อานิสงส์ของทานและการชักชวนคนอื่นทำบุญ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 29 ตุลาคม 2008.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    อานิสงส์ของทาน และการชักชวนคนอื่นทำบุญ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ


    การให้ทานนี้อย่างลืมนะว่าถ้าใจยังไม่หนักแน่นพอ คนที่เรายังไม่ชอบใจอย่างเพิ่งให้ ให้แต่คนที่เรารักหรือคนที่เราไม่เกลียดต่อไปถ้ากำลังใจสูงขึ้น จิตสบาย มีอุเบกขาดี มีเมตตาบารมีสูง ก็ให้ไม่เลือก ให้เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ คือกิเลสของเรา

    กำลังใจในการให้ทานน่ะเป็นจาคานุสสติ ก่อนที่จะคิดให้เป็นจาคานุสสติ อันนี้อนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้ามีประจำใจแล้วมันก็ตกนรกไม่ได้ จะยกตัวอย่าง มันก็ยาวเกินไป จะขอพูดถึง อานิสงส์การให้ทาน ที่สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสว่า สมัยพระพุทธกัสสปท่านเทศน์อย่างนี้ ท่านบอกว่า

    บุคคลผู้ใดให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่ชักชวนคนอื่น ตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดใหม่จะมีทรัพย์สมบัติมาก จะเป็นคนร่ำรวย เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี แต่ว่าขาดเพื่อน ขาดคนเป็นที่รัก มันก็โดดเดี่ยวแย่เหมือนกัน

    บุคคลผู้ใดดีแต่ชักชวนบุคคลอื่น แต่ว่าตนเองไม่ให้ทาน ท่านบอกว่าตายจากชาตินี้ไปแล้วไปเกิดชาติใหม่ มีพรรคพวกมาก แต่ยากจน

    บุคคลใดให้ทานด้วยตนเองด้วยแล้วก็ชักชวนบุคคลอื่นด้วย ตายจากชาตินี้ไปเกิดใหม่ เป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย

    บุคคลใดไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย แล้วไม่ชักชวนชาวบ้านด้วย จะไม่มีทรัพย์สมบัติเป็นคนยากจนเข็ญใจ เกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก เป็นยาจก ขอทาน แล้วขอก็ไม่ค่อยจะได้ ไม่มีใครเขาอยากจะให้ มีแต่คนรังเกียจ

    การให้ทานที่ก่อนจะถึงนิพพานน่ะ เราจะต้องมีความสุขในทรัพย์สมบัติก่อน จะไปคิดว่าการให้ทานเป็นการกำจัดโลภะความโลภ หรือมีผลอันน้อยแค่กามาวจรอันนี้ไม่ถูก ถ้าเราจะไปนิพพาน ถ้าเราลำบากมันไปยาก ใจไม่สบาย จะเล่านิทานสักเรื่องหนึ่ง เอาไหม มันจะช้าก็ช้า จะจบเมื่อไรก็ช่าง ก็เล่าสู่กันฟัง

    ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่มีคนหนึ่งเขามาเกิด แต่คนคนนี้น่ะในชาติก่อนๆ เวลาบำเพ็ญบารมีตัดทานบารมีออกจากใจ แต่ความจริงเขาก็ไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร เขามีจาคานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ได้จาคานุสสติกรรมฐาน ตัวนี้เขาไม่ได้ให้ แต่จิตเขาละความโลภ คือละความอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นที่ใครไม่ให้เขาโดยชอบธรรมน่ะเขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ แต่ว่าเขาไม่ให้ทาน ที่ว่า "ทานัง สัคคโสน ปาณัง" ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ทานเป็นบันไดให้ไปเกิดบนสวรรค์" เขาบอกว่ามันต่ำไป เอาบุญที่เป็นปรมัตถบารมีดีกว่า คือ

    ๑. มีศีลบริสุทธิ์
    ๒. สมาธิตั้งมั่นก็ระงับนิวรณ์
    ๓. มีปัญญาแจ่มใส เพื่อตัดกิเลส


    ก็เป็นการบังเอิญว่าชาตินั้นเขายังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าก็ต้องตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดา ก็สงสัยอาจจะเป็นเทวดาคนจนก็ได้ ทิพย์สมบัติอาจจะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ ทีนี้ก็กลับมาเกิดใหม่ มาเกิดเป็นลูกหญิงแพศยา เป็นโสเภณี
    โสเภณีเวลานั้นถือว่าเป็นตระกูล เป็นอาชีพอาชีพหนึ่งสังคมหรือสมาคมหนึ่ง แต่ว่าโสเภณีน่ะเขาต้องการเฉพาะลูกผู้หญิง เขาไม่เหยียดหยามเหมือนสมัยนี้ว่าโสเภณีเลวไม่ใช่อย่างนั้น เขาถือว่าโสเภณีก็เป็นตระกูลหนึ่งที่มีศักดิ์ศรี พอออกมาเป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ต้องการ เขาก็เลยไปหมกป่าไว้ ทิ้งปล่อยให้ตาย ก็สืบตระกูลเป็นโสเภณีไม่ได้
    เวลานั้นโสเภณีผู้ชายยังไม่มี ถ้าบังเอิญมีโสเภณีผู้ชายอย่างสมัยนี้ บางประเทศก็จะหากินคล่องเหมือนกัน เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของบุคคลแต่ละคน
    ก็รวมความว่าเขาเกิดมาไม่มีความสุข ถูกปล่อย แต่เขาก็ไม่ตาย เขาไม่ตายเพราะอะไร เพราะว่ามีบุญรักษา เขาจะเป็นอรหันต์ในชาตินี้ เขาถูกหมกอยู่อย่างนั้นไม่ตาย ถูกแวดล้อมไปด้วยสัตว์รักษาไว้ จนกระทั่งเป็นหนุ่มเดินไปเดินมา เดินเที่ยวไปก็ไม่มีอะไรจะกิน แต่บุญรักษาเติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องกินอาหาร
    ต่อมาวันหนึ่งเดินเข้าไปชายป่า เห็นคนเขาเอาอะไรมาฝังไว้เป็นลูกเขาออก เอารกมาฝังก็แอบดู พอเขาไปแล้วก็ย่องเข้าไปขุดเห็นรกเด็ก เลยนำรกมากิน ในชีวิตเขาได้กินเท่านั้นอย่างเดียว นี่การขาดทานบารมี หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมาเห็นพระท่านมีความสุข เลยขอบวช พระอุปัชฌาย์ก็ให้บวช
    ในเมื่อบวชแล้วเวลาบิณฑบาตตอนเช้า พระใหม่ก็ต้องเดินข้างหลังตามระเบียบ เพราะเดินตามอาวุโส ชาวบ้านใส่บาตรจากหน้า พอจะถึงองค์หลัง ข้าวหมดพอดี นี่อานิสงส์ของการไม่ให้ทาน ท่านก็เดือดร้อน ไม่ได้กินข้าว อุปัชฌาย์ต้องแบ่งให้ ถึงอุปัชฌาย์จะแบ่งให้ หาเองไม่ได้ ใจก็ไม่สบาย
    วันที่สอง ท่านอุปัชฌาย์บอกว่า "วานนี้เขาใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันนี้คุณเดินข้างหน้า ทุกคนใส่จะต้องถึงคุณ" แต่ความจริงพระอุปัชฌาย์เป็นพระอรหันต์ อย่างต่ำก็ต้องเป็นวิชชาสามหรืออภิญญาหกแน่ เพราะรู้เรื่องในใจดี รู้กฎของกรรมดี ท่านต้องการพิสูจน์ผลว่า คนไม่ให้ทานนั้นมันมีผลเป็นอย่างไร
    วันที่สอง ชาวบ้านว่า "วานนี้ใส่หน้าไม่ถึงหลังวันนี้รวมกันใส่จากหลังมาหาหน้า" พอจะถึงองค์หน้าข้าวหมดพอดี แต่ความจริงเขาตั้งใจจะให้ถึง แต่กฎของกรรมมันบันดาลให้ตักข้าวหมด
    วันที่สาม อุปัชฌาย์บอกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณยืนกลาง เขาใส่ทางไหนมันพอทั้งนั้น" เป็นอันว่าท่านยืนกลาง วันที่สาม ชาวบ้านบอกว่า "วันต้นใส่หน้าไม่ถึงหลัง วันที่สอง ใส่หลังไม่ถึงหน้า วันนี้เราแบ่งเป็นสองพวก ใส่จากข้างหน้ามาหนึ่งพวก ใส่จากข้างหลังมาหนึ่งพวก" เขาก็ทำตามนั้น ปรากฏว่าทั้งสองพวกพอจะถึงองค์กลางข้าวหมดพอดี
    วันที่สี่ พระอุปัชฌาย์บอกว่า "ยืนรองฉัน มันใส่แบบไหนถึงทั้งนั้น
    ในวันต่อมาเขาใสบาตรตามระเบียบ ใส่บาตรที่ ๑ เขาไม่เห็นบาตรที่ ๒ ไปใส่บาตรที่ ๓ พอวันต่อมาอุปัชฌาย์บอกว่า "คุณยืนรองฉัน" ท่านเอามือจับบาตรไว้ เขาจึงเห็นบาตรของท่าน
    นี่การให้ทานถ้าบารมีไม่เต็มจริงๆ ถ้าไปโดนเข้าแบบนี้เราจะถูกความหิวทรมานขนาดไหน แต่นั่นบังเอิญเป็นบารมีของท่านเต็มจะได้เป็นพระอรหันต์ ยังต้องถูกทรมานจิตใจแบบนั้น เห็นโทษเห็นทุกข์แห่งการเกิด อุปัชฌาย์แนะนำไม่นานนักท่านก็เป็นอรหันต์ เมื่อเป็นอรหันต์แล้วชาวบ้านก็เห็นบาตรเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว


    การให้ทานน่ะมีความสำคัญอย่างนี้นะ จงอย่าคิดว่าเราต้องการเฉพาะนิพพาน เราไม่ให้ทาน เราเอาเฉพาะศีลภาวนาอันนี้ไม่ได้ ท้องไม่อิ่มนี่ มันภาวนาไม่ไหว มันจะตายเอา ดีไม่ดีมันเป็นโจร
    การให้ทานของบรรดาท่านพุทธบริษัทเราจะต้องให้ ถ้าบุญบารมีของเรายังไม่เต็มเพียงใดเราก็เอาละ เราก็จะต้องใช้ต้องกิน แต่ถ้าบุญบารมีเต็ม เราก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ อย่างตัวอย่าง ท่านสีวลี


    ท่านพระสีวลีนี้ ชาติหนึ่งเป็นชาวป่า วันนั้นเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระพุทธกัสสปเทศน์ บอกว่า
    - คนใดให้ทานด้วยตนเอง เมื่อตายไปชาติหน้าจะมีโภคสมบัติมากแต่ไม่มีบริวารสมบัติ (ตามที่เล่ามาแล้ว)
    -
    บุคคลใดชักชวนบุคคลอื่น แต่ไม่ให้ทานเองจะมีพวกมาก แต่ว่ายากจน
    - ให้ทานเองด้วย ชวนบุคคลอื่นด้วย เกิดไปชาติหน้าเป็นคนรวยด้วย มีพวกมากด้วย
    - แล้วก็ไม่ให้ทานด้วยตนเองด้วย ไม่ชักชาวบ้านด้วยเกิดเป็นคนยากจนไม่มีคนคบหาสมาคม ขอทานก็ยาก


