อาตมาจะอาบัติสังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๘ และ ๙ มั้ย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย fantastic9, 29 มีนาคม 2013.

  1. fantastic9

    fantastic9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    เรื่องนี้เครียดมากสำหรับอาตมา อาตมาบวชเมื่อวันที 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
    และกำลังจะลาสิกขาในวันที่ 4 เม.ย นี้ มีพระรูปหนึ่งได้ขอร้องให้อาตมา
    ไปที่กุฏิเพื่อดูกระติกน้ำร้อนให้ แต่อาตมาปฏิเสธไปเพราะไม่มีความรู้ด้านนี้เลย
    แต่ท่านก็บอกให้ไปดูให้หน่อย เมื่อไปถึงห้องกระติกน้ำร้อนก็เสียจริงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
    จากนั้นท่านบอกว่าสบงอาตมาไม่เรียบร้อยท่านเลยจัดแจงแกะและใส่ให้ใหม่
    ซึ่งอาตมารู้สึกว่าถ้าแค่บอกก็พอไม่ถึงกับต้องใส่ให้ก็ได้แค่คิดอยู่ในใจ
    วันต่อมาท่านก็บอกให้อาตมาไปที่กุฏิอีกบอกว่ามีของจะให้ เมื่อไปถึงก็เปนขนมที่เอามาฝาก จากนั้นท่านก็ถามเรื่องเหล็กดัดฟันโดยจับปลายคางอาตมาไปด้วย
    อาตมารู้สึกไม่ดีเลยเพราะพระรูปอื่นที่บวชใกล้ๆกันท่านก็ไม่ได้เรียกไป
    อาตมาอึดอัดใจมากจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพี่อีกองค์ที่บวชพร้อมกันฟัง
    โดยใช้คำว่า ท่านค่อนข้างถึงเนื้อถึงตัว และรู้สึกเปลืองเนื้อเปลืองตัวมาก อาตมากลัวว่าคำพูดของอาตมาจะทำให้พระรูปนั้นเข้าข่ายปาราชิกหรือไม่
    อย่างนี้จะถือว่าอาบัติสังฆาทิเสสไหมครับ
    ผู้รู้ช่วยตอบที่
    อาตมาอ่านพระวินัยมาหลายวันแล้ว แต่ไม่กล้าตัดสินใจ ทุกข์ใจมากตอนนี้
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ไม่ครับ เฉพาะ จขกท เท่านั้น นะครับ ไม่ครับ


    อาบัติสังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท

    ๑. แกล้งปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน

    ๒. เคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ

    ๓. พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี

    ๔. การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้วยกาม หรือถ้อยคำพาดพิงเมถุน

    ๕. ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ

    ๖. ไม่ให้สงฆ์แสดงที่ให้ก่อนสร้างกุฏิด้วยการขอและสร้างใหญ่เกินประมาณ

    ๗. สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น

    ๘. แกล้งใส่ความภิกษุอื่นว่าต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล

    ๙. แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าภิกษุอื่นต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล

    ๑๐. ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน

    ๑๑. เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน

    ๑๒. เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง

    ๑๓. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ๘. แกล้งใส่ความภิกษุอื่นว่าต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล

    ๙. แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าภิกษุอื่นต้องอาบัติปาราชิกโดยไม่มีมูล


    นั้น ถ้าอ่านตามที่โพสมานะครับ

    จขกท ไม่ได้ใส่ความ ปาราชิก ใดๆ ครับ
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    การที่จะ ผิด สังฆาทิเสส ในข้อ 8 9 นั้น

    จขกท ต้องไปกล่าว ข้อกล่าวหา ปาราชิก ต่อ สงฆ์ ก่อนครับ

    สงฆ์ คืออะไร สงฆ์ ก็คือ พระภิกษุ ตั้งแต่ 4 รูป ขึ้นไปครับ

    บอกความที่สามารถเข้าใจได้ แก่พระที่รู้ความ ตั้งแต่พระรูปที่ 2 แล้วพระรูปที่ 2 ไปบอกต่อพระรูปที่ 3 ขึ้นไป

