อาหารพิสดารผิดธรรมชาติ

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 19 ธันวาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    คนพยายามแสวงหาความแปลกใหม่ สรรหาสารพัดของพิสดารมารับประทาน หรือเพิ่มสีสันให้กับชีวิต มากกว่าครึ่งของการกระทำเหล่านั้นเป็นการฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ และบ่อยครั้งธรรมชาติลงโทษอย่างหนัก แต่ไม่มีมนุษย์หน้าไหนเคยหลาบจำเสียที ทุกวันนี้เรามักจะพบโรคชนิดใหม่ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปในตอนแรก แต่มีข้อสันนิษฐาน และบทสรุปในเวลาต่อมาว่า โรคร้ายดังกล่าวนั้นติดมากับสัตว์ ทั้งที่เป็นสัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง ทั้งจากการสัมผัสโดยตรง และการนำมารับประทานจากบทเรียนตัวอย่างในอดีต พบว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ ก็มีต้นกำเนิดจากลิงป่าในแอฟริกา ที่มีคนอุตริเอามาเลี้ยง โชคร้ายตรงที่ เวลานั้นเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่เจ้าไวรัสตัวดังกล่าวฝึกปรือวิทยายุทธ์ในตัวเองจนสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ในมนุษย์ได้ หรือไวรัสโรคพิษสุนัขบ้าที่มีอยู่ในสุนัข แมว ลิง และสัตว์ฟันแทะทั้งหลาย โรคนี้แม้จะมีวัคซีนป้องกันได้ แต่ยังไม่มียารักษาให้หายขาด ใครติดเชื้อจนแสดงอาการออกมาก็จะต้องเสียชีวิตทุกราย สามสี่ปีมานี้พบโรคไข้หวัดนกเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีสัตว์ปีกเป็นพาหะ สร้างความเสียหายให้ฮ่องกงขนาดหนัก ก่อนหน้าที่จะเกิดโรคซาร์สระบาด โดยฮ่องกงจะต้องฆ่าไก่ทั้งเกาะเพื่อตัดตอนเส้นทางการแพร่ระบาดของโรค

    [​IMG]

    เมื่อเกิดโรคซาร์สระบาดมีคำถามว่าโคโรนาไวรัส ที่เป็นต้นเหตุการเกิดโรคนี้มีสัตว์ชนิดใดเป็นพาหะนำโรค สงสัยกันมาตั้งแต่แมว จนชาวสิงคโปร์จำใจฆ่าแมวทั้งของตัวเอง และแมวเร่ร่อนทิ้งไปเกือบทั้งเกาะ นอกจากนี้ ก็ยังมีชะมด และค้างคาว ซึ่งอยู่ในข้อสันนิษฐานของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ จากการพิสูจน์และติดตามศึกษาเรื่องโคโรน่าไวรัสในสัตว์ทุกชนิดที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นพาหะของโรคซาร์สหรือไม่นั้น พบว่า สัตว์ต้องสงสัยทุกชนิดส่วนใหญ่พบว่าอยู่ในเมืองซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรค จึงไม่สามารถการันตีได้ว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นพาหะของโรคซาร์ส หากจะยืนยันได้ 100% จริงๆ จะต้องเป็นสัตว์ที่พบในป่า และไม่เคยมีประวัติว่า มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับมนุษย์เลย กรณีที่เกิดขึ้นจึงไม่แน่ใจว่า สัตว์ที่พบเชื้อนั้นจะเป็นพาหะนำโรค หรือเป็นฝ่ายติดเชื้อมาจากคนที่เป็นโรคอยู่แล้วหรือไม่


    นอกเหนือจากโรคซาร์สซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังช่วยกันรักษาและหาต้นเหตุอยู่ในเวลานี้ โรคที่ติดต่อระหว่างคนกับสัตว์ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะเราไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างที่กำลังฟักตัวรอเวลาเหมาะสมที่จะออกมาอาละวาด เราจึงควบ คุมไม่ได้ แต่สามารถป้องกันได้ โดยการไม่คลุกคลีกับสัตว์ที่ไม่คุ้นเคย สัตว์แปลกถิ่น


