ฮือฮาพระเกจิมรณภาพ4เดือนไม่เน่า

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย อธิมุตโต, 23 มกราคม 2009.

  1. อธิมุตโต

    อธิมุตโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    4,741
    ค่าพลัง:
    +13,087
    ฮือฮาพระเกจิมรณภาพ4เดือนไม่เน่า

    [​IMG]


    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดโพธิ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ หลังจากมีชาวบ้านแจ้งว่ามีพระเกจิชื่อดังมรณภาพมานานกว่า 4 เดือนแล้ว แต่สังขารไม่เน่าเปื่อย และเส้นผมยังดกดำเงางามอีกด้วย ที่ศาลาอเนกประสงค์บริเวณทิศใต้มีโลงศพไม้สักทองตั้งอยู่ โดยมีดอกไม้ กระถางธูปเทียนจุดเคารพบูชาอยู่เต็มศาลาดังกล่าว บริเวณด้านหน้าโลงศพไม้สักทำเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นภายในโลงศพ มีสังขารของหลวงปู่บุญมาก สญฺญโม อยู่ในโลง สภาพไม่เน่าไม่เปื่อย ปิดทองที่ใบหน้าเหลืองอร่าม เส้นผมสีดำขึ้นดำมัน

    พระปราโมทย์ ปโมธิโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ กล่าวว่า หลวงบุญปู่มากมรณภาพเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2551 ด้วยโรคชรา จากนั้นตั้งบำเพ็ญกุศลมาตลอด กระทั่งวันที่ 20 ธ.ค.2551 ครบ 100 วัน ลูกศิษย์เปิดฝาโลงเพื่อทำความสะอาด พบว่าสังขารหลวงปู่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่เน่าไม่เปื่อย จึงจัดทำโลงไม้สักทองเจาะใส่กระจกเพื่อให้ลูกศิษย์กราบไหว้และเห็นหลวงปู่อย่างชัดเจน ต่อไปเมื่อถึงเวลาอันควรจึงจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพซึ่งยังไม่ได้กำหนดวันเวลา

    สำหรับประวัติของหลวงปู่บุญมาก เป็นเกจิอาจารย์ดัง ทำวัสถุมงคลพุทธพักตร์และยันต์เกาะเพชรเมตตามหานิยมแคล้วคลาด มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย และเป็นลูกศิษย์ของพระครูโพธิสารคุณ (นวล) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์

    หน้า 15

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNek5RPT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB5TXc9PQ==


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 131911-264.jpg
      131911-264.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.5 KB
      เปิดดู:
      21,259
  2. พงศ์830

    พงศ์830 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,196
    กราบเนื้อนาบุญครับ
     
  3. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    เปิดตำนานยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน
    <TABLE style="PADDING-BOTTOM: 10px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>พิธีกรรมเป่ายันต์เกราะเพชรเพื่อเป็นความสิริมงคลและเสริมบารมีนั้น ปัจจุบันนี้กลายเป็นพุทธพาณิชย์ไปแล้ว มีทั้งรู้จริงบ้าง ไม่รู้จริงบ้าง ที่สำคัญคือ มักมีการแอบอ้างว่า ได้รับการสืบทอดมาจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งๆ ที่หลวงพ่อปานมรณภาพไปแล้ว ๖๖ ปี พระ รูปใดที่มีอายุน้อยกว่า ๗๕ ปี แล้วบอกว่าได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อปานโดยตรงนั้น ให้เข้าใจได้เลยว่า เป็นการแอบอ้างชื่อหลวงพ่อปานมาหากิน



    พระผู้ที่จะเล่าถึงตำนานการเป่ายันต์เกราะเพชร ของหลวงพ่อปานได้ดีที่สุด ปัจจุบันนี้น่าจะมีอยู่รูปเดียว คือ หลวงพ่อบุญมาก สัญฺญโม เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. ด้วยเหตุที่ว่า ท่านเป็นพระ เกจิอาจารย์ที่เหลืออยู่เพียงรูปเดียวของการสืบทอดพระคาถายันต์เกราะเพชร ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพื่อไม่ได้สูญหายไปจากสังคมไทย



