เคล็ดลับของบุญที่ต้องทำให้กับตนเองด่วน.. จากครูบาอาจารย์ทั่วโลก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย john2518, 13 พฤศจิกายน 2010.

  1. john2518

    john2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +561

    เรื่องจริงที่ต้องทำให้กับตนเองด่วน...รวบรวมจากครูบาอาจารย์ทั่วโลก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ก่อนนั่งสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ หรือทำความดี ต้องตรวจเช็คก่อนว่ามีศีลครบหรือไม่<O:p></O:p>
    เพราะการทำความดีให้ได้บุญเต็มกำลัง ศีลของเราต้องบริสุทธิ์ เสียก่อน บุญจึงจะส่งผลให้ตัวเรา<O:p></O:p>
    และผู้ที่เราต้องการจะให้บุญ จะได้รับอย่างรวดเร็ว บางคนก็รับศีลมาจากพระที่วัด<O:p></O:p>
    หากไม่ได้ไปวัดให้อาราธนาศีลศีล ต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้าน หรือน้อมจิตนึกถึงภาพ<O:p></O:p>
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ก็ได้<O:p></O:p>
    (การอาราธนาศีลและสมาทานศีลนั้นเป็นการบอกว่า ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าต้องการที่จะทำความดี)<O:p></O:p>
    (ข้าพเจ้ากำลังอาบน้ำชำระร่างกาย ชำระจิต ให้สะอาด ณ เวลานี้)<O:p></O:p>
    ซึ่งเมื่อจิตสะอาด ณ เวลานั้น บุญที่จะทำก็เป็นบุญที่สะอาด บริสุทธิ์ เพราะตัวเรามีศีล ผู้รับก็รับได้อย่างดี<O:p></O:p>
    พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือเทวดาที่รักษาตัวเรา ที่รับ หรือญาติของเรา หรือ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย<O:p></O:p>
    ก็อนุโมทนาสาธุ<O:p></O:p>
    เพราะบุญสะอาด รับไปก็ไม่ร้อน คนทั่วไปจึงนิยมทำบุญกับคนที่มีศีล เคร่งๆเพราะผู้รับรับได้อย่างบริสุทธิ์<O:p></O:p>
    ถึงแน่นอน....(ส่งจดหมายเร็ว)<O:p></O:p>
    ขอให้รู้ว่า อาราธนาศีลทุกครั้งก่อนทำความดี.....หากเราไม่แน่ใจว่าเราผิดศีลหรือศีลครบหรือไม่<O:p></O:p>
    ก็ให้เริ่ม อาราธนาศีลใหม่ได้ทุกเวลา เปรียบเหมือนเราอาบน้ำทุกครั้ง ก่อนที่เราจะสวมเสื้อผ้า<O:p></O:p>
    หรือล้างมือก่อนกินข้าวทุกครั้ง มันก็ไม่มีเชื้อโรคปะปนไปด้วยแน่นอน<O:p></O:p>
    การอาราธนาศีลก็เช่นกันต้องอาราธนาก่อนทำความดีมันก็จะได้พลังนั้นๆอย่างสมบูรณ์<O:p></O:p>
    การทำความดีให้เกิดบุญ ทำได้ทุกเวลา จะนั่ง เดิน ยืน นอน หรือขับรถ หรือนั่งที่ไหน ทำได้ทุกขณะเวลา<O:p></O:p>
    เพราะทุกเวลา ความตายกำลังรออยู่ ต้องรีบทำซะก่อนที่ไม่มีโอกาสได้ทำ<O:p></O:p>
    อาจจะภาวนาว่า พุทโธ หรือ สวดมนต์ ที่เราชอบบ่อยๆก็ได้ถ้าทำอะไรไปก็อย่าลืมนึกถึงพุทโธ<O:p></O:p>
    ( ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ) คือนึกถึงลมหายใจเสมอ ก็จะเกิดสติ แน่นอน ยิ่งทำมาก ก็จะเกิด อานิสงส์มากขึ้น<O:p></O:p>
    เปรียบเหมือนปลูกต้นมะม่วง รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย อยู่เสมอ ไม่นาน มะม่วงก็จะ ออกดอก ออกผล<O:p></O:p>
    ให้ท่านแน่นอน<O:p></O:p>
    บางคนทำบุญแล้ว ไม่รีบอธิษฐานบุญภายใน 5 วินาที บุญก็จะส่งไปอยู่บนสวรรค์หมด<O:p></O:p>
    รอไว้ใช้ชาติหน้าอย่างเดียว บางคนจึงบ่นว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี เพราะไม่รู้หลักวิธี<O:p></O:p>
    ดังนั้นมันก็มีวิธีเบิกบุญจากสวรรค์ ที่เราทำมา ที่เราเคยลืม อธิษฐานภายใน 5วินาทีที่ผ่านมานำมาใช้ได้<O:p></O:p>
    โดยใช้อำนาจของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นตัวเบิกบุญ มาให้เรา กล่าวคือ..<O:p></O:p>
    ให้ท่านตั้ง นะโม 3จบก่อน แล้วกล่าวว่า ขออำนาจคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์(พระรัตนตรัย)<O:p></O:p>
    จงเบิกบุญของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าทำไว้มาให้กับ.(......เอ่ยชื่อออกมา.............ขอให้บุญกุศลบันดาลให้...............<O:p></O:p>
    ต้องทำบ่อยๆได้ผลมามากนัก)<O:p></O:p>
