อานิสงค์ใหญ่ร่วมสร้างอุโบสถและบูรณะวัดพระธาตุจอมจ้อ อ.เทิงจ.เชียงราย

ในห้อง 'คนไทยต่างแดน' ตั้งกระทู้โดย waratisa, 3 พฤษภาคม 2009.

  1. waratisa

    waratisa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +337
    ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถและบูรณะวัดพระธาตุเจ้าจอมจ้อ ติดต่อพระนิพนธ์ โกวิโท
    (เจ้าอาวาส)
    โทร.053-7940636 / 081-2527798 เนื่องจากอุโบสถหลังเดิมไฟไหม้ อนุโมทนาด้วยครับ

    สามารถร่วมทำบุญผ่าน ธ.ทหารไทย สาขาอำเภอเทิง ออมทรัพย์เลขที่ 379-2-70477-1
    ชื่อบัญชี พระบรมธาตุเจ้าจอมจ้อ ครับ
    งบประมาณการก่อสร้างอุโบสถประมาณ 6 ล้าน ทางวัดยังขาดปัจจัยในการก่อสร้างอีกมาก ท่านใดมีความสนใจสามารถติดต่อทางวัดได้โดยตรง ทางวัดกำหนดวางศิลาฤกษ์ประมาณวันที่ 28 เมษายน 2552





    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กรุณาช่วยบอกบุญต่อด้วยครับ:z6
    คำขอขมาพระรัตนตรัย<O:p</O:p
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)<O:p></O:p>
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง <O:p></O:p>
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ<O:p></O:p>

    คำบูชาพระธาตุจอมจ้อ(smile)
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    อะหัง วันทามิ ธาตุโย เกสาธาตุ ฆานะธาตุ
    อิมัสสะมิง ปติฏฐัง อุตตะระ ปัพพัตตัง อะหัง วันทามิ สิระสา (กล่าว 3 จบ)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ตำนานพระธาตุจอมจ้อ<O:p></O:p>;aa44

    นโม ตสฺสตฺถุฯ อหํ วันทามิ ธาตุเกสาธาตุ ฆานธาตุ อิมัสฺมิง ทักขิณะปัพปะตัง อหัง วันทามิ สิระสาฯ ที่นี้จักกล่าวตำนานมหาธาตุเจ้าอันตั้งอยู่ในเมืองเทิง ที่นี้ก่อนแล ผู้มีปัญญาเปิงรู้เทอะ ภควา อันว่าพระพุทธเจ้า เสฏโฐ ตนประะเสริฐ เทวมนุสฺสานัง แก่คนและเทวดาทั้งหลาย ปางเมื่อพระยังสถิตสำราญอยู่ที่ เชตวนาราม เมืองสาวัตถี พระก็ได้ตรัสญาณสัพพพัญญูล่วงได้ 25 พรรษา ในกาลเวลาหนึ่ง ใกล้รุ่งแจ้ง พระพุทธเจ้าจึงตรัสอยู่ในคันธ กุฏีว่า บัดนี้ อายุตถาคตเจ้าได้ 60 ปี เข้ามานี้แล้ว ครั้นอายุ 80 ปี ก็จักเข้าสู่นิพพานไป ควรที่ตถาคตจักอธิษฐานธาตุตถาคตนี้ย่อยออกเป็น 3 ประการ เพื่อประโยชน์แก่คนและเทวดาได้แจกไปไหว้นบบูชาเสมอแทนตนพุทธองค์ตถาคตเมื่อยังทรมานอยู่นี้เถิด เหตุว่าพุทธธาตุตถาคตเจ้านี้น้อยนัก สัตว์ทั้งหลายจึงยังไม่ได้ทันกราบไหว้บูชามากนัก อันว่าในอดีตพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ล่วงไปแต่ก่อนได้อธิฐานธาตุแห่งตนให้ย่อยแล้วไปฐปันนาไว้ในที่ใด ควรตถาคตเจ้าจักไปทำนาย ฐปันนาไว้ในที่นั้นตามพุทธประเพณีเถิด เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าตนประกอบไปด้วยมหากรุณา ครั้นว่าวันออกพรรษาแล้ว เมื่อเดือนเกี๋ยงแรมค่ำหนึ่ง พระองค์ก็เสด็จออกจากวัดเชตวนาราม เมืองสาวัตถี มีพระมหาอนันตเถรและพระโสณะเถระ พระอุตตระเถร พระรัตตะเถร รวมเป็นอรหัตาเจ้า 4 องค์ เป็นบริวาร มีพระยาอินทร์กางฉัตรคำ กับพระยาอโศกราช เมืองกุฉินารา ถือเกือบกับไม้เท้าเดินตามหลัง พระพุทธเจ้ามาถึงเมืองโยนกล้านนาผ่านบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหลายตราบต่อเท้ามาถึงเมืองพะเยา พระพุทธเจ้าก็หยุดยั้งพยากรณ์บ้านเมืองอันจักเป็นที่ตั้งศาสนาในภายหน้า แล้วพระพุทธเจ้าก็เสด็จเลียบขึ้นมาตามน้ำแม่อิงจนมาถึงฐานะที่หนึ่ง อันมีเบื้องหล่ายน้ำอิง ทางทิศตะวันตก อโหสิ ก็มีแล ทฺสนัง กาลคาบนั้นพระพุทธเจ้าก็มองเห็น ปัพพตัง ยังดอยลูกหนึ่ง ภควา อันว่าพระพุทธเจ้า รุยฺห ก็ขึ้นไปสู่ยังดอยลูกนั้น แล้วไปยั้งพักอยู่ใต้ร่มไม้อโศกต้นหนึ่ง อันมีอยู่ในดอยนั้น พระพุทธเจ้าก็หันพระพักตรไปเบื้องตะวันออกสู่น้ำอิงก็มีแล ตโต ในกาละลำดับนั้น ยังมีพญานาคราช ตนหนึ่งได้อยู่รักษาในน้ำอิงที่นั้น ก็รู้ด้วยฤทธิ์แห่งตนว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาถึง พญานาคจึงละเพศอันเป็นนาคเสียถือเอาเพศเป็นมาณพชายหนุ่มผู้หนึ่งนุ่งผ้าขาวทิพย์ เข้าไปไหว้พระพุทธเจ้ายังเหนือดอยที่นั้นแล้วถามว่า ภันเต ข้าแต่พระพุทธเจ้าได้มาถึงในที่นี้แล้วจักไปสู่ที่ใดหรือ พระพุทธเจ้าจึงตรัสบอกว่า ดูรา มหานาค อหัง อันว่าเราตถาคตก็จักเดินไปเพื่อโปรดบรรดาสัตว์ทั้งหลายตามฐานะแห่งวาสนาปารมีแห่งเขาอันมีใกล้ไกลแล พญานาคตนนั้นได้ฟังแล้วจึงได้นำเอาช่อคำ 3 ผืน ช่อเงิน 3 ผืน ช่อแก้ว 3 ผืน ล้วนเป็นทิพย์มาปูชาแด่พระพุทธเจ้าแล้วลงไปสู่นาคพิภพเอาน้ำทิพย์ขึ้นมาถวายแด่พระพุทธเจ้าได้ฉัน ฝ่ายพระมหาอนันทะเถระเจ้า จึงไหว้พระพุทธเจ้าว่า ภันเต ภควา ข้าแด่พระพุทธเจ้าฐานะที่นี้ก็เป็นที่อันวิเศษ ควรตั้งศาสนาแท้แล เหตุว่ามีพญานาคออกมาถวายน้ำกับช่อทิพย์ปูชา พระพุทธคุณ พระพุทธเจ้าฟังแล้วจึงเอาหัตถ์เบื้องขวาลูบหัวได้เกศามาเส้นหนึ่งมอบให้แก่พระอานนท์ท่านรับเอาแล้วมอบให้พระอุตตระ พระอุตตระก็มอบให้แก่พระยาอินทร์ พระยาอินทร์ก็มอบให้แก่พระยาอโศก พระยาอโศกก็มอบให้พญานาค พญานาคก็เนรมิตรขระอูบคำไหญ่ได้ 7 ก่ำรับเอาแล้วพระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระอานนท์ว่า ดูราอานันทะ จงนำเอาธาตุตถาคตเจ้าบรรจุไว้กลางดอยที่นี้เทอะ พระยา อินทร์ได้รับฟังคำพระพุทธเจ้าแล้วจึงไว้ภาระกับพญานาคว่า ท่านจงกระทำอุโมงค์ไว้ท่ามกลางดอยนี้ให้ลึกพอ 70 วา ไว้เป็นที่บรรจุแก่พระเกศาธาตุเจ้าแล ครั้นพญานาคได้กระทำอุโมงค์นั้นแล้วด้วยฤทธิ์แห่งตน พระยาอินทร์ซ้ำมาเนรมิตเป็นปราสาทคำหลังหนึ่ง มีฐานธรณียาว 4 วา สูง 8 วา ไว้เหนือสะเภาคำลำหนึ่งแล้วเนรมิตแท่นแก้วตั้งไว้ท่ามกลางปราสาทเป็นที่ตั้งไว้ซึ่งเกสาธาตุพระพุทธเจ้า ช่อตุงทิพย์ 9 ผืน อันพญานาคเอามาปูจาพระพุทธเจ้านั้นก็ลวดเอาใส่ไว้ปูชาแวดล้อมพระธาตุเจ้า พระยาอินทร์ก็สร้างยนตร์ฟันไว้ 12 แห่ง เพื่อรักษายังพระธาตุเจ้าแล้วก็สร้างกองหินถมเอาไว้ไม่ให้เป็นสาธารณ์พระพุทธเจ้าเห็นดังนั้นจึงสั่งบรรดาพระอรหันตากับพญาอินทร์ว่า ครั้นตถาคตเจ้านิพพานไปแล้ว จงนำเอาพระธาตุจอมดังจมูกแห่งตถาคตเจ้ามาใส่ไว้รวมกับเกศาธาตุตถาคตเส้นนี้เทอะ ดูรา อานนท์เอย เมื่อตถาคตมาถึงฐานะที่นี้แล้ว ก็มีพญานาคขึ้นมาไหว้แล้วว่าเตถาคตมาถึงที่นี้แล้ว จักไปที่ใดแลชา ต่อไปภายภาคหน้าฐานะที่นี้จักกลายเป็นเมืองอันหนึ่ง ชื่อว่าเมืองเทิง เหตุว่าตถาคตเจ้าได้มาหยุดมาถึงที่สุดที่เหนือกับน้ำแม่แล้วยั้งพักอยู่แล เมื่อใดท้าวตนมีบุญชื่อว่าพญาศรีจอมธรรมราชมาเกิดแล้ว ท้าวจักมาสร้างเมืองพะเยา ฐานะที่นี้จักนับเข้าเป็นอาณารัฐแห่งท่าน แล้วท่านจะให้คนมาตั้งอยู่ในเมืองเทิงที่นี้ ฝ่ายว่าพระธาตุตถาคตเจ้าอันมีเทวบุตรตนหนึ่งชื่อ นรเทโว เฝ้ารักษา จักออกมาปรากฏเป็นดั่งช่อทิพย์ขึ้นอยู่เหนือจอมดอยแห่งนี้ ดังนั้นคนทั้งหลายเห็นแล้วเลยร้องว่าดอยจอมจ้อก็มีแล ยามนั้นพญานาคอันรักษาอยู่ในน้ำแม่อิงที่นี้ เห็นช่อทิพย์ออกมา มันจักเนรมิตเอาเพศเป็นดั่งมาณพ นุ่งผ้าขาวใส่เสื้อขาวแล้วไปยืนอยู่ในโรงพญาเจ้าเมืองตนชื่อศรีจอมธรรมราชในยามกลางคืน