทางสายที่พระพุทธเจ้าเดิน และอั้มก็จะเดินตามคำสอนของท่าน การปฏิบัติธรรมและการศึกษาธรรมะของอั้มเวลานี้อาจเทียบได้กับชั้นอนุบาลเท่านั้น ถ้าหากมีสิ่งใดผิดหรือไม่ควรกล่าวอั้มต้องขออภัยกับท่านที่อ่าน และถ้าอยากสอนหรือแลกเปลี่ยนความคิดอั้มก็ยินดี แต่สิ่งสุดท้ายที่อั้มอยากบอกก็คือ ธรรมะนั้นเข้าใจได้ไม่ยากเลย ถ้าเราลงมือปฏิบัติ เพียงแต่ให้เวลากับเรื่องนี้บ้างเท่านั้นเองค่ะ



    ชื่อ-สกุล - นันทธิดา ดิษยบุตร

    ชื่อ-สกุลในวงการ - ฐนิชา ดิษยบุตร

    วัน/เดือน/ปีเกิด - วันที่ 29 ธันวาคม

    ราศี - เมษ

    "ชื่ออั้ม(นันทธิดา) เป็นชื่อที่คุณพ่อตั้งให้ แปลว่า ลูกหญิงที่มีความร่าเริง ส่วนนามสกุล เป็นนามสกุลที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมื่อ พ.ศ.2456 ส่วน "ฐนิชา" เป็นชื่อที่พี่พจน์ อานนท์ ตั้งให้ เพราะเห็นว่าชื่อจริงๆ ยาวเกินไป"


    ที่มา : ข่าวสด

    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03ent05050849&day=2006/08/05
     

แชร์หน้านี้

Loading...