    บุญเปรียญเหมือน เงิน พระรัตนตรัย เปรียบเหมือน บัตร เอทีเอ็ม เวลาลำบาก ก็ เบิกบุญมาใช้ได้<O:p></O:p>
    แต่ต้องรู้หลักวิธี ไม่ต้องกลัวว่าเบิกบุญแล้วจะหมด มันสะสมมาหลายภพหลายชาติ แล้ว<O:p></O:p>
    แต่ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะตัวเราทำกรรมไว้เยอะหลายภพชาติ<O:p></O:p>
    เราจึงเกิดมาเพื่อ ให้สร้างความดี และเพื่อชดใช้กรรม……….<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ก่อนที่จะตายไป ตายไปแล้วก็จะไปเกิดตามกำลังของบุญและบาป บุญมากก็ไปสบายหน่อย<O:p></O:p>
    อาจจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อให้ชดใช้กรรมอีกสัก60 หรือ80 ปี แล้วตายใหม่ไปเกิดเป็นพรหม สัก100ปี<O:p></O:p>
    แล้วตายใหม่อยู่อย่างนี้ แต่ถ้าจิตปล่อยวางได้แล้วทุกอย่างไม่มีกิเลสก็ไปนิพพานทันที<O:p></O:p>
    ระหว่างที่เป็นเทวดา ทำความดีไว้ ก็สามารถเกิดใหม่ในลำดับชั้นที่สูงๆๆขึ้นไป จนไม่มีกิเลส จริงๆจึงเข้าแดน <O:p></O:p>
    ปรินิพพานได้คือไม่ต้องมาเกิดแล้ว<O:p></O:p>
    หากที่เกิดเป็นเทวดาหรือพรหม แล้วไม่สร้างบุญกุศล ก็มีสิทธิ์หล่นมาเป็นมนุษย์ใหม่ หรือสัตว์ได้เหมือนกัน<O:p></O:p>
    ตามกำลังบุญและบาปตรงนั้น ชีวิตเวียนว่ายตามกรรมที่กระทำ ตรงนั้น<O:p></O:p>
    บุญคือเครื่องชำระจิตใจให้ใสสะอาด และสงบ ยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ได้ พร้อมแก้ปัญหาต่างๆได้<O:p></O:p>
    โดยการพิจารณาหาเหตุและผล<O:p></O:p>
    บาปคือจิตที่หมองเศร้า มีทุกข์ เอะอะโวยวาย รำคาญ โกรธ ทะเลาะวิวาท อิจฉาริษยา เสียใจ<O:p></O:p>
    ย่อมทำให้ดวงจิตหมองเศร้า ก่อให้เกิดบาปทั้งสิ้น คือขยะที่อยู่ในใจ ไม่ยอมลบทิ้งออกไป<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    **ดังนั้นชีวิตของเราหากยังไม่สิ้นกิเลสก็ต้องเวียนว่าย ตายเกิดอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ<O:p></O:p>
    และบางชาติจะได้สวดมนต์ไหว้พระหรือทำความดีหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้เลย<O:p></O:p>
    ขอให้รู้ว่าทุกท่านโชคดีที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนา และมีโอกาสได้สร้างความดี<O:p></O:p>
    ดูสัตว์ต่างๆที่เกิดมา ไม่รู้เมื่อไหร่จึงจะได้มาเกิดมาเป็นมนุษย์ และกว่าจะได้สร้างความดีอีก มันยากจริงๆ<O:p></O:p>
    เส้นทางนิพพานช่างไกลสิ้นดี สำหรับสัตว์เหล่านั้น หรือเราต้องพาสัตว์ไปทำบุญด้วยล่ะ หรือให้สัตว์ฟังธรรม<O:p></O:p>
    สัตว์เหล่านั้นต้อง ตายเกิดๆ อีกนานมาก - และท่านละเกิดมากี่ชาติแล้ว จะเกิดใหม่อีกเท่าไหร่ยังไม่รู้เลย<O:p></O:p>
    บางคนอวดเก่ง หารู้ไม่ว่า สุดท้ายก็ต้องตายเช่นกัน แล้วจะอวดเก่งทำไม..ทำไมไม่ทำให้มันประเสริฐล่ะ<O:p></O:p>
    ดังนั้นเราต้องหมั่นสร้างกุศลให้มากที่สุดและอธิษฐานให้ได้เข้าถึงนิพพาน<O:p></O:p>
    ในชาตินี้และชาติหน้าให้ได้ เพื่อยุติการเกิดของเรา เพราะเกิดมาย่อมเป็นทุกข์<O:p></O:p>
    ต้องพัฒนาจิตให้สะอาด ด้วย ศีล สมาธิ และภาวนา ปัญญา อยู่เสมอ<O:p></O:p>
    ( ตัวอย่างเช่น ให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ทำผิดให้ถูก สงเคราะห์ช่วยเหลือ<O:p></O:p>
    มีความเมตตา ให้ธรรมะเป็นทาน สุภาพอ่อนโยน การให้ส่วนบุญ การพลอยยินดีเมื่อได้ทำบุญ<O:p></O:p>
    อนุโมทนาสาธุ การบวชเรียน มีความกตัญญู มีความเมตตาต่อผู้อื่นและสรรพสัตว์<O:p></O:p>
    และการให้ให้อภัยทาน หรืออโหสิกรรม<O:p></O:p>
    **นี่คือหลักการทำบุญง่ายๆที่ทำให้ท่านเข้าถึงบุญได้และดวงจิตผ่องใสและพ้นทุกข์***<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ดังนั้นเพื่อให้เกิดบุญสูงสุดต้องอาราธนาศีล 5 หรือ ศีล 8 ก่อนทำความดีหรือสวดมนต์<O:p></O:p>
    ตอนเช้าหรือก่อนนอนทุกครั้ง<O:p></O:p>
    บุญก็มีกำลังมหาศาล ท่านก็เลือกเอาว่าจะถือศีลอะไร บางคนวันพระก็ถือศีล 8 เป็นต้น<O:p></O:p>
    การสวดมนต์ รักษาศีล หรือนั่งสมาธิ เป็นบุญชนิดหนึ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องเสียตังค์ มีผลบุญมาก<O:p></O:p>
