อานิสงส์พิเศษของการปล่อยสัตว์ชนิดต่างๆ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 30 พฤษภาคม 2017.

  1. tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171



    ถาม : ที่ หลวงพ่อฤๅษี เคยบอกว่า คนผิดศีลข้ออทินนาทาน กฎแห่งกรรมก็คือทรัพย์สมบัติที่มีจะถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆ ในกรณีที่เพื่อน ๆ ผมที่ทำงานถูกน้ำท่วม และทรัพย์สินเสียหาย ควรจะมีการชักชวนเขามาชำระพระหนี้สงฆ์ ไม่ทราบว่าผลจะตรงหรือไม่ครับ ?

    ตอบ : สิ่งที่เราทำเป็นความดีใหญ่ แต่ผลไม่ตรง เพราะว่าทรัพย์สินเสียหายเกิดจากกรรมเก่าที่เราสร้างมาในอดีต ส่วนบุญใหม่ที่เราสร้างในปัจจุบันเป็นส่วนของบุญ บุญกับกรรมนี่ต่างคนต่างอยู่ ถึงเวลาต่างคนต่างให้ผล เพราะฉะนั้น..ทำไว้ดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่การแก้กันโดยตรง

    ในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สิน มีเคล็ดลับง่ายๆ ว่าให้ปล่อยนกบ่อยๆ สักเดือนละตัวสองตัวก็ได้ ถ้าปล่อยนกจะป้องกันในเรื่องของการสูญเสียทรัพย์สินได้ เพราะถึงเวลานกบินไปแล้วไปลับ ก็ปล่อยนกไปแทน จริงๆ โบราณเขาเก่งเหมือนกัน การปล่อยสัตว์อย่าง ปล่อยนก จะมีอานิสงส์พิเศษคือป้องกันเรื่องข้าวของสูญหาย ทรัพย์สินเสียหาย

    เรื่องของการ ปล่อยปลา ถ้าทำเป็นประจำจะมีความเป็นอยู่คล่องตัว คนอื่นเขาลำบากแค่ไหนเราก็ไปได้เรื่อย เหมือนปลาที่แถกเหงือกไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ แต่นี่เราปล่อยลงแม่น้ำใหญ่ ก็ยิ่งสบายใหญ่เลย

    การ ปล่อยไก่ จะตัดเคราะห์กรรมใหญ่ได้ แต่ถ้า เคราะห์กรรมประเภทอุปฆาตกรรมหนักจะถึงแก่ชีวิต ให้ปล่อยพวก วัวหรือควาย ที่ว่ามานี้ถ้าได้สัตว์ประเภทที่เขากำลังจะฆ่าได้ก็ยิ่งดี เพราะว่าเท่ากับใช้ชีวิตแลกกัน เรื่องของการปล่อยสัตว์นอกจากได้เมตตาบารมีแล้ว ยังมีอานิสงส์พิเศษที่ว่ามาอีกด้วย

    หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเคยไปเจอ ปูทะเล แล้วปล่อย อาตมาเรียนถามว่ามีอานิสงส์พิเศษอะไรครับ ? ท่านบอกว่า หลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี เป็นอาจารย์สอนเทศน์ของหลวงพ่อท่าน เคยปล่อยปูด้วยความสงสาร ท่านบอกว่า "ไอ้ปูอีปูเอ๊ย..ข้าจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกเอ็งไม่ต้องตามไปเกิดเป็นบริวารของข้าหรอกนะ ข้าปล่อยพวกเอ็งไม่ได้ต้องการให้พวกเอ็งไปเป็นบริวารของข้า ข้าปล่อยพวกเอ็งเพราะต้องการให้พวกเอ็งพ้นทุกข์เท่านั้น"

    ปูโดนมัดมาทั้งวัน บางตัวพอตัดเชือกออกมาขาหลุดหมดเลย คนเรานั่งนิ่งๆ ท่าเดียวก็แย่แล้ว แต่นี่โดนมัดด้วย ปรากฏว่าพอหลวงปู่ท่านปล่อยปูไปไม่นาน อาการที่ท่านเคยปวดหลังเมื่อยเอวอยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ หลวงปู่ท่านก็เลยคิดขึ้นมาได้ว่า น่าจะเป็นอานิสงส์ของการปล่อยปูให้พ้นจากการโดนมัด ท่านก็เลยเอามาเล่าให้ลูกศิษย์ฟัง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็จำไว้ ถึงเวลาหลวงพ่อท่านก็มาปล่อยบ้าง

    เพราะฉะนั้น..เรื่องของการปล่อยสัตว์ บางทีอานิสงส์พิเศษบางอย่างก็มีชนิดที่เรานึกไม่ถึง แต่ถ้าเกี่ยวกับข้าวของที่สูญหายหรือเสียหาย ก็ให้ปล่อยนกแทน ปล่อยเดือนละตัวสองตัวก็ได้ อาตมาเองถ้าไป วัดเชียงมั่น ที่เชียงใหม่ ไปไหว้พระแก้ววัดเชียงมั่น ก็จะปล่อยนกเขา เพราะว่าตรงนั้นจะมีนกเขาให้ปล่อย ที่อื่นไม่เคยเจอ

