'ฮวงจุ้ยชีวิต' จากวันวาร 'มาศ เคหาสน์ธรรม'
ก่อนจะเป็น 'ซินแสไฮเทค'
“ฮวงจุ้ยไม่ใช่เรื่องความเชื่อ ไม่ใช่ศาสนา ไม่ได้เป็นไสยศาสตร์ แต่เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นหลักตรรกะที่บอกที่มาที่ไปได้ และถ้าเรารู้หลักก็จะช่วยทำให้เราใช้ชีวิตได้ถูกจังหวะมากขึ้น” ...เป็นคำกล่าวของ “มาศ เคหาสน์ธรรม” อีกหนึ่ง “ซินแสฮวงจุ้ย” ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ ซึ่งที่มาที่ไปก่อนจะมาเป็นซินแสฮวงจุ้ยที่ถูกกล่าวขานว่างานชุกที่สุดคนหนึ่ง เป็นอย่างไร ?? วันนี้ทีม “วิถีชีวิต” จะทำหน้าที่เล่าสู่.....
“ซินแสซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณอาของคุณแม่ได้เคยเขียนคำทายต่าง ๆ ให้ไว้กับครอบครัว ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองจีน ซึ่งตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น พอได้มาค้นเอกสารที่ทำนายไว้ ก็เป็นจริงหมดทุกประการ จุดนี้ทำให้ผมสนใจศาสตร์นี้ขึ้นมา” ซินแสมาศ เคหาสน์ธรรม เล่าย้อน
ก่อนจะพลิกปูมชีวิตให้ฟังว่า เขาเรียนจบปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จบปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังชอบวาดภาพจนเคยได้รับรางวัลที่ 1 จากสถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน ขณะที่ด้านกีฬาก็เคยเป็นนักปิงปองเบอร์ 1 ของ จ.นครราชสีมา
“ชีวิตผมจริงจังตลอด ถ้าคิดจะทำต้องทำให้ดีที่สุด ตอนที่เรียนจุฬาฯ ผมเรียนด้านบริหารธุรกิจ ผมเคยประกวดแผนการตลาดได้รางวัลที่ 1 ของประเทศ แต่ถ้าถามความชอบส่วนตัว ผมว่าผมชอบวิทยาศาสตร์มาก แต่ที่เลือกเรียนสาขานี้เพราะได้ฟังหลายคนพูดว่าเรียนวิทยาศาสตร์อยู่เมืองไทยแล้วจน เราก็เอ๊ะ ! แล้วทำอะไรถึงจะรวย ก็คิดว่าก็ต้องทำธุรกิจเองสิถึงจะรวย แต่เผอิญช่วงอยู่มหาวิทยาลัยได้เจออาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านทำนายทุก อย่างได้ถูกต้อง ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เมื่อท่านเห็นว่าผมสนใจมุ่งมั่นก็เลยสอนให้
และมาอีกช่วงหนึ่งผมสนใจธุรกิจที่ดิน ก็เลยไปที่แลนด์แอนด์เฮาส์ บอกเขาว่าจะมาขอสมัครฝึกงาน เพราะโตขึ้นอยากเป็นเจ้าพ่อวงการเรียลเอสเตท เขาก็ตกลงรับไว้”
ซินแสคนเดิมเล่าอดีตต่อไปว่า ตอนนั้นพักอยู่ที่หอพักจุฬาฯ แต่บริษัทส่งไปฝึกงานที่สาขารามอินทรา กม.5 ทำให้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 นั่งรถเมล์จากจุฬาฯ ไปลงแถวบางกะปิ แล้วนั่งรถเมล์ต่อไปที่ กม.8 จากนั้นก็ไปรามอินทรา กม.5 นั่งมอเตอร์ไซค์เข้าซอยไปอีก เรียกว่าหลายต่อกว่าจะถึงบริษัท และทำแบบนี้เป็นปี แต่เข้าใจว่าทางบริษัทคงต้องการฝึกความอดทน ซึ่งตอนที่ฝึกงานนอกจากความรู้ด้านธุรกิจ กับศาสตร์ฮวงจุ้ยก็ได้ยินได้ฟังอยู่บ่อย ๆ ประกอบกับการที่ได้ไปเจอกับอาจารย์ที่กล่าวมาข้างต้น จึงได้ศึกษาจริงจัง