    ทำให้ท่านสามารถเข้าถึงนิพพานได้ และมีผลบุญมาก<O:p></O:p>
    สวดมนต์น้อยก็เหมือนอาบน้ำ น้อย สวดมนต์เยอะๆร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง จิตก็จะได้สะอาด บริสุทธิ์ <O:p></O:p>
    คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเขาทำมาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ ไม่ใช่ทำวันนี้แล้วขอให้ถูกรางวัลที่1 มันก็มากเกินไป<O:p></O:p>
    ปลูกต้นไม้แล้วก็อย่าไปเร่งเอาผลมันเดี๋ยวมันก็ตายเอา เพราะจิตคิดแต่จะได้ กลายเป็นอกุศล มาแทนเอา<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ปล่อยไปตามธรรมชาติของมันเอง มันก็จะไปตามวาระของจิต แล้วธรรมชาติ ก็จะบันดาลผลให้ท่านเอง<O:p></O:p>
    เพราะธาตุทั้ง 4 ดินน้ำลมไฟ อยู่ในตัว ของท่านเอง...ดังนั้น ฝนจะตก แดดจะออก ลมจะพัด<O:p></O:p>
    ไฟจะไหม้ก็อย่าไปด่า ไม่พอใจใครก็อย่าไปว่าให้วางเฉย พูดแต่สิ่งดีๆคิดแต่สิ่งที่ดีๆทำแต่สิ่งที่ดีๆ<O:p></O:p>
    เพราะธาตุทั้ง 4อยู่ในตัวท่านเอง เท่ากับสาปแช่งตัวเอง.<O:p></O:p>
    รักธรรมชาติ ธรรมชาติก็ไม่ทำร้าย เราแน่นอน.และธาตุในตัวนี้จะส่งผลให้เราก้าวหน้า...ต่อไป..(.ของดีอยู่ในตัว)<O:p></O:p>
    คนที่รู้จักธาตุดีแล้วก็สามารถสวดภาวนาสร้างบุญฤทธิ์และ อิทธิฤทธิ์ได้แน่นอน เป็นต้น<O:p></O:p>
    อย่างพระพุทธเจ้าของเรา และผู้เจริญภาวนาทั้งหลาย<O:p></O:p>
    ผู้ใดหมั่นรักษาดวงจิตให้สะอาดอยู่เสมอ ด้วยการทำความดีทั้งปวง หรือสวดมนต์ รักษาศีล หรือนั่งสมาธิภาวนา<O:p></O:p>
    ผู้นั้นถือว่าไม่ประมาท เมื่อความตายมาถึง เพราะมีสติตามทัน ภาวนาทัน ก่อนที่จะขาดใจตายและมีเสบียงบุญเพียงพอ<O:p></O:p>
    ที่จะไปสู่ภพชาติที่ดีกว่าแน่นอนและไม่ต้องหวังให้คนอื่นทำบุญไปให้ เพราะไม่มีความชัวร์<O:p></O:p>
    ****ขอให้ท่านพิจารณาถึงชีวิตตัวเราให้แน่นอนและชัดเจนว่า****<O:p></O:p>
    ถ้าพรุ่งนี้...ท่านตายไป...มันคงไม่จบแค่ตรงนี้..แน่นอน...แต่มันยังมีต่ออีกมากมาย…..<O:p></O:p>
    คิดแล้วท่านรับมือกับความตายแล้วหรือยัง...อะไรบ้างที่ช่วยท่านได้ในตอนนี้.....ลองนึกดูซิ.........<O:p></O:p>
    **การตายก็คือการย้ายภพ การเปลี่ยนร่างใหม่.....ไปอยู่อีกมิติหนึ่ง จักรวาลหนึ่ง*****<O:p></O:p>
    วิธีทดสอบดูว่าภพชาติมีจริงหรือไม่วิญญาณมีจริงหรือไม่<O:p></O:p>
    ท่านต้องฝึกทำสมาธิและเจริญกรรมฐานและวิปัสสนา<O:p></O:p>
    ให้ได้จากระดับเบื้องต้นถึงชั้นสูง แล้วจิตของท่านจะละเอียด จะสัมผัสเห็นในสิ่งที่อยู่ข้างๆท่านอีกภพหนึ่งได้<O:p></O:p>
    ค่อยๆฝึกทำไปหรือนึกถึงคนที่ตายบ่อยๆด้วยจิตที่เป็นสมาธิ เขาก็จะรับรู้<O:p></O:p>
    หากนั่งแล้วไม่เห็นอะไร ก็อย่าวิตกกังวล ให้ถือเอามาเป็น วิปัสสนากรรมฐาน<O:p></O:p>
    คือถืออารมณ์สงบจากการภาวนา หรือจิตสงบ เข้ามาทบทวนแก้ไขและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ<O:p></O:p>
    คือการเข้าใจในทุกข์ อริยสัจสี่ ความจริง4ประการ ทุกข์เกิดจากอะไร จะหาหนทางแก้ไขอย่างไร<O:p></O:p>
    แล้วรับลงมือแก้ไข สุดท้ายเราก็ก็จะพ้นทุกข์ ความสบายใจก็จะมา<O:p></O:p>
    และเห็นพระไตรลักษณ์ ในตัวเรา ความไม่เที่ยงของตัวเราและผู้อื่น และสรรพสัตว์ในโลกนี้<O:p></O:p>
    ย่อมไม่มีตัวตนที่คงทน มีเกิดมีดับเป็นธรรมดา มี เกิด มีตาย ไม่จีรังยั่งยืน แม้แต่ต้นไม้ สรรพสัตว์<O:p></O:p>
    สิ่งของทั้งหลาย คนที่เรารัก ญาติพี่น้อง ก็เหมือนกันก็ต้องจากลากัน...<O:p></O:p>
    ทำให้เราปล่อยวางในสิ่งตรงนี้ได้ ไม่ยึดติด ในรูป รส กลิ่น เสียงกิเลสก็เบาบางลง ไม่ติดในรูปและนาม<O:p></O:p>
    เมื่อจิตเข้าสู่อารมณ์สมาธิสูงก็จะทำให้เกิดปัญญาขึ้นมาคือรู้แจ้งเห็นจริง มองคนก็มองทะลุถึง ตับไตไส้พุง ลำไส้<O:p></O:p>
    ว่าไม่สวยไม่งาม มีหนังคอยหุ้มร่างกาย ถ้าดึงหนังห่อหุ้มออกก็จะมีแต่ความน่าเกลียดไม่สวยไม่งาม<O:p></O:p>
    แม้แต่อุจจาระก็ยังเหม็น แม้แต่ในปากก็ยังมีขี้ฟัน แต่คนทั่วไปที่ยังไม่เห็น สัจธรรมความจริงนี้<O:p></O:p>