เพื่อจักบอกฐานะที่ตั้งธาตุเจ้าแห่งตถาคตเจ้าให้ท้าวตนนั้นได้รู้แล้ว ก็กลับคืนสู่เมืองนาคพิภพแห่งตนดั่งเก่าแล เมี่อพระยาศรีจอมธรรมราชได้รู้ดังนั้นแล้ว ท้าวพระยาก็จักยกไพร่พลโยธาทั้งหลายขึ้นมาสร้างเจดีย์หลังหนึ่ง มีฐานธรณี ยาว 3 วา 3 ศอก สูง 6 วา ครอบไว้เหนือปากอุโมงค์ที่บรรจุ พระเกศาธาตุเจ้าอันพระยาอินทร์ได้บรรจุไว้นั้น กับสร้างวิหารไว้สารูปตถาคตอยู่หน้าเจดีย์นั้น ยามนั้นธาตุตถาคตดวงนี้จักก้านกุ่งรุ่งเรืองลือชาปรากฏมากนักแล พระพุทธเจ้าทำนายว่าดังนี้แล้ว ก็พาเอาอรหันตาเจ้าลงจากดอยยามนั้นแล ฝ่ายพระยาอินทร์จึงสั่งเทวบุตรตนหนึ่งชื่อว่านรเทโวเทวบุตรว่าท่านจงอยู่รักษาพระธาตุเจ้าดวงนี้อย่าให้ห่างสูญเสีย ในเขตจอมดอยนับเข้าเป็นเขตแคว้นพระธาตุเจ้า มีหนทางทิศตะวันออก 100 วา หนทางทิศตะวันตก 100 วา ทางทิศใต้ 100 วา ทางทิศเหนือ 100 วา ครั้นว่ามีสัตว์ตัวใหญ่ ตัวน้อยเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว จงอย่าให้มีอันตรายด้วยประการทั้งปวงด้วยเถิด ดังนั้นบุคคลผู้ใดกระทำฝืนคำพระยาอินทร์แล้วล่วงล้ำเข้าไปเบียดเบียน ฆ่า ตี ฝูงสัตว์อันอยู่ในเขตแคว้นร่มเงาพระธาตุเจ้า นรเทโวเทวบุตรตนนั้นจักกระทำให้เป็นเหตุร้อนไหม้แก่บ้านเมือง ให้วินาศฉิบหายรากเลือด เจ็บหัว เมื่อยไข้ ไม่มีความสุขสำราญสักเวลาแล ฝ่ายบุคคลผู้ใด จักขึ้นไปจำศีลกินทานก็ดี ไปริสร้างแปลงก็ดี ให้ปูชาเทวบุตรตนนั้นกับพญานาคเสียก่อน เครื่องปูชาเทวบุตรตนนั้น มีข้าวสูนน้ำอ้อย 8 ก้อน ข้าวสูนน้ำผึ้ง 8 ก้อน ดอกไม้แดง 8 ดอก เหลือง 8ดอก เทียน 8 คู่ จักหาอันตรายภัยทั้งมวลไม่มีแล เครื่องปูชาพญานาคตัวนั้น มีช่อเหลือง 19 ช่อ ข้าวหวาน 19 ก้อน กล้วย อ้อย อย่างละ 19 อัน เทียน 19 คู่ ให้ปูชาไว้ตรงหน้า ที่โรงช้างทอง เหตุว่าช้างทองนั้นเป็นพญานาคเนรมิตแทนตัวไว้แล ดังคำบาลีว่า นาโค เป็นช้างก็ได้แล บูชานรเทโวเทวบุตรกับพญานาคแล้วจะสวัสดีนักแล ภควา ฝ่ายว่าพระพุทธเจ้าครั้นลงจากดอยจอมจ้อที่นั้นแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไปบิณฑบาตในบ้านใกล้ตีนดอยที่หนึ่งได้มาแล้ว พระพุทะเจ้าก็เสด็จไปสู่อุตรทิศหนเหนือ ขึ้นไปสู่จอมดอยที่หนึ่งสูงนัก ไปกระทำภัตตกิจฉันข้าวแล้ว พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระมหาอานันทะว่า ดูรา อานันทะ ที่ตถาคตได้ลงไปเอาข้าวบิณฑบาตมาฉันนี้ ในภายหน้าจักกลายเป็นเมืองอันหนึ่ง ชื่อว่าเวียงตานข้าวชะแล ส่วนดอยลูกนี้ อันตถาตตเจ้าได้ขึ้นมาสูงนักเพื่อกระทำภัตตกิจฉันข้าวก็ย้อนเหตุว่า ในอดีตชาติเมื่อตถาคตเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์ก็มีชาติหนึ่งได้เกิดเป็นพญาปู๋คำอยู่ใต้ท้องดอยแห่งนี้ พญานาคตัวที่ลุกมาจากน้ำแม่อิงเอาน้ำขึ้นมาถวายแก่ตถาคตเจ้าแต่เช้านี้ มันก็เคยกระทำรูลึกเป็นปล่องหื้อตถาคตได้อยุ่สุขสำราญมาแต่อดีต ฐานะที่นี้จึงใช้ชื่อว่าภูปู๋คำก็มีแล ภายหลังจึงกลายเป็นภูคำดังนี้แล ที่นั้นมหาอานันทะเถรเจ้าขอเอาเกศาธาตุกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เอาพระหัตถ์ข้างขวาลูบ อุตตมังคศีรษะได้พระเกศาธาตุเส้นหนึ่งออกยื่นให้แก่พระมหาอานันทะ มหาอานันทะรับเอาแล้วก็ยื่นให้แก่พญาอินทร์ พญาอินทร์ก็เอากระบอกไม้รวกรับเอามาแล้วก็เอามาบรรจุไว้ในรูเปลวที่นั้นอันลึก 70 วาก็มีแล พญาอินทร์ได้เนรมิตปราสาทคำหลังหนึ่งสูงได้ 7 วา 3 ศอก มีอาสนะคำตั้งอยู่ท่ามกลางแล้วเนรมิตขระอูบใหญ่พอ 20 ก๋ำใส่พระธาตุเจ้าตั้งไว้เหนืออาสนะคำแล้วจึงก่อล้อมปราสาทคำด้วยดินและอิฐ เอาแผ่นหินหนาได้ 1 ศอก ปิดซ้ำ แล้วถมเปลวนั้นหื้อดี สร้างยนตร์ฟันไว้รักษาพระธาตุเจ้าในอุโมงค์นั้น 12 แห่ง พระพุทธเจ้าเห็นดังนั้นจึงสั่งพระอานันทะเจ้าว่า แม้นตถาคตเจ้าได้นิพพานไปแล้วจงนำเอาธาตุส้นพระบาทเบื้องขวาแห่งตถาคตเจ้ามารวมไว้กับเกศาธาตุเส้นนี้ด้วย ภายหลังฐานะที่นี้ก็หากจักเป็นบ้านเมืองอันศาสนาของตถาคตเจ้ามาตั้งอยู่ เมื่อใดพระธาตุตถาคตอันตั้งอยู่ในจอมจ้อปรากฏรุ่งเรืองขึ้นมาแล้วธาตุเจ้าในดอยภูคำก็จักปรากฏรุ่งเรืองออกมาคู่กันแล้วบ้านเมืองก็จักเป็นสุขชุ่มเย็นด้วย น้ำฟ้าสายฝน ฝูงคน บรรดาสัตว์ทั้งหลายก็จักมีความสุขสำราญสัมฤทธิ์ด้วยสมบัติข้าวของเงินคำมากนัก ดูราอานันทะเอ๋ย อันว่าเกศาธาตุกับธาตุกระดูกส้นพระบาทตถาคตเจ้าอันอยู่ในดอยภูคำนี้วิเศษนักผู้ใดมีบุญสมภารแก่กล้าจึงจักขึ้นมาริรางสร้างแปลงได้ ครั้นว่าสร้างแปลงขึ้นมาแล้วบ้านเมืองก็จักฤชาปรากฏก้านกุ่งรุ่งเรืองยิ่งนักแล หากผู้ใดอาจสามารถสร้างแปลงพระธาตุตถาคตเจ้าในดอยจอมช่อ ดอยภูคำสองดวงนี้ขึ้นมาปรากฏเป็นสักขีแก่โลกแล้ว บุญสมภารแห่งมันก็เหมือนกับเป็นลูกตถาคตเจ้าแท้แล พระธาตุเจ้าสองดวงนี้พระยาอินทร์เจ้าฟ้าหากหมายให้ นรเทโวเทวบุตรรักษาไว้ซึ่งพระธาตุดอยจอมช่อ สุวรรณปัพพโตเทวบุตรรักษาไว้ซึ่งพระธาตุภูคำและอิงคนาคราชอันอยู่ในน้ำแม่อิงย่อมเทียวไปไหว้สาปูชาพระธาตุเจ้าสองดวงนี้มิได้ขาด เขาทั้งสามตนนี้ย่อมอยู่เฝ้าพระธาตุเจ้าทั้งสองดวงนี้จนครบ 5000วัสสาก็มีแล พระพุทธเจ้าเมื่อได้กถาพยากรณ์ดังนี้แล้วพระพุทธเจ้าก็พาหมู่อรหันตากับพญาอโศกราชลงจากดอยภูเขาเดินเลียบไปตามกระแสน้ำอิงเบื้องทักขิณหนใต้ ถึงท่าน้ำแห่งหนึ่งมีน้ำใสเย็นยิ่งนัก พระพุทธเจ้าจึงขึ้นไปยืนอยู่บนผาก้อนหนึ่งแล้วถ่ายผ้าอาบเพื่อปรารถนาจะสรงน้ำในที่นั้นเมื่อพระพุทธเจ้าสรงน้ำเป็นที่สำราญแล้วก็ขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอาบส่งให้พระอานันทะเถระเจ้ารับเอาไปแล้ว ผ้าอาบผืนนั้นก็กลับกลายเป็นผ้าคำไปทั้งผืน ผาก้อนที่พระพุทธเจ้ายืนถ่ายผ้าอาบก็กลับกลายเป็นแก้วขาวใสงามบริสุทธิ์ยิงนัก พระอานันทะเถระเจ้าเห็นอัศจรรย์จึงกราบทูลขอไว้รอยพระบาท พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า ดูรา อานันทะ เอ๋ย ฐานะที่นี้เป็นที่อันประเสริฐที่หนึ่ง เหตุว่ามีท่าน้ำใสเย็นแล ตถาคตเจ้าได้มาหยุดอาบน้ำที่นี้ แม้พระพุทธเจ้าในอดีตที่ล่วงลับไปแล้วทั้งสามพระองค์ก็ได้มาหยุดอาบน้ำที่ท่านี้เหมือนกัน และพระพุทธเมตไตยเจ้าอันจักมาโปรดโลกภายหน้าก็จักมาหยุดอาบน้ำที่ท่านี้ด้วย แต่ว่าก้อนหินที่ท่านี้มีขนาดน้อยนัก ไม่พอที่ตถาคตเจ้าจะไว้พระบาทพอจะไว้แต่เกศาธาตุเท่านั้น อานันทะจงเอาเกศาธาตุกับผ้าอาบของตถาตคเจ้าบรรจุรวมไว้กับผาก้อนที่ตถาคตยืนถ่ายผ้าอาบที่นี้ ภายหน้าฐานะที่นี้จักชื่อว่าพระธาตุผาอาบ บุคคลผู้ใดได้มาไหว้สาปูชาพระธาตุเจ้าที่นี้ แล้วจักพ้นจากความร้อนใจร้อนกายทั้งมวลและน้ำที่ท่าอันตถาคตเจ้าได้ลงอาบแล้ว บุคคลผู้ใดเอามาอาบรดล้างตัวย่อมเป็นมงคลสวัสดี ดับทุกข์โศกโรคภัยบาปเคราะห์ทั้งหลายอันมีอยู่กับตัวให้เสื่อมหายไป เหตุว่าเป็นน้ำท่าที่พระพุทธเจ้าลงอาบ ดูราอานันทะ เอ๋ย อันว่าบ้านเมืองเทิงที่นี้ ครั้นว่าตั้งขึ้นมาแล้วยามปีใดแห้งแล้งขาดน้ำฟ้าสายฝนชาวเมืองเป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อนไม่ได้ทำนาทำไร่ ก็ให้แต่งเครื่องปูชาไปสู่พระบรมธาตุเจ้าจอมจ้อ ภูคำ ทั้งสอง ทำการปูชาแก่พระธาตุเจ้าแล้ว บอกกล่าวแก่พญาอินทร์พร้อมด้วยนรเทโวเทวบุตร