เขาเล่าว่า ได้หันมาศึกษาวิชาฮวงจุ้ยอย่างเอาจริงเอาจัง จนวันนี้กว่า 20 ปีแล้ว “เดินทางไปเรียนกับปรมาจารย์ฮวงจุ้ยในต่างประเทศหลายท่าน จนเข้าใจหลักวิชาลึกซึ้ง และพบว่าวิชาฮวงจุ้ยมีหลักการทางวิทยาศาสตร์ มีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่ความเชื่อไสยศาสตร์อย่างที่บาง คนเข้าใจ และได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว”
นอกจากนี้ เขายังนำความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์กับศาสตร์โบราณ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาหลักวิชาฮวงจุ้ยโบราณ เช่น กล่องเข็มทิศนำร่อง และเครื่องเคอร์เซอร์ ที่นำมาใช้แก้ปัญหาของเข็มทิศหล่อแกแบบเก่า ซึ่งอาจจะถูกรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้ารอบตัว ทำให้มีผลในการวัดองศาและคำนวณพลังไม่ถูกต้อง จนอาจทำให้การคำนวณเรื่องฮวงจุ้ยผิดพลาด และจุดนี้ก็เป็นที่มาของฉายา “ซินแสไฮเทค”
ซินแสไฮเทคเล่าชีวิตอีกว่า พอถึงจุดที่ไม่เดือดร้อนทรัพย์สิน ก็เริ่มค้นคว้าวิชาฮวงจุ้ยมากขึ้นอีก ไปร่ำเรียนกับอาจารย์ทั่วโลกอย่างน้อยก็ 20 ท่าน ซึ่งที่อยากไปรู้ก็เพราะวิชาเหล่านี้ใกล้จะสูญหายไปจากโลก และด้วยความที่เป็นศาสตร์โบราณทำให้การสืบทอดอาจตกหล่น และมีปัญหาเรื่องวิธีการตีความที่อาจผิดเพี้ยนได้
“ผมตระหนักเรื่องนี้จึงพยายามเดินทางไปศึกษา จนได้วิชาครบถ้วน เลยเริ่มมาตรวจสอบกับเหตุการณ์จริง เอาเป็นว่าสรุปอย่างนี้ว่า ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของพลังธรรมชาติ อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ ศาสนา ไสยศาสตร์ คือพลังงานของสิ่งที่สร้างนั้น ที่สัมพันธ์กันกับพลังงานของโลกของจักรวาลได้ดีในช่วงนั้น เป็นจังหวะ เรียกว่าสมดุล เพราะว่าการที่แม่เหล็กของโลกส่งพลังงานมาไม่เท่ากัน ถ้าเรารู้ว่าช่วงนี้พลังมีทิศทางทางไหน เราก็จะได้เลือกสิ่งปลูกสร้างให้หันรับพลังงานนั้นได้ถูกต้อง เมื่อผมมั่นใจว่ามาถูกต้อง ผมก็เริ่มสอนจากวงเล็ก ๆ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2544”
ผลงานที่ทำให้มีชื่อเสียงมากขึ้น ซินแสมาศบอกว่า เริ่มแรกในปี 2543 มีฝรั่งคนหนึ่งเชิญไปดูฮวงจุ้ยที่สหรัฐอเมริกา เพราะสมัยก่อนภรรยาฝรั่งคนนี้ให้ช่วยจัดฮวงจุ้ยให้ที่เมืองไทยแล้วเจริญรุ่งเรือง จนได้รับงานวางระบบคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง จนครอบครัวนี้มีโอกาสได้งาน วางระบบบริษัทแม่ที่อเมริกา เลยขอให้ไปดูตึกที่จะเป็นสำนักงานบนอาคาร เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ที่อเมริกา