    ก็ยังยึดติดอยู่ในรูปของความสวยงามอยู่ ยังหลงรูปอยู่<O:p></O:p>
    ยังไม่เข้าใจนาม คือความจริงที่ปรากฏ เส้นทางที่ดวงจิตจะหลุดพ้นจิตเป็นอิสระไม่มีเครื่องผูกมัด<O:p></O:p>
    สู่พระนิพพาน ก็ยากเช่นกัน<O:p></O:p>
    เมื่อนั่งสมาธิบ่อยๆ ผลที่ได้จิตของท่านก็สงบมาก ดวงจิตจะค่อยๆสะอาดขึ้นๆ เกิดบุญด้วย…<O:p></O:p>
    เมื่อบุญเกิดท่านก็ แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ ก็ได้อีก.เพราะท่านสร้างบุญเอง<O:p></O:p>
    นี้คืออานิสงส์แห่งการปฏิบัติเองได้เองอย่างแท้จริง.....<O:p></O:p>
    บางคนนั่งสมาธิและบางครั้งจะได้เจอคนที่ตายไปแล้วบ้างมาหาท่านอาจจะเห็นด้วยตาเนื้อ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หรืออาจจะฝันไปเพราะดวงจิตไปประสบพบเจอกัน หรือเจอเรื่องราวแปลกทางจิต ก็ไม่ต้องตกใจเพราะจิตสงบ<O:p></O:p>
    สิ่งเหล่านี้เวลาท่านตายไปได้เจอแน่นอน เพื่อนท่าน ญาติของท่าน แต่ตอนนี้ที่ท่านนั่งแล้วเห็น หรือฝันแล้วเจอ<O:p></O:p>
    เพราะมิติเวลาตรงนั้น กับสมาธิของท่านมันละเอียดพอ และจูนหากันได้นั่นเอง เหมือนคลื่นวิทยุที่เราหาเจอกันคลื่นเดียวกัน …<O:p></O:p>
    ทำไมเวลาตายไปจึงเจอง่ายจัง..?. เพราะสภาพจิตเป็นวิญญาณไม่มีร่างกายให้คอยยึดติด จึงมี อานุภาพสูง<O:p></O:p>
    คนที่ถอดจิตได้ จึงไปไหนมาไหนได้อย่างใจนึก เพราะปฏิบัติมาชำนาญ แยกกายแยกจิตได้<O:p></O:p>
    หากท่านไม่ต้องการพิสูจน์ก่อนตายท่านก็ คิดดี ทำดี พูดดี รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา ทำบุญทำทาน แผ่เมตตา<O:p></O:p>
    และสร้างความดีต่างๆไว้ให้มากๆแล้วกัน<O:p></O:p>
    แล้วท่านจะไม่เสียใจแน่นอนเมื่อวันที่ท่านหมดอายุขัยลงบนโลกใบนี้<O:p></O:p>
    และจากโลกนี้ ไปคงเหลือไว้แค่ร่างกายที่ต้องโดนเผาไฟ ทิ้งทำลายลงสู่ธรรมชาติ และความดีของท่าน<O:p></O:p>
    ที่ทุกคน ยังจดจำอยู่ ภพชาติของการเป็นมนุษย์ ของท่าน สิ้นสุดลงแล้ว.....<O:p></O:p>
    แต่ดวงจิตท่านไม่มีวันตายต้องไปหาที่อยู่ใหม่ตามกำลังบุญและบาปที่ท่านสร้างมา<O:p></O:p>
    จะไปสวรรค์หรือนรก หรือนิพพานท่านก็ต้องวัดดวงกันเอาเอง<O:p></O:p>
    ***แต่ที่แน่ๆหากมีบุญ-บาปอยู่ ก็ต้องโดนพิพากษา จาก กฎ ของสวรรค์ และ นรก แน่นอน<O:p></O:p>
    ตามเวลาที่สร้างกรรมทำไว้เช่น 50ปี หรือ80 หรือ100 หรือ300ปี หรือหลายๆๆปี<O:p></O:p>
    พ้นวิบากกรรมเมื่อไหร่ก็ไปเกิดใหม่อีก..จนกว่าจะเข้านิพพานคือการไม่มาเกิดแล้ว<O:p></O:p>
    แล้วเราจะเข้านิพพานได้อย่างไรล่ะ?<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    1.อยากเกิด เป็นคน ก็ต้องดิ้นรนใช้กรรมกันต่อไป (คนมีหลายระดับชั้น) ก็ต้องรักษาศีล5 ให้ได้<O:p></O:p>
    ต้องทำความดี ละเว้นชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์ แล้วต้องวัดดวงด้วยว่าเกิดในประเทศไหนถิ่นไหน ลำบากไหม<O:p></O:p>
    หน้าตาอย่างไร ฐานะอย่างไร ปัญญาได้แค่ไหน ตามกำลังศีลของเรา ว่าดีแค่ไหน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    2.อยากเกิดเป็นเทวดา ต้องรักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระ ทำความดี ละเว้นชั่ว มีความละอายต่อการทำบาป<O:p></O:p>
    ทำใจให้สงบ นั่งสมาธิ ทำทานโดยไม่หวังผลตอบแทน (เทวดามีหลายระดับชั้น)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    3. อยาก เกิดเป็น พรหม ซึ่งอยู่สูงกว่าเทวดา (มีหลายระดับชั้น) ต้องมีพรหมวิหาร4 คือ เมตตา กรุณา<O:p></O:p>
    มุทิตา อุเบกขานั่งสมาธิเจริญภาวนาได้ ฌาน ระดับเบื้องต้นถึงสูงสุด ทำทานโดยไม่หวังผล<O:p></O:p>
    ทำความดี ละเว้นชั่ว ทำจิตใจบริสุทธิ์ กตัญญูรู้คุณ สวดมนต์ภาวนาสะสมบาระมี<O:p></O:p>
    กิเลสเบาบางและเข้าสู่พระอรหันต์<O:p></O:p>
    4.อยาก เข้านิพพาน คือหยุดการเกิดของภพชาติต่างๆ ทำสมาธิได้ระดับ ฌาณ สูงๆ หรือจิตใจปล่อยวางเฉยมีอุเบกขามีอารมณ์สงบเย็น มีพรหมวิหาร4 เมตตากรุณา มุทิตา อุเบกขา หมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย คือ รัก โลภ โกรธ หลง พยาบาท ไม่มีความอยากทั้งปวงอยู่ในจิต ว่างจากกิเลส กิเลสตาย<O:p></O:p>
