เชื่อหรือไม่เราเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานในจักรวาลนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กลายแก้ว, 1 ตุลาคม 2013.

  1. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    เมื่อคุณมองไปบนฟากฟ้าคุณนึกถึงอะไร

    การกำเนิดโลก กำเนิดจักรวาล

    การรู้โลกและเรื่องจักรวาล เป็นการที่จะเรียนรู้เรื่องกฎของธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา จึงไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัวสำหรับเราเลย เพราะมันจะไปเชื่อมโยงกับกฎสูงสุดคือ กฎของไตรลักษณ์ ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบหลักฐานต่างๆ มากมายที่น่าทึ่งและอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อนำไปเทียบกับพระพุทธโอษฐ์ที่ทรงตรัสไว้ในพระไตรปิฏก ได้ตรงกับนักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันที่ค้นพบ ในเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อนนั้นไม่มีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย แต่พระพุทธองค์สามารถรู้ได้ เพราะทรงเป็นพระสัพพัญูรู้ได้ทุกสรรพสิ่ง รู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้มีเหตุปัจจัยมาจากสิ่งใด ว่าทำเหตุไว้อย่างนี้ จะเกิดผลอย่างไร นำมาเป็นคำสอนให้ปฏิบัติตาม เมื่อใครปฏิบัติตามคำสอนได้ก็จะได้สิ่งที่ตนเองปารถนา คือ ความพ้นทุกข์ หรือ นิพพาน เพราะทุกวันนี้ทุกคนดิ้นรนแสวงหากันอยู่ทุกวันนี้ คือ ความไม่มีทุกข์นั่นเอง

    ความเชื่อจักรวาลในทางวิทยาศาสตร์

    นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า “ระบบเอกภพ” อาณาเขตอันกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสิ้นสุด ซึ่งมีขนาดมหึมารวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้เอกภพเกิดขึ้น เรียกว่า BIG BANG เอกภพ หรือ จักรวาล คือ ระบบที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ เอกภพกำเนิดขึ้นจากการระเบิดที่เรียกว่าบิ๊กแบง การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้เกิดเอกภพหรือจักรวาล ตอนแรกเอกภพอยู่ในรูปของพลังงานได้เกิดระเบิดแตกตัวออกจากจุดเล็ก ๆ จุดเดียวที่มีอุณหภูมิสูงมาก ที่ได้รวบรวมพลังงานมหาศาล และสสาร ไว้มากมายต่อมาอุณหภูมิได้ลดลง พร้อมกับการขยายตัวขึ้นของเอกภพที่อยู่ในรูปของสสาร พลังงาน และอุณภูมิลดลงเรื่อย ๆ เอกภพก็ขยายตัวใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น อยู่อย่างนั้นนานนับล้าน ๆ ปี สิ่งมีชีวิตก็เกิดขึ้น

    ระบบใหญ่ที่เรียกว่าระบบเอกภพประกอบด้วยกาแล๊กซี่น้อยใหญ่รวมกันหลายล้านระบบ แต่ระบบจะประกอบไปด้วย ดาวฤษก์หรือดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงดาวอีกจำนวนมากมายที่ไม่มีแสงสว่างในตนเอง โดยต่างดำรงอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวบนกาแล๊กซี่ยังมีระบบสุริยะจักรวาลทับอยู่ในระบบเอกภพ

    ในสนามพลังงานเอกภพ มีดาราจักรอยู่นับแสนล้านดวง ช่องว่างระหว่างดาราจักรมีความหนาเฉลี่ยต่ำกว่าอะตอมต่อหนึ่งลูกบากศ์เมตร โครงสร้างขนาดมหึมาขึ้นไปกว่านั้นเป็นกลุ่มดาราจักรที่โยงใยถึงกัน เรียกว่า”ใยเอกภพ” (Fiament) ซึ่งกระจายอยู่คลอบคลุมเนื้อที่อันกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อเอกภพขยายตัวขึ้น แรงโน้มถ่วงทำงาน จึงยึดสิ่งต่างๆ ไว้ด้วยกัน เอกภพหรือจักรวาลหนึ่งเป็นจะมีระบบสุริยะหลายระบบรวมอยู่ในเอกภพเดียวกัน ซึ่งจะเกี่ยวกับโลกของเราที่อยู่ในระบบสุริยะที่เรียกว่า “ทางช้างเผือก” ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดาวฤกษ์ หรือดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ 8 ดวงเป็นดาวบริวาร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโลกของเรา

    จะเห็นได้ว่าการเกิดของทุกสิ่งไม่มีใครสร้าง เกิดจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่มองเห็นทุกสิ่งเป็นรูปธรรมได้คือเกิดจากการระเบิดบิ๊กแบงทำให้เกิดสสาร พลังงานมากมาย ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า แรงโน้มถ่วง คือสิ่งที่ควบคุมเอกภพ แรงโน้มถ่วงทำงานดึงวัตถุเข้าหา ดึงดูดดาวเคราะห์ ฝุ่น ก๊าซ หมุนรอบตัวเองช้า ๆ ด้วยแรงโน้มถ่วง กลายเป็นจักรวาล กลายเป็นกาแล๊กซี่ แรงโน้มถ่วงยึดสสารและพลังงานเข้าหากัน กลายเป็นก้อนก๊าซ เป็นดาวฤกษ์ หรือ ดวงอาทิตย์ เป็นดาวเคราะห์ ก็คือ โลกของเรานี่เอง

    ในเอกภพนี้จึงมีแต่สสารและพลังงานเป็นจุดกำเนิดของระบบเอกภพ จึงกล่าวได้ว่าทุกสรรพสิ่งมาจากจุดเดียวกัน เชื่อหรือไม่ มนุษย์เราเป็นพลังงานส่วนหนึ่งในจักรวาลนี้ เมื่อเกิดจากสิ่งใด ก็ย่อมเป็นจากสิ่งนั้น ใช่หรือไม่ และเมื่อเอกภพเกิดจากสสารและพลังงาน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเป็นสิ่งนั้นด้วย มิใช่หรือ จึงมีใครบางคนหาคำตอบว่าเรามาจากไหนกันแน่
     
  2. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ความเชื่อจักรวาลในทางพระพุทธศาสนา

    พระพุทธโอษฐ์จากพระไตรปิฏก จูฬนีสูตร พระสุตตันตปิฎก มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโลกและจักรวาล คือ

    โลกตามความหมายทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ให้ความหมายที่ละเอียดกว่างทางวิทยาศาสตร์ ที่ว่าละเอียดกว่า เพราะพระพุทธองค์แบ่งโลกออกเป็นทั้งทางวัตถุ หรือรูปธรรม และนามธรรม แต่วิทยาศาสตร์รู้เฉพาะโลกทางวัตถุเท่านั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสไวว่า โลกหมายถึงสิ่งที่ต้องแตกทำลายไป ท่านวิเคราะห์ว่า ลุจจฺตีติ โลโก สิ่งใดย่อมแตกสลายสิ่งนั้นเรียกว่าโลก ประกอบด้วย

    ๑.สังขารโลก กล่าวคือ สภาวธรรมที่ตกอยู่ภายใต้เงื่อนไขธรรมชาติ หรือภายใต้เงื่อนไขของเหตุปัจจัย เช่น ร่างกายเรานี้ ประกอบด้วยขันธ์ทั้ง 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เช่นมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลาย ภูเขาต้นไม้ ก้อนหิน บ้าน รถยนต์ ก็จัดอยู่ในสังขารโลกด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์

    ๒.สัตว์โลก เช่นมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ก็ตกอยู่ภายใต้เงือนไขของธรรมชาติมีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสายไปในที่สุด มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ และมีตาย เพราะสิ่งเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง คือความไม่คงที่ ทุกขัง คือ ตกอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ อนัตตา คือไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของใคร

    ๓.โอกาสโลก โลกคือแผ่นดินหรือดวงดาว หรือว่าดาราจักรทั้งหลายอันเป็นที่อยู่ของสัตว์โลก ทั้งหมดตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งไตรลักษณ์ทั้งหมด