“พอไปเห็นก็รู้สึกได้ว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จึงขอให้เขาย้ายออฟฟิศออก พอย้ายออกตอนต้นปี ช่วงปลายปีก็เกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 11 ก.ย.ขึ้น”
ซินแสฮวงจุ้ย ราย นี้บอกต่อไปว่า คนจะเป็นซินแสได้ต้องมีพื้นฐานความรู้ของธรรมชาติ และวิทยาศาสตร์ เพราะ ฮวงจุ้ยโบราณเป็นหลักการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ พลังงาน เป็นเรื่องการรับองศาพลังงาน ซึ่งปัจจุบันคนทั่วไปสนใจฮวงจุ้ย เพราะต้องการหาทางเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ทำให้เป็น “นายของโชคชะตา”
“เพราะในอดีตวิชานี้ถูกเก็บงำเป็นความลับ เพราะวิชานี้ใช้ทำให้คนเจริญรุ่งเรืองได้ ก็ทำให้ล้มได้ ใช้ได้กับทุกเรื่อง ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของการจับจังหวะให้ถูกต้องสอดคล้อง ระหว่างพลังงานโลก พลังงานธรรมชาติ พลังงานแวดล้อมมนุษย์ รวมถึงพลังงานในตัวมนุษย์ ให้เหมาะสมสอดคล้อง ที่เราเรียกกันว่า เฮง อยู่ที่จะใช้อะไร การเงิน สุขภาพ สนามพลังในบ้านก็จะปรับพลังงานในตัวคนให้เป็นระเบียบขึ้น ทำให้แจ่มใส คิดง่าย”
“ที่ผมเห็นอีกอย่างคือ ปัจจุบันสนามแม่เหล็กของโลกเปลี่ยนไป เพราะคนเราเอาทรัพยากรใต้ดินมาใช้เยอะ ทำให้สนามแม่เหล็กใต้โลกลดลง 4-5 เท่า โดยรวมนั้นถ้าอัตราการเร่งเป็นแบบนี้ไป เรื่อย ๆ ภายใน 100 ปีสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนสิ่งมีชีวิตอยู่ไม่ได้”...เป็นประโยคทิ้งท้ายจากซินแสไฮเทค
กับเรื่องของศาสตร์ฮวงจุ้ย...ที่เขย่าโลกได้ ?!?!?.
ซานง้วน-ซานฮักซีเก๊ก
ซินแสมาศ เคหาสน์ธรรม บอกว่า ศาสตร์ “ฮวงจุ้ย” แท้ ๆ มี 2 แขนง โดยแขนงแรกเรียกว่า “ซานง้วน” ซานแปลว่า สาม ง้วนแปลว่า ยุค จักรวาลของเราโคจรรอบหนึ่ง 180 ปี แบ่งเป็นยุค ยุคละ 60 ปี คือยุคต้น ยุคกลาง ยุคปลาย แต่ละยุคก็แบ่งออกเป็น 3 ยุคย่อย ยุคละ 20 ปี จึงเป็นที่มาของการที่ซินแสบอกว่าบ้านเราจะเจริญรุ่งเรืองได้กี่ปี บ้านเราหันตรงกับทิศทางประจำยุค พลังของบ้าน ของโลก สัมพันธ์กันดี เมื่อรับพลังดี คนในบ้านก็จะได้รับพลังดีสะสม เวลาคิดก็จะถูกกับโอกาสข้างนอกของโลก
อีกแขนงหนึ่งคือ “ซานฮักซีเก๊ก” ซานก็แปลว่า สาม ส่วนฮักแปลว่า สัมพันธ์ ซีเก๊กคือ รูปร่าง 4 ธาตุ นี่เป็นศาสตร์อีกแขนง โดยหากศึกษาทั้ง 2 ด้าน 2 แขนง ก็จะมองเห็นภาพได้ดี.
เชาวลี ชุมขำ : รายงาน / สุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฎ์ : ภาพ
----------
เดลินิวส์ออนไลน์
Daily News Online > โลกสีสวย > ช่องทางทำกิน > วิถีชีวิต > 'ฮวงจุ้ยชีวิต' จากวันวาร 'มาศ เคหาสน์ธรรม'
'ฮวงจุ้ยชีวิต'จากวันวาร'มาศ เคหาสน์ธรรม'
ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 19 กรกฎาคม 2009.