    มีบุญบาระมีจากการสะสมบุญมาทั้งหมดทุกภพชาติเพียงพอ ทำสภาวะจิตเข้าสู่นิพานได้อย่างชำนาญ<O:p></O:p>
    5..อยาก ตกนรก เป็นสัตว์ เดรฉาน เป็นเปรต เป็นผี คือทำชั่วทั้งปวง ผิดศีล ไม่มีบุญกุศลเพียงพอที่<O:p></O:p>
    จะช่วยตนเองได้ ก่อนจะตายจิตหมองเศร้านึกบุญไม่ออก ไม่มีสติ ทำร้ายจิตใจพ่อแม่ และการกระทำผิด<O:p></O:p>
    ทั้งกาย วาจา ใจทั้งหมด<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    วิธีแก้ไขต้องรีบสร้างบุญปาระมี ศีล สมาธิ ภาวนาและปัญญา และการทำความดีต่างๆให้มากที่สุดเพื่อกำหนดชะตาชีวิตได้ทันก่อนจะตายและไปสู่ภพชาติใหม่ คิด ทำดี พูดดี มีความเมตตา เป็นต้น มีสติระลึกรู้หลักการภาวนาอยู่เสมอไม่ประมาทก่อนตายจิตใจสงบนึกถึงบุญกุศลและการทำความดีและภาวนาสวดมนต์ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี หากทำฌานได้สมาธิสูงก็ถอดจิตไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอให้ ท่าน พญายม มารับ<O:p></O:p>
    เศษกรรมของคนที่ตกนรก เมื่อมาเกิดใหม่หากเป็นคนก็จะมีสภาพที่ไม่สมบูรณ์ จิตใจกาย วาจา ผิดปกติ มีนิสัยสันดานเดิม เลว ทราม หากไม่มีสติทัน หรือแก้ไขในตนเองตายไปก็ไปนรกใหม่อีก หากเศษกรรม<O:p></O:p>
    เกิดมาเป็นสัตว์ก็เกิดมาเป็นอาหารบ้าง ให้คนอื่นฆ่ากิน หรือใช้งาน ต่างๆนานา บ้างก็โดนทำร้าย บ้างก็ขาหัก พิการ นี้คือเศษกรรมทั้งหมด เมื่อเรารู้สภาวะกรรมแบบนี้แล้วพึงมีจิตใจเมตตาสงสารและอย่าดูถูกใครเลย เพราะทุกคนย่อมสร้างกรรมดีและกรรมชั่วไม่เท่ากัน แล้วกว่าสัตว์เหล่านั้นจะตายไม่รู้เมื่อไหร่จะได้มาเกิดเป็นคนอีกนอกจากความดีที่สัตว์เหล่านั้นทำไว้ การเกิดเป็นคนถือว่าประเสริฐสุดแล้วมีทางเลือกปฏิบัติได้ว่าตายแล้วจะไปที่ไหนได้แต่บางคนก็ประมาทมัวเมาไม่เร่งสร้างความเพียร สร้างทางกุศลปล่อยให้จิตหมองเศร้า คิดแล้วเสียชาติเกิดจริงๆอย่างนี้ตายเกิดๆๆๆสัก100 ครั้งก็ไม่มีวันหลุดพ้นภพชาติได้แน่นอน ดังนั้นเมื่อเรารู้แล้วก็รีบหาทางปฏิบัติตนเสียใหม่ ณ โอกาสนี้เลย เพื่อให้ดวงจิตสะอาดบริสุทธิ์ ถือว่ายังไม่สายพอ.....ขอให้โชคดี........เราทุกคนที่เป็นพ่อแม่ กันเป็นพี่น้องกันตอนนี้ขณะนี้หรือเป็นเพื่อนหรือญาติกัน พวกเราทุกคนก็ต้องตายจากลากันทั้งนั้น<O:p></O:p>
    ขอให้เราทั้งหลายจงรักกันมากๆ นี้คือโอกาสดีที่เราได้เจอกันต่อไปพวกเราคงไม่ได้เจอกันแล้ว..<O:p></O:p>
    ทำวันนี้ให้ดีที่สุด......ค่อยๆละ รัก โลภ โกรธ หลง มีกิเลสเบาบางลง มีจิตใจเมตตา และสวดมนต์ภาวนาอยู่เสมอ<O:p></O:p>
    ***ผู้ใดไม่เข้าใจชีวิต ก็เท่ากับเกิดมาเสียชาติเกิด เพราะหลงผิดเพราะวิบากกรรม ที่ทำมา ***<O:p></O:p>
    ***ผู้ใดเข้าใจชีวิตและมีสติ และหาหนทางแก้ไข และพัฒนาให้ดีขึ้นสูงขึ้น ผู้นั้นถือว่าไม่ประมาท<O:p></O:p>
    และประเสริฐแล้ว***<O:p></O:p>
    ***ขออนุโมทนาบุญแห่งการเริ่มต้นทำความดีให้ตัวเองในวันนี้..ก่อนพรุ่งนี้ไม่มีโอกาสได้ทำ***<O:p></O:p>
    แม้แต่พระพุทธเจ้ายังเบื่อการเกิดมา.......ซึ่งมีทุกข์... ..ยังหาทางหลุดพ้นได้<O:p></O:p>
    แม้พระองค์จะเคยสุขสบายมากว่าเรา ก็ทรงตัดทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม...<O:p></O:p>
    หากเรายังทำใจไม่ได้...ยังอยากเกิดอีก ภพชาติของเราก็จะทำได้แค่ นรก มนุษย์ สวรรค์ เท่านั้นเอง<O:p></O:p>
    แล้วเวียนว่ายตายเกิด คือยังไม่หมดกิเลส ยังไม่เข้าถึงนิพพาน แม้แต่อยู่บนสวรรค์ก็หล่นได้หากทำตัวไม่ดี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ทางที่ดีของเรามนุษย์เดินดินก็คือคือเดินทางสายกลาง เจริญสติปัฏฐานสี่เท่านั้นเอง มีสติ ตามรู้ทัน กาย<O:p></O:p>
    เวทนา จิต ธรรม ทำดี ละเว้น ชั่ว ทำจิตให้บริสุทธิ์ ปล่อยวาง สวดมนต์ นั่ง สมาธิ ควบคุมอารมณ์<O:p></O:p>
    มีความเมตตา ฝึกสมาธิ สะสมไปเรื่อยๆ<O:p></O:p>
    ถ้าอยากไปนิพพานคือไม่มีกิเลสแล้วความว่างเปล่า ก็คือการทำให้กิเลสตายลงในชาติปัจจุบันเดี๋ยวนี้ก็คือ<O:p></O:p>