    ชาวบ้านจึงตั้งใจถวายทานกันอย่างหนัก มีทุกอย่าง แต่มันขาดน้ำผึ้งสด หาเท่าไรก็ไม่ได้ ตั้งคนไว้ที่ประตูเมือง ๔ ประตูให้เงินไว้ ๑,๐๐๐ กหาปณะ (เท่ากับ ๔,๐๐๐บาทสมัยนี้) บอกว่า "ถ้าใครเอาน้ำผึ้งสดมา นำรวงผึ้งสดมา จะซื้อจาก ๑ กหาปณะ ไปจนถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ"
    พอดีท่านสีวลีเป็นชาวป่า ท่านจะมาหาเพื่อนในเมือง ไม่มีอะไรติดมือมาก็เลยเอาผึ้งมารวงหนึ่ง พอพวกนั้นเห็นเข้าก็ขอซื้อตั้งแต่ ๑ กหาปณะ ถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ
    ท่านบอกว่า "ฉันจะเอาไปให้เพื่อน" ก็สงสัยว่าผึ้งรวงนี้จริงๆ ราคาไม่ถึง ๑ กหาปณะ แต่เจ้าคนนี้ให้มากๆ คงจะสติไม่ดีหรืออาจจะมีเหตุใดเหตุหนึ่งเกิดขึ้นมีความจำเป็น จึงถามว่า
    "ทำไมพวกท่านสติไม่ดีรึไอ้ผึ้งรวงหนึ่งราคาตั้ง ๑,๐๐๐ กหาปณะ ใครเขาซื้อเขาขายกัน ราคามันไม่ถึง ๑ กหาปณะ"
    เขาก็บอกว่า
    "พวกเราจะทำบุญ แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีหมดมันขาดอยู่น้ำผึ้งสดอย่างเดียว เราต้องการมีทุกอย่าง"
    ท่านก็บอกว่า
    "ถ้าซื้อไม่ขาย แต่จะเอาไปให้เพื่อน แต่ว่าท่านจะให้ฉันร่วมบุญด้วย ฉันให้"

    ท่านสีวลีก็ให้เป็นการปิดรายการครบถ้วนพอดี เขาขาดอย่างนั้นท่านปิดพอดี มันก็ปิดให้เต็ม
    หลังจากชาตินั้นมาแล้ว ท่านมาพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเกิดในชาตินี้ มาเกิดในชาติหลัง นี่เขาบอกว่า ท่านพระสีวลีไม่เคยมีโรคเลย โรคภัยไข้เจ็บไม่เคยมี เป็นพระที่มีลาภจริงๆ จะไปไหนก็ตาม คนก็ดีเทวดาก็ดีปรารภพระสีวลี ถ้าพระสีวลีไปด้วยไม่มีคำว่าอด จะมีความอุดมสมบูรณ์ แม้แต่เดินเข้าไปในป่าที่ไม่มีบ้าน


    ในสมัยที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารจะเข้าไปเยี่ยม พระเรวัตในป่าไม้สะแก ที่ว่าเป็นน้องพระสารีบุตร อายุ ๗ ปี เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เวลาเดินเข้าไป ตอนจะไปเจอะถึงทาง ๒ แพร่ง พระพุทธเจ้าจึงได้ถามพระอานนท์ว่า "อานนท์ทางไปหาพระเรวัตไปทางไหน" ความจริงท่านทราบ
    พระอานนท์บอกว่า "ถ้าไปทางอ้อมทางนี้เดินทาง ๖๐ โยชน์ มีบ้านบิณฑบาตตลอด ทางนี้เป็นทางตรงเดินไป ๓๐ โยชน์ ไม่มีบ้านใส่บาตร
    สมเด็จพระบรมโลกนาถจึงตรัสถามว่า "สีวลีมาหรือเปล่า" แต่ความจริงท่านรู้ว่ามา แต่ต้องการจะประกาศความดี
    พระอานนท์ก็กราบทูลว่า "มาพระพุทธเจ้าข้า"
    "ถ้าสีวลีมาตถาคตจะไปทางตรง"
    พอพระพุทธเจ้าตัดสินใจว่าจะไปทางตรง บรรดารุกขเทวดาและอากาศเทวดาทั้งหลายต่างคนต่างปรารภว่า เวลานี้ หลวงพ่อสีวลี ของเรามา ความจริงพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตรก็ไป พระพุทธเจ้าเสด็จด้วย แต่เทวดาไม่ได้ปรารภถึงเลย ปรารภเฉพาะท่านพระสีวลี จึงเนรมิตเรือนแก้ว กุฏิเป็นที่พัก วัดเป็นที่พัก สำหรับพระ ๕๐๐ รูป เป็นเรือนแก้วไว้แต่ละโยชน์ ๑ โยชน์ มี๑ วัด สร้าง ๓๐ วัด เป็น ๓๐ โยชน์
    เมื่อพระพุทธเจ้าไปถึงวัดต่างๆ เขาก็แสดงตนเป็นคนธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านรู้ นิมนต์พักวัดท่านก็พัก ตอนเช้าท่านนำอาหารการบริโภคเนรมิตจากจิตใจของเทวดาไม่ต้องหุง ถวายพระอิ่มหนำสำราญ แต่การที่เขามาถวายน่ะเขาปรารภพระสีวลีว่า "เราจะนำอาหารไปถวายหลวงพ่อสีวลีของเรา" เป็นอย่างนี้จนกระทั่งถึงสำนักของพระเรวัต


    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณร และญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพระสีวลีให้ทานด้วยรวงผึ้งรังเดียวปิดรายการแต่ชาติหลังท่านมีความอุดมสมบูรณ์ คนที่มีความอุดมสมบูรณ์จะปฏิบัติธรรมมันก็ดี ทำอะไรก็ดีทุกอย่าง มีการคล่องตัว รวมความว่ามีความปรารถนาสมหวัง แม้แต่จิตใจคนบางประเภทก็ซื้อได้ แต่บางประเภทเราก็ซื้อใจไม่ได้นะเงินน่ะ แต่บางประเภทเวลานี้ก็ ฟุ่มเฟือยมาก การซื้อก็ซื้อด้วยเงินสะดวกอันนี้มีประโยชน์มาก
    ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัทหรือเพื่อนภิกษุสามเณรจงสนใจในการให้ทานให้มาก เพราะว่าการให้ทานนี่ไม่ใช่จะหวังเฉพาะการร่ำรวยอย่างเดียว การให้ทานเป็นปัจจัยของความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า


    การให้ทานนี่ขอพูดถึงอานิสงส์ของการให้ทานสักนิดหนึ่ง คืออานิสงส์ขอทานในชาติปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดๆ จริงๆ นั่นก็คือว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของบุคคลผู้รับ คือว่าคนผู้ให้มีโอกาสชื่นใจว่า เราได้ให้ทาน แต่ว่าบางคนนะ บางพวก จอมอกตัญญูไม่รู้คุณคนนี่เยอะเหมือนกันนะ อย่าลืมว่าผมโดนมาแล้ว โดนมาตลอดชีวิต ให้แล้วมันก็กัด แต่ผมก็ไม่ได้ผูกใจเจ็บ ผมถือว่าเป็นความชั่วของเขา ผมไม่ยอมชั่วด้วย ไอ้ผมนั่นก็เลวอยู่แล้ว ถ้าจะไปโกรธเขาเข้า มันจะเลวมากขึ้น มันจะแบกไม่ไหว เอาแค่ความเลวที่มีอยู่มันก็เดินตุปัดตุเป๋ไปแล้ว เวลานี้ผมเดินตุปัดตุเป๋ไม่ตรงทาง หนักความชั่ว ความชั่วมีเยอะมหาศาลแต่ว่าพวกนั้นเขากลั่นเขาแกล้ง เขากินอิ่มเข้าไปแล้ว เขาคิดจะฆ่าผม คิดจะไล่ผม เขาชุมนุมกันเยอะแยะ เวลาที่พูดอยู่นี่ก็ยังมีร้องเรียนไปที่ไหนๆ ไปลงหนังสือพิมพ์ ด่าบ้าง ฟ้องไปทุกระดับ จนกระทั่งสำนักนายก เขาหาว่าคนของผมโหดร้าย แต่ผมไม่เคยแตะต้องอะไรเขาเลย แต่พวกนี้เป็นอย่างไร ได้ประโยชน์จากผมหมายความว่าคนจะมาหาเขา เขาจะร่ำรวย เขานึกว่าผมรวยก่อสร้างต่างๆ นานา ญาติโยมท่านให้สร้าง ญาติโยมท่านให้เก็บ แต่จริงๆ การก่อสร้างนี่เหน็ดเหนื่อยหนักใจหนักกาย แต่เพื่อความดีของญาติโยมผมไม่เหนื่อย ไม่หนัก ผมปลื้มใจ เพราะญาติโยมทำความดี ทุกคนเขาจะพ้นทุกข์กัน ฉะนั้นเราจะกักให้เขาให้อยู่ในแดนความทุกข์ยังไง ต้องสนองสนับสนุนตามที่พระพุทธเจ้าสนับสนุนแบบไหนเราทำกันแบบนั้น

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทุกท่าน ต้องจำไว้ว่าการให้ทานน่ะ มันก็มีการสะดุดแบบนี้ แต่เราจงอย่าคิด คิดอย่างเดียวว่าจิตใจของเราเป็นสุข สุขเพราะการเกื้อกูลแก่เพื่อนในเมื่อเราให้เขา ถ้ามีคนรัก ไอ้คนรักเรามากๆ ก็มีไม่ใช่เลว คนเลวมันน้อยกว่าคนดี ให้ทานแก่บุคคลที่รู้คุณคนนี่มี แต่เราอย่าไปคิด คิดอย่างเดียว ให้ทานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ เรามีน้อยเราให้น้อย เรามีมากเราให้มาก ให้พอควร อย่าให้เกินพอดี อย่าให้เบียดเบียนตนเอง อย่าให้ถึงกับตัวมีความทุกข์ ผลแห่งการให้ทานจริงๆ มันก็มีประโยชน์ใหญ่ ไปที่ไหนมีแต่คนรู้จัก ความจริงเราไม่รู้จัก จำเขาไม่ได้หรอก จำเขาไม่ได้จริงๆ อย่างพวกท่านก็เคยไปกับผม ไปถึงญาติโยมก็มาหากัน ไปถึงก็หลวงพ่อหลวงปู่ หลวงน้า ผมก็มองหน้า ผมจำไม่ได้แต่ว่าท่านมาด้วยความดี ผมก็ปลื้มใจ ผมก็ดีใจ บางคราวท่านมากันมาก ในบางแห่งจนกระทั่งผมฉันข้าวไม่ได้ ฉันข้าวไม่ได้ไม่ใช่ญาติโยมจะมากวนใจผมหรอก ผมปลื้มใจในความดีของญาติโยม

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย การให้ทานน่ะชาติปัจจุบันเราก็มีความสุขมาก ทั้งนี้เพราะอะไร มีคนเขาสนใจเรามาก ประคับประคองเรามาก ป้องกันอันตราย แต่อันตรายถ้ามันจะเกิดจาก กฎของกรรมก็อย่าไปโทษว่าทานไม่ช่วยนะ คิดไว้เสมอว่า กรรมที่เราทำไว้ในชาติก่อนมันตามมาเล่นงานเรายังไงก็ช่างมัน ชาตินี้ทำหนีมันไปให้ได้ อันดับแรกเอาทานบารมีเข้าชนกับมันก่อน เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เราพอมีความสุข คนที่เขาดีมีความกตัญญูรู้คุณ เขาก็ให้การประคบประหงมเรา ให้ความสนิทสนมกับเรา เป็นที่รักของเรา เราก็ชื่นใจใน


    ความสุข เว้นไว้แต่คนจังไรที่มีความอกตัญญูไม่รู้คุณ เขามีความทุกข์ ปล่อยให้เขาทุกข์ไปฝ่ายเดียว เราอย่าทุกข์กับเขา ถ้ากำลังใจของเราอย่างนี้ก็ถือว่า เป็นทานที่มีกำลังยิ่งใหญ่ ชาตินี้มีความสุข ชาติหน้าจะยิ่งสุขยิ่งไปกว่านี้ ถ้าบังเอิญบารมีของเรายังไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ ก็อาจจะไปตกในชาติหน้าอย่างท่าน มณฑกเศรษฐี กับคณะก็ได้

