เชิญร่วมบุญสนับสนุนพระเณรวัดทองกาญจนสิงหาสน์ ตลิ่งชัน กทม.

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 16 พฤษภาคม 2010.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,927
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วัดของเจ้าขรัวทอง พี่ชายของเจ้าขรัวเงิน

    <TABLE border=0 width="100%" align=right><TBODY><TR vAlign=center><TD width="20%"></TD></TR><TR><TD class=BorderRight colSpan=3><TABLE border=0 width=750 align=center><TBODY><TR></TR><TR vAlign=center><TD width="20%">
    [​IMG]
    </TD><TD bgColor=#666666 width="50%">ฉบับที่ 2481 ปีที่ 48 ประจำวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 2545 </TD><TD bgColor=#990000 width="30%"> </TD></TR><TR><TD>บทความ-สารคดี
    โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์

    </TD><TD bgColor=#cccccc colSpan=2>
    คลองบางกอกใหญ
    </TD></TR><TR><TD class=BorderRight colSpan=3><TR><TD class=BorderRight colSpan=3>คลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวงนั้น นอกจากเชื้อสายทางพระชนนีในสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระบรมราชชนนีพันปีหลวงรัชกาลที่ ๓ จะเคยมีเคหสถานอยู่ที่นั่นแล้ว
    เชื้อสาย สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ ๒ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงรัชกาลที่ ๔ ก็เคยมีนิเวศสถานบ้านเรือนโรงแพที่นั่นเช่นกัน
    ดังในพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๔ เรื่องประถมวงศ์ ทรงเล่าถึงพระอัยกา อัยกี (ตา-ยาย) ตอนหนึ่งว่า
    ครั้นเมื่อแผ่นดินกรุงธนบุรีตั้งขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ เสดจเข้าไปประนีบัติราชการกรมพระศรีสุดารักษกับพระภัศดา แลพระโอรส พระธิดาก็ได้ตามเสดจเข้ามาตั้งนิเวศสฐานบ้านเรือนโรงแพงอยู่ตำบลกระดีจีน ที่นั่นบัดนี้เปนพระวิหารและหอไตรวัดกัลยานิมิตร แพลอยลงในคลองบางกอกใหญ่ตรงวัดโมลีโลกยข้ามข้างใต้” (สะกดการันต์ตามต้นฉบับเดิม)
    กรมพระศรีสุดารักษ พระอัยกี (หรืออัยยิกา) คือ สมเด็จพระพี่นางพระองค์น้อยในรัชกาลที่ ๑ ทรงพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ส่วนพระภัสดาในพระราชนิพนธ์เรื่องเดียวกัน ทรงเล่าว่า
    “สมเด็จพระศรีสุดารักษ นั้น เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาได้ พระภัศดา เปนบุตรที่ ๔ ของมหาเสรฐซึ่งเปนสืบเชื้อวงษลงมาแต่มหาเสนาบดีเมืองปกิ่ง แต่ครั้งแผ่นดินเจ้าปกิ่งเมงไท้โจ ซึ่งเปนปกิ่งที่สุดในวงษมิ้น (เหม็ง-จุลลดาฯ) (เมื่อ) เสียเมืองแก่พวกตาด (แมนจู-จุลลดาฯ) แล้ว ท่านเสนาบดีอื่นหลายนามไม่ยอมตัดผมมวยไว้หางเปียตามพวกตาด จึ่งได้หนีออกจากแผ่นดินจีนมาเมืองไทย บ้างสืบสกุลต่อมาเปนจีนอย่างเก่าไม่ไว้ผมเปีย พระภัศดาในกรมสมเดจพระศรีสุดารักษ นั้น มีนามว่า เจ้าข้าวเงิน มีพี่หญิงชื่อ ท่านนวม ๑ ท่านเอียง ๑ มีพี่ชายชื่อท่านทอง ๑ ได้ตั้งนิเวศน์สฐานอยู่ตำบลสนนตาล (ถนนตาล-จุลลดาฯ) เปนพานิชในกรุงศรีอยุธยามหานครพระมารดาของพระภัศดาใน กรมสมเดจพระศรีสุดารักษ นั้นเป็นน้องร่วมพระมารดากับภรรยาเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ ว่าที่โกษาธิบดีในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระบรมธรรมิกมหาราชาธิราช”
    ‘เจ้าข้าว’ เข้าใจว่าแต่ก่อนมาเป็นคำใช้ เรียกคหบดีที่เป็นที่นับถือ แล้วเลือนเป็น ‘เจ้าขรัว’ เพราะในจดหมายเหตุบางฉบับเรียกว่า ‘เจ้าขรัวเงิน’
    (มีบางท่านสันนิษฐานว่า เป็นคำเดียวกับ ‘เจ้าสัว’ หรือ ‘เจ๊สัว’ ซึ่ง ‘เจ๊’ ในที่นี้มิได้แปลว่า ‘พี่สาว’ อย่างที่เราเรียกกันว่า เจ๊นั่น เจ๊นี่ ทว่าเป็นภาษาจีนคำเดียวกับ เจ้า หากแต่สำเนียงผิดกัน จริงไม่จริงอย่างไรไม่ทราบได้)