    ทุกครั้งที่ท่านเป็นพระพิธีกรรมเป่ายันต์เกราะเพชร มักจะได้รับพลังศรัทธาจากญาติโยมอย่างล้นหลาม จึงเป็นเหตุให้คนบางกลุ่ม เอาชื่อของหลวงพ่อบุญมากกับวิชายันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานไปหากิน กับประชาชนในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นศิษย์สายตรงหลวงพ่อปานบ้าง บางรายก็อ้างว่าได้รับการถ่าย ทอดวิชาการจากหลวงพ่อบุญมากมาก็มี



    เพื่อความชัดเจนเรื่องดังกล่าว หลวงพ่อบุญมาก ได้ให้สัมภาษณ์แบบ "คำต่อคำ" กับ "คม ชัด ลึก" ไว้ดังนี้




    มีใครเอาชื่อหลวงพ่อไปหากินบ้างครับ?



    พวกที่เอาชื่ออาตมาไปขายทั่วประเทศมีมากมาย อย่าง เป่ายันต์เกราะเพชรก็เอาชื่อหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ไปขาย อาตมาอยากจะบอกว่า พระที่เรียนวิชาดังกล่าวกับหลวงพ่อปาน มีไม่กี่รูป หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย หลวงพ่อปัญญา วัดสร้อยทอง หลวงปู่ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ฯลฯ บางรูปได้มรณภาพไปแล้ว ส่วนพระที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ใช้วิชาที่ ได้เรียนมาก็มี สรุปแล้วตอนนี้เหลืออาตมาเพียงรูปเดียวที่ยังคงสืบทอดวิชายันต์เกราะเพชร ทุกวันนี้ก็ได้ถ่ายทอดให้กับศิษย์ไปบ้างแล้ว แต่น้อยคนนักที่อยากได้อย่างจริงจัง




    วิธีการหากินกับการเป่ายันต์เกราะเพชร ทำอย่าง ไรครับ?



    พวกนี้ไม่รู้ว่าเอายันต์เกราะเพชรของหลวงพ่อปานที่ม ีเสาร์ห้าจากอาตมาไปได้อย่างไรไม่ทราบ เมื่อเขาได้ไปก็ได้นำไปลอกเลียน พิมพ์ออกมาได้เหมือนเต็มคันรถเลย เพื่อเอาไว้ให้ญาติโยมทั่วไปได้เช่าบูชา ผ่านจากการโฆษณาด้วยการไปขอวัดจัดงานแลกกับปัจจัยเข้าวัดด้วยจำนวนเรือนแสน พร้อมกับหาพระสงฆ์บางรูปที่น่าเชื่อถือแอบอ้างเป็นศิษย์หลวงพ่อปานให้มานั่งเป่ายันต์เกราะเพชร ประกาศให้คนมาทำบุญยันต์เกราะเพชร



    แล้วหลวงพ่อกำจัดกลุ่มบุคคลที่เอาชื่อไปแอบอ้างหรือเปล่า?



    อาตมาไม่ได้ทำร้ายอะไรพวกเขาหรอก เพราะอาตมาคิดว่า การทำอะไรที่ไม่สุจริตในหน้าที่ของตัวเอง บาปกรรมที่ทำไว้ก็จะบังเกิดขึ้นในระยะ เวลาที่ไม่นานนี้อย่างแน่นอน ใครทำอะไรไม่ดี ก็จะได้รับในสิ่งที่ไม่ดี




    ยันต์เกราะเพชรมีความสำคัญอย่างไร?



