ธาตุกัมมัฎฐาน 4
ธาตุ 4 คือ
ธาตุดิน เรียกว่า “ปฐวีธาตุ”
ธาตุน้ำ เรียกว่า “อาโปธาตุ”
ธาตุไฟ เรียกว่า “เตโชธาตุ”
ธาตุลมเรียกว่า “วาโยธาตุ”
ธาตุอันใดมีลักษณะแข้นแข็ง ธาตุนั้นเป็น “ปฐวีธาตุ” ปฐวีธาตุนั้นที่เป็นภายใน คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื่อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า
ธาตุอันใดมีลักษณะเอิบอาบ ธาตุนั้นเป็น “อาโปธาตุ” อาโปธาตุนั้นที่เป็นภายใน คือ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร
ธาตุใดมีลักษณะร้อน ธาตุนั้นเป็น“เตโชธาตุ” เตโชธาตุนั้นที่เป็นภายใน คือ ไฟที่ยังกายให้อบอุ่น ไฟที่ยังกายให้ทรุดโทรม ไฟที่ยังกายให้กระวนกระวาย ไฟที่เผาอาหารให้ย่อย
ธาตุอันใดที่มีลักษณะพัดไปมา ธาตุนั้นเป็น “วาโยธาตุ” วาโยธาตุนั้นที่เป็นภายใน คือ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื่องต่ำ ลมในท้อง ลมในใส้ ลมพัดไปตามตัว ลมหายใจ
ความกำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าเป็นแต่เพียงธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ประชุมกันอยู่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เรียกว่า “ธาตุกัมมัฎฐาน”
เข้าฌาน แล้วระลึกชาติ
ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย Tamjugg, 9 ตุลาคม 2012.
หน้า 14 ของ 15
-
อ่านแล้วสงสาร Tamjugg จับใจ ใครเตือนก็ไม่ฟัง
ขนาดสภาวะของฌานที่แสดงมา มันแย้งกับที่พระพุทธเจ้าสอนในพระไตรปิฎก คนเตือนก็ไม่เชื่อ แบบนี้ที่ไปก็มีแค่สถานเดียวนั่นแหละ... -
ยังไม่ถึงฌาน8สักทีภาวนามาหลายปีแล้วอินทรบุตรกับtjsยังไม่รู้จักหาสาเหตุ ยังไม่รุจักเจียมตน ดีแต่ปากเพื่อไรอินทรบุตรอย่าโง่แล้วอวดฉลาดสิ เหอะๆ...
คนที่ยังไม่เคยถึงฌาน9 มาเถียงและสอนคนที่ผ่านมาแล้ว บุคคลนั้นชื่อว่าเป็นคนหลงและหาอบายให้ตน?
ทำตัวเป็นโคแก่สอนยากก็อยู่กับความโง่ต่อไป คนอื่นเค้าไปถึงไหนต่อไหน ฌาน9วิชา3อภิญญา6 ไม่อยากมาสอนเพราะเบื่อคนแบบนายอินทรบุตร โง่แล้วอวดฉลาด ย้อนถามตัวเองว่าฝึกถึงไหนได้ไรบ้างตอบไม่ถูกอึกๆอักๆนะ กุรุู้กุเก่งแต่ไม่อภิญญาสักทีกุยังไม่รุพิจารณาหาสาเหตุ เหอะๆ
สิ่งที่บอกไม่ได้ให้เชื่อให้ไปลองถ้้ามันเกิดขึ้นจริงค่อยเชื่อ....
ทุกข์จะไม่เกิดกับคนโง่แล้วอวดฉลาด...ไม่มีเลยจำไว้ -
สภาวะจิตวิปลาส จากการภาวนา
ไม่ต้องผ่านสภาวะนี้มา ก็แก้สภาวะวิปลาส ให้คนที่กำลังวิปลาสได้นะ -
มันยังไม่รุจักดูตัวเองนะอินทรบุตร ตักน้ำชะโงกหน้าดูวันเวลาล่วงไปมากแล้ว ภาวนาถึงไหนได้ไรตอบไม่ถูกอึกๆอัก เหอะๆ ยังมาเสนอหน้าได้อีก ขยันจริงๆ
ส่วนtjs ยังดียอมรับความจริงว่าถึงฌานไหน ติดขัดฌานไหน tjs ย่อมมีโอกาสบรรลุธรรมที่ตนยังไม่เคยมีในอนาคต บอกทางให้แล้วจะไปต่อหรือไม่อยู่ที่ทำตัว
อย่าได้เชื่อสิ่งที่ผมบอก จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตนเอง เหอะๆ -
อาการอึกอัก ตอบไม่ถูก มีแต่ Tamjugg คนเดียวไม่ใช่หรือ?
