สาส์นจากภารโรงประจำคณะอินทราพงษ์
ก่อนอื่น ผมขอถือโอกาสนี้ กราบขอบพระคุณหลวงพ่อบุญรัตน์ หลวงพี่นันต์ หลวงพี่ชัยวัฒน์
หลวงตาวัชรชัย หลวงพี่เล็ก และคุณอาอรรณพ
ด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
สำหรับความเมตตาและความกรุณาที่ครูบาอาจารย์ทุกๆท่านได้สงเคราะห์ให้คำแนะนำปรึกษาพวกเรา
ยังผลให้หนังสือเล่มนี้ออกมาได้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่กำลังทรัพย์
กำลังปัญญา และกำลังความสามารถของทีมงานจะเอื้ออำนวยในเวลาจำกัดด้วยครับผม
เมื่อไม่นานมานี้
ชุมชนออนไลน์เล็กๆของพวกเราได้รับความเมตตาจากหลวงพี่เล็ก ได้ตั้งชื่อให้ชุมชนของเราว่า อินทราพงษ์
หมายถึงวงศ์วานของพระอินทร์
ซึ่งเป็นชื่อตึกที่ทำงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
หรือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ผู้ที่เป็นพระอริยสงฆ์อันดับหนึ่ง
ที่สมาชิกทุกคนในชุมชนเล็กๆแห่งนี้ยึดถือเป็นสรณะ
จนได้มารู้จักกันได้ในชาติปัจจุบันนี้(อีกครั้งหนึ่ง)ครับ
หนังสือเล่มนี้จึงถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นแรกของชุมชนเล็กๆของพวกเรา
ที่เป็นชิ้นเป็นอัน สามารถจับต้องสัมผัสได้ ไปโดยปริยายครับ
หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายๆอย่างด้วยกันครับ
อย่างแรกที่สุดก็คือดำริของครูบาวิฑูรย์(จากการจุดประกายของพี่นนท์) ที่จะทำหนังสือขึ้นมาเพื่อแจกเป็นธรรมทาน
ในวาระที่ท่านจะออกจากการเข้าพระกรรมฐานเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืนด้วยกัน
ในวันที่ ๒๖ กันยายน ปีพ.ศ.๒๕๔๙ ที่จะผ่านมาครับ
ผมเองก็ได้รับปากกับท่านไว้แต่เพียงว่า
จะหาทุนมาพิมพ์หนังสือให้เป็นจำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม
ซึ่งตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะหามาได้อย่างไร (แต่กะไว้คร่าวๆว่า
หากคิดค่าพิมพ์อย่างเดียว คือเล่มละ ๓๐ บาท ก็น่าจะต้องใช้ปัจจัย ๓๐,๐๐๐
บาทครับ ซึ่งก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับคนที่ยังไม่มีงานประจำอย่างผมครับ)
แต่ก็ตั้งใจไว้ว่า จะสวดพระคาถาเงินล้าน
และขอบารมีหลวงพ่อฤๅษีลิงดำและหลวงปู่ครูบาชุ่ม
ช่วยเมตตาสงเคราะห์ให้มีทุนเข้ามาสนับสนุนพวกเราอย่างเพียงพอด้วยครับ
และก็โชคดีที่พี่ออดได้รับปากว่าจะช่วยรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้นให้
โดยประสานงานกับพี่นนท์ ที่คอยเดินทางมาลำพูนจากกรุงเทพบ่อยๆ
เพื่ออุปัฏฐากครูบาวิฑูรย์อยู่บ้างเป็นบ้างครั้งบางคราวครับ
นอกจากนี้ ก็มีน้องท้อปและน้องฉอ ที่แสดงเจตนาที่จะช่วยตั้งแต่แรกเช่นกันครับ
มีการกล่าวกันว่า ผู้นำที่แท้จริง ไม่ต้องมีการแต่งตั้ง
