เคยเห็นรูปนี้กันมั๊ยครับ
เป็นรูปหลวงพ่อชาญณรงค์ในอิริยาบถสบายๆ และท่านยิ้มด้วยซึ่งไม่ค่อยได้เห็นกัน ส่วนใหญ่รูปถ่ายท่านจะดูขึงขังเอาจริงเอาจัง ผมก็ไม่ทราบว่าเคยมีผู้เอารูปนี้มาลงกันหรือยัง
หากสมาชิกท่านใดอยากโหลดเอาไปอัดใส่กรอบก็ได้นะครับ ท่านผู้ที่ให้รูปมาท่านอนุญาตแล้วให้เอามาเผยแพร่ได้
อีกหนึ่งเรื่องราวของหลวงพ่ออภิชิโต ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ARUNNO, 20 เมษายน 2013.
หน้า 4 ของ 12
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างพระผงชุดสุดท้าย
ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสาระสำคัญอะไรนัก เพราะผมเชื่อว่าวัตถุประสงค์ที่ทุกท่านบอกมาล้วนเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้น แต่เท่าที่ได้ฟังมาไม่ตรงกันสักคน ที่ผมได้รับรู้มาล่าสุดจากท่านพระอาจารย์ ท่านบอกว่าจริงๆ แล้วการสร้างพระชุดนี้ไม่ได้มีใครขอให้สร้าง หลวงพ่อเหลื่อมก็ไม่ได้ขอสร้าง แต่เป็นดำริของหลวงพ่อชาญณรงค์ที่จะจัดสร้างขึ้นมาเอง เรื่องนี้มีที่มาที่ไปแน่นอนว่าทำไมท่านจึงต้องการสร้างพระชุดนี้ขึ้น
-
ก่อนอื่นเราต้องมาท้าวความถึงประวัติของท่านพระครูศรีปริยัติกิตติ์หรือพระมหาเหลื่อมกันก่อน ซึ่งท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อชาญณรงค์ ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่าหลวงพ่อเหลื่อมก็แล้วกันนะครับเพื่อให้ง่ายในการเรียกและพิมพ์
หลวงพ่อเหลื่อมท่านเป็นคนบ้านโพนสา ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ท่านบวชมาตั้งแต่เป็นเณร ในตระกูลของท่านจะมีผู้บวชเป็นพระในพระพุทธศาสนาสืบทอดต่อกันมามิได้ขาด ญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งของท่านคือพระครูวิมลสิกขกรหรือหลวงปู่คำ ก็เป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวันนั่นเอง
เมื่อหลวงพ่อเหลื่อมบวชแล้วก็ตั้งใจเล่าเรียนศึกษาพระธรรมวินัยในพระศาสนามาตลอด และต่อมาได้เดินทางไปเล่าเรียนต่อที่กรุงเทพ เท่าที่ทราบท่านไปอยู่และเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อชาญณรงค์ตั้งแต่เป็นเณรเลย จนกระทั่งหลวงพ่อชาญณรงค์ส่งท่านไปศึกษาต่อที่อินเดียจนเรียนจบปริญญาโทกลับมา
-
เมื่อเรียนจบกลับมาแล้วหลวงพ่อเหลื่อมก็กลับมาอยู่ที่วัดเงินกับอาจารย์ของท่านคือหลวงพ่อชาญณรงค์มาตลอด จนกระทั่งประมาณปี 2527-28 ทางวัดอัมพวันโดยหลวงปู่คำซึ่งเป็นเจ้าอาวาสและเป็นญาติผู้ใหญ่ของหลวงพ่อหลื่อมร่วมกับญาติโยมทางท่าบ่อได้ปรึกษากันว่าน่าจะนิมนต์หลวงพ่อเหลื่อมกลับมาอยู่ที่วัดอัมพวันเพื่อสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นและมาร่วมกันพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดอัมพวันให้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป เนื่องจากหลวงพ่อเหลื่อมท่านมีความรู้ดีกรีระดับปริญญาโทจากอินเดียน่าจะช่วยได้มาก
เมื่อตกลงกันได้แล้วจึงเดินทางลงไปกรุงเทพโดยหลวงปู่คำได้เดินทางไปด้วยตนเองเลยที่เดียว (หลวงปู่คำท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจและท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อด้วยในขณะนั้น)
-
วัตถุประสงค์ในการเดินทางมากรุงเทพครั้งนี้ของหลวงปู่คำและคณะญาติโยมทางท่าบ่อก็คือ ต้องการมาขอตัวหลวงพ่อเหลื่อมกลับไปวัดอัมพวันจากหลวงพ่อชาญณรงค์นั่นเอง คือมาขอตัวลูกศิษย์จากอาจารย์นั่นแหละครับ
-
หลวงพ่อชาญณรงค์ท่านก็คงเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับพระศาสนาสืบต่อไป ท่านจึงอนุญาตให้หลวงพ่อเหลื่อมกลับมาอยู่ที่วัดอัมพวันเพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับพระศาสนาตามที่หลวงปู่คำและคณะญาติโยมทางท่าบ่อขอมา
และนี่เองเป็นสาเหตุที่ท่านดำริจัดสร้างพระผงชุดสุดท้ายขึ้นมา ตามที่พระอาจารย์เล่าให้ผมฟัง หลวงพ่อชาญณรงค์ท่านต้องการสร้างพระชุดนี้ขึ้นมาเพื่อให้เป็น....จะเรียกว่าอย่างไรดี ผมเข้าใจว่าถ้าพูดกันตามภาษาชาวบ้านแล้วน่าจะเรียกว่าเป็นการหาทุนให้ลูกศิษย์ไปตั้งตัวนั่นแหละครับ คือท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ว่าช่วงแรกที่กลับไปวัดบ้านเกิดจะลำบากในการไปพัฒนาไปทำอะไรต่ออะไรในกิจของสงฆ์ เนื่องจากอาจจะขาดทุนทรัพย์ปัจจัยที่จะไปดำเนินการอะไรต่างๆ ได้ ดังนั้นท่านจึงจัดสร้างพระชุดนี้ขึ้นมาเพื่อหาทุนให้หลวงพ่อเหลื่อมนำกลับไปดำเนินการในกิจกรรมต่างๆ ได้ตามความต้องการ
ตามที่ได้พูดกันมาว่าเมื่อท่านสร้างพระชุดนี้เสร็จแล้วมีลูกศิษย์ในกรุงเทพได้เก็บพระชุดนี้ไว้ทั้งหมดแล้วให้เงินกับทางวัดอัมพวันเพื่อบูรณะวัดตามจำนวนเท่าที่ต้องการนั้น ก็เป็นความจริงส่วนหนึ่ง
สาเหตุของการสร้างพระชุดนี้ขึ้นมาของหลวงพ่อชาญณรงค์ ข้อเท็จจริงที่ไปที่มาก็ตามที่เล่ามานั้นล่ะครับ
-
ตอนที่สร้างพระชุดนี้หลวงพ่อชาญณรงค์ท่านลงมือเองทุกขั้นตอน มีลูกศิษย์มาคอยช่วยด้วยหลายคน มีเรื่องเล่าว่าคนที่มาช่วยนั้นถ้าเป็นโยมต้องถือศีลแปดด้วย ถ้าศีลขาดวันไหนท่านจะไม่ให้เข้ามาในห้องที่ทำพระเลย
ในรูปจะเห็นว่าท่านกำลังพิจารณามวลสารหรือทำอะไรสักอย่างเกี่ยวมวลสารที่จะสร้างพระชุดนี้โดยมีหลวงพ่อเหลื่อมศิษย์เอกร่วมอยู่ด้วย
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงพ่อชาญณรงค์นั้นท่านมีศิษย์หลายคน แต่มีศิษย์เอกเพียงองค์เดียวนั่นคือหลวงพ่อเหลื่อม ตามที่พระอาจารย์เล่าให้ฟังนะครับ อันนี้ผมไม่ยืนยันขอเล่าตามคำบอกของท่าน เพราะตนเองก็ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตูการณ์เพียงแต่ได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้
ท่านบอกว่าในการรับลูกศิษย์ของหลวงพ่อชาญณรงค์ท่านจะรับแบบตัวต่อตัวแล้วให้ลูกศิษย์ไปรับลูกศิษย์ของตนเองอีกต่อหนึ่งเอาเอง
ในการรับศิษย์จะต้องมีการครอบครูให้ด้วย ท่านครอบครูให้ทุกอย่าง ทั้งวิชาคาถาอาคม วิชาการแพทย์โบราณ หลวงพ่อชาญณรงค์ท่านชำนาญเรื่องยาสมุนไพรมาก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกอะไรเพราะท่านเรียนจบแพทย์มา จึงมีพื้นฐานความรู้ทางด้านการแพทย์และเรื่องยาต่างๆ เป็นอย่างดี
-
ติดตามครับ
-
ขอบพระคุณ คุณ ARUNNO มากครับ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคารพศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อชาญณรงค์มากๆ
แต่ไม่สามารถหาข้อมูลใหม่ๆเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลย
ส่วนใหญ่ก็มีแต่ข้อมูลในเน็ตแบบซ้ำๆ เดิมๆ และ "เขาบอกเล่าว่ากันมา"
ขอยืนยันว่าถ้าเชื่อ เคารพนับถือและศรัทธาท่านจริง
พุทธานุภาพ .. ธรรมมานุภาพ .. สังฆานุภาพ
ในพระเครื่องของท่าน ไม่เป็นสองรองใครแน่นอนครับ
ขออนุโมทนาและขอบคุณมากครับ -
ขอบคุณครับ รอติดตามด้วยคนครับ
-
ขอบคุณมากมากค่ะ สำหรับข้อมูลของหลวงพ่อ ดิฉันอยากมีพระของหลวงพ่อบูชาเหลือเกินค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ กระทู้นี้จะล๊ิอคไว้เลยนะคะ
-
เคยเห็นตำรายาสมุนไพรของหลวงพ่อชาญณรงค์กันมั๊ยครับ
