อารมณ์ของ สมาธิ-ฌาน ที่ผมพบขณะทำสมาธิ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรมมนุษย์, 23 มีนาคม 2010.

  1. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ขออนุญาตเล่าประสบการณ์สมาธิอันน้อยของผมครับเพื่อจะได้เทียบอารมณ์กรรมฐานให้ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ

    ผ่านมา 2 เดือนอีก 8 วัน กับการฝึกสมาธิแบบจริงจังของผม
    ผมเองก็ศึกษาความรู้สมาธิจากในเว็ปแห่งนี้ครับแล้วนำไปทดลองปฏิบัติด้วยตนเองแรกเริ่มปฏิบัติก็สับสนพอสมควรศึกษาจากหลายอาจารย์ท่านหากว่าตามอารมณ์กรรมฐานตามหนังสือ

    ขณิกะสมาธิ ประกอบด้วยองค์ธรรม วิตก วิจารณ์ อันนี้ไม่สงสัยแล้ว แต่หากคนเริ่มใหม่ก็คงจะสงสัยเหมือนกันว่าใช่หรือไม่ใช่ หากท่องพุท-โธ เข้าออกได้ ลมหายใจ สั้น ยาว รู้ได้ นานสัก 1-2 นาที อันนี้ใช่แล้วหล่ะ

    อุปจารสมาธิ 3 ขั้น หยาบ ปานกลาง ละเอียด

    ประกอบด้วยองค์ธรรม วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข อันนี้ตอนแรกผมก็สับสนพอสมควร วิตก วิจารณ์ ไม่สงสัย ปิติ ตามตำรามี 5 อย่าง ตามตำราหากเราไม่มีบารมีพอก็ต้องผ่านปิติทั้ง 5 จนครบถ้วนกระบวนท่าแต่หากบารมีแต่ก่อนอดีตชาติมีก็ไม่จำเป็นต้องผ่านทั้งหมด

    ตัวผมเองผ่านปิติตัวที่ 1 ขนพองสยองเกล้า เข้าใจด้วยตนเองก็เป็นอุปจารสมาธิขั้นหยาบ หลังจากนั้นผมก็เฝ้ารอว่าปิติตัวที่ 2,3,4,5 จะมาเมื่อไร รอเท่าไรก็ไม่พบเพราะมันคือความอยาก ความอยาก ก็คือ ความโลภ ติดอยู่เกือบ 2 เดือนปล่อยวางลงได้ปิติก็ข้ามไปตัวที่ 5 ร่างกายรู้สึกซาบซ่าน ร่างกายวูบวาบเหมือนจะขยาย อิ่มเอม เย็นจิต เย็นใจ (ตามตำราบอกว่าซาบซ่านร่างกายขยายใหญ่โต) อาจจะไม่เหมือนตามตำราแต่รู้ได้ด้วยตนเองว่ามันถูกต้องเพราะอาการปิติจาก1 - 5 ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเราจับอาการไม่ทัน อันนี้ผมเข้าใจด้วยตนเองว่าเข้าถึงอุปจารสมาธิขั้นปานกลาง องค์ธรรมสุดท้าย คือ สุข ??? มันคือ อะไรหนอ ??? ผมค้นหาจากตำราอยู่นานแต่ไม่มีใครสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ จริงๆ แล้ว สุขมันไม่สามารถอธิบายได้จริงๆ เพราะมันเป็นความสุขส่วนบุคคลที่อธิบายบอกใครไม่ได้และเพราะมันไม่มีคำอธิบาย สุข จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับคนเริ่มปฎิบัติเหมือนผม (หากเราได้ทานผลไม้ไม่รู้จักว่าเป็นผลไม้อะไรได้ชิมสัมผัสรสชาติอร่อยสุดนั้นคือสุข หากเรารู้จักชื่อผลไม้แต่ไม่เคยทานแล้วบอกว่าอร่อยนั้นคือสุก คือ เราหลอกตนเองเผาตนเองจนสุก) พิจารณาแล้วสุดท้ายสุขก็วิ่งตามปิติมาแทบจะพร้อมกัน อันนี้คือ อุปจารสมาธิขั้นละเอียด