    ยันต์เกราะเพชรเป็นพระคาถาที่ทำให้แคล้วคลาดจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ก่อนจะไปทำอะไรเพื่อให้เป็นมงคลก็ให้เจริญพุทธมนต์ ประกอบด้วย พระพุทธคุณ คือ อิติปิโส บทต้น แล้วทุกวันก็ต้องบูชาด้วย อิติปิโส ๑ จบ มีพระองค์ไหนก็เหมือนกัน หรือถ้ามีพระคล้องคอ เวลาสวดอิติปิโสก็ระลึกนึกถึง บารมีของพระพุทธเจ้า ห้องที่สองนึกถึงบารมีพระธรรม ห้องที่สามนึกถึงบารมีพระอรหันต์ทั้งหลาย พวกบูชายันต์เกราะเพชรต้องใช้บทนี้เป็นประจำ ถ้าไม่ใช้ประจำก็ไม่แน่ใจว่าจะคุ้มครองได้นะ




    หลวงพ่อเรียนวิชายันต์เกราะเพชรกับหลวงพ่อปานจริงหรือครับ?



    อาตมาได้เรียนกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ระหว่างที่ได้เรียนกรรมฐานกับท่าน ท่านก็ได้สอนวิชาพระคาถาเกราะเพชรให้ เป็นคาถาที่ว่าด้วยการเรียนทีละตัว
    คาถายันต์เกราะเพชรจะมี อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ ภะสัมสัมวิสาเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ วาโธโนอะมะมะวา อะวิชสุนุตสานุติ



    คาถายันต์เกราะเพชรกับคาถาชักยันต์แตกต่างกันไหมครับ?



    ทั้งสองคาถาเป็นคาถาเดียวกัน ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า คาถาชักยันต์ก็สืบเนื่องมาจาก หากไปพบงูหรือเสือที่ดุร้าย แล้วเดินวน ๓ รอบพร้อมกับท่องคาถา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ดุร้ายชนิดใดจะอ้าปากไม่ออก สัตว์เหล่านั้นจะชักหยุดนิ่งไปเลย ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นบาปต่อสัตว์เหล่านั้น คนใช้คาถาจะต้องวนคืนกลับอีก ๓ รอบ เพื่อให้มนต์ที่ท่องคลายลง พวกมันจะได้ออกหากินได้ตามเดิม แต่ถ้าไม่วนคืนสัตว์เหล่านั้นอ้าปากไม่ได้ก็จะตายในที่สุด




    เมื่อใช้ถาคานี้แล้วอ้าปากไม่ออก หลวงพ่อคิดว่าเกิดจากอะไรครับ?



    อาตมาคิดว่ามันเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของวิชาคาถามากกว่าจะเป็นเรื่องอย่างอื่น จริงๆ ให้อาตมาบอกมันบอกไม่ถูก ส่วนพระคาถาแคล้วคลาดของหลวงพ่อปานท่านก็สอนไว้ให้ท่อง อิติปิโส ภะคะวา พุทโธ คลาดแคล้ว พระเจ้าเกิดแล้ว อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ อิติปิโส ภะคะวา พุทโธ แคล้วคลาด พระเจ้าย่างบาท อะระหัง สัมมาสัมพุทโธฯ ๓-๗ เที่ยว ก็จะทำให้แคล้วคลาดได้



    นอกจากนี้ยังมีคาถาเสริมทรัพย์ ท่านเน้นให้สวดภาวนาเวลาตื่นนอน ๓ จบ เวลาใส่บาตร ๑ จบ ก่อนนอน ๓ จบ หรือเวลาว่างจะทำให้มีทรัพย์มากมาย พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ (๑ จบ) วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มาณีมามะ พุทธัสสะ สะวา โหม



    พระคาถาเหล่านี้หลวงพ่อได้ใช้ปลุกเสกในวัตถุมงคลด้วยใช่ไหมครับ?



    อาตมาจะใช้คาถาเหล่านี้มาปลุกเสกพระเครื่องที่สร้างแจกให้กับญาติโยม ถ้าได้ใช้คาถานี้ปลุกเสกแล้วทำให้ปีติเกิดเท่านี้ก็ขลังแล้ว เมื่อมีปีติที่ว่านี้เมื่อไร มันก็จะทำให้ผู้นั้นเกิดความอิ่มใจ สุขใจ คงไม่ต้องมีสุขมีทุกข์ อย่างโลกีย สังสารวัฏฏ หรือไม่มีสุขไม่มีทุกข์ อย่างโลกุตตรก็ได้




    แสดงว่าการปลุกเสกเดี่ยวกับปลุกเสกหมู่ก็ไม่แตกต่างกันซิครับ?