    โลกตามความหมายของพระพุทธศาสนา คือ โลกนี้คือ โลกธาตุ ที่เกิดจากเงื่อนไขเหตุปัจจัยตามธรรมชาติที่มีการปรุงแต่งขึ้นมา รวมเรียกสิ่งทั้งหลายว่า สังขาร สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารคือร่างกาย จิตใจ และรูปธรรม นามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไป มีแล้วหายไป สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารคือร่างกาย จิตใจ แลรูปธรรม นามธรรมทั้งหมดทั้งสิ้น มันเป็นทุกข์ทนยาก เพราะเกิดขึ้นแล้ว แก่ เจ็บ ตายไป สัพเพ ธัมมา อนัตตา สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นสังขาร และ มิใช่สังขารทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเราว่าของเรา ว่าตัวตนของเรา ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ไตรลักษณ์ จึงเป็นคำสอนสูงสุดในพระพุทธศาสนา
     
  3. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    แล้วเมื่อเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์โลกแล้วเราควรยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดจ๊ะถึงจะได้ชื่อว่าไม่เสียชาติเกิดน่ะจ๊ะ
     
  4. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ความเป็นมาของโลกที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา


    ทุกคนในโลกนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาอยู่ในโลกนี้แล้ว สิ่งที่ต้องรู้ที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้เลย คือ เรื่องกฎของไตรลักษณ์และกฎธรรมชาติที่มีเหตุและปัจจัย ผลใดๆที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุที่มาเสมอ เพราะชีวิตเราเป็นสิ่งนั้น(เป็นไตรลักษณ์) และเกิดจากสิ่งนั้น(อิทัปัจจยตา) หรือเกิดจากฎธรรมชาติ ถ้าเรารู้สองสิ่งข้างต้น เราจะรู้ว่าตนเองเป็นใคร



    การเกิดของเราเป็นส่วนหนึ่งของพลังงาน ที่เกิดจากการรวมตัวของสสาร คือ ธาตุสี่ ออกมาเป็นมนุษย์ ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ก็เหมือนกันด้วยกันทั้งหมด เกิดจาก ธาตุต่างๆ ไม่มีใครสร้างให้เกิดขึ้น แต่เกิดจากเหตุการระเบิดพลังงานบิ๊กแบง ที่มีสสารและพลังงาน เมื่อธาตุใด ๆ ในโลกได้ถูกแรงดึงดูดเข้าหากันผสมกันด้วยอย่างลงตัวจะเกิดเป็นธรรมชาติที่สรรค์สร้างขึ้นเป็นสิ่งต่าง ๆที่มีอยู่ในจักรวาลตั้งแต่ในอวกาศจนมาถึงโลกมนุษย์ ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้



    ถ้าเราพิจารณาดูให้ดี พระพุทธศาสนาจะชี้ให้เห็นคำว่า อนัตตา และ อัตตา ที่ว่าทุกสิ่งที่เห็นอยู่ว่ามีจริง ที่เรายึดมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนคืออัตตา นั้น มันไม่มีอยู่จริง แต่ที่มีอยู่จริงคือความไม่ใช่ตัวตน คือ อนัตตา มันเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่มีแรงเหนี่ยวรั้งธาตุต่างๆ ของสสารมาผสมกันอย่างลงตัว ผลคือ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีเหตุเกิดจากกิเลส และกรรม และไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ ที่มีเหตุเกิดจากมนุษย์ค้นพบธาตุแล้วนำธาตุต่างๆมาแปรเปลี่ยนสภาพสร้างขึ้นมาเป็นวัตถุต่าง ๆ อาทิเช่น ของกินของใช้ มากมายในโลกนี้