    ‘สมเด็จพระบรมธรรมิกมหาราชาธิราช’ ในพระนิพนธ์ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงว่า เป็นพระนามาภิไชย ของ พระเจ้าเอกทัศน์ ซึ่งทรงสันนิษฐานว่า พระเจ้าแผ่นดินราชวงศ์บ้านพลูหลวง นั้นทุกพระองค์มีพระนามาภิไธยขึ้นต้นว่า “สมเด็จพระรามาธิบดี’ จนกระทั่งมาถึงพระเจ้าอุทุมพร หรือขุนหลวงหาวัด ซึ่งสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระราชทานราชสมบัติให้ ก็ใช้ว่า ‘สมเด็จพระรามาธิบดี’ แม้เมื่อถวายราชสมบัติแก่พระเจ้าเอกทัศน์ของเชษฐาธิราชแล้ว ก็ยังเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีฯ อยู่ พระเจ้าเอกทัศน์ หรือ ขุนหลวงสุริยามรินทร์ จึงทรงตั้งพระนามาภิไชย เป็น ‘สมเด็จพระบรมราชาธิราช’ เพราะสมเด็จพระรามาธิบดีฯ ยังมีพระองค์อยู่
    สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสุดารักษ์ ทรงตั้งเคหสถานเรือนโรงแพอยู่คลองบางกอกใหญ่ใกล้กับวัดโมลีโลกย์ แต่คงจะทรงบำเพ็ญพระกุศล และต่อมาก็ทรงปฏิสังขรณ์วัดหงส์ ถึงรัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงปฏิสังขรณ์วัดหงส์อีกครั้งหนึ่ง จึงพระราชทานนามว่า ‘วัดหงส์รัตนาราม’ มีสร้อยว่า ‘รัตนาราม’ หมายถึง ‘แก้ว’ เนื่องจาก สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสุดารักษ์ นั้น มีพระนามเดิมว่า ‘แก้ว
    ราชินิกุล รัชกาลที่ ๔ ทางสมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง (คือ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๒) ฝ่ายพระชนนี (สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสุดารักษ์) ก็คือพระปฐมบรมราชวงศ์จักรี และราชสกุลทั้งหลาย
    แต่ทางฝ่ายพระชนกคือเจ้าขรัวเงิน ถึงแม้มีพี่น้องท้องเดียวกัน ๔ ท่าน ทว่าไม่ปรากฏผู้สืบสายลงมาเป็นราชินิกุลรัชกาลที่ ๔
    มีแต่ท่านมารดาของเจ้าขรัวเงินผู้เป็นน้องสาวร่วมบิดา มารดากับท่านผู้หญิงน้อย เอกภรรยาของเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) ตามที่ปรากฏอยู่ในพระราชนิพนธ์
    ซึ่งลูกหลานของเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) กับ ท่านผู้หญิงน้อยแม้จะมิได้เป็นราชินิกุลในรัชกาลที่ ๔ แต่ก็นับเป็นเครือญาติที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดในสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
    ท่านผู้หญิงน้อย ป้าของเจ้าขรัวเงิน มีบุตรธิดากับเจ้าพะยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) หลายท่าน ในที่นี้จะเล่าแต่เฉพาะบุตรชายผู้เดียวที่ชื่อ ‘จันทร์’
    นายจันทร์เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับเจ้าขรัวเงินมาก
    ตอนปลายอยุธยา นายจันทร์รับราชการเป็นมหาดเล็กที่หลวงฤทธิ์นายเวร และได้สมรสกับบุนนาค ธิดาของพระยาวิชิตณรงค์
    พระยาวิชิตณรงค์ มีน้องชายร่วมบิดา มารดาอยู่ผู้หนึ่งชื่อหนู ซึ่งก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา ขณะรับราชการเป็นมหาดเล็กที่หลวงสิทธินายเวร โปรดฯ ให้ไปเป็นปลัดเมืองนครศรีธรรมราช
    ก่อนเสียกรุงไม่นานนัก บังเอิญเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ต้องพระราชอาญา ถูกปลดเสียก่อน พอเสียกรุง หลวงนายสิทธิ (หนู) จึงตั้งตัวเป็นพระเจ้านครศรีธรรมราช ตั้งข้าราชการตำแหน่งต่างๆ อย่างเจ้าแผ่นดิน
    หลวงฤทธิ์นายเวร หรือ หลวงนายฤทธิ์ จึงพาภรรยา ซึ่งเป็นหลานอาของพระเจ้านครศรีธรรมราชเวลานั้น หลบหนีไปพึ่งพาอาศัยที่เมืองนครฯ พระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) ก็ตั้งหลวงนายฤทธิ์เป็นวังหน้ามหาอุปราช เรียกกันว่า ‘อุปราชจันทร์’ บุนนาคผู้ภริยา ได้เป็นเจ้าครอกข้างใน คุณอำพัน ธิดาคนเดียวของอุปราชจันทร์ได้เป็นพระองค์เจ้า