    ในส่วนนี้ความแตกต่างมันสุดแล้วแต่ครูบาอาจารย์ที่ต้องมีสมาธิตั้งมั่นแค่ไหน เพื่อให้พุทธคุณที่ได้จากการปลุกเสกให้เกิดลาภยศ ร่ำรวย ลดในเรื่องของรัก โลภ โกรธ หลง ให้จิตตั้งเป็นสมาธิให้รู้เห็นความเป็นจริง ให้เห็นความจริงตั้งอยู่ ให้เห็นความตายตั้งอยู่ เหมือนกับหลวงพ่ออี๋ หรือพระครูวรเวทมุนี อดีตท่านเจ้าอาวาสวัดสัต *** บ อ.สัต *** บ จ.ชลบุรี ที่ท่านนั่งสมาธิจนจิตมั่นคง ก็สามารถหยุดในเรื่องของลมฟ้าอากาศคลื่นลมได้ ถ้าทำได้เพียงเท่านี้วัตถุมงคลก็ขลังได้เหมือนกัน



    หลวงพ่อได้เรียนวิชากับหลวงพ่ออี๋ด้วยหรือ?



    หลวงพ่ออี๋ท่านได้สอนวิชาที่ทำให้แคล้วคลาดเท่านั้น ท่านบอกว่า เอาอะไรมาก เอาแค่แคล้วคลาดก็พอ (หัวเราะ) คาถาที่ท่านให้อาตมาเป็นคาถาทำปลัดขิก ท่านจะถามก่อนว่าได้บวชเรียนมาบ้างไหม พอบอกว่าได้ ท่านก็ให้ท่องในเรื่องของธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาผสมกัน ทั้งอากาศ ธาตุ และ วิญญาณธาตุ มีตัณหา อุปาทาน เข้ามายึดถือ ให้เกิดความสำคัญมั่นหมาย และบังคับให้เป็นไป มีประการต่างๆ ตามอำนาจของกิเลส อันเป็นเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง



    นอกจากนี้หลวงพ่อได้เรียนวิชาคาถาอาคมจากพระ อาจารย์รูปไหนอีกครับ?



    อาตมาได้ร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เพราะสมัยนั้นถือว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างเครื่องรางของขลังให้ลูกศิษย์ ผู้ศรัทธาไว้คุ้มครองในรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น งาช้าง ทองผสม ดินเผา ว่าน และ ผงพุทธคุณต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอาตมาก็ยังได้เรียนวิชากับหลวงพ่อเล็ก ลูกศิษย์หลวงพ่อปานด้วย



    หลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลครั้งแรกเมื่อไรครับ?



    อาตมาได้เริ่มสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาครั้งแรกในปี ๒๔๙๓ สร้างครั้งนั้นก็เพื่อเป็นการนำปัจจัยไปสร้างกำแพงอุโบสถ ต่อจากนั้นได้เริ่มสร้าง พระเครื่องอย่างเป็นจริงเป็นจัง ช่วงระหว่างปี ๒๔๙๔ ถึง ปี ๒๕๐๙ จากนั้นมาก็ได้ไปสร้างกุฏิ สร้างโรงเรียน และสร้างเขื่อน สร้างสถานีอนามัย พร้อมกับสร้างวัดศิริวัฒนาราม ฯลฯ ก่อนหน้านี้ในปี ๒๕๐๒ ได้สร้างพระเหรียญ หล่อระฆัง จัดหาซื้อที่ดินศาลายา ๑๐ ไร่ ร่วมกับโยมน้าสาด หลวงปู่เงิน หลวงปู่นวล เป็นเงินประมาณ ๔๕,๐๐๐ บาท



    ปัจจุบันอาตมายังได้สร้างพระพุทธพักตร์ ซึ่งเป็นแบบจำลองมาจาก พระพุทธพักตร์ที่หลวงพ่อปานได้ปั้นหล่อเอาไว้ อาตมาเห็นว่าเป็นความขลังความ ศักดิ์สิทธิ์ให้กับญาติโยมได้ จึงจำลองขึ้นเป็นวัตถุมงคลอันเดียวกับพระพุทธพักตร์องค์เดิม เพื่อจะได้อธิษฐานตามปรารถนา และเพื่อความสุขความเจริญกับญาติโยมที่ได้นำไปบูชานั่นเอง



    วัตถุมงคลของหลวงพ่อทดสอบความขลังได้ไหมครับ?