เป็นเล่มหนามาก น่าจะสักพันกว่าหน้าได้ ผมเองเปิดดูคร่าวๆ มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น พิมพ์แจกกันในหมู่ลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาท่าน แค่ดูชื่อผู้ที่พิมพ์แจกแล้วก็ไม่ธรรมดาเป็นบริษัทใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองไทยทีเดียว ก็แสดงให้เห็นว่าท่านมีลูกศิษย์ที่กว้างขวางมากทีเดียวเพียงแต่ไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก
หน้าปกหนังสือตำรายาของท่าน
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เนื้อหาภายในหนังสือตำรายาของท่านจะรวบรวมสูตรยาสมุนไพรต่างๆ ทั้งของท่านเองและของอาจารย์อื่นๆ ที่ผู้รวบรวมเห็นว่าเป็นประโยชน์มารวมไว้ด้วยกัน
เนื้อหาเริ่มแรกเริ่มตั้งแต่การฝึกจิต การแยกกายกับจิต การหนีความตาย ผมลองนึกปะติดปะต่อเรื่องราวที่เคยอ่านพบมาเกี่ยวกับประวัติของท่านที่ว่าท่านไปฝึกกับอาจารย์หลวงตาดำในป่าแล้วกระโดดหน้าผาลงมาเพื่อฝึกร่างกายและจิตใจ น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน และคงเป็นวิธีฝึกวิชาของสายวิชาของท่าน ก็คงนึกคิดได้เท่านี้ล่ะครับเรื่องที่ละเอียดลึกมากไปกว่านี้ผมคงจนปัญญาที่ค้นคว้าได้
แปลกนะครับผมไม่เคยเห็นหนังสือเกี่ยวกับธรรมหรือการสอนนั่งสมาธิวิปัสสนาเล่มไหนสอนเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย หรือเคยมีแต่ไม่เคยพบก็ไม่ทราบได้ น่าจะเป็นวิธีการที่ท่านได้เรียนมาจากอาจารย์ของท่านแล้วนำมาสอนลูกศิษย์ของท่านต่อๆ กันมา
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ในการที่จะเรียนวิชาต่างๆ จากหลวงพ่อชาญณรงค์แม้แต่การทำยาสมุนไพรนี่ก็เถอะ จะต้องได้รับการครอบครูจากท่านก่อนทั้งสิ้นถึงจะสอนจะเรียนกันได้ ทุกอย่างต้องครอบครูทั้งสิ้นแม้แต่ภาชนะที่ใช้มาทำยา ตัวยาต่างๆ ท่านจะมีเคล็ดวิชาสอนในการเลือกใช้ภาชนะ ต้องใช้แบบไหน อย่างไร เอาอะไรมาใช้กับอะไร จะเอามาใช้ปะปนกันไม่ได้ เช่นว่า ครกนี้ใช้บดยาตัวนี้เท่านั้นห้ามใช้บดยาตัวอื่น เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นความรู้ที่ท่านได้เรียนมาจากอาจารย์ท่านสมัยที่เรียนอยู่ในป่ากับหลวงตาดำ
-
รอติดตามตอนต่อไปครับผม
กราบหลวงพ่อด้วยเศียรเกล้า -
นี่คือเหรียญหล่อขนาดใหญ่ของหลวงพ่อชาญณรงค์ ทำขึ้นมาเพียงเหรียญเดียวเท่านั้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณหกนิ้ว หล่อตันด้วยทองแดง
ท่านมอบให้หลวงพ่อเหลื่อมติดตัวมา ผมลองยกดูแล้วน้ำหนักประมาณห้าหกกิโลกรัม
แนนอนว่าผมไม่พลาดที่จะยกขึ้นอธิฐานเหนือหัว นับเป็นบุญวาสนาที่ได้เห็นและได้สัมผัส สาธุ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ด้านหลังหลวงพ่อชาญณรงค์ท่านเมตตาจารด้วยลายมือของท่านเอง ผมอ่านไม่ออกหรอกครับเพราะเป็นภาษาขอม รู้แต่ว่าพอได้สัมผัสแล้วรู้สึกว่าตนเองขนลุกและมีความปลื้มปิติอยู่ในใจ มันบอกไม่ถูก ไม่นึกว่าตนเองจะได้มีวาสนามาพบเจอ แต่ก่อนเคยอ่านเรื่องราวของหลวงพ่อในเวบก็คิดว่าเป็นเรื่องที่อยู่ห่างไกลตัวเองก็ได้แต่อ่านผ่านๆ ไป ที่แท้ท่านมาอยู่ใกล้ๆ เรานี่เอง
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ และขออนุโมทนาด้วยครับ -
ขอบคุณครับ ด้านหลังเหรียญคล้ายๆ จะเป็นยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้าเลย
ผิดพลาดขออภัยด้วยครับ
ยังรออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ
หน้า 4 ของ 12