    เมื่อ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว เจ้าขรัวเงิน และ สมเด็จฯ กรมพระศรีสุดารักษ์ ตระหนักในพระราชดำริ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ว่า จะต้องเสด็จยกทัพไปปราบนครศรีธรรมราช เกรงว่าหลวงนายฤทธิ์จะพลอยตายไปกับพระเจ้านครฯ จึงลอบขึ้นไปพบหลวงนายฤทธิ์เกลี้ยกล่อมให้หนีลงมา สวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
    ยังไม่ทันเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ ก็พอดีมีเสียงเล่าลือกันขึ้นในเมืองนครฯ ว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้เจ้าขรัวเงินลงมาเกลี้ยกล่อมให้อุปราชจันทร์เป็นไส้ศึก เจ้รขรัวเงินเกรงตนเองและภรรยาจะมีอันตรายจึงรีบลงเรือกลับกรุงธนบุรี
    มิช้ามินาน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็เสด็จยกทัพลงไปตีนครศรีธรรมราช ได้ชัยชนะ
    แต่มิได้ทรงลงพระราชอาญา พระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) และ อุปราชจันทร์
    เนื่องจากทรงพระราชดำริว่า เมื่อกรุงศรีอยุธยาเมืองหลวงแตก ผู้มีกำลังต่างก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ด้วยกันหลายก๊กหลายเหล่า (เรียกว่ามีสิทธิ ว่าอย่างนั้นเถิด) จะทรงกล่าวหาว่าพระเจ้านครฯ เป็นกบฏต่อพระองค์หาได้ไม่
    จึงโปรดฯให้ตามเสด็จเข้ามารับราชการกรุงธนบุรีด้วยกันทั้งสองคน ส่วนเมืองนครฯ นั้น โปรดฯให้ พระเจ้าหลานเธอ เจ้านราสุริยวงศ์ เป็นพระเจ้านครฯ ครองเมืองอยู่ ๗ ปี ก็พิราลัย
    เจ้านครฯ (หนู) และอุปราชจันทร์ เข้ามารับราชการรบทัพจับศึกถวาย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อย่างเข้มแข็งเป็นที่โปรดปราน จึงโปรดฯให้เจ้านคร (หนู) กลับไปครองเมืองนครศรีธรรมราช เป็นพระเจ้านครฯ อย่างเดิม เกียรติยศเสมอเมืองประเทศราช
    แต่อุปราชจันทร์ ซึ่งเวลานั้นได้เป็นที่ พระยาอินทรอัครราช ขอพระราชทานไม่กลับไปเมืองนครฯ ขอรับราชการอยู่ ณ กรุงธนบุรีต่อไป และได้ถวาย คุณอำพันธิดาเป็นพระสนมใน สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระองค์เจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง คือ พระองค์เจ้าสำลีวรรณ
    เมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และพระราชจักรีวงศ์แล้ว โปรดฯให้ยกเลิกฐานะเมืองนครฯ อย่างประเทศราช มีพระเจ้านครฯ ปกครอง กลับไปเป็นเหมือนครั้งอยุธยา มีเจ้าเมืองตำแหน่งเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ปกครอง
    หลวงนายฤทธิ์ หรืออุปราชจันทร์ ลูกพี่ลูกน้อง ญาติสนิทของเจ้าขรัวเงิน พระชนก สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๒ นี้ ในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าพระยาสุรินทราชา (จันทร์) ไปเป็นเจ้าเมืองถลาง เป็นต้นสกุล ‘จันทโรจวงศ์’
    พระองค์เจ้าสำลีวรรณ หลานตาของเจ้าพระยาสุรินทราชา ผู้นี้ เมื่อสิ้นพระราชวงศ์กรุงธนบุรีแล้วได้เป็นอัครชายาใน สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ มหาเสนานุรักษ์ ‘วังหน้า’ ในรัชกาลที่ ๒
    เป็นบรรพสตรี ราชสกุล ‘อิศรเสนา ณ อยุธยา’
    <TR><TD class=BorderRight colSpan=3><TR><TD class=BorderRight colSpan=3>
    .................................................................................................................
    <TR><TD class=BorderRight colSpan=3><TR><TD class="BorderRight style11" colSpan=3>หมายเหตุ : การนำบทความเรื่องนี้มาแสดง เพื่อให้ได้รู้จัก "เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ" และ "เจ้าขรัวเงิน" พระมารดาและพระบิดาของ "สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี" ซึ่งปรากฏอยู่ในบทความเรื่อง "คลองบางกอกใหญ่" นี้ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เจ้าขรัวทอง,เจ้าขรัวเงิน,พระยาเพชรบุรี(เรือง)และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติกันอยู่ คิดว่าเป็นญาติและเป็นพระญาติเกี่ยวดองๆกันมาหลายชั้นค่ะ