    ใครทำไม่ดีพระก็คงจะช่วยไม่ได้ แต่คนที่อยู่ในศีลใน ธรรมความดีนั่นแหละจะคุ้มครอง มีญาติโยมบางคนมาเล่าให้ฟังว่า เกิดอุบัติเหตุรถไปทาง คนไปอีกทาง รถพังยับเยิน แต่คนไม่เป็นอะไร นี่มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาแบบปากต่อปาก อาตมาคิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน (หัวเราะ)



    ที่ผ่านมามีนายทุนมาขอให้ออกวัตถุมงคลบ้างไหมครับ?



    ก็มีเหมือนกัน เขามาบอกว่าเขาจะทำถวายอาตมา แต่เมื่อทำ เสร็จแล้วส่วนหนึ่งเขาจะถวายให้วัด แต่อีกส่วนหนึ่งเขาจะเอาไปทั้งหมด พอเห็นว่ามันจะกลายเป็นพุทธพาณิชย์ ระยะหลังอาตมาจึงไม่อนุญาตให้ใครทำพระในนามวัดอีกเลย ทุกวันนี้อาตมา จะทำพระขึ้นมาไว้ให้ญาติโยมได้บูชา นำปัจจัยไปช่วยเหลือการทำนุบำรุงวัด



    หลวงพ่อมีความรู้สึกอย่างไรกับข่าวของพระ สงฆ์ที่ต้องตายเพราะความโลภครับ?



    เรื่องแบบนี้อาตมาก็เศร้าใจเหมือนกัน อาตมาอยากจะบอกว่า ตั้งแต่บวชเป็นพระแล้ว อาตมาไม่เคยมีเงินเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่บาทเดียว เงินที่ญาติโยมบริจาคมาก็จะเก็บไว้เป็นกองกลางใช้จ่ายภายในวัดไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ รวมทั้งเก็บไว้ซ่อมแซมเสนาสนะต่างๆ ตัวอย่างที่พระมีเงินเป็นส่วนตัวเยอะก็มีให้เห็น อย่างหลวงพ่อสำเนียงที่บางเลน มีลูกศิษย์มาขอยืมเงินไปประมาณ ๓๑ ล้านบาท ผลปรากฏว่ากิจการที่เขาทำล้มเหลว พอหลวงพ่อรู้ว่าเงินที่ให้ยืมไปคงไม่ได้คืนแน่ก็เลยช็อกตาย



    ด้วยเหตุผลใดหลวงพ่อถึงไม่เก็บเงินบริจาคไว้ส่วนตัวครับ?



    ก่อนหน้านี้หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี เคยบอกเอาไว้ว่า ผู้ที่อยู่ในคราบผ้าเหลืองไม่ละในเรื่องของเงินทอง มีเงินเป็นส่วนตัวแม้บาทเดียวไม่อายพุทธบริษัทหรืออย่างไร จริงๆ อาตมาก็ ไม่เห็นด้วยที่พระสงฆ์จะมีเงินเก็บเป็นของส่วนตัว ในเมื่อได้ละจากโลกภายนอกแล้ว เพราะตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย เมื่อเงินส่วนตัวหมด ความที่ไม่ไว้ใจตัวเองก็จะเกิดกิเลส เอาเงินที่ญาติโยมบริจาคมาเป็นของส่วนตัว ทำให้พระเหล่านี้ไม่รู้จักพอ จนเกิดความโลภที่มีให้เห็นแล้วว่า สุดท้ายพระสงฆ เหล่านี้ก็ต้องแพ้ภัยจากความโลภ



    หลวงพ่อชื่อบุญมาก ไม่ทราบมีบุญมากจริงหรือเปล่าครับ?