    อับปนาสมาธิ และ ปฐมฌาน
    องค์ธรรม วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์
    สำหรับผมแล้ว เอกัคคตา มันคืออะไร อ่านจากตำราก็บอกว่า วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข หล่อเลี้ยงรวมกันจึงเกิดเอกัคคตา ตั้งมั่นได้เล็กน้อยก็เป็นอัปนาสมาธิ ตั้งมั่นนานก็เป็นปฐมฌาน บางคนก็บอกว่ากายต้องหายตัวต้องหายไปเหลือแต่จิตที่รวมเป็นหนึ่ง ผมก็พยายามอยู่นานแต่ตัวมันไม่หายสักที เออ มาพิจารณาด้วยตนเองตัวมันจะหายไปได้อย่างไร เมื่อ วิตก วิจารณ์ ยังอยู่ครบองค์ธรรม หายใจเข้าลมก็กระทบจมูกหายใจออกลมก็กระทบจมูก จนสุดท้ายมาเข้าใจว่า เอกัคคตา นั้นคือ อารมณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สำหรับอานาปานสติ นั้นก็คือลมหายใจเข้าออกนั้นเองและปราศจากนิวรณ์ทั้ง5 ชั่วคราว (ไม่ใช่ว่านิวรณ์จะไม่สามารถเกิดได้เลย หากสมาธิเคลื่อนก็เกิดได้ สมถะมันก็ข่มได้ชั่วคราวจะลองทดสอบคิดถึงนิวรณ์ก็คิดได้แต่มันไปไม่สุด) ลมหายใจจะแผ่วเบา นุ่มนวล ชัดเจน จิตจะไม่สนใจกับร่างกายความเจ็บปวดเวทนาจากการนั่งนานๆจะคลายชั่วคราวแต่ไม่หมด หูเราจะได้ยินเสียงทุกอย่างชัดเจน แต่ความรู้สึกที่ได้ยินเสียงจะ Soft สบาย ไม่สนใจยินดียินร้ายรำคาญใจแต่อย่างใด จิตจะพบกับความสงบอย่างชัดเจน เป็นความสงบที่นุ่มลึก ที่ตำราบอกว่า อุปจารสมาธิ กับ ปฐมฌาน ใกล้กันแค่เส้นยาแดงผ่า 32 เท่านั้นเอง สำหรับผมแล้ว อุปจารสมาธิ คือ ความสงบ และ ปฐมฌาน คือ ความสงบ นุ่มลึก อันที่จะสามารถจำแนกออกจากกันได้

    สำหรับผมเองพึงเริ่มฝึกใหม่ๆ ยังฝึกไม่ชำนาญ อาการสมาธิมันขึ้นๆลงไม่ทรงตัว คงต้องฝึกและหาความชำนาญเพิ่มเติมอีกมาก อุปจารสมาธิกับปฐมฌานมันก็ขึ้นๆลงๆเช่นกัน บางครั้ง วิตก วิจาร หายไป ลมหายใจหายไป ร่างกายหายไป มันไปเลยกว่าปฐมฌาน ตัวเองก็ไม่รู้ ต้องไปเทียบเคียงกับตำราเอา แต่หากว่ามันทรงตัวได้ไม่นานผมก็ไม่นับว่าได้ ผมคงต้องฝึกอีกมากครับ

    อีกประการผมเองก็ไม่ได้เอาความรู้อันน้อยนิดของผมมาอวดอ้างแต่ประการใดครับ เพราะในเว็ปแห่งนี้มีผู้ทรงฌานอยู่มากเพราะว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า (อันนี้ผมเข้าใจดี) เพียงแต่อยากจะเล่าประสบการณ์ของผมบ้าง เผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนที่เพิ่งเริ่มฝึกใหม่เช่นผม บางทีการยึดติดกับตำรามากจะทำให้เราช้าเพราะความสงสัยแต่ควรเอาตำราไว้เลียบเคียงอ้างอิงเพื่อป้องกันการหลงทางเท่านั้นเองครับ

    ถูกผิดประการใด ขอคำแนะนำด้วยครับ

    ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้ากระทำในวันพระใหญ่วิสาขบูชาทั้งหมด

    > รักษาศีลบริสุทธิ์
    > ไหว้พระ
    > ฟังธรรม
    > ถวายสังฆทาน
    > ถวายผ้าไตร
    > เวียนเทียน
    > สวดมนต์ภาวนา
    > เจริญกรรมฐาน

    ขอมอบเป็นเสบียงบุญโดยไม่มีประมาณแด่ทุกท่านที่เข้าตอบ
    แสดงความคิดเห็นจงสำเร็จแก่ทุกท่านเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2010
  2. ฮุโต๋