    จุดประกายให้อยากไปเที่ยววัดทั้งสองนี้ค่ะ คงได้ไปทำบุญที่วัดด้วยตนเองเลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ท่านเจ้าคุณโกศล เจ้าอาวาสวัดทองบางพรหมนั้นเป็นพระสุปฎิปันโนองค์หนึ่งที่กราบได้สนิทใจครับ

    ใครไปถวายปัจจัยไม่แจ้งวัตถุประสงค์ไปท่านไม่รับนะครับ
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ขออนุโมทนาสาธุในธรรมทานคุณทางสายธาตุด้วยครับ
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ท่านเป็นพระมหานิกาย ที่ดูแลโรงเรียนปริยัติธรรมพระเณรและโรงเรียนฝึกอาชีพฆราวาสรวมหลายสิบร้อยรูป/คน ที่พูดถึงพระสุปฏิปันโนในสายหลวงปู่มั่น ให้ผมฟังครับ(เข้าใจว่าคงเคยปฏิบัติหรือสนทนาธรรม)

    เมื่อผมบวชครั้งที่2ที่วัดเทพพลฯ วัดในปกครองของท่าน ท่านเป็นอุปัชฌาย์บวชให้ผม ผมกล่าวขานนาคเสียงดังลั่นอุโบสถ พระอันดับที่นั่งข้างหลังหลายรูปกลั้นหัวเราะกันแทบไม่อยู่ ก้มตัวหลบหน้าปิดปากกัน

    แต่พอบวชเสร็จ ท่า่นบอกทางวัดให้ผมที่เป็นพระบวชใหม่ขึ้นเทศน์ทุกวันพระที่ศาลาการเปรียญตอนกลางคืน ให้โยมที่มารักษาศีลอุโบสถ นั่งกรรมฐานเบื้องต้นกันฟัง

    ผมเจอบุตรีบุญธรรมหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่ล้างจานครอบสุ่มตามคำสั่ง
    หลวงพ่อปานฯ แล้วเปิดออกมาสะอาดเลย ซึ่งวิ่งเล่นกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำตอนเด็กที่วัดนี้ครับ ชอบมาเล่าเรื่องหลวงพ่อปานให้ฟัง (ไม่รู้ใครเทศน์ให้ใครฟัง:cool:) ที่วัดเทพพลฯนี้มีอัฐิหลวงพ่อปานที่ได้รับแบ่งมาจากวัดบางนมโค อยุธยา ประดิษฐาน ให้กราบไหว้กันครับ
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    :cool:
     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    หลวงพ่อดำ(ถ้าจำพระนามท่านไม่ผิดครับ)พระประธานวัดทองกาญจนสิงหาสน์มีความศักดิ์สิทธิ์ครับ
    มีเรื่องเล่าว่า มีการสร้างพระประธานจำลองขนาดบูชาของวัดทองฯ ขึ้น (รู้สึกว่าไม่มีการทำพิธีพุทธาภิเษก)
    แล้วมีฆราวาสท่านหนึ่ง ได้มานั่งอธิษฐานจิตพระชุดนี้ให้(เจตนาอย่างไรผมก็ไม่ทราบครับ)ในอุโบสถ
    ขณะนั่งทำความสงบอยู่นั้น อยู่ดีๆตัวก็ลอยขึ้นมาเอง แล้วก็หล่นลงมาหรือถูกกดก็ไม่ทราบครับ ก้นกบเจ็บมากครับ


    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="960"><tbody><tr><td align="center" valign="top"> </td> <td align="right" valign="top" width="43">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="732"><tbody><tr> <td class="text_brown12_bold" align="center"> [SIZE=+1] วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร (วัดทองบางพรม)[/SIZE]

    </td> </tr> <tr> <td align="center">

    </td> </tr> <tr> <td align="left" valign="top"><table align="center" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="90%"> <tbody><tr> <td class="text_brown_normal">วัดใหญ่สมัยโบราณ ตั้งคู่กันอยู่สองฝั่งปากคลองแยกบางพรหม มีชื่อเรียกคล้องจองกันว่า วัดเงิน หรือวัดรัชฎาธิฐาน กับวัดทอง หรือวัดกาญจนสิงหาสน์
    ตามประวัติว่า เมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา มีเศรษฐีชาวจีนแซ่ตันสองพี่น้อง เรียกกันว่า เจ้าขรัวเงินและเจ้าขรัวทอง มาตั้งรกรากทำมาหากินร่ำรวยจึงสร้างวัดขึ้นที่บริเวณสองฝั่งปากคลองนี้
    วัดทอง หรือวัดกาญจนสิงหาสน์ มีพระอุโบสถลักษณะแบบศิลปะอยุธยา คือก่อผนังปูนสูงขึ้นไปถึงอกไก่ แต่เครื่องบนน่าจะได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัตนโกสินทร์ หน้าบันไม่มีช่อฟ้าใบระกา ประดับด้วยลายปูนปั้นเป็นลายต้นไม้เครือ บานประตูเขียนลายรดน้ำเป็นภาพต้นไม้และสัตว์ต่างๆ
    พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ล้อมรอบด้วยรูปพระพุทธรูป เบื้องหน้าและซ้ายขวาอีก 6 องค์
    ส่วนใบเสมารอบพระอุโบสถ เป็นแบบที่เรียกว่า ใบเสมานั่งแท่น ไม่มีกนกตรงข้างเอว นับว่ามีความงดงามแปลกตาเป็นที่น่าสนใจยิ่ง

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif][FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร เดิมชื่อวัดทองเป็นวัดโบราณ พ.ศ. 2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า "วัดกาญจนสิงหาสน์" พ.ศ. 2406 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระประธานและฐานชุกชี
    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]
    [​IMG]"หลวงพ่อทอง" วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ปางมารวิชัย เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านมาตั้งแต่คราวเสียกรุงศรีอยุธยา โดยมีความเชื่อว่าหากได้มาขอพร เรื่องการค้าขายและโชคลาภจะได้สมปรารถนา เนื่องจากผู้สร้างวัดคือขรัวทองหรือเจ้าสัวทองเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่ง

