เคล็ดการโมทนาบุญ ตามหลักบูรพาจารย์
การโมทนา แปลว่า “ยินดีด้วย” สิ่งสำคัญที่จะให้เกิดบุญสูงสุดคือ ต้องกล่าวคำสาธุยินดีด้วยความจริงใจ หากสักแต่กล่าวว่า สาธุๆๆ ไปอย่างนั้น มันก็จะไม่ได้อะไร แต่คำว่า “สาธุ” นั้นก็ไม่จำเป็นต้องออกเสียงหรือไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้ เพียงแต่เอาใจที่ยินดีทำก็เกิดผลบุญได้เลย
การแสดงความยินดีกับคุณงามความดีหรือความสำเร็จของผู้อื่นเป็นคุณธรรมของพระพรหมก็คือ “มุทิตา” เป็นตัวหนึ่งใน พรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นบุญใหญ่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา” ถ้าก่อนตายจิตผ่องใส ก็ไปสู่สุคติ หมายถึง สวรรค์ ก็ได้ พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้ สุดแล้วแต่กำลังใจของเรา
การโมทนาบุญนั้นพึ่งเข้าใจว่าเป็นการทำให้จิตใจชุ่มชื่นใจ เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีกับความดีของเขาไม่ช้าตัวของเราเองก็อยากจะทำความดีตามเขาบ้างเพราะเราเห็นเขาดีเราก็ชอบ เป็นการสร้างพื้นฐานพลังแห่งบุญให้เกิดขึ้นในจิตด้วยตัวเองและเป็นจุดเริ่มต้นในการขวนขวายสร้างคุณงามความดีอื่นๆ ต่อไป
สิ่งที่พึงระมัดระวังในการโมทนาบุญก็คือ “ความอิจฉาริษยา” นั้นเป็นตัวทำลายบุญประเภทนี้อย่างแรงกล้า ประเภทที่ว่ากลัวคนอื่นจะได้บุญมากกว่าเรา หรือคิดไปเองว่าบุญเราจะหมด เราอุตส่าห์ทำมาอย่ามาแย่งบุญของฉัน ฉันไม่ให้หรอก
เมื่อใดที่จิตคิดเช่นนี้จิตก็จะปรากฏความเศร้าหมองทำให้บุญที่เราทำมีผลย่อหย่อนลงไป และทำให้เราไม่ได้กุศลจากการโมทนาบุญของผู้ขอโมทนาบุญจากเราเลย จึงควรวางกำลังใจและอธิฐานจิตเราเมื่อมีผู้ขอโมทนาบุญจากเราเสมอว่า
“ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับท่านทั้งหลายที่ขอโมทนาบุญกับเราในทุกครั้งทุกโอกาส ไม่ว่าเราจะทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตก็ดี ที่เราได้ทราบก็ดี ไม่ทราบก็ดี จะเป็น มนุษย์หรือเทพพรหม เทวา พญานาค ก็ดี ที่มีกายเนื้อก็ดี ไม่มีกายเนื้อก็ดี ขอให้เขาเหล่านี้ จงประสพแต่ความสุขพ้นจากความทุกข์พ้นภัยจากวัฏสงสาร สัมผัสพระนิพพานอันเป็นบรมสุขด้วยเทอญ”
การโมทนาบุญยังแบ่งออกได้ตามขนาดของบุญและวาระได้สามประการคือ
1. การอนุโมทนา หมายถึงการโมทนาบุญของบุคคลใดในการทำบุญเฉพาะครั้งใดครั้งหนึ่ง เช่น พ่อแม่ได้ไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด เราก็ได้อนุโมทนาบุญยินดีในบุญนั้นด้วยครั้งหนึ่ง
2.การโมทนาบุญ หมายถึงการโมทนาบุญยินดีในบุญจากกองกุศลที่หมู่คณะนั้นได้บำเพ็ญ เช่น การโมทนาบุญกฐินทาน ผ้าป่า หรืองานสมโภชฉลองสิ่งก่อสร้างทางศาสนสถาน หรือการโมทนาบุญของบุคคลใด บุคคลหนึ่งโดยเฉพาะในบุญที่เขาผู้นั้นบำเพ็ญมาตลอด เช่น โมทนาบุญคุณความดีของพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้บำเพ็ญเพียรมาตลอดชีวิต เป็นต้น