    ฮุโต๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +44,568
    ประสบการณ์นี้มีค่ามากนะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกใหม่ และยังมีความสงสัยอยู่ ให้ประสบการณ์นี้เป็นตัวอย่างในการเจริญสมาธิต่อไป พยายามต่อไปเป็นกำลังใจให้เจริญในธรรมเพื่อความหลุดพ้นกลับคืนสู่พระนิพพานบ้านเดิมหรือบ้านเกิดที่เราจากมานานแสนนาน
    เจริญในธรรมเพื่อวิมุติปัญญา
     
  3. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    ผมว่าอย่าไปอ่านเลยนะ ณานนั้นณานนี้อ่านมากยิ่งทำให้ปฏิบัติไม่ก้าวหน้า อย่ารู้อะไรเลยจะดีที่สุด วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์ อย่าไปรู้มันเลยครับ ปล่อยมันไป
     
  4. แม่มณฑา

    แม่มณฑา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +28
    เห็นด้วยกับคุณเวลานาทีค่ะ การไม่รู้อะไรเลยดีที่สุด จะได้ความเป็นปัจจุบันมากที่สุดขาดการปรุงแต่งที่สุด สาธุอนุโมทนากับทุกคน กับทุกสิ่งที่ทำค่ะ
     
  5. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ผู้ปฎิบัติทุกคนย่อมมีครู พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ย่อมมีครู ปฎิบัติตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นอันที่สุด จะช้าเพราะติดที่ความรู้ แต่สุดท้ายปลายทางก็ไปถึงจุดหมายเช่นเดียวกัน ไม่ต่างกัน ทุกอย่างล้วนอยู่กับบารมีของผู้ปฎิบัติ

    หากปลีกตัวออกจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์หรือตำราที่บอกกล่าวแนะนำดีแล้ว มรรคผลเกิดเร็วแต่จะรู้อย่างไรว่าไม่หลงแวะกลางทางเพราะมารใช้เลห์กลลวงหลอก

    อนุโมทธา สาธุ ครับ
     
  6. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    ทำไปก่อนแล้วมาอ่านสิครับจะยากอะไร แต่สำหรับผมนะทำถึงไหน แบบไหนไปอ่านก็ตรงตามนั้นแหล่ะ แต่ตัวที่ยังไม่ถึงไปอ่านก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีก็ไม่ต้องรู้หรอก ทำแล้วค่อยรู้
     
  7. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    สาธุ อนุโมทนา ในความสนใจไฝ่รู้และคามมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ด้วยการกระทำ

    ทำต่อไปเรื่อยๆ สิ่งที่ตามมา(วิตก-วิจารณ์)จะมีอีกมาก ขอให้ใช้สติอันเป็นธรรมที่มีอุปการะมากเป็นเครื่องอุปการะ ให้จดจำอารมณ์ที่ได้คือความสงบ และประคองทั้งหลับทั้งตื่น ทำงาน หรือ ยืนเดินนั่งนอน ก็ให้ประคองจิตไว้ตลอดนั้นและคือที่สุดของกรรมฐาน
     
  8. โทสะ

    โทสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +466
    ขอเป็นกำลังใจให้ กับท่านที่ใฝ่ในธรรม

    ขออนุโมทนาด้วยนะ กับการใฝ่ในธรรม

    มีข้อแนะนำเพิ่มเติม สำหรับการทำสมาธิให้สามารถเข้าฌานได้ง่าย
    1. ให้ท่านเจริญสติ ในชีวิตประจำวันด้วยนะ เอาข้อที่ว่าด้วย กาย เช่น หากชอบฝึกสมาธิโดยใช้อาณาปาณสติ ก็ให้ท่านเจริญสติโดยให้มีสติระลึกรู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งวัน
    2. เมื่อสมาธิเริ่มตั้งมั่น เมื่อท่านหลับตาลงซักพักมันจะสว่าง คล้ายๆกับใครเอาไฟมาส่องหน้า ให้ท่านเพ่งในความสว่างนั้นต่อไป โดยเพ่งความรู้สึกจดจ่อกับความสว่างนั้น ความสว่างนั้นมันจะสว่างมากขึ้นและมากขึ้น
    3. ตอนช่วงนี้ไม่ต้องไปสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับกาย เช่นอาการของปีติ จงอยู่กับความสว่างจ้านั้น ถ้าจิตตั้งมั่นมากขึ้นความสว่างจะจ้าออกไปทุกทิศ ทุกทาง ให้ใช้ความรู้สึกนึกคิดบีบความสว่างนั้นมาเป็นวงกลม หรือภาพพระที่เราชอบ ตอนี้จิตมันไม่สนลม ไม่สนใจเสียงแล้ว อย่าไปคิดถึงลมหายใจ หรือเสียงข้างนอก
    4. ตอนนี้กายท่านมันไม่มีแล้วด้วยจิตที่ไม่รับรู้ลม หูจะดังวิ้งๆๆๆ กายกับจิตแยกจากกัน