    จากหนังสือ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี


    __________________
    ที่มา

    http://palungjit.org/newreply....reply&t=155104
     
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ขอเชิญร่วมสร้างผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม วัดเขาแร่ จังหวัดสุโขทัย




    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]


    ขอเชิญร่วมสร้างผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐมวัดเขาแร่ จังหวัดสุโขทัย ยาว 4 เมตร คูณ ครึ่งเมตร
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    โดยครั้งนี้ที่เราจะสร้างผ้าคริตตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม 4 ศอก วัดเขาแร่ จ.สุโขทัย ซึ่งสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดทอง ซึ่งถ้าปิดทองเสร็จก็จะนำผ้าคริสตัลไปห่มสมเด็จองค์ปฐม โดยจะนำผ้าคริสตัลที่เราจะสร้างในครั้งนี้ซึ่งมีความยาวกว่า <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>4 เมตร กว้างครึ่งเมตร ไปถวาย<O:p</O:p
    ซึ่งทางเราได้จัดทำไปแล้วเล็กน้อย เพื่อตัวอย่างให้ผู้ศรัทธา ร่วมทำบุญถวายผ้าคริสตัล สมเด็จองค์ปฐมได้ประดิษฐานใน เรือพระราชพรหมยานนิพานนาวา

    [​IMG]
    ซึ่งทางวัดได้สร้างมีความสวย และงดงามเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้ามีโอกาสเมื่อผ้าคริสตัลสร้างเสร็จก็ขอเชิญไปห่มผ้าสมเด็จองค์ปฐมด้วยกัน...นะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะถวายผ้าคริสตัลแด่สมเด็จองค์ปฐมเป็นบุญพิเศษอีกครั้งหนึ่งในชีวิตการเป็นมนุษย์ของเราทุกท่าน
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งคริสตัล1เม็ดมีมูลค่า 1.30 สตางค์ จะร่วมกี่เม็ดก็ได้ตามศรัทธาจะถวายมากก็ได้จะถวายน้อยก็ได้ ขอให้ให้ทุกท่านมีปรารถนาที่จะรวมทำบุญและมีความสุขที่ได้ให้ทานไว้แก่พระพุทธศาสนา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เพื่ออนิสงส์และปัจจัยเพื่อให้เข้าสู่นิพพานในชาติปัจจุบัน และ ความสุขในภายภาคหน้า ตราบเท้าเข้าสู่พระนิพพาน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ร่วมบริจาคสร้างผ้าห่มคริสตัลได้ที่<O:p</O:p
    หรือ ชื่อบัญชี นาย บูรพาทิศ พูลสวัสดิ์ <O:p</O:p
    สาขาย่อย วิภาวดีรังสิต (จักพงษภูวนาถ)<O:p</O:p
    เลขบุญชี 163-216115-5 ธนาคารไทยพาณิชย์

    ลายต้นแบบครับที่เราจัดทำไปแล้วเล็กน้อย
    [​IMG]


    สอนร้อยคริสตัส สามารถนำมาต่อกันได้น่ะครับ ทำเป็นเส้นยาวๆๆ แล้วส่งมาให้ได้น่ะครับ ชวนทำถวายพระพุทธเจ้ากัน ตามความสามารถ ผืนนี้ใหญ่และยาวมาก เป็นโอกาสยากที่จะทำบ่อยๆ หรืออาจจะไม่มีอีกแล้วก็ได้ล่ะ หุหุหุหุ

    อุปกรณ์เราใช้ เอ็นเบอร์ 30 ใช้คริสตัส สีขาวใส

    ขั้นตอนที่ 1
    เปลี่ยนจาก จาก 5 เม็ด เป็น 6 เม็ด แล้วสอดเอ็นไขว้กัน ตามรูป
    [​IMG]
    ขั้นตอนที่ 2

    ใส่อีก 5 เม็ด แล้วสอดเอ็นไขว้กัน ทำไปเรื่อยๆ จะทำกี่เส้นก็ได้ เดี่ยวจะนำมาต่อกัน

    [​IMG]

    เสร็จแล้วส่งมาได้ที่
    บูรพาทิศ พูลสวัสดิ์
    3524 หมู่ 6 ซอยแบริ่ง 6/1 ถนนสุขุมวิท
    ตำบลสำโรงเหนือ อ.เมือง
    สมุทรปราการ 10270

    โมทนาบุญด้วยครับ


    ภาพตัวอย่างครับ

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หากท่านใดมีประสงค์จะรวมปิดทององค์สมเด็จองค์ปฐมก็สามารถบริจาคได้น่ะครับ <O:p</O:p
    สามารถสั่งจ่ายได้ทาง<O:p</O:p
    -ส่งธนาณัติ สั่งจ่าย พระปรินทร์ ธัมมสรโณ ตู้ปณ. 2 ปณจ.ทุ่งเสลี่ยม
    ต.ทุ่งเสลี่ยม อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย 64150<O:p</O:p
    หรือ ชื่อบัญชี นาย บูรพาทิศ พูลสวัสดิ์ <O:p</O:p
    สาขาย่อย วิภาวดีรังสิต (จักพงษภูวนาถ)<O:p</O:p
    เลขบุญชี 163-216115-5 ธนาคารไทยพาณิชย์ (โดยจะต้องส่งเมลมาที่ teporrarit@hotmail.com โดยวงเล็บมาด้วยเพื่อจะได้แยกเงินส่วนคริสตัลกับปิดทอง ได้ถูกน่ะครับ ไม่อยากให้เสียค่าทำเนียมหลายครั้งนะครับ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ท่านเจ้าอาวาส หลวงพี่เอก ร่วมทำบุญผ้าห่มคริสตัล 500 บาท<O:p</O:p
    และญาติโยม ร่วมทำบุญ 645.50สตางค์<O:p</O:p

    โมทนาด้วยครับ


    ภาพผ้าคริสตัลกฐินที่วัดท่าซุงปีจำ2551 ในนามเว็ปพลังจิต ซึ่งถวายไปแล้ว
    http://palungjit.org/showthread.php?t=135219

    [​IMG]

    [​IMG]

    รอยพระพุทธบาทในเรือพระราชพรหมยานนิพพานนาวา

    [​IMG]


    <O:p</O:p
    <!-- / message --><!-- attachments -->



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]




    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --><!-- sig -->__________________
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2008
  3. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    อนิสงส์การสร้างองค์ปฐม

    หลวงพ่อ :
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2008
  4. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    จูเฬกสาฎก



    จูเฬกสาท่านมีความยากจนมาก อยู่ด้วยกันสองคนตายาย มีผ้านุ่งกันละผืน แต่ผ้ามันห่มผืนเดียวกัน เวลาผัวออกจากบ้านเมียก็ไปไหนไม่ได้ เพราะว่าผ้ามันผืนเดียวดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องแย่งกันออกจากบ้าน บ้านจะได้มีคนเฝ้า เมื่อทราบว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้งแรกจะไปเทศน์ในเวลากลางคืน
    ภรรยาก็บอกว่า ฉันจะไปฟังในเวลากลางวัน กลางคืนน่ะขี้เกียจไป ไม่ค่อยเห็นอะไร กลัวผีด้วย แกกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่รู้
    เป็นอันว่าตอนกลางคืนท่านจูฬกสาฎกก็ไปฟังเทศน์ เมื่อเวลาฟังเทศน์ตอนหัวคำมันเกิดศรัทธาขึ้นมา อยากถวายผ้าผืนเดียวที่มีอยู่แกพระพุทธเจ้า ทั้งผัวและเมียผืนเดียว ใช้สองคนแต่มัจฉริยะความตระหนี่...ก็ไม่ถูก เรียกว่าอาศัยความห่วงใยจะดีกว่าแต่พระบาลีบอกว่าเกิดความตระหนี่มันเกิด คิดว่าถวายแก่พระพุทธเจ้าเสีย พรุ่งนี้นี้ท่านยายที่อยู่ที่บ้านออกจากบ้านไม่ได้ ไม่มีโอกาสฟังธรรมจะแย่ เลยไม่ให้

    ยามที่ 4 ตัดใจได้


    <OFILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พระพุทธเจ้าก็สำคัญเหมือนกันใจเทศน์ไม่ยอมหยุดเทศน์ไปถึงยามที่สอง แกก็ตั้งท่าจะเปลื้องผ้าถวาย ไอ้จิตใจที่ห่วงท่านยายก็เกิดขึ้น เกรงว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีโอกาสมาฟังเทศน์ เอ้า..ยับยั้งไว้ พระพุทธเจ้าท่านยังไม่เลิกเทศน์ สำคัญเหมือนกัน เทศน์ต่อไปถึงยามที่สาม ตานี่แกคิดถวายอีก แต่ถวายไม่ได้เพราะเป็นห่วงยาย ถึงยามที่ 4 เวลาใกล้สว่างแกตัดสินใจ ยายเยยกูไม่ห่วงมันละ ไม่เอานานๆ จะพบพระ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma][SIZE=4]นี่ตั้งแต่เกิดมาจะเข้าโลงเข้าหลุมอยู่แล้วนี่ไม่เคยเห็นพระอะไรเทศน์ดีอย่านี้ แหม..พูดถึงอานิสงส์นี่ฟังแจ๋วเลย ชื่นอกชื่นใจไม่ได้ๆ ยายมันจะมีมาได้ฟังเทศน์หรือไม่ฟัง มีผ้าหรือไม่มีช่างหัวมัน ดีไม่ดีพรุ่งนี้กลับไปบ้านถ้ายายถามไม่มีผ้าจะห่มจะแก้ผ้าให้แกห่มมา เราอยู่บ้านไม่เป็นไร นุ่งลมห่มฟ้า นอนเสียในห้องมันก็ไม่อายใคร หมดเรื่อง[/SIZE][/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR]
    [COLOR=black][SIZE=4][COLOR=#ff9900][FONT=Tahoma]ตัดสินใจเพียงเท่านี้ ท่านตาจูฬกสาฎกเปลื้องผ้าไปถวายพระพุทธเจ้า อ้ายผ้าของแกมันก็มีพื้นเดียว สองคนร่วมกันใช้มันก็เก่าแสนเก่า วางไปที่เท้าพระพุทธเจ้า กลับถอยมามาเปล่ง วาจาชิตังเม ชิตังเม เอาเข้าแล้ว ลูกหลานรู้เรื่องไหม ไม่ใช่ชิแตงเม ชิแตงเมนะ ชิตังเม ชิตังเขาแปล ว่าชนะแล้ว เมเขาแปลว่าเรา [/FONT][/COLOR][COLOR=red][FONT=Tahoma]ชิตังเม ชิตังเม แปลว่า เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว[/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR]