    สำหรับประเทศไทยทุกวันนี้เรายังคงเห็นหลายๆ คนเอาชีวิตตัวเองไปพัวพันกับสัตว์ด้วยวิธีแปลกพิสดาร และเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะก่อให้เกิดเหตุ ร้ายที่ไม่คาดฝันตามมา หญิงสาวจาก จ.ขอนแก่น อมหัวงูจงอางแสดงให้นักท่องเที่ยวชมร้านอาหารใน จ.พระนครศรี อยุธยา กำลังโฆษณา คางคกผัดเผ็ด เมนูใหม่ล่าสุดบนโต๊ะอาหาร นอกจากแฟชั่นเด็กวัยรุ่นยังนิยมนำสัตว์ต่างถิ่นชนิดแปลกๆ มาห้อยคอ เกาะบ่า ขี่หลัง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคจากสัตว์ทั้งสิ้น และไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ความร้ายแรงของโรคใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมเหล่านี้จะออกมาในรูปแบบใดบ้าง



    [​IMG]


    เวลานี้มีโรคใหม่ๆ ที่มีสัตว์เป็นพาหะนำโรคเกิดขึ้นจำนวนมาก ลำพังโรคที่รู้ที่มาที่ไป เช่น โรคสุนัขบ้า ไม่น่าห่วงมากนัก เพราะยังถือว่าควบคุมได้ แต่โรคใหม่ๆ ยอมรับว่าคุมยากมาก ปัญหาก็คือ คนชอบเอาสัตว์แปลกๆ ที่อยู่ต่างถิ่นมาเลี้ยง และติดเชื้อโรคจากสัตว์เหล่านั้น ก่อนหน้านี้พ่อค้าสัตว์เคยเอาสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่งมาขาย ตั้งราคาเอาไว้หลักหมื่น ตอนเล็กๆ มันน่ารัก สีสวย ชอบเอามันเกาะหลังเกาะไหล่ แต่พอโตขึ้นสีก็เปลี่ยนไป ลำตัวมีหนาม มีขนขึ้นที่คอ หน้าตาเหมือนสัตว์ประหลาด น่าขยะแขยงมากกว่าน่ารัก หลายคนจึงเอาไปทิ้ง บ้างก็ไปปล่อยไว้ในป่า เจ้าสัตว์ที่ว่านี้คือตัวอีกัวน่า ตอนที่เลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ไว้ หลายคนมีอาการท้องเสียโดยหาสาเหตุไม่ได้ ตอนหลังถึงรู้ว่า เชื้อไวรัสที่ติดอยู่ตามตัวเจ้าตัวนี้เป็นสาเหตุของอาการท้องเสียดังกล่าว ยังโชคดีที่เชื้อไม่รุนแรงนัก


    แม้กระทั่งสัตว์ในท้องถิ่นเองเราก็ไว้ใจไม่ได้ ที่น่าห่วงมากขณะนี้ คือ ตัวลิงลม หรือนางอาย ที่เด็กๆ กำลังฮิตเอามาเกาะไหล่ เกาะตามตัว เราพบว่ามีหลายคนไปหาหมอเพราะถูกนางอาย หรือลิงลมทำร้าย เป็นบาดแผลเหวอะหวะ ต้องฉีดยาป้องกันบาดทะยัก และวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สัตว์ชนิดนี้ ตอนแรกคนขายจะเอายากล่อมประสาท หรือไม่ก็เอาเหล้าให้กิน ทำให้ดูเซื่องซึม และหลอกคนซื้อว่าเชื่อง แต่พอหมดฤทธิ์ยามันก็จะคึกคักอยู่ไม่นิ่งตามธรรมชาติทันที ใครไปแตะก็จะถูกกัด และฟันของมันจะแหลมคมมาก รอยแผลที่ถูกกัดจะเหวอะหวะ และหายช้าด้วย



    ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
    ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...