    ไม่ทำ อะไร ตามใจ กิเลส มันอยากกินไก่ทอดก็ไม่ซื้อให้มัน เดี๋ยวมันก็ตายลง มันอยากได้อะไรก็ไม่ต้องตามใจมัน<O:p></O:p>
    มีสติ คิดก่อนทำ พิจารณาก่อนทุกครั้งว่าจำเป็นหรือไม่ มีโทษมีประโยชน์แค่ไหน เราอยู่เพื่อกินหรือกินเพื่ออยู่<O:p></O:p>
    เมื่อทำบ่อยๆนิพานก็อยู่ไม่ไกล เมื่อได้อบรมบ่อยๆจิตก็จะได้ยกสู่ระดับสูงต่อไป....<O:p></O:p>
    เมื่อไม่มีความอยากภพชาติก็ไม่ เกิดขึ้น….เหตุการณ์ต่างๆก็ไม่เกิดขึ้น.... จบ.......แค่นี้...เอง......<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    เกิดมามาตัวเปล่า มีแค่กรรมดีและชั่วติดตามมาแค่นั้น... เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมเก่าและสร้างกรรมดีเพื่อหลุดพ้นแค่นั้นเองคือเข้านิพพานไม่ต้องมาเกิดอีก หากยังมีกรรมมากก็ต้องตายเกิดๆอีกๆต่อไป....<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    รีบๆสร้างความดีเถอะ ด้วย ทาน ศีล ภาวนา (รายละเอียดลึกซึ้งหากมีเวลาต้องศึกษา ว่าทาน ศีล ภาวนาคืออะไร)<O:p></O:p>
    ก่อนที่ลมหายใจจะหมดไปเหลือแค่วิญญาณหาภพชาติใหม่อีก...ทรัพย์สมบัติภายนอกหามาเท่าไหร่ตายไปเอาไปไม่ได้จริงๆ ให้ทิ้งไว้คนรุ่นหลัง ทรัพย์ปัจจุบันมีไว้เพื่อใช้ในชีวิตชั่วคราวเท่านั้นเอง หมั่นทำบุญกุศลมากๆเพื่อตัวท่านเอง....อย่ามัวอิจฉาริษยาเลย ควรแบ่งปันความช่วยเหลือให้คนอื่น ถือว่าท่านได้ช่วยโปรดสัตว์มนุษย์ด้วยกันและเป็นการสร้างปาระมีสำหรับท่านนั่นเองบุญก็จะได้สำหรับท่านติดตัวไป ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งให้ยิ่งมี....<O:p></O:p>
    ตายคนเดียว....มีแต่บุญและบาปติดตัวไปแค่นั้นจริงๆ....ลองนึกตอนนี้ดูซิ ว่าจิตของท่านใส ขนาดแค่ไหน<O:p></O:p>
    วิธีรักษาจิตให้สะอาดคือ คิดดี ทำดี พูดดี อารมณ์แจ่มใส จิตไม่ขุ่นมัว ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล สวดมนต์ ภาวนา<O:p></O:p>
    ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ทุกวินาที ด้วยการมีสติ ภาวนาต่างๆ เช่นพุทโธ หรือบทสวดต่างๆ เป็นต้น ให้จิตระลึกถึงพระพุทธเจ้าเสมอ....แม้ยามสิ้นใจตายจิตก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้า...และคุณงามความดีที่กระทำมา ห้ามคิดถึงภาระสมบัติหรือห่วงใยอะไรต่างๆในโลกนี้เด็ดขาดมิเช่นนั้นจิตของท่านจะตก และตายไปเป็นเปรต สัตว์เดรฉานทันที<O:p></O:p>
    ต้องตายแล้วมาเฝ้าสมบัติ ข้อสำคัญจิตห้ามหม่นหมองห้ามเป็นทุกข์ ขอให้ถือว่าเราตายคนเดียว ต้องไปถึงพระพุทธเจ้าให้ได้ ..เมื่อไปถึงสวรรค์หรือนิพพานแล้ว ท่านจะเยี่ยมลูกเยี่ยมหลานมันก็ง่ายแล้ว..<O:p></O:p>
    ดังนั้นต้องรักษาจิตให้สะอาดทันที ห้ามทำให้จิตหมองเด็ดขาก เช่น โกรธง่าย โมโห หงุดหงิด หรือดุด่า ซึ่งเท่ากับท่านสร้าง บาปให้กับตัวเองมากขึ้นจิตของท่านจะสกปรก ไม่สว่างใส กว่าจะทำให้สบายใจหรือสงบก็ต้องใช้เวลาอีกเสียเวลา แต่ถ้าท่านมีสติ เมื่อมีอารมณ์มากระทบ ท่านก็รู้ได้ว่า โกรธมันเป็นเช่นไร ทุกข์มันเป็นเช่นไร<O:p></O:p>
    สุขมันเป็นเช่นไร หงุดหงิดเป็นเช่นไร ท่านก็จะชนะกิเลสมันได้เสมอ และจะรู้จักปล่อยวางมากขึ้นไม่แบกทุกข์<O:p></O:p>
    และระบายอารมณ์ เมื่อฝึกสติมากๆรู้ทันอารมณ์ ท่านก็จะได้อารมณ์วิปัสสนา บุญกุศลก็จะเกิดขึ้นกับท่าน<O:p></O:p>
    อย่างมหาศาลเพราะท่านทำจิตของท่านให้เกิดกุศลได้ มองโลกในแง่ดี..เช่นเด็กเดินชนแก้วน้ำแตกท่านก็ไม่บ่น<O:p></O:p>
    เพียงแต่บอกว่าทีหลังเดินระวังหน่อยนะลูก แล้วคิดในใจว่าแก้วน้ำใบนี้ถึงมันไม่แตกวันนี้วันหน้ามันก็ต้อง<O:p></O:p>
    แตกอยู่ดี นี่เป็นการพิจารณาให้เห็นความเป็นจริง(พระไตรลักษณ์)ว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน เท่านี้ จิตใจของท่านก็จะสบาย เส้นทางนิพพาน ก็ไม่ไกลเกินฝันแน่นอน..ค่อยๆฝึกจิตไป ปฏิบัติไป เพราะไม่รู้ว่า1นาทีข้างหน้าท่านยังอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า ดังนั้นมีเวลาก็ต้องรีบรักษาจิตให้สะอาดทันที<O:p></O:p>