    ปล. 1.สิ่งที่อธิบายมานี้เป็นแค่อาการที่เกิดขึ้น แบบหยาบๆนะ จริงๆแล้วมันมีรายละเอียดที่ท่านจะรู้สึกอีกมาก พอถึงจะเข้าใจเอง
    2. เมื่อสามารถเข้าสมาธิได้ถึงระดับไหนก็ตาม ครั้งต่อไป อย่าไปคาด ไปหมายนะว่าจะเป็นเหมือนเก่า ข้อนี้สำคัญ จะถึงแค่ไหนก็ช่าง แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อเข้าสมาธิแล้ว ให่ถอยลงมาพิจารณากอดถอนความยึดติดในกายก่อน เช่น ใช้บทปลงอสุภะ 10 โดยใช้กายตนเองเป็นฐาน.
    3. หากนิมิตเกิดก็อย่าไปตามดู มันจะเกิดก็เรื่องของมันให้จดจ่อกับอารมณ์เดิมที่ตั้งไว้นั้น

    ขอให้เจริญในธรรมครับ.
     
  9. daruma

    daruma เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +533
    อนุโมทนากับคุณจขกทด้วย ที่ทำได้แล้ว ขอให้ปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ปฏิบัติดูก้อจะไม่รู้ ไม่เข้าใจด้วยตนเอง หนังสือตำรามีไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ สามารถนำมาเทียบเคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้ แต่จะยึดตำราเป็นหลักเสียทีเดียวเห็นว่าคงจะไม่เหมาะ อย่าลืมว่าสิ่งที่เขียนไว้ในตำรา มาจากประสบการณ์ของครูบาอาจารย์ท่านทั้งหลาย สื่อด้วยตัวอักษร ฉะนั้นของบางอย่างอาจจะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดหรือตัวอักษรอย่างชัดเจน สา...ธุ เกิดขึ้นแล้วนักปฏิบัติอีกหนึ่งหน่อเนื้อพระศาสนา
     
  10. tonyman

    tonyman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +553
    อนุโมทนาครับสาธุ
    อาการที่ท่านว่า
    ปัจจัตตัง เป็นเรื่องจริงครับ
    ความสุขที่ท่านว่ามันสุขแบบบอกใครไม่ถูกจริงๆเพราะบอกไปเค้าก็คงรู้สึกไม่เหมือนเราหรอก
    ความสุขของท่านอื่นเราก็คงรู้สึกไม่เหมือนท่าน ฉันใดก็ฉันนั้น
    มีผู้รู้ท่านเทียบไว้ว่า
    เหมือนคนไม่เคยไปเชียงใหม่ก็คุยกะคนเคยไปไม่เข้าใจ
    แต่กะคนเคยไปมาแล้วคุยกัน ถึงรายละเอียดปลีกย่อยไม่เหมือนกันแต่ก็คุยกล้อมแกล้มกันไปได้อย่างมีความสุข
    ตอนนี้ผมก็เริ่มพิจารณากายตามไตรลักษณ์ไปด้วยครับ ได้สมถะและวิปัสสนาไปพร้อมกัน
     
  11. Bingo-up

    Bingo-up เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2010
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +334
    ทำมาตั้งนานพึ่งรู้ความหมายวันนี้เอง ปกตินั่งสงบจะสงบเลยร่ายกายไม่เจ็บปวดตัวเบาหวิวบางทีก็เหมือนไม่มีลมหายใจ เหมือนอยู่อีกห้วงหนึ่งจนจะได้อะไรบางอย่างละ อ่อแบบนี้นี่เอง
    ผมนั่งทีแบบยาวๆสองถึงสามชั่วโมงเวลาว่าง
    ขออนุโทนาด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...