    [COLOR=#ff6600][COLOR=darkorange][FONT=Tahoma][SIZE=4]พระเจ้าปเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า[/SIZE][/FONT][/COLOR]
    [FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แกร้องเสียหลง ประกาศก้องต่อหน้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยบรรดาพุทธบริษัท เวลานั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์พระบาทท้าวเธอนำกองทัพไปรบกับข้าศึกที่ยกมารุกรานพระนคร จอมบพิตรอดิศรขับไล่ข้าศึกไปแล้วกลับมา จึงเข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วในคืนนั้นด้วยความเคารพ ยังไม่เข้าวังก่อน เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระเสียงอีตาพราหมณ์ ชิตังเม ชิตังเม ประกาศว่าเราชนะแล้ว พระองค์ก็ทรงฟังแปลกพระทัย<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]จึงให้อำมาตย์ผู้ใหญ่เข้าไปถามว่า อีตาเฒ่านั่นแกมันชนะอะไรของแก นี่ท่านไปรบทัพจับศึกกลับมาแล้วยังไม่เข้าพระราชนิเวศน์เขตพระนคร จอมบพิตรอดิศรจึงได้บอกอำมาตย์ผู้ใหญ่ว่าไปถามอีตาขวัรนั้นซิว่า แกชนะอะไรของแกนะ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ท่านนายทหารอำมาตย์ผู้ใหญ่ เป็นนายทหารด้วย เป็นอำมาตย์ด้วย สมัยนั้นเขาใช้ทหารปกครองบ้านเมือง เวลารบเป็นทหารปกติเป็นข้าราชการพลเรือน เมื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าไปจึงถามว่า<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ลุง พระราชาทรงให้ถามว่าลุงน่ะชนะอะไร จึงกล่าวว่าออกไปว่า ชิตังเม ชิตังเม<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][SIZE=4][COLOR=black]แกก็เลยบอกว่า[/COLOR][/SIZE][/FONT]
    [COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma][SIZE=4]นี่ท่านฉันน่ะชนะ ชนะความตระหนี่ถี่เหนียวนา[/SIZE][/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR]
    [COLOR=black][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ฉันตั้งใจจะถวายผ้ากับองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่หัวค่ำ แต่ว่าเกรงใจยายที่บ้านแกมันจะมันจะไม่มีผ้าจะห่มนะซี เลยให้ไม่ได้ มาตอนสุดท้ายใกล้สว่างนี่ ก็เลยตัดสินใจเอาละ ยายแกจะมีหรือไม่มีก็ตามใจ ฉันถวาย ฉันจะเอาบุญเป็นทุนไปสวรรค์ พระพุทธเจ้ากล่าวอย่างนั้น ว่าคนให้ทานมีอานิสงส์มาก เกิดแล้วจะไม่มีความยากจนเข็ญใจทุกๆ ชาติจนกว่าจะเข้าพระนิพพาน ถ้าอยู่บนสวรรค์มีวิมานสวยอร่าม มีวิมานทอง วิมานอะไรก็ช่าง<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้หญิง คือนางฟ้าเยอะแยะอย่างขี้หมูขี้หมา 500 คน แต่คนใดได้บำเพ็ญกุศลกับองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาด้วยความเลื่อมใสจริงๆ ก็จะมีนางฟ้าที่เป็นผู้หญิงตั้งพันสองพัน หมื่นสองหมื่นคน โอ้โฮ..มันเก๋แบบนี้ ฉันเห็นท่ามันดีนี่ชาตินี่ฉันมีเมียคนเดียวเลี้ยงไม่ค่อยจะไหว ช่วยกัน ทำงานเกือบตายมันก็ไม่ค่อยจะพอกิน แต่ว่าองค์สมเด็จพระมุนินท์บอกว่าเป็นเทวดาไม่ต้องทำมาหากินหรอกสบายทุกอย่าง มีความสุขทุกอย่างเมียทุกคนไม่ทะเลาะกัน มีมากเท่าไรก็ได้<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]นั้น ! เอ..นี่บาลีเขาไม่ได้ว่าอย่างนี้นา ลูกหลานทั้งหลายคิดให้ดีนา นี่มันเลยบาลีไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจโกหกหรอก ว่าตามความรู้สึกของตัวเอง ความจริงเทวดาเขาอยู่อย่างนั้นจริงๆ เขาไม่หึงไม่หวงกันนะ เขาไม่มีรื่องยุ่ง เพราะความเป็นอยู่ทุกอย่างเป็นสุข บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ไม่หนาว ไม่ร้อน ไม่หิว ไม่กระหาย ไม่ป่วยไข้ไม่สบาย ร่างกายไม่ทรุดโทรม แล้วก็ร่างกายทรงแต่ความสวยงาม มีความสุขทุกอย่าง จะไปไหนไม่ต้องต้องใช้รถไม่ต้องใช่เรื่อ เหาะไป นึกปั๊บถึงปุ๊บ สบายใจ นี่เมืองเทวดาเป็นยังงั้น<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แกก็เลยบอกว่า เมื่อองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านพูดอย่างนี้นี่ ฉันเป็นเชื่อพระพุทธเจ้า ฉันก็เชื่อน่ะซิ เมื่อเชื่อแล้วที่ฉันถวายตอนหัวค่ำไม่ได้ เพราะว่าจนใจอียายเฒ่ามันอยู่ที่บ้านบอกว่ามาฟังเทศน์ตอนกลางวัน ทีนี้ไอ้ฉันมาฟังตอนกลางคืนก็เกรงว่าไปตอนกลางวันเขามาจะไม่มีผ้าห่ม คิดไปคิดมา คิดมาแล้วตั้งแต่หัวค่ำ จนกระทั่งใกล้สว่างจึงตัดสินใจได้ว่า ยายจะมีผ้าหรือไม่ก็ช่าง เราจะถวายผ้าผืนนี้แก่พระพุทธเจ้า ถ้ากลางวันยายอยากมาฟังเทศน์ ก็จะแก้ผ้าที่นุ่งนี่แหละให้ยายห่มมา<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เรื่องนี้เลยบาลีไปหน่อย เพราะบาลีไม่ได้พูดอย่างนี้ไม่พูดถึงตอนแก้ผ้า นึกเอาเอง แต่ความจริงมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น และตัวเองได้ฟังเทศน์ชื่นใจแล้ว แต่ก็มีความห่วงใยยาย ถ้าไม่คิดตามนี้แล้วก็ให้ไม่ได้ ตัดสินใจไม่ได้<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แกคงคิดตามลิงนะ เอ้อ..ลูกหลานอ่านแล้วเข้าใจด้วยนะว่าปู่ย่าตายายหลานน่ะเป็นลิง ปกติไม่ได้นุ่งผ้า ไอ้เรื่องแก้ผ้ารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาๆ เราได้โชว์เชพโชว์สัดส่วนต่างๆ รู้กันชัดว่าใครเป็นยังไงๆ เลือกได้ตามอัชฌาสัย ไม่ต้องนั่งสงสัยเสียใจในวันหลังเพราะสิ่งที่เราต้องการนั้นไม่เป็นไปตามประสงค์ไม่เป็นที่พอใจ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]




    [FONT=Tahoma][SIZE=4][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]พระเจ้าปเสนทิโกศลประทานผ้าสาฎก [/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]2 ผืน[/FONT][/COLOR][/SIZE]

    [FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เมื่อตาจูเฬกสาฎกพราหมณ์น่ะแกพุดอย่างนี้ เทื่อท่านอำมาตย์ผู้ใหญ่มีความเข้าใจ จึงได้ไปการบทูลพระเจ้าเสนทิโกศลบรมกษัตริย์ เมื่อพระบาทท้าวเธอทรงทราบก็ปลาบปลื้มใจ บอกเอ้อ..พราหมณ์นี้จนขนาดนี้เชียวนะยังทำบุญได้ ผ้าผืนเดียวสองคนผัวเมียแบ่งกันใช้ ผลัดกันใช้คนละเวลา เขายังกล้าตัดสินใจได้ ก็นี่เราเป็นพระราชา นี่มันเรื่องเล็ก<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ไอ้เรื่องผ้าห่มท่อสไบถ้ามันเกินวิสัยให้ได้ตามอัธยาสัยถ้าไม่มีก็ให้ไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าเกิดมีความเสื่อมใสในพราหมณ์เป็นกรณีพิเศษที่มีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ จึงได้บอกให้อำมาตย์ผู้นั้นไป ไปในวังฉัน ไปบอกพระนางมัลลิกาเทวี ฉันต้องการผ้าที่ใช้เองอย่างดีที่สุดผ้าสาฎก ผ้าสาฎกอย่างดีที่สุดที่ฉันใช้สองผืน ไปเร็วๆ ไปให้ฉันทันใจ ฉันเป็นคนใจเร็ว<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]นี่ความจริงพระเจ้าปเสนทิโกสนท่านเปก็นคนใจเร็วรึเปล่าก็ไม่รุ้ ไอ้คนเล่านี่มันลิง ลิงนี่มันใจเร็ว ไอ้หมอนั้นก็วิ่งตื๋อ วิ่งหรือ ไม่วิ่งก็ช่าง พระราชาบอกเร็วก็วิ่งส่ง<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เออ..พ่อหนูลูกหลานทั้งหลาย ฟังแล้วก็จำ ถ้าผู้ใหญ่สั่งให้วิ่งเร็ว วิ่งตะบันเลย ทำให้ทันใจผู้ใหญ่ เรียกว่าทำงานดีด้วยถูกระเบียบและก็ถูกใจผู้ใหญ่ด้วย ลูกหลานทั้งหลายไม่ต้องห่วงว่างานของเรามันจะเลวจะด้วย มีความดีน้อยกว่าบุคคลอื่น ไม่ต้องกลัว ทำงานให้มันดีด้วย ทันใจด้วย และถูกใจผู้ใหญ่ด้วยรับนองปริญญา 3 ประการนี้ครบถ้วนเมื่อไร ลูกหลานเอ๋ย..ความรุ่งเรืองมันเกิดในชาติปัจจุบันและสัมปรายภาพ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แต่ระวังให้ดีนะ อย่าไปตามใจผู้ใหญ่ที่มีสันดานแป็นเปรตเข้า แต่ถ้าหากเราพอใจนิสัยเปรตก็ไม่เป็นไร เวลาตายเราก็เป็นเปรตได้เหมือนกัน ถ้าตามใจผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านเป็นสัตว์นรก เราเองก็ตายไปก็เป็นสัตว์นรกเหมือนกับอย่างท่าน<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ถ้าตามใจท่านที่เป็นเทวดา ทำถูกใจท่าน เวลาเราตายเราก็เป็นเทวดาได้ หากว่า ตามใจท่านที่เป็นพรหม เวลาเราตายเราก็เป็นพรหมได้ ถ้าตามใจท่านที่ไปนิพพาน คือเป็นพระอริยเจ้าพอใจปฏิปทาของท่าน อย่างลุกหลานที่เดินทางไปนิพพาน คือเป็นพระอริยเจ้าพอใจในปฏิปทาของท่าน อย่างที่ลูกหลานทั้งหลายที่เดินทางไปด้วยกันอย่างนี้เราก็ไปนิพพานได้ จะว่าเป็นพระพุทธเจ้า ขืนไปแย่งกันคราวเดียวหลายองค์ ได้ฟัดปากแตกไปเท่านั้น พระพุทธเจ้าคราวเดียวมีได้หนึ่งองค์ เพราะเป็นอัจฉริยมนุษย์ คือว่าเป็นบุคคลผู้อัศจรรย์<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เมื่อท่านอำมาตย์ได้ไปถึงพระราชฐานได้ผ้ามา 2 ผืน พระราชาก็เลยบอกว่า เอาไปให้อีตาพราหมณ์นั้น เอาให้แกแล้ว ไอ้ศรัทธาแกเต็มอยู่แล้ว แหม..ไอ้ผ้าสาฎกนี่เขาใช้กับพระราชากับมหาเศรษฐี ผ้าอย่างนี้ผืนหนึ่งมันตั้งหลายสิบแสนกหาปณะ เงินไทยเวลานี้นี้เกือบพันล้านแล้ว นี่ผ้าหนึ่งผืนนะ คิดราคาทองคำสมัยนี้ ผืนหนึ่ง 30ล้าน ก็ซื้อไม่ได้ ให้ตั้ง 2 ผืนดีใจใหญ่<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แต่ว่าเปล่าท่านผู้อ่านและลูกหลานที่รัก ตาพราหมณ์แกดีใจไม่คิดว่าแกจะไปใช้เองหรอก แกนึกว่าผ้าของเราที่ถวายพระพุทธเจ้าน่ะมันจะเก่าเกินไป มันไม่เต็มกับความประสงค์ของเรานี่ เราได้ผ้าใหม่ ผ้าราคาเป็นแสนๆ กหาปณะ ดีมาก ย่องเข้าไปถวายองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคหมดทั้ง 2 ผืน นั้น ! พระราชาปเสนทิโกสนมองตาป๋อเลย อีคราวนี้นึก<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][SIZE=4][FONT=Tahoma][COLOR=black]เอ๊ะ ! อีตานี่แกมันยังไงของมันละหว่า ไอ้นี่ผ้าแกก็เก่า ผ้าห่มก็ไม่มี ผ้านุ่งก็เก่าเต็มที เราให้คิดว่าจะเป็นผ้าห่มผืนหนึ่ง ผ้านุ่งผืนหนึ่ง หรือดีไม่ดีแกก็แบ่งไปเป็นผ้าห่มคนผืนกับยาย นี่ ย่องเข้าถวายองค์สมเด็จพระจอมไตรนี่ เอ๊ะ...นี่มันยังไงกันนี้ อีตาหมดนี่ [/COLOR][/FONT][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]ราคามันแค่เรา[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma] ซะแล้ว[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=black][SIZE=4][FONT=Tahoma][COLOR=black]คำว่า [/COLOR][/FONT][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]แค่เรา[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma] เป็นอย่างไร เพราะว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลพระองค์มีความเคารพพระพุทธเจ้าเป็นกรณีพิเศษ ถ้าหากว่าขณะใดที่องค์สมเด็จพระโลกเชษฐ์อยู่ใกล้ [/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]จะไปไหนต้องลาก่อน จะมาจากทัพก็ต้องมานมัสการก่อน ยังไม่เข้าเมืองก่อน หรือว่าถ้าผ่านไปก็ต้องเข้ามาลา จะกลับมาต้องเข้ามาไหว้[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma] นี่แบบนี้จำไว้ถ้าผ่านไปต้องเข้ามาลา จะกลับต้องเข้ามาไหว้ นี่แบบนี้จำไว้นะลูกหลานที่รัก คือว่าเขาเรียนว่า [/FONT][/COLOR][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]ไปลา มาไหว้[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma] นี่เป็นความดี ถ้าหากว่าเรายังทำกันอยู่เวลานี้มันก็ยังดี อย่าคิดว่าดีเสียแล้ว ความดีที่องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงสั่งสอนไว้อย่าลบล้างเสียนะลูกหลานที่รัก แล้วต่อไปจะรู้เอง[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=black][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เมื่อพระราชาเห็นอีตาพราหมณ์คนนั้นศรัทธา จึงอำมาตย์กลับไปใหม่ บอกไปเอามาอีก 4 ผืน พอให้แก แกก็ดีใจใหญ่ เอาไปถวายพระพุทธเจ้าเสียอีก 4 ผืน เอามาอีก 8 ผืน แกก็ถวายหมด ไปเอามา 16 ผืน แก่ก็ถวายหมด เอามาอีก 32 ผืน แกก็ถวายหมด แล้วกัน ก็เลยมานั่งคิดว่า ถ้าให้แต่ผ้าน่ากลัวอีตาพราหมณ์นี่ไม่ได้นุ่ง พ่อถวายหมด เพราะศรัทธามันล้น ความดีอย่าล้น พระราชาจึงบอกเอาใหม่ บอกว่า ไม่ได้แล้ว ขืนให้ตาแก่นี่น่ากลัวจะไม่ได้ใช้ผ้า ดีไม่ดีประเดี๋ยวเหอะแกจะลุกกลับ พ่อแก้ผ้าพระพุทธเจ้าเสียอีกพ่อก็จะเกิดนุ่งลมห่มฟ้า<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][SIZE=4][FONT=Tahoma][COLOR=black]นี่[/COLOR][/FONT][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]คนที่มีศรัทธาเป็นอย่างนั้น เพราะมองเห็นความดีข้างหน้าว่าตายแล้วมันเอาอะไรไปไม่ได้ นี่เราของที่ดีน้อยไปแลกของที่ดีมาก คือว่าผ้าเก่าหรือผ้าใหม่ก็ตามที่มีสภาพผุพังไปแลกกับผ้าทิพย์วิมารทิพย์ ความเป็นอยู่อย่างทิพย์ คือเป็นเทวดาหรือ พรหม นี่โดยนิยม พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รู้จักทำ แต่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ให้ใช้จ่ายหมดตัว [/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=black][SIZE=4][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]ให้รู้จักการ ให้แค่พอดี ไม่เบียดเบียนตัวเกินไป[/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma] ตานี้ถ้าพราหมณ์ที่แกให้ตอนต้นมันเบียดเบียนเหมือนกัน แต่ถ้ามันมากให้ผ้า [/FONT][/COLOR][COLOR=black][FONT=Tahoma]1 ผืน ตานี้ผ้าที่พระราชาให้มากกว่า 1 ผืน ผ้าที่พระราชาให้มาเท่าไรก็ตาม ที่มันเป็นที่เกินวิสัยแกจะหาได้ ไม่ใช่เบียนแก แกได้มากรณีพิเศษ จึงได้มอบถวายองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ สบาย อย่างนี้สบายองค์<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR][/SIZE]
    [COLOR=black][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/FONT][/COLOR]




