อุโบสถศีลครึ่งวัน!

#อุโบสถศีลครึ่งวัน!

“...หลวงปู่พูดถึงตานั้นแกถืออุโบสถศีลครึ่งวัน แกก็เลยตาย แกก็เลยไปเกิดในดาวดึงส์พิภพอยู่ในปราสาทที่รุ่งเรืองเรืองรองมาก มีฤทธิ์มีเดช มีอานุภาพมากกว่าเทวดาตนอื่นเพราะอำนาจอุโบสถศีล พระโมคคัลลานะขึ้นไปดาวดึงส์แล้วก็ไปถาม แกก็ไม่อยากจะบอกเพราะว่าแกอาย แกว่าแกเป็นโรคลมพิษ โรคลมนี่มันจะตายเร็วแกว่า ก็ตั้งสัตย์อธิษฐานถืออุโบสถศีลวันหนึ่งกับคืนหนึ่งไม่ขาดไม่ทำลาย แล้วเวลาแกถือยังไม่ถึงครึ่งวันประมาณซักเที่ยงนี่แหละแกก็เลยตาย แต่อานิสงส์แกก็สมบูรณ์บริบูรณ์แกก็เลยไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติที่แกได้รับ

หลวงปู่ไม่ได้ว่าให้พากันถือศีลครึ่งวันพวกเราเข้าใจผิดเดี๋ยวจะนำคำสอนของหลวงปู่ไปพูดผิดอีกนะ
โยม: กระผมพูดอย่างนี้ คนหนึ่งถือมาได้ ๔ วัน กระผมก็ได้มา ๓ วันแล้ว อีกครึ่งหนึ่งได้เท่าไรก็เอา
องค์หลวงปู่:แล้ววิกาลโภชนาล่ะมันไม่ครบนะ วิกาลโภชนามันไม่เกิด ก็เกิดศีล ๔ มันผิดนะ เดี๋ยวจะว่าใครสอนอีกเข้าใจใช่ไหม ถือศีล ๘ มันต้องวันหนึ่งกับคืนหนึ่งสมบูรณ์บริบูรณ์ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามันจึงสมบูรณ์ถึงศีล ๘ ไม่งั้นเธอไม่มีโอกาสจะได้อานิสงส์นั้นถามว่าทำได้ไหม ได้...ไม่มีใครห้ามนี่ทำชั่วโมงเดียวหรือ ๑๐ นาที หรือ ๕ นาที ก็ไม่มีใครห้ามทำคุณงามความดี แต่เธอไม่มีอานิสงส์เข้าใจไหมที่หลวงปู่พูดนั่น…

เธอจะไปหาครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์จะให้ศีล ๘ เธอก็แล้วแต่ที่จะคุยกันเรื่องพากันทำมามันเป็นเรื่องของประเพณีแต่เป็นการทำลายหลักธรรมหลักวินัยอย่าไปพากันไปทำเพราะว่ามันไม่มีอานิสงส์ในการรักษาศีล อานิสงส์นี้จะไม่เกิดบุญกุศลจะไม่มี ก็ทำเป็นประเพณีเฉยๆเหมือนกับเราเล่นละครกันอยู่เข้าใช่ไหม คำสอนของหลวงปู่พยายามเก็บจำเอาไว้พินิจพิจารณาประพฤติปฏิบัติตามนั้นอย่าให้มันแหวกแนวออกไปซิ เราก็เห็นบางที่เขาก็ทำกันอยู่มันไม่มีได้อานิสงส์นั้นแต่ถ้าศีล ๕ ก็ได้อานิสงส์อยู่ ได้อานิสงส์ศีล ๕ เพราะไม่มีวิกาลโภชนา