    มีหรือไม่มีก็ไม่รู้ซิ! (หัวเราะ) แต่ก็คงมีอยู่บ้าง ถ้าไม่มีคงไม่สามารถสร้างวัดมาได้ทั้ง ๑๖ แห่ง นี่อาตมาก็คิดว่าเป็นบุญอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่ใครจะมาขอหวยขอเลขก็คงบอกไม่ได้ เพราะอาตมาไม่รู้ (หัวเราะ)



    แล้วสุขภาพของหลวงพ่อตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ?



    อาตมาไปไหนมาไหนก็ลำบาก เพราะร่างครึ่งตัวมันไม่รู้สึกไปแล้ว คล้ายๆ กับเป็นอัมพฤกษ์อย่างหนึ่ง ดีว่ามีลูกศิษย์คอยช่วยเหลือการขึ้นลงกุฏิ



    สุดท้ายนี้หลวงพ่ออยากให้ธรรมะข้อไหนกับผู้อ่านครับ?



    อาตมาไม่รู้จะให้หลักธรรมอะไร ถ้าคนไม่คิดจะทำดีสอนเท่าไรก็คงไม่ได้ แต่สิ่งที่อาตมาอยากจะบอกมากคือ จะทำอะไรก็ให้รักบุญกลัวบาป เพราะบุญเป็น ที่พึ่งพาของสัตว์ทั้งหลาย คนเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่อย่างนี้ และอย่าลืมว่าบุญกุศลที่ได้ทำจะช่วย เกื้อหนุนชีวิตเราทั้งภพนี้และภพหน้า รักษาศีล ตั้งมั่นให้ปัญญารอบรู้ในสิ่งที่ควรรู้ด้วย



    ชาติภูมิหลวงพ่อบุญมาก



    หลวงพ่อบุญมาก สญฺญโม อายุ ๗๕ ปี ชื่อเดิม นายบุญมาก ปานเจริญ เกิดวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๗๒ ณ ข้างวัดบางช้างเหนือ ปากคลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม บิดา นายท้าว ปานเจริญ มารดา นางพวง ปานเจริญ พออายุ ๗ ปี บิดามารดาได้ย้ายมาอยู่ข้างวัดโพธิ์ แขวงบางระมาด เขต ตลิ่งชัน กทม. โดยมีพี่น้องรวมทั้งหมด ๕ คน



    วิทยฐานะ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ พ.ศ.๒๔๘๔ พระครูโพธิสารคุณ (หลวงปู่นวล) ได้ขอจากมารดาให้มาเป็นเด็กวัด พร้อมกับทิดบัญญัติ สุดใจแจ่มลำยวน กัญประชา พ.ศ.๒๔๘๕ ได้ บรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาในปี ๒๕๐๐ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ จากนั้นได้ลาสิกขาไปมีครอบครัว กระทั่งอยากมุ่งมั่นเข้าให้ถึงรสพระธรรมจึงได้อุปสมบทอีกครั้งในปี ๒๕๑๘ โดยมีพระครูสีรขันวิ จารณ์ วัดช่างเหล็ก เป็นพระอุปัชฌาย์



    พ.ศ.๒๔๘๖ สอบได้นักธรรมชั้นตรี เป็นผู้ดำเนินการช่วยหาปัจจัยในการบำรุงการศึกษาตลอดมา พ.ศ.๒๔๘๘ สอบได้นักธรรมชั้นโท และเรียนจบบาลีไวยากรณ์ตลอด ๓ ปี และได้สร้างวัดมาแล้วทั้งหมด ๑๖ แห่ง



    สอบถามรายละเอียดได้ที่วัดโพธิ์ ถนนพุทธมณฑลสาย ๑ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ ๐-๑๔๘๙-๖๔๐๔



    บทความจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
    ฉบับวันที่ 22 มกราคม 2547 โดย สุทธิคุณ กองทอง และ พีระรัตน์ ธรรมจง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,159
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,349
    ในเมืองไทยเรายังมีอีกหลายรูปครับ
     