    [COLOR=black][COLOR=#ff6600][FONT=Tahoma][SIZE=4]ผลของทานส่งผลทันที[/SIZE][/FONT][/COLOR]

    [FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พระราชาคิดว่า เอ...ที่ให้ผ้าไม่เป็นเรื่องซะแล้วซี ก็ดีโมทนากับแก นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลิกเป็นคนจนเสียทีนะ พราหมณ์ก็ตกใจว่า ข้าพระพุทธเจ้าเลิกไม่ได้พระพุทธเจ้าค่ะ เพราะข้าวไม่ค่อยจะมีกินอยู่แล้ว แล้วเวลานี้ผ้าก็มีอยู่ผืนเดียว ผ้าห่มก็ไม่มี อีตอนเช้ากลางวันนี้ยายจะมาฟังเทศน์แต่จะมาเมื่อรีก็ไม่ทราบ แต่ข้าพระพุทธเจ้าคิดแล้วว่าจะแก้ผ้าให้แกห่มมา<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พระราชาก็บอกว่า ไม่ต้องๆ ฉันจะช่วยให้เลิกจนต่อแต่นี้ไป มาอยู่ตรงโน้นนะ เนื้อที่ฉันมีอยู่ ffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[IMG]http://palungjit.org/ /><st1:metricconverter alt=</st1:metricconverter>1000 ไร่ ฉันให้แก แล้วให้ วัว 100 ตัว ควาย 100 ให้คนสำหรับทำงานเป็นผู้หญิง 100 คน ผู้ชาย 100 คน ไอ้วัวควายไม่เป็นไร ตานี้อีตอนให้คนแกบอกว่า ไม่ได้พระเจ้าข้า ไม่มีข้าวให้กินแน่<OFILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พระองค์ก็บอก ไม่ต้องห่วง ไอ้เรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของฉัน เงินทองฉันให้เต็มที่ ข้าวปลาอาหาร ผ้าผ่อนท่อสไบให้ครบเธอไม่ต้องห่วง แล้วต่อแต่นี้ไปฉันให้บ้านอีก 100 หลังคาเรือน พวกนี้เขาเสียอากรแก่แผ่นเดินเท่าไรก็ตาม ฉันสั่งเจ้าหน้าที่ว่าเก็บส่วยจากพวกนี้ไปได้แล้วเก็บภาษีแล้วไม่ต้องส่งฉัน ส่งให้แก่พราหมณ์จะเอาไว้ใช้สอย แล้วพระองค์ก็ทรงพระราชทานบ้านช่อง บ้านทั้งบ้านนะ ไอ้บ้านก็ต้องมีช่อง ไม่มีช่องมันเข้าไม่ไดหรอก แม้แต่บ้านตามแถวเมืองกำแพงเพชร สุโขทัยอะไร จังหวัดตาก นี่เขาทำไว้ขาย ตีฝาไว้ทึบๆ ไม้หนาๆ ยังต้องทำช่องเล็กๆ สำหรับเข้า นี่เข้าหลอกตาเจ้าหน้าที่น่ะ ความจริงเจ้าหน้าที่ไม่ใช่จะไม่รู้ เขารู้แต่เขาขี้เกียจจับ ก็ดีเหมือนกันจะได้มีทางทำมาหากิน ให้บ้านช่องห้องหอ เงินทอง ข้าวปลา ข้าทาสชายหญิงเสร็จ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]ตามที่กล่าวมาเป็นอันว่าอีตาพราหมณ์จูเฬกสากฎ นี่<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]เเรกแกอีตาพราหมณ์นี่ นี่แกเป็นพระอรหันต์แล้วยังนี่ พ่อจะมาล่อหัวเข้าน่ะนะ ดีไม่ดีจะทำเป็นองค์ตื้อ (หลวงพ่อปู่ตื้อ) อีตอนไปหาหลวงปู่แหวนน่ะเป็นผีแล้วยังอาละวาดอีก เอ้า..จริงๆ ไอ้ทีว่าจริงๆ เพราะว่าแกล่อเราสบาย หลวงพ่อปานเคยบอกว่าเอ้อ... ไอ้ลูกหลานเองน่ะ เอ็งจะอวดว่าเอ็งเก่งกว่าผีอีก จะอวดดีกว่าพระนะ นี่หลวงลุงตื้อนี่เป็นผีเป็นทั้งพระ เป็นผีพระซะด้วย พ่อ ได้ 2 ทางเลย<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พอหลวงพ่อแหวนเชิญพระอรหันต์ทั้งหลายเท่านั้นน่ะ ปั๊บเข้าข้างหลัง เข้าแล้วกำปั้นเลย ว่าไอ้นี่มันมานั่งอยู่ทำไมของมันนี่ไอ้ตัวไปทีหลังไปว่าคนชาวบ้านที่เขาไปก่อนนี่มันไม่ถูก ถูกหรือไม่ถูกท่านก็ล่อเข้าแล้ว สู้ท่านไม่ได้ เอ๊ะ ! เรื่องมันไปถึงไหนแล้วนะ เดี๋ยวๆ ยังไม่จบหรอก เลอะเทอะไปยังงี๋เดี๋ยวไม่จบหรอก<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]พราหมณ์นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขอเล่าลัดๆ เลยหมดเรื่อง เรื่องจนไม่มีกัน มันจะขาดแคลนเท่าไรพระราชาเอื้อเฟื้อ ต่อมาเมื่อพราหมณ์กลับไปแล้ว ด้วยอานิสงส์ปัจจุบัน บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฟังเทศน์องค์สมเด็จพระทรงธรรม์แล้วติดตามไปด้วย เวลาที่พระพุทธเจ้าพักเทศน์ วันนั้นพระพุทธเจ้าตั้งใจโปรดจูเฬกสาฎกพราหมณ์ เห็นว่าแกเป็นพระอริยเจ้าแหงๆ ไม่ต้องห่วงทั้งตาทั้งยาย เดี๋ยวนี้ไปนิพพานลิ่วๆ ไปแล้ว ไปนานแล้วไปก่อนเถรฤาษีลำงดำจะเกิดเป็นคนเสียอีก ถ้าอย่างนั้นไม่ไปมันก็ซวยเต็มทีแล้ว คนมีศรัทธาแบบนั้นแล้วได้ผลในปัจจุบันแบบนั้น<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=Tahoma][FONT=Tahoma][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/FONT]
    [/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/COLOR][/COLOR][/COLOR][/FONT][/COLOR][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/COLOR][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/FONT][/COLOR][/FONT][/COLOR][/FONT][/FONT]
     
  5. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    การทำบุญบุญต้องเร็วๆ ไวๆ