    ตัดอารมณ์ไม่ดีออกไปที่ทำให้จิตวุ่นวาย..เอาอารมณ์ พุทโธ มาเก็บไว้ดีกว่า หรือระลึกถึงบุญกุศลที่ทำดีกว่าหรือระลึกถึงพระพุทธรูปที่เรานับถือ หรือสวดมนต์ดีกว่า จะยืน เดิน นั่งนอน ทำได้หมดทุกกิริยาบถ ถือว่าท่านไม่ประมาท<O:p></O:p>
    นึกแต่สิ่งที่ดีที่เป็นกุศล ผลบุญผลทานที่ทำบ่อยๆ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งอันสูงสุด <O:p></O:p>
    ระลึกให้ สม่ำเสมอ ..จนจิตใจละเอียดขึ้น ใสขึ้น<O:p></O:p>
    แล้วสิ่งดีๆจะปรากฏแก่ท่านผู้ปฏิบัติเอง ……รักษาจิตให้สะอาด อดีตผ่านไปไม่มีค่า ทำปัจจุบันให้มีค่า<O:p></O:p>
    จะดีหรือเลว เขาวัดกันที่ปัจจุบันเท่านั้นเอง ว่าจิตใครสดใสสะอาดกว่ากัน ผู้นั้นก็จะมีภพชาติที่ดี...<O:p></O:p>
    ผู้ใดรักษาจิตให้สะอาดเสมอเปรียบเหมือนผ้าขาวที่สะอาดเมื่อมีสิ่งใดมากระทบ ก็รีบล้างทันที<O:p></O:p>
    ไม่ปล่อยให้ข้ามคืน ข้ามปี ถือว่าผู้นั้นไม่ประมาท บางคนไม่เคยล้างจิตตัวเองเลย ชีวิตเลยแย่....<O:p></O:p>
    ล้างจิต ด้วย ศีล สมาธิ ภาวนา ......จิตก็สะอาด ง่ายๆแค่รักษาศีล ได้ท่านก็เป็นคนปกติแล้ว..<O:p></O:p>
    กายวาจาใจดีเป็นต้น คิดดีพูดดี ทำดี ..มีเมตตา... อดีตไม่สำคัญ ปัจจุบันฉันเป็นคนดี ...เมื่อดีแล้วจิตสะอาดแล้ว<O:p></O:p>
    ก็จะมีที่ดีๆให้ท่านอยู่....อย่าประมาทนั่งลอยคอชูคอ ไปวันๆเท่ากับท่านรอความตายทุกวัน...แล้วท่านจะเสียใจมากๆเมื่อไปเจอกับตนเอง..ใครก็ช่วยไม่ได้จริงๆเขาให้เกิดมาแล้ว มาแก้ตัวก็ยังไม่ทำอีก ช่วยไม่ได้จริงๆ.....<O:p></O:p>
    ข้อสำคัญ หากท่านมีอะไรในใจที่ยังติดขัดหรือขุ่นมัว รีบแก้ไข และอโหสิกรรมทันที เพราะต้องการทำให้ดวงจิตของท่าน เป็นอิสระ ไม่ติดหนี้ค้างกันต่อไป...และไม่ต้องตามมาเกิดเพื่อชดใช้กันต่อไป พนานามนึกถึง สิ่งที่เคยทำผิดพลาดไป<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    แล้วสัญญาตั้งจิตดวงใหม่ว่าต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ขอคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดงดโทษด้วย ตลอดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายและผู้ที่เราคิดทำไม่ดีมา ทั้งเจ้ากรรมนายเวร และเทวดา ขอท่านทั้งหลายจงปลดปล่อยกรรมให้เป็นอิสระด้วยเทอญ ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะพึงรักษา ทำแต่ความดี พูดดี คิดดี ทำดี และปฏิบัติดี และรักษาจิตดวงนี้ให้ถึงพระนิพพาน....<O:p></O:p>
    ที่มา.... ชมรมชาวพุทธ ทั่วโลก<O:p></O:p>
    ความจริงจากคัมภีร์พระไตรปิฎกจาก 2,500 ปี มาแล้ว<O:p></O:p>
    ความจริงจากการปฏิบัติจากสำนักปฏิบัติ อาจารย์ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทั่วไทย<O:p></O:p>
    ความจริงจากครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ ที่มาเข้าฝันบอกในนิมิต<O:p></O:p>
    ความจริงของคนที่ตายแล้วฟื้น...ไปเห็นนรก สวรรค์ เทวดา<O:p></O:p>
    ความจริงจาก อุบาสกสิกาและฆราวาส คนทั่วไปที่ปฏิบัติ<O:p></O:p>
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา..... (พระพุทธเจ้า) (ณ แดนนิพพาน)<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ****เมื่อเจอผี และวิญญาณเคย ถามท่านไม๊ ว่าเขาอยู่สุขสบายดีไม๊ สักวันท่านก็จะรู้เอง <O:p></O:p>
    เพื่อไม่ประมาทเลือกทางเดินของท่านเองในตอนนี้ เริ่มตั้งดวงจิตใหม่ ตอนนี้ ด้วยการถือศีล 5 ตลอดชีวิต <O:p></O:p>
    อย่างน้อยตายไปก็ได้เป็นเทวดาแน่นอน...หรืออาได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่<O:p></O:p>
    นั่งสมาธิด้วย ได้ฌาณ ด้วย มีเมตาพรหมวิหาร4 ด้วย ตายไปก็เป็นพรหม แน่นอน<O:p></O:p>
    จิตสะอาด ผ่องใส ไม่มีกิเลสทั้งปวง เข้าถึงพระนิพพาน ไม่ต้องมาเกิดแล้ว<O:p></O:p>
    ดวงจิตสกปรกไม่ผ่องใส....เหมือนผ้าไม่สะอาด มีความโกรธ โรภ หลง ลงอบายภูมิแน่นอน<O:p></O:p>
    คือนรก สัตว์ เดรฉาน ผีเปรต อสูรกาย <O:p></O:p>
    ***********กรรมของศีลผลที่ตาม มา*******<O:p></O:p>
    ศีลข้อที่ 1ห้ามฆ่าสัตว์ และทำร้ายจิตใจคนอื่น ด้วยการพูด การกระทำ หรือคิด <O:p></O:p>