  5. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    พระเกจิ"หลวงพ่อบุญมาก สัญญโม" วัดโพธิ์ บางระมาด ตลิ่งชัน กรุงเทพ

    [​IMG]

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">"หลวงพ่อบุญมาก" ท่านเป็นพระปฏิบัติ และพระนักพัฒนา ผู้ได้รับการสืบทอดตำราธรรม และเคล็ดวิชามาจากพระครูโพธิสารคุณ (นวล) ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
    ปัจจุบัน หลวงพ่อบุญมาก มีอายุ 82 ปี ท่านบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.2485 และสอบนักธรรมตรีและโท หลังจากนั้นเริ่มสร้างพระเครื่อง ในปีพ.ศ.2494 โดยนำรายได้ที่ให้บูชา ไปสร้างอุโบสถวัดต่างๆ จนถึงปัจจุบันมีกว่า 16 แห่งทั่วประเทศ
    ในครั้งนี้ได้สร้างสมเด็จพระพุทธพักตร์ เป็นแบบจำลองมาจากพระพุทธพักตร์ที่หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านปั้นหล่อไว้สำหรับท่านใดที่จะสร้างวัดใหม่ได้เอาไปทำเป็นหน้า พระพักตร์ของพระประธานในอุโบสถ อาราธนาอธิษฐานได้ต่างๆ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เจริญด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ยิ่งนัก
    หลวงพ่อบุญมาก เห็นความขลังศักดิ์สิทธิ์จากสิ่งนี้ จึงจำลองขึ้นด้วยวัตถุมงคลอันเดียวกันกับพุทธพักตร์องค์เดิม เพื่อจะได้อธิษฐานตามปรารถนา เพื่อความสุข ความเจริญ ของพวกเราทั้งหลาย
    โดย "พระพุทธพักตร์" ที่สร้างขึ้นนี้มีมวลสารมากมาย ด้วยผงของเก่าของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา ผงจากยันต์เกราะเพชร หลวงปู่นวล และพระอาจายร์บุญมาก สัญญโม วัดโพธิ์ ทำขึ้นกับผงสมเด็จพระพุฒาจายร์ที่หักๆ ผงวัดพลับ ผงหลวงพ่อโชติ วัดตะโน ผงพระโมลี หลวงพ่อวัดไร่ขิง ผงถ้ำม้าร้อง จ.เพชรบุรี ผงหลวงปู่แก้ว วัดช่องลม ท่าฉลอม ผงหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ผงหลวงพ่อโง่น วัดเขารวก จ.พิจิตร ผงหลวงพ่อผล วัดดักคะนน จ.ชัยนาท ผงกรุพระปรางค์เก่า วัดโพธิ์ตลิ่งชัน กทม. ผงหลวงพ่อขอม จ.สุพรรณบุรี และผงของพระอาจารย์ต่างๆ อีกมากนำมาเจือปนกัน สร้างเป็นพระพุทธพักตร์ อธิษฐานอาราธนาใช้ได้ ตามความปรารถนา ทุกประการ เป็นวัตถุมงคลที่เด่นมากทางด้านเมตตา มหาอำนาจ แคล้วคลาด ปลอดภัย




    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. Deetom

    Deetom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +825
    กราปสักการะหลวงปู่เป็นอย่างสูงยิ่งคร้าป
     
  7. ทดแทน

    ทดแทน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +116
    อนุโมทนากับหลวงพ่อด้วยครับ จะหาเวลาไปกราบศพหลวงพ่อครับ
     
  8. bear17

    bear17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +90
    ขอให้หลวงปู่ไปสู่นิพพานครับ....
     
  9. เมตตาวิหารี

    เมตตาวิหารี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    671
    ค่าพลัง:
    +437
    กราบนมัสการพระคุณเจ้า และขออนุโมทนาในกุศลบุญที่พระคุณเจ้าได้ฝากไว้ในพระบวรพระพุทธศาสนา.... สาธุ
     
  10. กิตติ_เจน

    กิตติ_เจน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,657
    ค่าพลัง:
    +1,281
    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลที่ดีๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...