    <OFILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>
    [/COLOR][/SIZE][COLOR=black][SIZE=4]เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทุกท่าน เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเทศน์ฉันข้าวเสร็จนั่งชุมนุมกันตามประสาคนปากมาก ปากน้อย พูดมา พูดน้อย พูดบ่อย พูดนาน นานพูดแต่ก็พูด นั่งชุมนุมกันกันว่าเป็นอัศจรรย์ การที่องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้จูเฬกสาฎกเกิดความศรัทธา เพราะว่าผืนเดียวไปไหนไม่ได้เลย เมื่อบรรดาพระสงฆ์ประชุมกันแบบนั้นแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วทรงอยู่ในมหาวิหาร สมเด็จพระพิชิตมารทรงสดับฟังเสียงด้วยทิพยโสตญาณ (หูเป็นทิพย์) จึงได้เสด็จมานั่งประทับอยู่ในที่อันควร แล้วก็ถามว่า ภิกขเว ดูพระทั้งหลายเหล่านั้นกราบทูลว่า<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=black][SIZE=4]ก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ?<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=black][SIZE=4]พระทั้งหลายเจ้าปรารภเรื่องจูเฬกสาฎกพราหมณ์ที่ฟังจากพระองค์แล้ว หลังจากนั้นมีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ถวายผ้าในยามที่ 4 และพราหมณ์นี้ก็ได้ผมในปัจจุบันทันที คือเป็นคหบดีคนสำคัญ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=black][SIZE=4]องค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงตรัสว่า<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=#ff6600]ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย การที่จูเฬกสาฎกพราหมณ์ถวายผ้าแก่เรายามที่ [/COLOR][COLOR=#ff6600]4 นั้น เรียกว่าทำบุญช้าไป หากว่าทำบุญเร็วเรียกว่านั้นนะ ถ้าหากว่ายามต้นจูเฬกสาฎถวายผ้าแก่เรา เขาจะได้เป็นเศรษฐีใหญ่ เพราะอนิสงส์ที่ตัดสินใจโดยฉับพลัน ถ้ายามที่ 2 จูเฬกสาฎกถวายผ้ากับเรา เขาจะได้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีปกติ คือมีทรัพย์ตั้งแต่ 80 โกฏิขึ้นไป ถ้าว่าในยามที่ 3 จูเฬกสากฎถวายแก่เรา เขาจะได้อนุเศรษฐีในสมัยนั้น[/COLOR][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/SIZE]
    [/FONT][COLOR=black][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แต่ว่านี่จูเฬกสากฎตัดสินใจช้าไป เพราะความห่วงใยยายที่บ้าน เขาจึงถวายทานแก่เราในยามที่ 4 ฉะนั้นจูเฬกสาฎกจึงได้เป็นแต่เพียงแค่คหบดี แต่ทว่าความดีของจูเฬกสาฎกมิไดเพียงแค่นี้ นี่พูดเลยบาลีไปนิด เพราะว่านอกจากจะได้ทรัพย์แล้ว ต่อไปก็จะได้อริยทรัพย์เป็นกรณีพิเศษ<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR]
    [SIZE=4][COLOR=black]เมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ตรัสอย่างนี้ พระอรรถกถาจารย์จึงได้กล่าวว่าการบำเพ็ญกุศลนั้น [/COLOR][COLOR=darkorange]องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า ต้องเป็นตุริตะ ตุริตัง สีฆะ สีฆัง แปลว่า เร็วๆ ไว นี่ถ้าเราเร็วๆ ไวๆ[/COLOR][COLOR=black] ละก็ จูเฬกสาฎกจะได้เป็นเศรษฐีใหญ่ นี่ทำช้าไปจึงได้เป็นคหบดี ความจริงได้เป็นคหบดี ความดีแค่นี้มันก็น่าปลื้มใจแล้วแล้วนะ แล้วก้ปลื้มใจมากอยู่แล้ว ผ้าผืนเดียวเท่านั้น[/COLOR][COLOR=black]<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/COLOR][/SIZE]
    [/FONT][COLOR=black][FONT=Tahoma][COLOR=black][SIZE=4]แหม..ช้าง 100 ตัว วัว100 ตัว ควาย 100 ตัว ผู้หญิง 100 ผู้ชาย 100 ได้บ้านได้นาได้ส่วยอีก 100หลังคาเรือน แล้วเรื่องเงินทองของใช้เท่าไร ถ้าไม่มี มีไม่พอ พระราชาพระราชทานเป็นกรณีพิเศษ นี่เป็นการบำเพ็ญกุศลเพราะความเลื่อมใสในพุทธศาสนาพระบรมโลกเชษฐ์ศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเจ้ามีคุณประโยชน์อย่างนี้<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=black][SIZE=4](หลวงพ่อได้สรุปตอนท้ายว่า)<O[IMG]FILE: clip_image003.gif[ 01 msohtml1 Temp LOCALS~1 ADMINI~1.MIC DOCUME~1 C: O[IMG]file: IMG]< font>[/SIZE][/COLOR]
    [COLOR=#ff6600][SIZE=4]ผลบุญใดที่จูเฬกสากฎจะพึงได้ในปัจจุบัน กล่าวคือในทันทีทันใดที่พระพุทธเจ้าตรัส ผลบุญอันนี้แหละบรรดาท่านทั้งหลาย จะได้ได้กับท่านในชาติปัจจุบันและสัมปรายภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงไม่ได้ทำแต่เพียงเท่านี้ ความดีสร้างกว่านี้มาก มีบุญใดที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่าเป็นบุญใหญ่ ได้แก่พระนิพพาน ต้องถึงแก่พวกท่านแน่ๆ[/SIZE][/COLOR]



    [SIZE=4][COLOR=#ff6600]โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หนังสือธรรมปัฏิบัติเล่มที่[/COLOR][COLOR=#ff6600]1[/COLOR][/SIZE][/FONT][/COLOR][/COLOR]
     
  6. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ส่งเมื่อ:
    26 ตุลาคม 2551 11:24:05
    ขอร่วมปิดทองสมเด็จองค์ปฐม 100 บาท และ
    ขอร่วมสร้างผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม 100 บาท
    ผมได้โอนเงินแล้วครับ เป็นจำนวนเงิน 200 บาท...สาธุ สาธุ สาธุ

    นายเอกสิน นิลกาญจน์



    ส่งเมื่อ:
    27 ตุลาคม 2551 20:53:59

    ถึง:
    teporrarit@hotmail.com






    ดิฉันได้โอนเงินเป็นจำนวน 220 บาทค่ะ ผู้ร่วมบุญได้แก่
    คุณหลง คุณอ๊อฟ และตัวดิฉันเอง ขอแบ่งเป็นร่วมในการทำผ้าคริสตัล 110 บาท
    และปิดทอง 110 บาทค่ะ
    ขอขอบคุณค่ะ ที่ทำให้มีโอกาศได้ร่วมบุญในครั้งนี้
    โมทนา

    สาธุค่ะ





    </PRE>






    คุณ บูรพาทิศ

    วันนี้ 28/10/51 ผมได้โอนร่วมบุญ 100 บาท ครับ แยกเป็น สร้างผ้าคริสตัล 50 บาท และปิดทองสมเด็จองค์ปฐม 50 บาท ครับ

    โมทนา สาธุ ครับ

    พัชรวัฒน์




    เรียน คุณบูรพาทิศ
    ผมนายวัชระ นางจูดิท นายเทวกร นายเทวเดช ดญ.ลีลาโซเฟีย นายริน แสงประทุม ได้โอนเงิน 400 บาทผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเอกมัย เพื่อร่วมทำบุญสร้างผ้าห่มคริสตัล 200 บาท และปิดทองสมเด็จองค์พระปฐมวัดเขาแร่
    โดยขออุทิศส่วนกุศลให้แก่คุณบิดามารดา บรรพบุรุษ ครูบาอาจารย์ เทพเทวดา พระอินทร์ พระพรหม พระยายมราช ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เจ้าที่เจ้าบ้าน เจ้ากรรมนายเวรทั้งที่เป็นคน สัตว์ เปรต อสูรกาย สัมภเวสี ทั้งแสนโกฏิจักรวาล
    จงมารับเอาส่วนบุญส่วนกุศลมีความสุขความเจริญ ตลอดจนครูบาวัดฝายหิน ครูบาคันธา คันธาโร พระยาพิงคราช อาจารย์ไพศาล ร่วมรับบุญกุศลเหล่านี้ด้วย และให้นายหนังสือทั้ง 32 พระองค์จดเอาลายหมายเอาชื่อของจ้าพเจ้า
    และครอบครัวไว้ในสุวรรณบัตรเงิน ทองอย่าได้ผิดพลาด และให้บุญกุศลนี้ตกติดไปยังทุกท่านจนเข้าสู่ปรินิพพาน กรรมใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้ล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรม
    นายเวรทั้งหลาย ขอจงได้โปรดอโหสิกรรม หมดสิ้นต่อกันตั้งวันนี้เป็นต้นไป สาธุ


    2008/10/27 บูรพาทิศ พูลสวัสดิ์ <teporrarit@hotmail.com>
    ขอร่วมบุญด้วยนะครับ โอนให้แล้ว 1,000 บาท

    600 บาทสำหรับ ผ้า
    400 บาทสำหรับ ปิดทอง

    ขอบคุณครับ

    อณุภา ปาลวัฒน์

    เวลาโอน 28/10/51 (12:31:55)

    สามารถบอกบุญต่อกันได้น่ะครับ โมทนาบุญทุกท่านด้วยน่ะครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. สุคโต

    สุคโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +987
    ขอร่วมอนุโมทนาบุญนี้ด้วยเทอญ...สาธุ สาธุ สาธุ [​IMG]
    จะขอถวายปัจจัยร่วมทำบุญนี้ด้วย และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
     
  8. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG]ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
    <!-- / message -->
     
  9. Reliquiae

    Reliquiae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,184
    ค่าพลัง:
    +2,639
    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะครับ เมื่อวานได้ทำไปแล้วกับหลวงพี่เอก ที่บ้านเอ๊ะครับ สาธุ
     
  10. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    bugmayny naja

    ส่งเมื่อ:
    29 ตุลาคม 2551 18:43:28

    ขอร่วมบุญคริสตัล 50 บาท และปิดทองสมเด็จองค์ปฐม 50 บาท ครับ

    Pairoj Waiwanijchakij
    ส่งเมื่อ:
    29 ตุลาคม 2551 23:36:50
    คุณบูรพาทิศครับ

    ผมขอร่วมทำบุญด้วยเป็นเงิน 500 บาท โดยได้ทำการโอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ผ่านระบบ i-banking แล้วยอดเงินจะตัดเข้าบัญชีเช้าวันที่ 30 ต.ค. เวลา 7 โมงเช้าครับ โดยได้แนบหลักฐานการโอนเงินมาพร้อมกันนี้แล้วครับ


    เรียน คุณบูรพาทิศ
    ได้โอนเงินทำบุญเป็นจำนวนเงิน 200 บาท
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนประชาชื่น
    เลขที่ 1632161155
    วันที่ 30/10/2551 เวลา 12.49
    ผู้ฝาก อัจฉราพร
    ขอร่วมปิดทองสมเด็จองค์ปฐม 100 บาท และ
    ขอร่วมสร้างผ้าคริสตัลห่มสมเด็จองค์ปฐม 100 บาท
    ขออนุโมทนาบุญด้วย สาธุ