    ผลตรงข้าม ชีวิตจะสั้นลง มีโรคภัยเบียดเบียนเยอะ และต้องโดนฆ่าเช่นกัน เกิดมาไม่สมประกอบ <O:p></O:p>
    ไม่สวย ไม่งาม กรรมส่งผลถึงลูกหลาน บุตร ** วิธีแก้ไข คิดใหม่ทำใหม่ ปล่อยชีวิตสัตว์คืนสู่ธรรมชาติ <O:p></O:p>
    แผ่เมตตาให้สัตว์ ที่เคยฆ่ากิน เบิกบุญกุศลให้สัตว์ สม่ำเสมอกรรมจะทุเลาลง<O:p></O:p>
    ศีลข้อที่ 2 ห้ามลักทรัพย์ หรือหยิบโดยไม่บอกกล่าว ขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ผลกรรมทรัพย์วิบัติในอนาคต ขาดทุน ยากจน ** วิธีแก้ไข คิดดี ทำดี พูดดี บริจาคทานบ่อยๆ สม่ำเสมอชีวิตจะไม่ลำบาก และดีขึ้น สวดมนต์ให้เจ้ากรรมนายเวร<O:p></O:p>
    ศีลข้อที่3 ห้ามผิดลูกผิดเมียคนอื่น ได้กันโดยที่พ่อแม่ไม่ได้รับรู้หรือยินยอม เป็นชู้กับคนอื่น ผลกรรม ไม่มีคู่ครอง ที่ดี <O:p></O:p>
    ความรักล้มเหลว โดนแย่งคนรัก ธุรกิจการงานล่มสลาย เศษกรรม ตกนรก ขึ้นต้นงิ้ว <O:p></O:p>
    **วิธีแก้ไข คิดดี ทำดี พูดดี รักเดียวใจเดียว ขออโหสิกรรมกับผู้ที่เราทำผิดพลาด ส่งเสริมให้คนรักกัน<O:p></O:p>
    ถวายดอกไม้พระ ถือศีล บวช ตั้งจิตใหม่ ไม่นานก็จะเจอสิ่งที่ดี แผ่เมตตาให้คนที่เรารักสม่ำเสมอ<O:p></O:p>
    ศีลข้อที่ 4 ห้ามพูดปด พูด เพ้อเจ้อ พูดไร้สาระ ขาดคนเชื่อเถือ หามิตรแท้ยาก ปวดฟันบ่อยๆ <O:p></O:p>
    **วิธีแก้ไข คิดดีพูดดี ทำดีมีสัจจะแล้วก็จะวาจาสิทธิ์ พูดให้เป็นมงคล สวดมนต์ภาวนาบ่อยๆ <O:p></O:p>
    ศีลข้อ5 ห้ามดื่มของมึนเมา ขาดสติ เศษกรรมลงนรก เป็นคนขาดสติสัมปชัญญะ เงินทองไม่เหลือ หน้าตาไม่ผ่องใสทรัพย์ไม่เหลือ ตายก่อนกำหนด ** วิธีแก้ไข ให้พึงมีสติ คิดดีทำดี พูดดี ถวายน้ำพระพุทธรูปบ่อยๆ งดเว้นการดื่ม มาดื่มอย่างอื่นดีกว่าที่บำรุงร่างกาย *** วิธีแก้ไข อย่าทำร้ายร่างกายตนเองด้วยการให้ตายก่อนกำหนดเลย แอลกอฮอล์ มันแช่ลำไส้ท่านทุกวันไม่นานก็เปื่อย เลิกซะเพื่อสุขภาพ และชีวิตที่ยาวนาน อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข...ความจำสติปัญญาก็จะดี.....ก่อนนอนก็ทำความดีเลยนะ.อาราธนาศีล ก่อนสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ
    บุญก็จะเต็ม..เพราะกลางคืนคงไม่ได้ทำผิดแน่รักษาได้หลายชั่วโมง<O:p</O:p
    ............................................................................................................................................................................................<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    .<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2010
  2. aomsin52

    aomsin52 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +159
    ขออนุโมทนา และ ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาให้อ่าน ทำให้เข้าใจขั้นตอนต่างๆในเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา ได้ชัดเจนขึ้นมาก

    จะนำไปปฏิบัติตามคำแนะนำนี้ค่ะ :cool:
     
  3. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,006
    ขออนุโมทนากับบทความที่วิเศษสุดและได้นำไปปฎิบัติทันทีที่ได้อ่านขอบคุณค่ะ
     
  4. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    เป็นเคล็ดลับที่ดีมากค่ะ จะนำไปปฏิบัติค่ะ
    การทำบุญควรต้องครบ ทั้ง ทาน ศีล สมาธิ ภาวนา
    ตอนนี้จะ ทำบุญ ด้าน ให้ทาน เป็นส่วนใหญ่ค่ะ
    อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  5. john2518

    john2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +561
    ขอบคุณครับสำหรับคำติชมครับ
     
  6. icekonan

    icekonan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +28
    อนุโมทนาสาธุครับ ขอบคุณครับสำหรับสิ่งๆดีที่เป็นความรู้
     
  7. ถกนธ์ ข่าย

    ถกนธ์ ข่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +245
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานะ ปัจจุโย โหตุ สาธุ สาธุ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...