3.การมหาโมทนาบุญ หมายถึงการยินดีโมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้นแบบทั่วอนันต์จักรวาล ทั้งสามภพและหนึ่งนิพพาน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งล่วงข้ามมิติของสถานที่และกาลเวลา ถือเป็นมหากุศลที่จะไหลรวมมาหล่อเลี้ยง ดวงจิตของพระโพธิสัตว์ทุกดวงให้สว่างไสว การมหาโมทนาบุญนี้ เป็น การปฏิบัติมุทิตาบารมีระดับสูงสุด ซึ่งเกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งสำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนา
ครั้งที่พระบรมโพธิสัตว์สิทธัตถะได้บำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นโพธิ์จนสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งนั้นมี เหล่าเทวดาจากทั่วทุกสวรรค์ชั้นฟ้า ลงมากระทำมหาโมทนาสาธุการแด่พระพุทธเจ้าเป็นอันมาก เมื่อตรัสรู้แล้วก็บังเกิดแสงสว่างอันเจิดจรัสหาประมาณไม่ได้ปรากฏขึ้นไปทั่วจักรวาล นี่คือพลังแห่งการร่วม “มหาโมทนาบุญ” ในการสำเร็จซึ่งบุญบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในการโมทนาบุญคุณความดีนั้นมีพลังบุญเกิดขึ้นแน่นอน หากยังไม่เคยฝึกก็ลองตั้งจิตให้เป็นกุศลนึกยินดีกับทุกความดีที่ผู้อื่นทำ อย่างน้อยใจเราก็เป็นสุขสบายไม่มีความอิจฉาริษยาใดๆ เมื่อความริษยาไม่เกิดก็จะไม่มีการเบียดเบียน มีแต่การมุ่งจะสร้างคุณงามความดีบ้างและจะมุ่งทำความดีให้มากยิ่งขึ้น เป็นการต่อบุญไปสู่การสร้างบุญในระดับอื่นที่ยิ่งยวดขึ้นไป เช่น การรักษาศีล และการเจริญภาวนาต่อไป
ตัวอย่างการกล่าวคำโมทนาบุญแบบต่างๆ
การอนุโมทนาบุญท่านผู้ทรงพระคุณความดี (นับแต่พระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวก ครูบาอาจารย์)
โมทนาสาธุ ๆ ๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมี พระคุณความดีทั้งหลายทั้งปวงของ............./ท่านพระอาจารย์..........บุญบารมีพระคุณความดีใด ๆ ที่........../ท่านพระอาจารย์.......... ได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมีพระคุณความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในบุญบารมีพระคุณความดีของ.............../ท่านพระอาจารย์..............นั้น ด้วยเทอญ
*** ธรรมใด ที่............/ท่านพระอาจารย์.......ได้ถึงที่สุดแล้ว ก็ขอให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึงซึ่งธรรมนั้น เจริญตามรอย............../ท่านพระอาจารย์ ด้วยเทอญ โมทนาสาธุ ๆ ๆ (***กรณี ที่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม)
*** ใช้ได้กับทุกพระองค์ ทุกท่าน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ และละสังขารไปแล้ว
*** หลังจากนั้น ถ้าเราจะขอพรเพื่อความสำเร็จต่าง ๆ ก็ให้ว่าไป โดยเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามธรรม
การอนุโมทนาบุญท่านผู้ทรงความดี ทั่ว ๆ ไป
โมทนาสาธุ ๆ ๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมี ความดีทั้งหลายทั้งปวงของท่าน...................บุญบารมีความดีใด ๆ ที่ท่าน........... ได้บำเพ็ญมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในบุญบารมีความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในบุญบารมีความดีของท่าน............นั้น ด้วยเทอญ
การอนุโมทนาบุญบุคคลธรรมดา ทั่ว ๆ ไป
