สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (พระราชสมภพ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี
เสด็จขึ้นทรงราชย์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น. มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ขณะพระชนมายุได้หนึ่งพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระราชทานพระนาม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นผู้ตั้งพระนามถวายตามดวงพระชะตา ว่า
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ
บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล
อภิคุณูปการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร
กิตติสิริสมบูรณสวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร
พระนาม "วชิราลงกรณ" นั้น สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงตั้งถวาย มาจาก "วชิรญาณะ" พระนามฉายาทั้งในพระองค์เองและในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวช
ผนวกกับ "อลงกรณ์" จากพระนามเดิมในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา" หรืออาจแปลว่า "อสุนีบาต"
ที่มา วิกิพีเดีย
เรียบเรียงโดย
เเสงจันทร์ กันธิยะ : สำนักข่าวทีนิวส์
--------------------
http://www.tnews.co.th/index.php/contents/341689
เชิญชวนชาวไทยร่วมกันถวายพระพร เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกร บดินทรเทพยวรางกูร
ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 28 กรกฎาคม 2017.
-
-
“ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่ามีหน้าที่รับผิดชอบต่อปท.ชาติอย่างสูงจะปฏิบัติภาระหน้าที่เต็มกำลังตราบเท่าชีวิตและร่างกายจะหาไม่”พระราชดำรัสในหลวงร.10
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในครั้งที่พระองค์ยังคงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยนานัปการ ดั่งที่พระองค์มีพระราชดำรัสถวายสัตย์ปฏิญาณในพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์ สัตยา ซึ่งมีขึ้นหลังพระราชพิธีเฉลิมพระนามาภิไธยว่า
“ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระทำสัตย์ปฏิญาณสาบานต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทย เฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ท่ามกลางมหาสันนิบาตนี้ว่า...ข้าพระพุทธเจ้า ผู้เป็นมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศ และอิสริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานไว้เสมอด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่างโดยเต็มกำลัง สติปัญญา ความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญ ความสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศชาติไทย จนตราบเท่าชีวิตและร่างกายจะหาไม่ ”
และที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสให้คำมั่นไว้ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2515 ณ ทำเนียบรัฐบาลว่า
“ ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง...ในโอกาสอันพิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกำลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคงและความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และ ประชาชนยั่งยืนสืบไป ...”
กระนั้นจะเห็นว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจโครงการที่เกิดจากพระราชดำริในพระองค์เอง อีกมากมาย พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อทรงงานอย่างทรงตรากตรำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของปวงชนชาวไทยในด้านต่างๆ เป็นที่ปลื้มปีติของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า
เรียบเรียงโดย
ศิริพงษ์ หนูแก้ว : สำนักข่าวทีนิวส์
-------------
http://www.tnews.co.th/index.php/contents/341761 -
joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
-
เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐
เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
มีพระดำรัสถวายพระพร ในนามคณะสงฆ์
และพุทธบริษัทชาวไทย ดังต่อไปนี้
"ขอถวายพระพรเจริญพระราชสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลพระชนมสุขทุกประการ จงมีแด่ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ จึงขอตั้งกัลยาณจิต ร่วมกับปวงชนชาวไทย ผู้อยู่ในพระราชสมภารบารมี สำแดงความปีติโสมนัสในการเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งแรกแห่งรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ได้รับทรงราชย์สืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้เสด็จสวรรคตไปแล้ว บัดนี้ย่อมจักต้องทรงรับพระราชภาระอันหนัก ในพระราชฐานะพระประมุขของชาติ สืบต่อจากรัชสมัยอันยิ่งใหญ่ที่เพิ่งล่วงพ้นไป การแบกทานพระราชภาระเหล่านี้ อาจยังความเหน็ดเหนื่อยมาสู่พระวรกาย และพระราชหฤทัย แต่สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ก็มีน้ำพระราชหฤทัยเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง ทรงตั้งมั่นในพระอธิษฐานธรรม ในอันที่จะทรงสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าสืบไป ตามพระราชปรารภที่ทรงแสดงไว้ในวันที่รับทรงราชย์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงประการแรกต่อปวงราษฎรผู้ได้อาศัยพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นที่พึ่งสืบมาถึงปัจจุบันนี้ได้ ๑๐ รัชกาล
ณ อุดมมงคลสมัยคล้ายวันพระราชสมภพมาบรรจบถึง อาตมภาพจึงขออัญเชิญนิพนธคาถาแห่งสุขาภิยาจนคาถามากล่าวอ้างเป็นสัจวาจา ว่า
มาตา ปิตา จ อตฺรชํ นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ
เอวํ ธมฺเมน ราชาโน ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทา ฯ
แปลความว่า มารดาและบิดา ย่อมถนอมบุตรน้อย อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชา จงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น
ด้วยเดชะแห่งสัจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวง จงสมัครสมานสามัคคี ในอันที่จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร เพื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงบริบูรณ์ด้วยพระเกษมสำราญ ปลอดโปร่งทั้งพระวรกายและพระราชหฤทัย ทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระกำลังที่จะทรงนำพาราชอาณาจักรไทย ให้ประสบความสุขเกษมศานต์ยิ่งๆ ขึ้นไป สมดังพระราชประสงค์จำนงหมาย
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยาที่ทรงบำเพ็ญไว้ด้วยดี จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยของชนในชาติสืบไป ตราบกาลนาน เทอญ.
ขอถวายพระพร"
(พระฉายาลักษณ์ในการพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐)
------------
ที่มา :::
https://www.facebook.com/Sanggharaj...ip7E0qLRGzIoRxcUpWe2onQWEdLglcN27QZ-w&fref=nf