ไม่ต้องมียศถาบรรดาศักดิ์ทางโลกแต่อย่างใด
หากเมื่อใดที่มีเรื่องสำคัญ มีความจำเป็นเกิดขึ้น ผู้นำโดยสัญชาติญาณนั้น
ก็จะลุกขึ้นมานำกลุ่มคน
เพื่อสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ส่วนรวมมากที่สุดครับ
ผมคิดว่าข้อความนี้ ยิ่งเป็นจริงยิ่งขึ้นเมื่อเป็นเรื่องของกิจการงานพระพุทธศาสนา
ในงานนี้ก็เช่นกัน
เราก็ได้ผู้นำคนใหม่เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวในความไม่พร้อมในหลายๆด้านของทีมงาน
ซึ่งก็โชคดีที่ผู้นำ้ท่านนี้
มีประสบการณ์การจัดพิมพ์หนังสือมาก่อนจากความรู้ความสามารถในการประกอบวิชาชีพอยู่แล้วด้วยครับ
ผู้นำท่านนี้ก็คือ พี่เก๋ ที่ได้ก้าวเข้ามาช่วยเหลือพวกเราในการประสานงาน
ตั้งแต่รวบรวมข้อมูลต่างๆ จัดทำรูปเล่มที่สวยงาม และอ่านง่าย
แต่คงความทันสมัยนิยมไว้ได้อีกด้วย
ผมในฐานะของภารโรงประจำคณะอินทราพงษ์
ต้องขอกราบขอบพระคุณพี่เก๋เป็นอย่างสูง ที่สละเวลาเข้ามาทำงานตรงนี้
แบบไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย
และทำไปด้วยความทุ่มเทเพื่อพระบวรพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
แถมให้ด้วยการไม่คิดเงินค่าจ้างรางวัลแต่อย่างใดด้วยนะครับ
ซึ่งก็เป็นปัจจัยหนึ่งให้พวกเราสามารถควบคุมต้นทุนการพิมพ์ลงได้เป็นจำนวนมากด้วยครับ
แม้ว่าผู้นำจะดี แต่หากผู้ร่วมงานไม่ดี
งานใดๆก็คงไม่สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีได้เลยครับ
อีกท่านที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ไม่ด้อยไปกว่าพี่เก๋ ก็คือพี่นนท์
ซึ่งเป็นผู้ที่คอยจดบันทึกและรวบรวมข้อมูลต่างๆ
จากครูบาวิฑูรย์และชาวบ้านวังมุยอีกหลายๆท่านมาตั้งแต่ในตอนแรก
และนำมาเรียบเรียงออกมาเป็นเนื้อหาหลายๆส่วนในหนังสือเล่มนี้ครับ
(โดยได้รับความช่วยเหลือจากน้องท้อปและน้องฉอในบางส่วน)
พี่นนท์ไม่ได้อยู่ใกล้ลำพูนแต่อย่างใด อยู่ถึงกรุงเทพ
แต่ก็ขวนขวายเดินทางไป เดินทางกลับ บ่อยครั้งมาก
โดยทำงานเป็นเบื้องหลังจริงๆ
เพราะไม่เคยจะมาเอ่ยปากขอค่าตอบแทนหรือสินจ้างรางวัลอะไรกับใครเลยครับ
ซึ่งก็คล้ายๆกับพี่เก๋ ที่แม้ว่าอาจจะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี
และไม่ได้มีเงินมากมายเหลือกินเหลือใช้จนไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพนะครับ
ฉะนั้น การที่พี่ๆทั้งสองลงแรงกาย ทุ่มแรงใจออกมานั้น
ก็เนื่องมาจากศรัทธาที่เต็มเปี่ยมที่จะช่วยเผยแพร่เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ออกไปเป็นธรรมทาน
เพื่อเป็นการเชิดชูพระบวรพุทธศาสนาในทางหนึ่งด้วยครับ
ผมต้องขอขอบพระคุณพี่นนท์เป็นอย่างสูง เช่นเดียวกับพี่เก๋ มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ
ทีมงานท่านอื่นๆที่คอยประสานงาน
คอยเดินทางเข้าไปวัดวังมุยเพื่อติดต่อสอบถามและแจ้งข่าวให้กับทางครูบาวิฑูรย์ได้รับทราบเป็นระยะๆด้วยครับ
เพราะว่าบางที การสื่อสารทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เพียงพอต่อรูปแบบของข้อมูลครับ
ซึ่งในกรณีนี้ ก็คือ พี่ออด นายเอ็ม น้องท้อป และน้องฉอ
ที่ผมต้องขอขอบคุณที่สละเวลาทำงานหาเงิน
ขับรถเป็นระยะทางไกลๆเพื่อการณ์นี้ด้วยนะครับ
ผมต้องขอขอบคุณพี่อ๊อดสำหรับข้อมูลและความคิดเห็นในฐานะลูกศิษย์หลวงพ่อมานาน(กว่าผมเยอะ)
ขอบพระคุณพี่เพ็ญและนายเอ็ม ที่เป็นกำลังใจให้อยู่เบื้องหลังเงียบๆ
คอยเป็นคู่คิดให้พี่เก๋ในยามที่พี่เก๋เครียดจากงาน
ซึ่งก็เป็นธรรมดาของคนที่ต้องเป็นศูนย์รวม คอยสาน คอยต่อ
คอยรับเรื่องราวต่างๆของผู้ร่วมงานท่านอื่นๆด้วยครับ
ขอบพระคุณทีมงานของน้องท้อป และน้องฉอ ที่ได้ช่วยออกแบบหน้าปกหนังสือที่ดูขลังและดึงดูด
แต่ไม่ล้าสมัยด้วยครับ
ขอบพระคุณพี่เหมียว ที่ช่วยหาข้อมูลจากนิตยสารฉบับหนึ่งให้ในตอนแรก
แบบตั้งใจมากที่จะขอข้อมูลในส่วนนี้มาให้ได้ แม้ว่าเราจะไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้มา
แต่ก็ได้เห็นน้ำใจพี่เหมียวตรงนี้ครับ
ขอบพระคุณพี่บุญทรงที่พิมพ์บางส่วนจากหนังสือ"ตามรอยพระพุทธบาท"มาให้ครับ
ขอบพระคุณคุณแด๋น คุณแอ้ม และคุณตุ๋มที่อาสาสมัครเข้ามาช่วยพิสูจน์อักษรให้ด้วยครับ
ขอบพระคุณท่านที่ช่วยพิมพ์งานให้ ซึ่งเท่าที่ผมทราบก็จะมีน้องน้ำมนต์
พี่เพ็ญ และนายเอ็ม
ขอบพระคุณที่ปรึกษาอันทรงคุณวุฒิ(ในสายตาของผม) คือ พี่เทพและพี่โอ๋
สำหรับคำแนะนำดีๆ
วิธีคิดตัดสินใจในเรื่องต่างๆตามหลักการคิดของครูบาอาจารย์ที่พวกเราเคารพนับถือด้วยครับ
ขอบพระคุณพี่นนท์อีกครั้งที่ได้ไปตามหาลูกศิษย์หลวงพ่อและหลวงปู่ครูบาชุ่ม ที่มีความอาวุโสเป็นอย่างยิ่ง
จนพวกเราได้ข้อมูลดีๆมาเพิ่มอีกเยอะเลยครับ ซึ่งก็คือคุณอาอรรณพนะครับ
พร้อมกันนี้ คุณอาอรรณพยังได้ร่วมทำบุญค่าพิมพ์หนังสือและค่าใช้จ่ายต่างๆในการดำเนินการมาอีก
๓๐,๐๐๐ บาทครับ ทำให้พวกเราทำอะไรหลายอย่างได้สะดวกคล่องตัวยิ่งขึ้น
และสามารถปรับปรุงในหลายๆส่วน
ที่เคยได้ตีกรอบไว้อันเนื่องมาจากงบประมาณที่เคยมีจำกัดด้วยครับ
คณะอินทราพงษ์ต้องกราบขอบพระคุณคุณอาอรรณพด้วยความซึ้งใจมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
อีกท่่านที่ช่วยหาทุน ช่วยบอกบุญแบบสม่ำเสมอตลอดงาน ก็คือพี่ออดครับ
ปัจจัยจำนวนมากที่พวกเราได้รับบริจาคมานอกเหนือจากของคุณอาอรรณพนั้น
ก็ได้มาจากที่พี่ออดช่วยประชาสัมพันธ์ให้นี่แหละครับ ขอบพระคุณมากครับพี่
ขอบพระคุณพี่เพ็ญ นายเอ็ม และน้องน้ำมนต์
ที่ช่วยกันตรวจสอบบัญชีการโอนเงินทำบุญด้วยความละเอียดถี่ถ้วน