โมทนาสาธุ ๆ ๆ ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในส่วนความดีทั้งหลายทั้งปวงของ...................ส่วนความดีใด ๆ ที่........... ได้กระทำมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้า/กระผม/ดิฉัน/หนู/ลูก (ตามแต่สะดวกจะเรียกตนเอง) ขอโมทนาในส่วนความดีนั้นทั้งหมด และขอให้ข้าพเจ้าได้มีส่วนในความดีของ............นั้น ด้วยเทอญ
หมายเหตุ
............ที่เว้นไว้ให้บอกชื่อของครูบาอาจารย์/ท่านผู้ทรงพระคุณความดี/บุคคลที่เราได้โมทนา ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่ว ๆ ไป สำหรับบางคนอาจจะไม่ลงใจกับคนบางคน (คือทำใจไม่ได้ที่จะโมทนาความดีของเขา) โดยอาจเห็นว่าเขาคนนั้นไม่ดี หรือ คนๆนั้นเป็นปฏิปักษ์กับเรา ก็ขอให้คิดเสียว่าสำหรับคนทั่วไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็ต้องมีบุญกุศลความดีมาอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้มาเกิดเป็นคน
สำหรับตัวเรา เราก็ขอโมทนาแต่เฉพาะในส่วนที่ดีของเขา (ซึ่งในส่วนที่เขาทำดีไว้ เราอาจมองไม่เห็น ไม่ทราบก็ได้) การโมทนาบุญผู้อื่นบ่อย ๆ นั้น เป็นการฝึกจิตให้มีเมตตาต่อทุก ๆ คน และลดละความอิจฉาริษยา ทำให้รู้จักการให้อภัย
****#พระพุทธเจ้า #ธ.ธรรมรักษ์ #หนังสือธรรมทาน #ธรรม #โมทนา
เคล็ดการโมทนาบุญ ตามหลักบูรพาจารย์
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 8 ตุลาคม 2016.
-
-
สาธุครับ เป็นความรู้ดีมากเลย
-
ไปก๊อปมาจากเวบอื่น ควรให้เครดิตเวบเขา
เวบต้นฉบับ เขาอาจต้องใช้เวลาคีย์นานหลายชั่วโมง
ก๊อปบ่อยๆ ลงในเวบพลังจิต เปิดกระทู้มากมาย บางกระทู้ไม่ให้เครดิตเวบต้นฉบับ พึ่งพิจารณาความเหมาะสมด้วย
https://torthammarak.wordpress.com/2014/06/06/สาธุ-คำเดียวก็ได้บุญมห/ -
-
ตอนที่ขออนุญาติทางเฟสไหนก้อตาม เค้ามีแต่อนุโมทนาสาธุกันค่ะ ไม่มีใครมาจ้องจับผิดว่าเอาไปลงแล้วจะใส่เครดิตครบมั้ย เพราะทุกคนมองถึงแต่เรื่องประโยชน์ในการเผยแพร่ ไม่มีใครมองในแง่ลบว่าจขกท. จะแอบอ้าง เอาบทความมาและสวมรอยว่าเขียนเอง ^_^
-
กรุณาเบิ่งตาให้กว้างๆด้วย ว่าท่านผู้ดูแลท่านเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขข้อความให้ ท่านไม่ได้อยู่แต่ในกะลานะคะ ที่จะไม่รู้อะไรเป็นอะไร
-
-
การมองแต่เรื่องผลประโยชน์ มันไม่ถูกต้อง ควรต้องมีสามัญสำนึก เอาของคนอื่นมา ก็ควรให้เครดิต
หากมองแต่เรื่องผลประโยชน์การเผยแผ่ ไม่ต้องให้เครดิต ไม่ระบุที่มา แล้วพรบ.ที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ จะมีไว้ทำอะไร จะมีเพียงบางเวบที่อนุญาตให้ก็อปได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
การบอกต่อเรื่องธรรมะหริอนำธรรมะไปแสดงต่อ จะใช้คำว่าเผยแผ่ ถ้าใช้เผยแพร่ แสดงว่ายังไม่รู้จริง
ตอบมาแบบนี้เข้าใจธรรมะเพียงใด
หากไม่ฟังเสียงคนมาติ ต้องการแต่คำชม ชอบแต่คนกด Like หรือชอบแต่คำ สาธุ ก็ตามใจ
อยากแสดงว่ารู้ธรรมะเยอะ อยากเด่น อยากดัง เปิดกระทู้มากมาย อยากติดอันดับ 1 เวบพลังจิตก็ตามใจ
มีคนเข้าไปถามในกระทู้ที่คุณไปก็อปปี้มาลง เห็นคุณไม่ได้ตอบเขาหรือตอบไม่ได้ จะมีประโยชน์ในส่วนหนึ่ง ส่วนที่ค้างคาใจต้องไปถามคนที่รู้จริง เพราะคุณถนัดแต่ก็อปมาลง