    [FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]วัด นี้เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อวัดทองคู่กับวัดเงิน ที่อยู่ริมคลองบางพรมฝั่งตรงข้าม กล่าวกันว่า ผู้สร้างชื่อทองเป็นน้องชายของผู้สร้างวัดเงินต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารีได้ทรงสถาปนาวัดนี้ใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม ในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปลี่ยนนามวัดใหม่ว่า วัดกาญจนสิงหาสน์ ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัย[FONT=tahoma,arial,helvetica,sans-serif]รัตนโกสินทร์ตอนต้น

    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]



    [​IMG]
    พระอุโบสถหลังใหม่ :-

    ปัจจุบันพระอุโบสถหลังเดิมได้ทำพิธิถอนสีมาแล้วใช้เป็น วิหารแทน ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น เนื่องจากพระอุโบสถหลังเก่าได้ชำรุดทรุดโทรม ยังไม่ได้อนุญาตให้บูรณะปฏิสังขรณ์จากกรมศิลปากร จึงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เพื่อใช้ในการทำสังฆกรรมของพระสงฆ์..

    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr><tr> <td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="50%"> <tbody><tr> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> <tr> </tr><tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="650"> <tbody><tr> <td class="text_gray03_normal" align="left" valign="top">สถานที่ตั้ง

    วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร (วัดทองบางพรม) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร

    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
    109wat.com :
     
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    เวบวัดทองครับ http://www.watkarn.org/show/1.html

    ประวัติวัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร

    <!-- commonM i7forums.com--> <!-- postdate --> 222 วัน 21 ช.ม. 59 นาทีที่แล้ว
    ที่มา: www.watkarn.org
    คำค้นที่เกี่ยวข้อง: ประวัติวัด สำนักงาน
    วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร

    ที่ตั้ง : ริมคลองบางพรม
    ตำบล : คลองชักพระ
    อำเภอ : ตลิ่งชัน
    จังหวัด : กรุงเทพ

    [​IMG]'300')this.width='300';" class="previewimg" width="300">
    วัด นี้เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อวัดทองคู่กับวัดเงิน ที่อยู่ริมคลองบางพรมฝั่งตรงข้าม กล่าวกันว่า ผู้สร้างชื่อทองเป็นน้องชายของผู้สร้างวัดเงินต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารีได้ทรงสถาปนาวัดนี้ใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม ในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปลี่ยนนามวัดใหม่ว่า วัดกาญจนสิงหาสน์ ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    4. วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร เดิมชื่อวัดทองเป็นวัดโบราณ พ.ศ. 2397 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า "วัดกาญจนสิงหาสน์" พ.ศ. 2406 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระประธานและฐานชุกชี
    [​IMG]'300')this.width='300';" class="previewimg" width="300">
    "หลวงพ่อทอง" วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร แขวงคลองชักพระ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ปางมารวิชัย เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านมาตั้งแต่คราวเสียกรุงศรีอยุธยา โดยมีความเชื่อว่าหากได้มาขอพร เรื่องการค้าขายและโชคลาภจะได้สมปรารถนา เนื่องจากผู้สร้างวัดคือขรัวทองหรือเจ้าสัวทองเป็นพ่อค้าที่มั่งคั่ง
    วัดนี้เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อวัดทองคู่กับวัดเงิน ที่อยู่ริมคลองบางพรมฝั่งตรงข้าม กล่าวกันว่า ผู้สร้างชื่อทองเป็นน้องชายของผู้สร้างวัดเงินต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 สมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารีได้ทรงสถาปนาวัดนี้ใหม่ แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง ครั้นถึงรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงปฏิสังขรณ์เพิ่มเติม ในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปลี่ยนนามวัดใหม่ว่า วัดกาญจนสิงหาสน์ ลักษณะรูปแบบศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

    -: WatkarnJanaSinkhars :-วัดกาญจนสิงหาสน์วรวิหาร(วัดทองบางพรม) ตลิ่งช้น กรุงเทพมหานคร- Powered By PBDigg!
     