เพื่อไม่ให้พวกเราต้องสร้างอกุศลกรรมโดยไม่รู้ตัวด้วยครับ
และขอบพระคุณพี่ปูเป้ที่ให้ยืมบัญชีในกรุงเทพมารับบริจาค
ทำให้ผู้ร่วมบุญหลายๆท่านประหยัดค่าโอนข้ามเขตไปได้พอสมควรเลยครับ
กระผมขออารธนาพระบารมีและอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
อันมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นประธาน
ได้โปรดดลบันดาลให้ทีมงานและผู้ร่วมทำบุญในงานนี้ทุกๆท่าน
ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานตามความปรารถนาของแต่ละท่านด้วยนะครับ
หากท่านใดที่ปรารถนาซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้
ก็ขอให้บรรลุซึ่งพระอรหัตตผลด้วยความง่ายดายและรวดเร็วที่สุดในชาติปัจจุบันนี้ด้วยครับ
หากท่านใดที่ปรารถนาซึ่งพระสัพพัญญุตญาณหรือพระปัจเจกโพธิญาณ
ก็ขอให้ท่านผู้นั้นสามารถบำเพ็ญบารมีทั้ง ๓๐ ทัศให้เต็มหมดได้ในเวลาอันสั้นที่สุดด้วยเทอญฯ
อนุโมทนาสาธุครับ
ธนัท ทองอุทัยศรี
ภารโรงประจำคณะอินทราพงษ์
เชิญร่วมพิมพ์หนังสือประวัติหลวงปู่ครูบาชุ่มและครูบาวิฑูรย์
ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย โมฆบุรุษ, 2 มิถุนายน 2006.
หน้า 2 ของ 2
-
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่เสียสละกำลังกาย เวลาที่ผลิตหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาค่ะ
ทุกตัวอักษรตั้งแต่ตัวแรกจนตัวสุดท้าย...อ่านแล้วอ่านอีก ยังหยิบอ่านหยิบดูอยู่ค่ะ ...มีหลายๆคนชมตั้งแต่แรกเห็น หลายคนรับปุ๊บ อ่านเลยไม่ยอมวาง
แม้แต่ชาวบ้านวังมุยเองก็ตาม ..ยังชมค่ะ ว่าทำประวัติครูบาชุ่ม ได้ละเอียดดีค่ะ
หนังสือเล่มนี้ จะอยู่ตลอดไป และคงจะมีผู้ที่สนใจเพิ่ม อีกไม่น้อยเลยค่ะ -
เมื่อวานได้เจอครูบาวิฑูรย์ที่ทำงาน (กทม.) เจ้านายนิมนต์ท่านมา หรือว่าท่านมาเองก็ไม่แน่ใจครับ. ดูท่านยังหนุ่มอยู่เลยนะครับ ผมเข้าใจเอาเองว่า "ครูบา"น่าจะเป็นพระที่บวชมานานๆ ปฏิบัติดีปฏิบัติ และทำประโยชน์กับชาวบ้านมาก จนชาวบ้านยกย่องให้ท่านเป็น "ครูบา" แต่เดี๋ยวนี้เห็นครูบาเยอะแยะไปหมด ก็เลยจะงงๆ นิดหน่อยครับ หรือว่าผมอาจจะเข้าความหมายของคำว่าครูบาผิดไป. ครูบารุ่นใหม่คงจะคนละแบบกับครูบาในอดีต.
-
แม้ว่าพรรษาท่านยังน้อยอยู่
แต่เรื่องการปฏิบัตินั้น ไม่เกี่ยวข้องกับพรรษาหรืออายุครับ
เรื่องของความศรัทธานั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลดีกว่าครับ
ผมเองช่วยเหลือกิจของท่านบางอย่าง เพราะว่าครูบาอาจารย์ที่ผมมีความเคารพนับถือ ท่านบอกว่า"ครูบาเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ"
ผมมีความเชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ของผม ฉะนั้นประโยคสั้นๆประโยคนี้ ก็เกินพอสำหรับตัวผมเองแล้วครับ
หน้า 2 ของ 2