สุวรรณปัพพโตเทวบุตร อิงคนาคราช แม่พระธรณี แล้วทำสระสี่มุม ไว้หน้าข่วงธาตุทั้งสอง เอาไม้น้ำนองทำรูปปลาช่อนคู่หนึ่ง เอาไม้อี่ลุมทำรูปปลาช่อนอีกคู่หนึ่งรวมเป็น 4 ตัว แล้วเอาไม้เดื่อเกลี้ยงทำรูปนาคหนึ่งตัว เอาใส่ลงในสระน้ำหน้าข่วงธาตุนั้นแล้วตั้งแท่นแก้วบัลลังก์ไว้กลางสระ อาราธนาเอารูปตถาคตเจ้ามาตั้งไว้บนแท่นแก้ว นิมนต์พระสงฆ์ ตนที่มีศีลบริสุทธิ์ มาสวดรัตนสูตรกับสัมพันธกถาทั้ง 7 ให้ถูกครุลหุตาลพดับแล้ว เอาสุคันโธทกน้ำหอมอันตักเอาน้ำแต่ท่าอาบใส่ส้มป่อยคันธะจวงจันทร์รดสรงสารูปพระพุทธเจ้าให้น้ำตกลงใส่ปลาช่อนและนาคในสระ ตั้งสัจจะอธิฐานขอน้ำสายฝน ด้วยพิธีกรรมปูชาอันนี้เมฆฟ้าห่าฝนจักตั้งขึ้นแล้วตกลงมาให้บ้านเมืองได้ชุ่มเย็นมีน้ำท่าเต็มฝั่งพอได้ทำไร่ทำนาทุกประการ พระธาตุเจ้าจอมจ้อ ภูคำ ผาอาบ ทั้งสามดวงนี้ เป็นที่พึ่งแก่บ้านเมืองเทิงที่นี้ เหมือนดั่งองค์ตถาคตเจ้ายังทรมาณโปรดสัตว์อยู่ทุกประการ เมื่อใดชาวบ้านชาวเมืองเทิงที่นี้พากันประมาทในองค์พระธาตุเจ้าทิ้งให้เศร้าหมอง ห่างเสียไปไม่ได้ปฏิบัติปูชาให้รุ่งเรืองเมื่อนั้นจะเกิดอุบาทว์กังวลอันตรายวินาศฉิบหายแก่บ้านเมืองได้ เสื่อมสูญลบหายกลายเป็นป่าดงเห็นทันตา เพราะบาปกรรมที่ละทิ้งพระธรรมพระธาตุ พระศาสนา อันตถาคตเจ้าตั้งขึ้นไว้เป็นร่มเงาที่พึ่งดับทุกข์แก้โลก ดังนี้แล พระพุทธเจ้ามีกถาพยากรณ์ดังนี้แล้ว พระพุทธเจ้าจึงยกพระหัตถ์ขวาลูบอุตตมังคศีรษะได้เกสาธาตุ 1 เส้น เอามาให้แก่พระอานันทะเถระเจ้า ท่านรับเอามาแล้ว จึงอธิฐานเอาหินก้อนหนึ่งแต่ริมท่าน้ำเพื่อเป็นที่สถิตแก่เกสาธาตุ เมื่อนั้นพระเกศาธาตุก็สำแดงปาฏิหารย์เสด็จเข้าไปอยู่ในหินก้อนนั้น พระอานันทะจึงเอาผ้าอาบคำของพระพุทธเจ้ามารองรับ แล้วเอาวางเหนือผ้าอาบแก้ว แล้วพระยาอินทร์ก็เอาขึ้นตั้งไว้บนแท่นคำ เนรมิตเป็นเจดีย์หลังหนึ่งครอบพระธาตุเจ้าไว้ที่นั้น พญาอิงคนาคราชอันมีอยู่ในน้ำแม่อิงก็ขึ้นมาปูชา มันย่อมมาดูแลรักษาอยู่ตราบหมด 5000 พระวัสสา ก็มีแล ฝ่ายพระพุทธเจ้าก็พาเอาอรหันตาเจ้าทั้งหลายกับพระยาอโศราช จาริกไปพยากรณ์โปรดสัตว์ทางเมืองแพร่ เมืองน่านสืบไป ตำนานพระบรมธาตุเจ้าจอมจอมจ้อ ภูคำ ผาอาบ อันมีในเมืองเทิงก็บังคมสมเร็จเสร็จ. (คัดลอกมาจากตำนานพงศาวดารประวัติศาสตร์เทิง หน้า 7 -11)he llo _car
     

แชร์หน้านี้

Loading...