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="NavTitol" width="2%">[​IMG]</td> <td width="96%" height="20"> แตกประเด็น: วัดกาญจนสิงหาสน์ โบราณสถาน ?

    </td> <td align="right" width="2%" nowrap="nowrap"> </td> </tr> <tr> <td colspan="3" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td valign="bottom" width="15">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td background="themes/LerdsinSilver2004/imatges/finestra/2-1.gif" width="15">[​IMG]</td> <td valign="top"> <table align="center" border="0" cellpadding="3" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td rowspan="3" valign="top"> [​IMG] </td> <td background="themes/LerdsinSilver2004/images/column-bg.gif" valign="top" width="100%" height="50%"> โบสถ์เก่าวัดทอง
    เรื่อง : กองบรรณาธิการ วารสารเมืองโบราณ
    ภาพ : ดร. วรศักดิ์ พ่วงเจริญ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
    [​IMG]
    "พระ อุโบสถวัดทองเป็นแบบก่อผนังปูนไปจนยันอกไก่ทั้งหน้าและหลัง ลักษณะแบบนี้นิยมทำกันตั้งแต่สมัยพระนารายณ์เป็นต้นมา...ลายปูนปั้นบน หน้าบันเป็นลายดอกไม้ใบไม้ มีนก กระรอก ดอกบัว อาจจะโดนซ่อมในสมัยหลังบ้างก็ได้"
    น. ณ ปากน้ำ, ศิลปในบางกอก (๒๕๑๔)
    วัดกาญจนสิงหาสน์ เขตตลิ่งชัน กทม. เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชื่อ “วัดทอง” สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง ในปี พ.ศ.๒๓๙๗ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดกาญจนสิงหาสน์”


    [​IMG]
    อุโบสถเก่าของวัดกาญจนสิงหาสน์ น. ณ ปากน้ำ (ประยูร อุลุชาฎะ ๒๔๗๑ - ๒๕๔๓) สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตั้งอยู่ริมคลองบางพรม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หน้าบันก่ออิฐถือปูน ประดับลวดลายปูนปั้นเป็นลายพันธุ์พฤกษาและนก มีพาไล (หลังคาลาดคลุมมุข) ทั้งด้านหน้าและหลัง
    [​IMG] [​IMG]
    ประตูหน้าหลังด้านละสองช่อง บานประตูทำเป็นลายรดน้ำรูปดอกไม้ต้นไม้และนก แต่ลบเลือนมากแล้ว
    [​IMG]
    เสมาเป็นเสมาหินเนื้อหยาบ ซึ่ง น. ณ ปากน้ำ เคยให้ความเห็นว่าเป็นเสมาสมัยอยุธยาเช่นเดียวกัน
    [​IMG]
    ซุ้มประตูกำแพงแก้วทั้งสี่ทิศทำเป็นลาย ฝรั่งแบบจีน ส่วนที่มุมกำแพงแก้วทั้งสี่ทิศ มีพระปรางค์ และมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองอีกสี่องค์ พระอุโบสถหลังนี้ กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๕ และมีการระวางแนวเขตในปี พ.ศ.๒๕๒๘
    และ นั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญ ที่อาคารหลังนี้ถูกทิ้งร้างให้มีสภาพทรุดโทรม หลังคาทะลุผุพัง โดยเฉพาะเมื่อปัจจุบัน ทางวัดกาญจนสิงหาสน์ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือแต่การผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตเท่านั้น
    [​IMG]
    อาคาร สำเร็จรูปที่ ส.ส. ในพื้นที่ จัดสร้างขึ้นตามวัดต่างๆ ทั่วทั้งเขตตลิ่งชันในปีที่ผ่านมา บางวัดใช้เป็นห้องสมุดและศูนย์คอมพิวเตอร์ บ้างเป็นศูนย์สาธารณสุขชุมชม แต่หลายแห่งถูกทิ้งร้าง หลังนี้อยู่ข้างศาลาการเปรียญ วัดกาญจนสิงหาสน์
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="100%" height="50%">
    </td> </tr> <tr> <td bgcolor="#ffffff" valign="top" width="100%" height="100%">
    </td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td colspan="4" align="center" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td width="2%" height="20">[​IMG]</td> <td height="20"> ผู้บันทึก: staff ... เมื่อ จันทร์ 01 ม.ค. 07 @ 08:00