    หรือบอกกล่าว ข้อกล่าวหา ปาราชิก ต่อ สงฆ์

    เมื่อ กล่าวหา ข้อหาอาบัติ ปาราชิกแก่พระภิกษุ รูปนั้นแล้ว ถ้า สงฆ์ สืบ ตัดสินแล้วไม่ผิด ไม่ได้ปาราชิก จริง

    เมื่อนั้น จขกท ถึงจะผิด อาบัติสังฆาทิเสส ข้อ 8 9 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ส่วนตัว ภิกษุรูปนั้น ที่ จขกท เล่ามา จะอาบัติ ข้อไหนบ้าง ก็แล้วแต่กรรม ครับ
     
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    เว้นเสียแต่ว่า

    จขกท ไปกล่าวความที่เข้าใจได้ ว่า พระรูปนั้น ปาราชิก ให้ทราบแก่พระรูปที่ 2 แล้วพระรูปที่ 2 ไป บอกต่อ กับพระรูปที่ 3

    แล้วมีการแต่งตั้ง สงฆ์ สอบสวน ข้อกล่าวหา ปาราชิกของพระรูปนั้น

    เมื่อ สอบสวนจบ ไม่ได้ปาราชิก จริง เมื่อนั้น จขกท ถึงจะผิด อาบัติสังฆาทิเสส ข้อ 8 9 ครับ
     
  7. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ผมว่าอยู่ที่จิตเราครับ.. ถ้าจิตเราไม่มีเจตนาทำผิด ก็ไม่ผิดครับ จิตเป็นศีล ศีลเป็นจิต( คำสอนหลวงปู่ทวี ) ก็ไม่ต้องไปสนใจอดีตครับ อยู่กับลมหายใจ เข้า - ออก ตอนที่บวชนี่เป็นโอกาสที่ดีเลยครับ ที่จะฝึกสติ อยู่กับกาย การเคลื่อนไหวทุกอิริยาบท อยู่นิ่งๆก็ดูลมหายใจไป ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านอะไร ถ้าคิดก็กลับมาดูลมหายใจใหม่ครับ
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ถ้าถูกต้องกาย ผู้หญิง + มีกำหนัด = อาบัติสังฆาทิเสส
    ถ้าถูกต้องกาย บัณเฑาะว์(กระเทย) + มีกำหนัด = อาบัติถุลลัจจัย
    ถ้าถูกต้องกาย เดรัจฉานตัวเมีย + มีกำหนัด = อาบัติทุกกฏ
    ถ้าพยายามจับต้องผู้หญิง + มีกำหนัด แต่จับไม่ได้ = อาบัติทุกกฏ

    ผู้ชายที่มีจิตใจไปในทางผู้หญิง กระเทย หรือตู๊ด จะแปลงเพศหรือไม่แปลงเพศ
    ในทางพระพุทธศาสนาท่านเรียกว่า.." บันเดาะ " ครับ
    ถ้าถูกเนื้อต้องตัว "ต้องอาบัติ"

    ทุกอย่างนี้ ถ้ามีความกำหนัดยินดี ต้องอาบัติทันทีครับ ถ้าไม่มีไม่ต้องอาบัติเลย


    จะอ้างว่า ไม่อาบัติ เพราะความไม่รู้ ไม่ได้ครับ ปรับอาบัติเหมือนกัน อ้างว่าไม่รู้ ไม่ได้ครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    อ่อ ลืมอีกอย่าง

    ละที่สำคัญ


    ถ้า จขกท จะโจทก์อาบัติ อะไรก็แล้วแต่ บอกแค่ ภิกษุ รูปที่ 2 แล้วไม่ได้ไปบอกต่อ

    หรือ ภิกษุรูปที่ 2 ไม่ได้ไปบอกต่อ

    รู้กันแค่ 2 องค์ ก็คือว่า โจทก์ไม่ขึ้น ครับ

    เพราะปกปิดกันเอาไว้แค่ 2 องค์ ครับ

    .
     