แต่หลวงปู่ว่าการประพฤติปฏิบัติทำความดีทำไมจะต้องไปทำแบบนั้น ข้าพเจ้าขอถือศีล ๕ ซักหนึ่งชั่วโมง ข้าพเจ้าขอถือศีล ๕ ซัก ๓๐ นาที หรือ ๑๐ นาที ก็เธอก็ตั้งใจปรารถนาเอาซิให้มันลงที่ใจนั่น ไม่จำเป็นต้องไปประกาศ ป้าง! กับครูบาอาจารย์องค์นั้นหรอก ครูบาอาจารย์องค์นั้นก็ไม่น่าแนะนำพร่ำสอนลูกศิษย์แบบนั้น เออ...ถ้าเธอจะทำคุณงามความดีก็ขณะจิตเดียวเธอระลึกถึงศีลของเธอ เธอก็มีบุญมีกุศลแล้วนั่น ขณะจิตเดียวระลึกถึงศีล ๕ ของเรา เราประพฤติปฏิบัติความดีศีล ๕ ขณะจิตเดียวเราระลึกถึงศีล ๘ ที่เรากระทำมาหรือในขณะช่วงนั้น ๖, ๗ วัน ไม่ใช่อุโบสถศีลเป็นนิจศีลทำมาซัก ๗ วันหรือเท่านั้นเท่านี้วันเราก็ระลึกถึงของเรา บุญนั้นก็ไหลรวมอยู่ปัจจุบันเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่จำเป็นต้องไปประกาศป้าง! ต่อหน้าครูบาอาจารย์องค์นั้นๆหรอก ถ้าครูบาอาจารย์องค์นั้นไม่ใช่ผีบ้าก็คงไม่พาทำแบบนั้นหรอก เราพูดตรงๆนะ ไม่พูดอ้อมค้อมนะ

การระลึกถึงศีลขณะจิตนั้นปั๊บเราตายตอนนั้นศีลก็จะสมบูรณ์เข้าใจไหม ศีล ๕ ก็ตาม ศีล ๘ ก็ตาม ระลึกถึงศีลเราอยู่เนืองๆในขณะไหนก็ตาม ยืน เดิน นั่ง นอน พูด คิด ดื่ม ทำ เราก็มีคุณงามความดี ๘ ข้ออยู่ที่นั่น ยังดีกว่ากิริยาภายนอกทำแล้วทำไม่ได้ เราระลึกถึงศีล ๘ ของเรา ระลึกถึงศีล ๕ ของเราตลอดๆเราได้กระทำคุณงามความดีแล้วก็ระลึกถึงคุณงามความดีของตัวเองนั่นล่ะ เมื่อเราตายตอนนั้นอานิสงส์ก็เต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้ลูกศิษย์เข้าใจนะนี่คือหลักสัจธรรมนั่น... ระลึกถึงศีล ๘ ที่เราประพฤติปฏิบัติมา เออ…เรายังไม่มีโอกาสไปปฏิบัติอีกแต่เราระลึกไง เราจะปฏิบัติให้ได้ศีล ๘ เวลาตายเธอก็ได้ศีล ๘ สมบูรณ์บริบูรณ์ของเธออยู่นั่นอานิสงส์เต็มเม็ดเต็มหน่วยมันอยู่ที่ใจให้ลูกศิษย์เข้าใจซิ ระลึกถึงศีล ๕ ก็ระลึกถึงตลอด ระลึกถึงอำนาจศีลของเรา ระลึกถึงศีลของเราด้วยอำนาจศีลจะปกป้องคุ้มครองป้องกันภัยให้เรา นั่น.. วันนี้ก็ให้ระลึกถึงศีล ๕ เราทำอะไรไว้บ้าง วันนี้ช่วงเช้า ช่วงเที่ยง ช่วงบ่าย เราก็ระลึกถึงศีล ๕ หรือศีล ๘ ระลึกถึงศีลของตนนั่น... เมื่อระลึกถึงศีลของตนไม่ว่าพระ ไม่ว่าเณร ไม่ว่าอุบาสกอุบาสิกาจิตใจก็ชุ่มเย็นโดยธรรมใจมีหลักมีเกณฑ์ใจมีศีลมีธรรม ตายตอนนั้นอำนาจศีลก็เต็มเม็ดเต็มหน่วย....”

โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕
#อุโบสถศีล #ศีล๘ #องค์หลวงปู่น้อย #วัดป่าห้วยริน
— ที่ วัดป่าห้วยริน บ้านหัวนาคำ ตำบลหัวนาคำ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น