เห็นอย่างไร คิดอย่างไร ทำไมมันจึงไม่ตรงกับความเป็นจริงเล่า?
Tamjugg สัญญาวิปลาสไปแล้วใช่หรือไม่? -
ผมคิดว่า เวลานี้ เราไม่ควรแตกแยก เพราะความแตกต่างทางภูมิความรู้ในธรรม
เพราะทุกคนก็ปราถนาสิ่งเดียวกันคือ สวรรค์นิพพาน
เอาละสุดท้าย ขอเราจงไม่ประมาทในภูมิความรู้ที่เรามี ขอให้ทุกท่านจงก้าวต่อไป โดยการไปศึกษาให้หลายๆที่ แล้วนำมาปฏิบัติเอาจริงเอาจังกับมัน
ถึงเวลา ก็จะค้นพบสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตนเอง เพราะสุดท้ายถึงจุดนั้น ใครก็หลอกเราไม่ได้ แต่แต่จิตเราเองยังหลอกตนเองไม่ได้ เพราะเราทำมามากพอจนมีปัญญารู้ทันกระทั่งจิตตนครับ
ขอให้ทุกท่านตั้งใจดี และทำดี พยายามต่อไป หาครูอาจารย์เยอะๆ จะได้มีปัญญาเยอะๆ แล้วตกผลึกได้เองเมื่อนำไปปฏิบัติอย่างแท้จริง ตอนนั้นก็สามารถสอนคนอื่นๆได้อย่างไม่มีข้อสงสัยใดๆครับ สาธุ
-
วิธีที่ผมบอกมีผู้ถึงวิชา3และอภิญญามากมายเท่านั้นเอง(เพราะถ้าไม่ถึงจริงสอนคนอื่นไม่ได้ มันจะเป็นกรรมหนักพาคนหลงและหาอบายให้ตน สอนคนอื่นผิดๆถูกๆ) เพราะงั้นใครแต๋วก็รู้ๆกันอยู่กรุณาหยุดเถอะมันไม่น่าดูและไม่มีประโยชน์ไม่ช่วยให้ไปถึงไหน.... มีแต่เพิ่มกรรม ห่างไกลกระแสนิพพาน เหอะๆ
คนตาบอดจูงคนตาบอดฉันใด โมฆะบุรุษผู้ไม่มีอภิญญาจะสอนให้คนอื่นมีอภิญญา6ก็ฉันนั้น ยังไงก็อย่าให้ผีในป่าช้าหัวเราะเอาเป็นดี และอย่าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหลง ที่พุทธองค์ตรัสว่าเสียเวลาและเสียทีเกิดมาพบพุทธศาสนา -
หนึ่งในมรรค 8 คือ สัมมาวาจา
สัมมาวาจาเป็นเช่นไร Tamjugg รู้หรือไม่? -
"บุคคลอย่าพึงดูหมิ่นบาปว่า บาปมีประมาณน้อย [พอประมาณ] จักไม่มาถึง"
"แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตกทีละหยาดๆ [ฉันใด] คนพาลสั่งสมบาปแม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบาป [ฉันนั้น]"
(๒๕/๑๙) #ธรรมะ
ภาวนาไม่ถึงไหน ไม่เกิดอภิญญาแต่ยังก็แถไปได้.... เก่งจริงๆอินทรบุตร!!! ว่าจะไม่พูดตรงๆแล้วกลัวเสียน้ำใจกัน แต่นายดันพูดไม่รู้เรื่องอินทรบุตรเอ๋ย.. เหอะๆ -
วิปัสนากรรมฐานจาก7วันไม่เกิน7ปี แต่นี้เวลาผ่านมา10ปีแล้วยังไม่เข้าใจในฌาน8 ก็ยังไม่รู้จักพิจารณาตัวเอง ทุกข์เท่านั้นที่เกิด....