     
  11. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    พระอุโบสถหลังเก่าตอนนี้บูรณะเสร็จแล้วสวยงามมากใครผ่านไปอย่าลืมแวะไปชมครับ
     
  12. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ที่วัดนี้มีของดีอยู่เยอะครับ ท่านอภิชิโต ภิกขุศิษย์หลวงปู่ใหญ่ ท่านมาช่วยหาทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่นี้ด้วย
     
  13. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    เมื่อวานวันอาทิตย์ที่19กันยายน 2553 กระผมได้ไปถวายสังฆทานข้าวสารหอมมะลิอย่างดี 1กระสอบ49กิโลกรัม ราคา1,950บาท ณ วัดทองกาญจนสิงหาสน์ ซึ่งมีพระภิกษุสามเณรจำนวนมากอยู่

    ขอเชิญอนุโมทนา สาธุกันนะครับ

    จะพยายามถวายให้ได้เป็นอาจิณกรรมเดือนละครั้งครับ ใครจะโอนเงินร่วมบุญกุศลด้วยก็ยินดีครับ สาธุ


    แล้วได้อธิษฐานปรารถนาพุทธภูมิครับ

    ท่านได้ให้วิทยาทานสอนว่า ขมิ้นชันสด (ซื้อได้ตามตลาดผักสด? ปลอกเปลือกกินวันละหัวตอนเย็น?)เป็นยาแก้เบาหวานได้ มีผลข้างเคียงคือ อาจทำให้ผิวดูสีออกเหลืองทองมากขึ้น(ไม่มากก็น้อย?)ครับ

    ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาด้วยครับ
     
  14. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    เช้าวันจันทร์ถวายข้าวหอมมะลิอย่างดีกับเพื่อนๆที่ทำงาน5กระสอบประมาณ 245 กิโล เป็นรัตนตรัยบูชา สังฆทาน ที่วัดนี้ครับ

    ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าอยู่ได้ประมาณ5 วันครับ
     
  15. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    :cool::cool::cool:
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  16. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
  17. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    เมื่อต้นเดือนมกราคม วรโอกาสปีใหม่2554นี้ ได้ถวายข้าวหอมมะลิอย่างดี1กระสอบประมาณ 49 กิโล เป็นรัตนตรัยบูชา สังฆทาน ที่วัดทองนี้ครับ ขอเชิญหมู่คณะอนุโมทนาบุญกุศลบารมีกันครับ และขออุทิศบุญกุศลแด่สรรพชีวิตด้วยครับ
     
  18. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ซี่งถูกเรียกว่า ถุงเงิน ตามควมเชี่อ

    ถ้าส่งข้อความนี้ให้คนดี ๆ 8 คน
    จะทำให้โชคดี รับแต่ เงิน ๆ ๆ ๆ

    โชคดีทุกคน และ ขอให้รวย ๆ ถ้วนหน้า นะครับ”
     
  19. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    วันอาทิตย์เมื่อวานเย็นได้นำข้าวสารหอมมะลิเกรดอย่างดี49กิโลกรัมไปถวายเป็นปกติอาจิณกรรม ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดทองกาญจนสิงหาสน์ ตลิ่งชัน กทม มีพระเณรจากต่างจังหวัดระดับเป็นร้อย เล่าเรียนศึกษา ปฏิบัติสมณกิจเป็นจำนวนมาก ประจำรายการทุกต้นเดือน ขอเชิญอนุโมทนาอีกรายการบุญกุศลบารมีหนึ่งครับ
    ได้ไปบำเพ็ญบุญทานศีลภาวนาไถ่ชีวิตโคหมายเลข26ประจำงวดเดือนกุมภาพันธ์นี้ด้วย

    ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยให้ได้พุทธภูมิและได้ช่วยให้ผู้อื่นได้ด้วยโดยดีงามครับ
     
  20. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468
    ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ครับ
    http://palungjit.org/threads/บันทึกบาปและกรรมของข้าพเจ้า.89898/page-121
     

แชร์หน้านี้

Loading...