    เท่าไรก็ได้ครับ กิจกรรมช่วยๆๆกันเน้นการมีส่วนรวม และอานิสงส์ที่เป็นเลิศของทุกท่านทุกคน เป็นปัจจัยไปนิพพานร่วมกัน ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงอนาคต ตราบเท้าเข้าสู้พระนิพพาน ให้มีความสุข ทุกๆคน แต่ว่า ทำบุญปิดทองด้วย ทำบุญผ้าคริสตัลด้วย จะทรงเครื่อง แก้วผสมทองกันรึเปล่าน่ะ หุหุหุห
    <TABLE style="WIDTH: 525px; HEIGHT: 340px" cellSpacing=5 cellPadding=5><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2008
  11. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ท่านพุทธบริษัท อาตมาจะพูดแบบนี้ไม่หยุดเลยจนกว่าอายุจะถึงร้อยปี หรือครบร้อยปีแห่งการพูด เรื่องของพระพุทธศาสนา ก็ไม่จบ หรือว่าอาตมาจะเกิดมาสัก 1 กัป แล้วก็นั่งพรรณนาเรื่องราวของพระพุทธศาสนา มันก็ไม่จบ ที่นาเรื่องราวของ พุทธบูชามหาเตชวัณโต มาพูด โดยหัวข้อแล้ว ก็เป็นหัวข้อเดียว แต่ทว่าเรื่องไม่ซ้ำกันเพื่อให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านรู้ว่า ถ้าเราบูชาพระพุทธเจ้าแล้วเป็นความดี มีความสุข (คำว่า ศาสนา แปลว่า คำสอน) <O:p</O:p
    ที่เขาบอกว่า ศาสนาเป็นยาพิษ เป็นยาเสพติดนั้น ไม่เป็นความจริง ศาสนาไม่ใช่ยาพิษ เป็นยาเสพติดที่ทำลายโรค คือ โรคแห่งความเบียดเบียนซึ่งกันและกัน โรคสร้างความทุกข์ โรคสร้างความเดือนร้อน พระพุทธศาสนาสวนให้เลิกเสีย ให้แสวงหาแต่สิ่งที่มีความสุข<O:p</O:p
    ถ้าเราจะเป็นโรคมีความสุข โรคมีความสวย โรคมีความร่ำรวย โรคประเภทนี้ มันก็น่าจะเป็นเราเป็นโรคแบบนี้ เราก็มีความสบายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอบรรดาประชาชนชาวไทย จงพากันเป็นโรคมี ความสามัคคี ดีกว่าเป็นโรคแตกความสามัคคี เวลานี้ก็เกือบ ๆ อยู่แล้ว ดีไม่ดีเรื่องใหญ่มันอาจจะเกิด เพราะมีคนบางกลุ่มก่อกวนความสงบสุขของประเทศชาติ ทั้ง ๆ ที่ตำรวจทหารตระเวนชายแดน อยู่ชายแดน ต้องรบกับข้าศึก แล้วภายในก็ก่อกวนความยุ่งยากขึ้นมา จนกระทั่งประชาชนกลุ่มหนึ่งทนไม่ไหว ตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อเป็นการต่อต้าน เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสุข เอกราชของชาติไทย เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถ้าจะพูดไปก็เป็นเรื่องของบ้านของเมือง แต่ว่าบ้านเมืองสลาย พระก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน<O:p</O:p
    เป็นอันว่า ต่อแต่นี้ไป มาคุยกันถึง การบูชาองค์สมเด็จพระทรงธรรมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความสุขกันดีกว่า ตอนนี้จะพูดกันถึงเรื่อง นางวิสาขา ต่อไป สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เรียกว่า พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้ามีเดชมีอำนาจ ทำให้มีเครื่องประดับประดาเครื่องแต่งกายสวยงามเป็นกรณีพิเศษ คือ นางวิสาขามีเครื่องประดับกาย ราคา 16 โกฏิ<O:p</O:p
    ในสมัยที่นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้รับหน้าที่เป็นพ่อตา คือมีคนมาขอนาง</O:p
    ในตอนที่ นางวิสาขาจะแต่งงาน ปรากฏว่า บ้านของนางวิสาขาเป็นเมือง ๆ หนึ่ง ที่เรียกว่า เมืองสาเกต มีคนมาก ท่านบิดา คือ ท่าน ธนัญชัยเศรษฐี จึงได้จัดเครื่องแต่งตัวให้แก่บุตรสาว มีราคาประมาณ 16 โกฏิ (เห็นจะเป็น 16 พันล้าน)<O:p</O:p
    เครื่องประดับประดานั้น ท่านบอกว่า หาด้ายสักเส้นหนึ่งก็ไม่มี ส่วนใดที่จะเป็นด้าย เขาใช้เงินทำเป็นเส้นด้าย พื้นเป็นทองคำร้อยเปอร์เซ็นต์ ประดับไปด้วยแก้วมณี (ซึ่งมีค่ามากกว่าเพชร) ถึง 20 ทะนาน และแก้วประพาฬ แก้วอินทนิล(แก้วอะไรต่ออะไรถึง 7 แก้ว จำไม่ได้ จำได้ก็ขี้เกียจพรรณนา) เป็นเสื้อคลุม คือเป็นเสื้อคลุมลงมาถึงข้อเท้ายาวถึงข้อมือ แล้วก็คลุมศีรษะ ข้างบนศีรษะเป็นนกยูงรำแพน ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาหลากหลาย ราคาถึง 16 โกฏิ นี่เป็นเครื่องทรงที่แต่งเป็นกรณีพิเศษ<O:p</O:p
    เครื่องทรงนี้มีน้ำหนักมาก เพราะนางวิสาขาเป็นพระโสดาบัน เมื่อนางเป็นพระโสดาบันแล้ว ท่านบอกว่า กำลังของนางกับช้าง 7 เชือก (เอาแรงของช้าง 7 เชือก มารวมกัน เท่ากับแรงของนางวิสาขา) แล้วก็มีหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นทาสของนางวิสาขา(เป็นเพื่อน ลูกของชาวบ้าน เป็นพระโสดาบันเหมือนกัน)มีกำลังเท่านางวิสาขา<O:p</O:p
    เสื้อตัวนี้ของนางวิสาขามีชื่อว่า มหาลดาปสาธน์ มีนางวิสาขา กับหญิงเพื่อนคนเดียวเท่านั้น ที่จะยกขึ้น คนอื่นยกไม่ขึ้น เครื่องประดับประดานี้สวยมากเหลือเกิน ท่านพุทธบริษัท บรรดาท่านหญิงทั้งหลายฟังแล้วอยากได้ บ้างไหม เครื่องประดับแบบนี้ ความจริงพวกเราจะมีสร้อยสักเส้นหนึ่งมีเพชรสักเม็ดหนึ่ง หรือมีเพชรสักพวงหนึ่ง แบบนี้มันก็แสนยาก หามาด้วยความลำบาก เครื่องประดับของนางวิสาขา เฉพาะแก้วมณีเท่านั้นตั้ง 20 ทะนาน แล้วก็มีแก้วประพาฬ มีเพชรนิลจินดามีอะไรอีกมากมายนัก แล้วเสื้อทั้งตัวเป็นทองคำล้วน ที่เป็นด้ายใช้เงินแทน(แหม ถ้าได้มาเวลานี้ เสร็จ ขายเรียบ รวยมหาศาล เฉพาะเสื้อตัวเดียว)<O:p</O:p
    เมื่อเวลาจะแต่งงาน ก็ปรากฎว่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี ได้อัญเชิญ พระเจ้าปเสนทิโกศล ให้พระองค์เสด็จมาเป็นประธาน พระเจ้าปเสนทีโกศล ก็ถามว่า ทหารกองเกียรติยศของเรามาก จะให้ไปส่วนตัว หรือจะให้ ไปเต็มกองเกียรติยศ ถ้ากองเกียรติยศเต็ม ก็เป็น จตุรงคเสนา คือ กองทัพ 4 เหล่า ท่านธนัญชัยเศรษฐี พ่อของนาววิสาขา ก็บอกว่า ขอให้พระองค์มาเต็มกองเกียรติยศ ข้าพรพุทธเจ้ารับได้หมด<O:p</O:p
    เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลมาแล้ว ก็ปรากฎว่า เครื่องประดับของนาง</O:p
    เมื่อนางวิสาขาแต่งงานแล้ว นอกจากจะมีเครื่องมหาลดาปสาธน์แล้ว ปรากฏว่า ของที่เข้านำให้นางวิสาขาไปใช้ชั่วคราว พ่อให้ไปใช้ที่บ้านพ่อผัว แม่ผัว ก็อยู่กับผัวชั่วคราว เข้าให้เท่าไร ทราบไหม เข้าให้แบบนี้ เข้าให้ เงิน 500 เล่มเกวียน (นี่ชั่วคราวนะ ถ้าไม่พอมาเอาไปใหม่ได้) ทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะเครื่องใช้สอยที่เป็นทองคำ 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นเงิน 500 เล่มเกวียน ภาชนะที่เป็นทองแดง 500 เล่มเกวียน อย่างนี้ เป็นต้น<O:p</O:p
    เป็นอันว่า อย่างละ 500 เล่มเกวียน (โอ้โฮ มันเท่าไรกันแน่) ถ้าเราเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างไร ผลที่นางวิสาขาได้อย่างล่ะ 500 เล่มเกวียน (ถ้าไม่พอมาเอาใหม่) คือผลจากการถวายสังฆทาน บรรดาท่านพุทธบริษัท<O:p</O:p
    หากว่าบรรดาท่านผู้ฟัง ประสงค์จะมีทรัพย์มากอย่างนั้นบ้าง ก็ดูตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วในตอนก่อนว่า นางวิสาขาร่ำรวย ได้เป็น ลูกมหาเศรษฐีใหญ่ ก็เพราะว่าถวายทานแต่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ ที่เรียกกันว่า ถวายทาน เวลานี้เราก็ถวายได้ แม้องค์สมเด็จพระพิชิตมารนิพพานแล้วก็ตาม เวลาเราถวายสังฆทานก็มีพระพุทธรูปเป็นประมุข จิตใจนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พร้อมไปด้วยพระสงฆ์ผู้รับทาน เป็นกำลัง อย่างนี้ก็จัดว่า เป็นสังฆทานแบบนั้นเหมือนกัน <O:p</O:p
    ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกนิด ก็พากันสร้างวิหารทาน โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ตามแต่ที่เราจะมีทุน สร้างคนเดียวไม่ไหว ก็ร่วมกันสร้างปลาย ๆ คนก็มีประโยชน์ จะเป็นวิหารทานใหญ่ ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมาทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ความจริง กฐิน หรือผ้าป่า ก็อยู่เฉพาะผ้าเท่านั้น ส่วนจตุปัจจัย ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน นำไปถวายพระกล่าวว่า เป็นปัจจัยเพื่อวิหารทาน ถ้าพระท่านใช้อย่างนั้น<O:p</O:p
    ฉะนั้น การถวายกฐินผ้าป่า เป็นสังฆทานพร้อมไปด้วยวิหารทาน จึงมีอานิสงส์ใหญ่ ดีไม่ดี เราจะรวยกว่านางวิสาขาเสียอีก พูดกันด้วยความจริงใจ<O:p</O:p
    มาคุยกันถึงว่า ทำอย่างไรหนอ เราจึงจะมีเครื่องประดับสวยสด งดงาม อย่างนางวิสาขาได้บ้าง ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทลองฟังพระธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงโปรด พระองค์ตรัสไว้อย่างนี้(นี่เราพูดถึงเรื่องของนางวิสาขาเป็นตอน ๆ พูดทั้งหมดไม่ไหว เรื่องของนางยาวมาก)<O:p</O:p
    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นพระโสดาบันก็ดี หรือว่าได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ก็ดี ทั้งนี้เพราะว่า นางมีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ เป็นต้นมา อาศัยที่นางวิสาขามีพุทธบูชาเป็นปกติ คือ บูชาพระพุทธเจ้าเป็นปัจจัย จะทำอะไรก็ตาม นึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ที่เราหัด ฝึกกันภาวนาว่า พุทโธ อย่างนี้เป็นต้น หรือว่า อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมาสัมพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง อะไรก็ได้ ในห้องพระพุทธคุณ การนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์แล้ว และก็ปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วด้วย ไม่ใช่ภาวนาว่า พุทโธ อย่างเดียว จะสร้างความร่ำรวยให้เกิดขึ้น<O:p</O:p
    ความจริง ภาวนาว่า พุทโธ ก็รวยเหมือนกัน เพราะตายแล้วเป็นเทวดา มีทิพยสมบัติมาก กลับมาก็เป็นมหาเศรษฐีแต่ยังไม่ใหญ่เท่า นางวิสาขา นาง</O:p
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันถึงว่า การได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ เครื่องประดับพิเศษ ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ ยังดำรงพระชนม์อยู่ สาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูซึ่งเป็นสาวิกา คือผู้หญิง มีเครื่องมหาลดาปสาธน์อยู่สองท่านด้วยกัน คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกาท่านหนึ่ง กับ พระนางมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลท่านหนึ่งมีสองท่านด้วยกัน เพราะว่าหญิงทั้งสองนี้ ทำบุญมาสม่ำเสมอกัน การให้ทานก็สม่ำเสมอกัน ไม่แพ้กัน แต่การให้ทานไม่ได้แข่งขัน ต่างคนต่างมีศรัทธาเหมือนกัน<O:p</O:p
    เอาละ ตอนนี้ สำหรับท่านหญิงที่ได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ มีค่าถึง 16 โกฏิ ได้มาจากไหน เราก็ต้องหาเหตุหาผลกัน เพราะว่า ในพระพุทธศาสนา มีเหตุมีผล องค์สมเด็จพระทศพลทรงเทศน์ไว้อย่างนี้ ท่านกล่าวว่า ถ้าสตรีผู้ใด ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าท่านผู้นั้นยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด เกิดเป็นมนุษย์ในชาติต่อไป จะมี เครื่องมหาลดาปสาธน์ เช่นเดียวกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา<O:p</O:p
    ถ้าหากว่าเป็น ผู้ชาย ได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาเมื่อเวลาที่พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มีความเลื่อมใสขออุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสว่า เอหิ ภิกขุ ซึ่งแปลว่า เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด เพียงเท่านี้ ก็จะมีผ้าไตรจีวรสำเร็จไปด้วยฤทธิ์ ลอยมาจากอากาศ สวมลงไปในร่างของท่านผู้นั้น(โดยไม่ต้องหาซื้อผ้า เพราะในสมัยนั้นหาซื้อผ้ายากแสนยากเพราะไม่มีพ่อค้าขายผ้าไตรมากมาย เหมือนสมัยนี้)<O:p</O:p
    นี่แหล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัท การที่นางวิสาขามหาอุบาสิกา มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับพิเศษ อีกองค์ หนึ่งก็คือ ท่านมัลลิกาเทวี เอกอัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีเครื่องมหาลดาปสาธน์ เป็นเครื่องประดับ ก็เพราะอาศัยได้เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา <O:p</O:p
    เวลานี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยทั่วหน้า ก็เคยทำกันมาเป็นปกติ เช่น การทอดกฐินก็ดี การทอดผ้าผ่าก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ท่านทั้งหลายก็มักจะถวายผ้าไตรจีวร ไว้แก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาทั้งนี้ต้องจัดเป็นการถวายสังฆทาน การถวายสังฆทานนี้ มีอานิสงส์มากตามที่กล่าวมาแล้ว<O:p</O:p
    ฉะนั้น หากว่าท่านทั้งหลายมีความเคารพในองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ที่เรียกว่า พุทธบูชา คือบูชาความดีของพระพุทธเจ้า ด้วยการปฏิบัติตาม ถ้าโอกาสจะพึงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทแล้ว ก็ซื้อผ้าไตรจีวรถวายเป็นสังฆทาน ไว้ในพระพุทธศาสนา ความจริง พรุพุทธเจ้าไม่ได้ทรงจำกัดว่า ต้องถวายเป็นสังฆทาน ท่านบอกว่า เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา (คำว่าสังฆทาน เฉพาะผ้าไตรจีวรนี้ อาตมาพูดเอง)<O:p</O:p
    ทั้งนี้ก็เพราะว่า การถวายสังฆทานมีอานิสงส์มาก มากกว่าการถวายเป็นปาฏิปุคคลิกทาน ถ้าเรามีผ้าผืนเดียว พระสงฆ์ท่าน ก็ให้แก่พระที่มีความจำเป็นต้องใช้ คือ ท่านจัดการกันเอง ตัวอย่าง<O:p</O:p
    ในสมัย เมื่อองค์สมเด็จพรจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พระนาง<O[​IMG]</st1:personName>วิสาขาเป็นภรรยา เวลานั้น นางวิสาขามีอายุได้ 16 ปี แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี คลอดบุตรอายุ 16 ปี</B><O[​IMG]วิสาขา ทำยังไม่เสร็จ ต้องรออยู่ถึง 3 เดือน เลี้ยงกองทัพ 4 เหล่า 3 เดือน ก็ลองคิดดู เรียกว่า คนจำนวนนับแสนที่พระเจ้าปเสนทิโกศลนำมาเขาก็ตั้งค่ายให้อยู่ ตั้งพลับพลาเป็นที่ประทับ แล้วคนของบ้านนางวิสาขาก็มากมาย เป็นหมื่น ปรากฎว่าพ่อของนาววิสาขารับหมด แล้วก็ไม่หนักใจเรื่องการเลี้ยง เงินทองไม่ยุบ
    [FONT=/><st1:personName font ควบคู่กันไป< ด้วยอำนาจบุญบารมีทั้งสองประการ ตัวนางเองก็เป็นมหาเศรษฐีใหญ่ จึงช่วยให้เป็นลูกของมหาเศรษฐีใหญ่ ถวายสังฆทานด้วย ด้วย w:st="]" พุทโธ< st1:personName><O[​IMG]กีสาโคตมี" st1:personName ทอผ้า<> เย็บจีวร
    ถวายพระพุทธเจ้าผืนหนึ่ง เป็นผ้าเนื้อละเอียดมาก กรอด้ายเอง แล้วก็ทอผ้าเอง เย็บเป็นจีวรเอง ประสงค์ถวายเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า เวลาไปถวายจริง ๆ พระพุทธเจ้าทรงเรียกประชุมพระสงฆ์ทั้งหมด พระสงฆ์ทั้งหมดก็นั่งเรียงแถวตามลำดับอาวุโส (ไม่ใช่ตามสำดับยศ พระพุทธเจ้าไม่ทรงนิยมยศ ถือว่ายศ เป็นโลกธรรม) ตามลำดับอาวุโสของพระ
    <O:p</O:p
    เมื่อพระนางกีสาโคตมีถวายให้พระองค์ พระองค์ ก็ทรงรับ แล้วพระองค์ก็ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ส่งให้พระโมคคับลาน์ พระโมคคัลลาน์ก็ส่งต่อ ๆ ไป จนกระทั้งถึงองค์สุดท้าย ได้แก่ พระอชิตภิกขุ เป็นองค์สุดท้าย ไม่รู้จะให้ใคร ก็รับไว้<O:p</O:p
    พระนางกีสาโคตมีก็เสียใจว่า ปั่นด้ายเอง ทอผ้าเอง เย็บเอง ปรารถนาจะถวายกับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้ากลับรับแล้วส่งให้พระอื่น ร้องไห้เสียใจ องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสกับพระน้านางว่า การถวายแต่พระองค์ มีอานิสงส์มากก็จริงแล แต่ว่าเป็น ปาฏิปุคคลิกทาน ผ้ามันมีอยู่ฝืนเดียว จะให้เป็นสังฆทานโดยเฉพาะ แบ่งคนละผืนหรือคนละครึ่งผืน มันก็ทำไม่ได้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงให้ผ้านั้นเป็นสังฆทานเสีย คือ ส่งให้พระสารีบุตร พระสารีบุตรส่งให้พระโมคคัลลาน์ พระโมคคัลลาน์ส่งต่อ ๆ กันไป ถึงองค์สุดท้าย คือ อชิตภิกขุ อย่างนี้ได้ชื่อว่า พระทุกองค์ได้รับหมด แต่ไม่กำหนดนำมาไว้เพราะตัวมีผ้าใช้พอ และสำหรับองค์สุดท้าย ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านมีผ้าน้อยเกินไป ชาวบ้านไม่ค่อยนิยมนัก จึงมีโอกาสรับผ้าไว้ได้ อย่างนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบอกว่า เป็นสังฆทาน<O:p</O:p
    แล้วองค์สมเด็จพระพิชิตมารจึงได้กล่าวถึงทาน ตามที่กล่าวมาแล้วว่าการถวายแด่พระพุทธเจ้าเอง 100 ครั้ง ก็มีผลไม่เท่ากับ ถวายสังฆทาน 1 ครั้ง <O:p</O:p
    นี่แหล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การนำพระธรรมเทศนาใน พุทธบูชา มหาเตชวัณโต การบูชาพระพุทธเจ้า ย่อมมีเดช มีอำนาจมาก แม้วาเราจะปรารถนาเครื่องประดับมาก ๆ อย่างนางวิสาขา ก็ปรารถนาได้<O:p</O:p
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เรื่องของ นางวิสาขาบูชาพระพุทธเจ้า แล้วได้เครื่องมหาลดาปสาธน์ ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน หากว่าท่านมีความประสงค์สิ่งใด ก็ขอให้ได้สิ่งนั้นจงทุกประการ สวัสดี

    ที่มาหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง หนังสือกฏของกรรม<O:p</O:p
    </st1:personName><!-- / message --><!-- attachments -->[/FONT]
    </st1:personName>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2008
  12. อารามบอย

    อารามบอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +150


    เก่งจังเลยคะน้อง ไม่ทราบว่าถ้าพี่จะช่วยร้อยด้วยจะได้มั้ยคะ
    แต่พี่ไม่มีอุปกรณ์เลยคะ แล้วอยู่ต่างจังหวัดด้วย
    ไม่ทราบว่าจะทำยังไงดีคะน้อง

    โมทนาบุญด้วยนะคะทำได้สวยมากเลย
    พี่เตยคิดจะทำมาหลายปี แต่ไม่ได้ทำสักทีคะ ;aa19


    แล้วถ้าพระหน้าตัก 4 ศอก ใช้คริสตัลประมาณกี่เม็ดคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2008
  13. jiwcrop

    jiwcrop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +792
    สาธุ อนุโมทนามิ
    ดีแล้ว ถูกแล้ว
    การปฏิบัติให้ถึงพร้อม ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา
    ให้ทานทั้้ง เบื้องสูง เบื้องกลาง เบื้องล่าง
    ได้บุญใน สามระยะ ระยะก่อนทำมีความตั้้งใจจะทำก็ำได้บุญ
    ระหว่างทำ ใจใสๆมีความเต็มใจก็ได้บุญ
    หลังทำแล้ว นึกถึงบุญที่ทำมีความสุขก็ำได้บุญ จะนึกกี่ครั้งกี่ครั้งก็ได้บุญทุกครั้ง
     
  14. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
    ส่งเมื่อ:
    31 ตุลาคม 2551 10:28:06


    <META content="Microsoft SafeHTML" name=Generator><STYLE></STYLE>เมื่อวานนี้ (30ตค51) ผมได้โอนเงินผ่านทางไทยพาณิชย์ เพื่อร่วมสร้างผ้าห่มสมเด็จองค์ปฐม วัดเขาแร่ จำนวน 2,500 บาท (ปิดทอง 1,000 บาท ผ้าห่มคริสตัล 1,500 บาท) เป็นเงินที่ผมและน้องๆ ในที่ทำงานบริษัท ร่วมกันด้วยจิตศรัทธา ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ช่วยเป็นหัวหน้าในการจัดทำงานบุญครั้งนี้ด้วย

    สุวิชา




    ส่งเมื่อ:
    31 ตุลาคม 2551 9:14:38


    ผม (ฅนเมืองพริบพรี) กับพี่สาว ร่วมทำบุญโอนเงินไป แล้ว เมื่อวาน(30 ต.ค.51)
    จำนวน 200 บาท ( สร้างผ้าห่มคริสตัล 50 บาท , ปิดทองสมเด็จองค์ปฐม 50 บาท )
    คนละ 100 อ่ะครับ (2คน)

    โมทนาด้วยครับ
     
  15. BATIOHM

    BATIOHM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +114
  16. dekpra

    dekpra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,470
    ค่าพลัง:
    +2,484
    สาธุ สาธุ บุญยิ่งใหญ่จริงๆ ขอโมทนาสาธุ กับพี่น้องทุกท่านด้วยใจศรัทธาอย่างยิ่ง สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...