    ไปถึงก็ต่อรองราคากันสนุกสนานเฮฮา ตอนหลังเขาจำได้แล้ว ไปถึงเขาก็วิ่งมาให้ปล่อยเลย แรกๆ เขาก็ถาม "ปล่อยนกบ่เจ้า" อาตมาบอกว่า "นกชนิดนี้ไม่ปล่อยหรอก ชอบกินมากกว่า" ญาติโยมก็หัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา แรกๆ จะขายตัวละ ๑๕๐ บาท ต่อไปต่อมาเหลือแค่ตัวละ ๘๐ บาท หายไปครึ่งหนึ่ง อย่าไปเชื่อเขานะว่าปล่อยชีวิตสัตว์แล้วต่อราคาไม่ได้ ต่อไปเถอะ..เพราะเงินที่เหลือเราเอามาซื้อปล่อยเพิ่มได้

    มีอยู่รายหนึ่งมาบอกกับอาตมาว่า "หลวงพ่อครับ..ผมไปดูหมอมา เขาบอกว่าให้ปล่อยปลาไหลเท่าอายุ ต้องเขียนชื่อตัวเองและวันเดือนปีเกิดติดตัวปลาไหลไปด้วย" อาตมาได้ยินก็หัวเราะก๊ากเลย ถามว่า "ตกลงตายห่าหมดเลยใช่ไหม ?" "หลวงพ่อรู้ด้วยหรือครับ ?"

    "จะไม่ตายได้อย่างไร ? ปลาไหลตัวลื่นๆ เขียนไม่ได้ ถ้าคุณจะเขียนชื่อได้ คุณต้องเช็ดจนเมือกหมดก่อน ถ้าปลาไหลไม่มีเมือกก็เหมือนคนโดนถลกหนัง แล้วจะไปเหลืออะไร" ท้ายสุดเขาบอกว่าตายหมดจริงๆ

    อาตมาเป็นเด็กบ้านนอกอยู่กับทุ่งอยู่กับนา รู้จักสัตว์พวกนี้ดี ที่น่าอนาถที่สุดคือ ตามทุ่งนาตอนหน้าแล้งเขาจะเผาตอซัง ก็คือตอข้าว พอเผาแล้วก็เป็นขี้เถ้าไปทั้งทุ่ง พอฝนลงขี้เถ้าพวกนี้จะไหลไปในรูปลาไหล โอ้โห..เหมือนกับโดนน้ำกรดราด เพราะ ปลาไหลพวกนี้แพ้ขี้เถ้า ก็ตะกายขึ้นมาเต็มทุ่ง แล้วที่ตะกายขึ้นมาไปไหนก็ไม่รอดแล้ว เพราะโดนไปเต็มๆ เหมือนคนโดนน้ำกรดราดไปทั้งตัว

    อาตมาเองเห็นทีไรสยองทุกที เขาไม่ได้เจตนาหรอก เป็นผลพลอยได้ เพราะชาวนาต้องเผาตอซังเพื่อให้เป็นปุ๋ยทุกปี แต่พอถึงเวลาฝนตกแล้ว น้ำที่เกิดจากขี้เถ้าไหลลงไป เรียบร้อย..เล่นเอาปลาไหลเผ่นขึ้นมา เก็บกันทีเป็นหาบๆ เลย..!

    ถาม : ถ้าปล่อยปลาแล้วปลาใหญ่มากินละครับ ?

    ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ อย่าไปเสียกำลังใจ ปล่อยไปแล้วตายหรือปลาใหญ่มากินไปก็ช่างเถอะ เพราะเราได้ปล่อยแล้ว แต่ปลาที่เราปล่อยไปแล้วมีปลาอื่นมากินเข้า เพราะกรรมเขาไม่พ้นที่จะต้องตาย เขาไปก่อกรรมไว้กับอีกฝ่ายหนึ่ง พอถึงเวลาเขาก็มาเอาคืนพอดี

    ตอนอาตมาอยู่ วัดท่าซุง ไปเจอ กบ ที่ไข่ไว้บนพื้นซีเมนต์ที่สวนไผ่ ๖ ไร่ พอไข่เป็นลูกอ๊อดพอดีน้ำตรงนั้นจะแห้ง อาตมาจึงเอาช้อนไปตักขึ้นมาทีละช้อนๆ ใส่ถังได้ครึ่งค่อนถัง ก็เอาไปปล่อย เทลงที่แม่น้ำหน้าวัด อาตมาก็ไม่นึกว่าจะพาพวกเขาไปตาย เพราะที่หน้าวัดมีปลากระแหเป็นฝูงๆ เลย พอเทลงไปปลากระแหก็ว่ายมาเมียงๆ มองๆ พอเห็นว่ากินได้ก็พุ่งเข้าใส่เลย พึ่บพั่บๆ พักเดียวเป็นพันๆ ตัวหมดเกลี้ยง..!

    ถ้าโยมเจออย่างอาตมาคงใจฝ่อตาย ตั้งใจจะช่วยแท้ๆ กลายเป็นทำให้พวกเขาตายเร็วขึ้น แต่ความจริงเราต้องแยกแยะให้ออก เราไม่ได้เจตนาจะทำให้เขาตาย จะปล่อยเขาให้รอด แต่ดันลงไปที่ดงปลากระหายเลือดพอดี

    อาตมาเคยปล่อย ปลาดุก ปลากระแหมาดึงหนวดปลาดุกไปกินเกลี้ยงเลย อะไรที่ยื่นเกินออกมาโดนดึงไปกินหมด แล้วอย่างลูกอ๊อดก็ตัวละคำพอดี

    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
     

แชร์หน้านี้