  10. fantastic9

    fantastic9 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +5
    เจริญพรนะครับโยมที่มีจิตเมตตาอาตมา
    เรื่องนี้รู้กันแค่ 2 รูปเพราะไม่กล้าพูดไป คือ อาตมากับพระอีกรูปหนึ่งเท่านั้น
    อาตมาอธิบายให้พระองค์นั้นฟังทุกอย่าง ว่าท่านแค่ถูกเนื้อต้องตัวอาตมาคับ
    อาตมากลัวว่าคำพูดที่ว่า เปลืองเนื้อเปลืองตัว มันจะมีความหมายในพระพุทธศาสนาเชิงที่ไปกล่าวหาพระรูปนั้นว่าปาราชิก
    แต่อาตมาไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น แค่ไม่ชอบการกระทำแบบนี้เฉยๆ
    และไม่แน่ใจว่าท่านพระรูปนั้นท่านเป็นอย่างที่อาตมาคิดว่าท่านเป็นพวกรักร่วมเพศ
    หรือเปล่า หรือท่านอาจจะแค่เอ็นดูอาตมา
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    คือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก

    พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ

    ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
    1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
    2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
    3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
    4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)


    ก็ยังไม่เข้าข่ายโจทก์ ปาราชิก ครับ

    น่าจะเกิดจากความ ตีความหมาย เข้าใจผิดของ จขกท มากกว่าครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2013
  12. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    กราบนมัสการพระคุณเจ้า

    ขออนุโมทนาในเจตนารักษ์พระวินัยสงฆ์ด้วยอย่างยิ่ง เรื่องนี้ ใคร่เสนอแนะให้ท่านปรึกษาพระผู้ใหญ่(อาวุโส)ในวัดเพื่อขอคำแนะนำ ..

    หากท่านยังลังเลสงสัยอยู่ ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าผิดหรือไม่ ทั้งภิกษุผู้รู้อื่นไม่มีหรือมีแต่ไม่อาจแนะนำข้อถูกผิดได้ ท่านก็พึงชำระตนไปด้วยการแสดงความผิดแก่สงฆ์ และเข้า อยู่ปริวาส ..ทั้งนี้เพื่อความปลอดโปร่งเบาใจของท่านเองในที่สุด เพราะความวิตกกังวลที่ท่านแบกถือไว้นั้น จะเป็นบาปที่ไหลสืบกัดกร่อนใจท่านไปอีกยาวนาน...เมื่อท่านตั้งใจชำระตนด้วยความแน่วแน่.. โทษคือการติเตียนจากผู้รู้ย่อมไม่ปรากฏ..

    แต่หากท่านมั่นใจแน่แท้ว่า ตนหาเจตนาบาปไม่ได้ ความเดือดร้อนใจย่ิอมไม่ตั้งอยู่ ดังนั้น ท่านควรยุติความกังวลวิตกอันเป็นบาปคือความฟุ้งซ่านที่เกิดสืบต่อยาวนานเสีย..แล้วปวารณาว่าจะสำรวมสังวรณ์ในสิกขาบทต่อไปจนกว่าจะสึก ด้วยอาการนี้ ย่อมยุติบาปทางใจลงได้ทั้งยังดำรงตนไว้ด้วยดีมีการสมาทานประพฤติตามสิกขาบทสืบไป ท่านย่อมได้ชื่อว่าเป็นนาบุญของโลก ผู้สมควรแก่การลุกรับกราบไหว้และ สมควรแก่ทักษิณาทานที่ชาวบ้านผู้มีศรัทธานำมาถวาย...แม้การกราบไหว้ท่านด้วยใจก็เป็นที่มาของเหตุให้เกิดในตระกูลสูง..

    ขอพระคุณเจ้าพิจารณาตามสมควรเถิดขอรับ
    กราบนมัสการมาด้วยความเคารพขอรับ..

     
  13. MK2508

    MK2508 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,919
    ค่าพลัง:
    +4,280
    ขอกราบอนุโมทนากับพระคุณเจ้าที่ใส่ใจและตั้งใจในการรักษาพระธรรมวินัย แม้เป็นนวกภิกษุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...