-
หลักธรรมของพระพุทธองค์ถูกต้องแล้ว มองที่จิตของตนเถิด เป้าหมายของจิตคือสิ่งใด จิตตนย่อมรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างคือความว่างเปล่า สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนา
-
ขอโทษครับ ด้วยปัญญาอันน้อยนิดของผม สงสัยว่า อรูป คือ พ้นจากรูป หรือ กายสังขารดับแล้วจะมีมหารูปภูติ 4 อยู่ได้อย่างไรครับ ผมเคยคุยกับผู้ที่ได้ อรูปฌาณมาก่อน ท่านบอกว่ากายกับจิตจะแยกออกจากกัน รูปที่กระทำสักแต่ว่ารู้ แต่มโนสังขารกับวจีสังขารยังอยู่
-
ไปอ่านธาตุกัมฐานทั้ง4ดู ผลจากการปฏิบัติจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดี แต่คนบางพวกไม่เกิดคุณวิเศษแล้วยังหลอกตัวเองต่อไป ง่ายๆนะมาถูกทางย่อมเกิดอภิญญาและได้พบะุทธเจ้าได้เหมือนกรรมฐานที่ผมบอก
-
เราต่างหาทางหลุดพ้นกันทั้งนั้นไม่มีไครที่อยากเวียนว่ายตายเกิดอยูอย่างนี้ ส่วนผมผมดีใจที่รู้จักพระธรรมถึงไม่รูอรรถรู้ธรรมมากมายผมก็ภูมิใจที่อยู่ในร่มเงาของพระพุทธองค์. จิตอะไรไม่สำคัญเท่าจิตเรา
-
คุณ Tamjugg ผมว่าไม่ถูก
อยากได้ลาภยศสรรเสริญ อย่าว่าแต่อภิญญาเลย ได้ฌานก็เก่งแล้ว ไปแบบเต็มด้วยโลภโกรธหลงเตมด้วยขยะ จะเกิดปัญญาญานหยั่งรู้ได้จริงทั้งๆกิเลสหนาหรออินทรบุตร ปัญญาหนอปัญญา ...
งั้นพระอริยะเจ้าคงไม่จำเป็นต้องสละเงินทองทรัพย์สมบัติปลงโลภโกรธหลงมาบำเพ็ญภาวนากันหามรุ่งหามค่ำและรักษาศีลให้เหนื่อย
ตรง
บำเพ็ญภาวนากันหามรุ่งหามค่ำและรักษาศีลให้เหนื่อย
ผมว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัติแต่พอดีมากกว่ามั้ง ลองไปอ่านนี่ดูครับ โดนหลอกแล้ว
http://palungjit.org/threads/เรื่อง...งต้องระมัดระวังตัวอย่างสูงมากเท่านั้น.497706/
ระวังโดนหลอกด้วยคำสวยหรูเด้อ -
พระอริยะเจ้าสมัยพุทธกาลมีบุญบารมีมากยังทำความเพียรอย่างหนัก หลายท่านภาวนา7วันติดจนง่วงนอนพุทธองค์ทรงประทานวิธีแก้ห่วงให้ ลองเอาไปอ่านดู แต่หากทำความเพียรเยอะแล้วไม่ละกิเลสย่อมไม่เกิดประโยชนเช่นกันถ้าทำมาแล้วกิเลสหนาเหมือนเดิม
-
ต่างคนก็ต่างด้วย มรรคา
ตาบอดจักมาบอกทางได้
ตัวยังมัว งมงายคลำช้างอยู่
อย่าชี้โพลงให้มั่ว ละเลิกอัตตา -
ผลจากการปฏิบัติและเวลาที่ใช้ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี..บัณฑิตเท่านั้นที่รู้กัน
ภาวนามานาน ไม่เกิดคุณวิเศษแล้วยังบอกว่าทางของตนถูก จะไม่ให้เกิดทุกข์? -
หน้า 14 ของ 15