    การทำความเข้าใจทำให้เกิดปัญญาเรื่อง ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปัญญาที่เราให้เราพ้นทุกข์ เราจะพิจารณาได้ระดับหยาบ คือ สภาพแวดล้อมที่เรามองเห็นได้ที่อยู่รอบตัวเรา ในระดับกลาง คือกับสภาวะตัวเราที่เปลี่ยนแปลง และในระดับอย่างละเอียด คือสภาวะจิตใจของเราที่เปลี่ยนแปลงทุกขณะ เพราะทุกสิ่งตกอยู่ภายไต้กฎไตรลักษณ์
    ๑. ทุกสรรพสิ่งมีการเกิดขึ้น
    ๒. ทุกสรรพสิ่งตั้งอยู่เพื่อดำรงอยู่
    ๓. ทุกสรรพสิ่งต้องเลื่อนไปสู่ความดับสลาย เพื่อนำไปสู่การเกิดขึ้นใหม่ตามเหตุและปัจจัย


    สภาวะเหล่านี้จึงเรียกว่า อนัตตา ที่มีใครบังคับควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ เราจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นดังที่เราหวัง เราจะหวังให้เป็นอย่างนี้ เราหวังจะให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเหตุปัจจัยไม่ได้ ก็จึงไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ที่เราได้ตามที่หวังก็เกิดจากเหตุปัจจัยที่สร้างไว้ ผลก็จะเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้อยู่ตลอดไป มันไม่เที่ยง มันจึงเป็นทุกข์ เราไม่รู้ไม่เข้าใจเราไปยึดให้เป็นอย่างที่หวัง หรือ เป็นตัวตน เรียกว่ายึดมั่นถือมั่น จึงเกิดความทุกข์



    การที่เราเรียนรู้เรื่องโลกและจักรวาลที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา เพื่อที่จะให้เราได้รับรู้ความเป็นกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา ที่สอดคล้องกับพลังงานของจักรวาลที่มีการเลื่อนไหลตลอดเวลา เปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ มีการไหลเวียน การกระแทก การชน การรวมกลุ่ม มีการแยกออกจากกัน เป็นแสดงสภาวะพลังงานทางธรรมชาติของจักรวาล ให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงรูปธรรมที่เกิดขึ้น หากพลังงานทำให้สภาวะใดสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะเหตุยังมีอยู่ แต่ถ้าพลังงานได้เปลี่ยนแปลงไปการเลื่อนไหลไปอีกสภาวะหนึ่งเหตุเดิมก็ดับ เหตุใหม่ก็เกิดขึ้น ซึ่งมันจะเกิดอย่างนี้เสมอ นักวิยาศาสตร์จึงได้กล่าวว่า ในจักรวาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างสสารและพลังงานอยู่ตลอดเวลา



    สสารและพลังงาน จึงเป็นตัวปรุงแต่งรูปธรรมให้เกิดขึ้น ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ไม่เว้นแต่มนุษย์เราล้วนเป็นพลังงานและสสาร หรือทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สังขาร และวิญญาณ หรือรวมเรียกว่า สัพเพสังขารา


    ส่วนนามธรรมเป็นสิ่งเรามองเห็นไม่ได้ เช่นจิตใจ แต่ที่เรารับรู้และสัมผัสได้ก็เปลี่ยนแปลงเป็นไปตามการกระทำของเราตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งมนุษย์เป็นสิ่งเดียวในจักรวาลนี้ที่มีอิสระในทางเลือกที่ตัดสินใจได้ทุกอย่างแล้วแต่จะเลือกเป็น คือเป็นไปตามความคิด ตามอารมณ์ ตามการปรุงแต่งของใจนั่นเองจึงมีสภาวะอย่างที่เราเห็นที่เราเป็นอยู่



    กฎแห่งการโน้มถ่วง คือ การเคลื่อนที่ของทุกสิ่งในเอกภพเคลื่อนที่ไม่หยุดนิ่งและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงเปรียบเสมือนกับมนุษย์เราที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดนิ่ง แล้วแต่เราจะเจอเหตุการณ์ใดแล้วตัดสินใจอย่างไร ตัวเจตนาของเราเปรียบเป็นพลังงานที่ทำให้เป็นรูปธรรมขึ้นมา เหมือนพลังงานของจักรวาลที่ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ขึ้น เลื่อนไหลไปไม่หยุดนิ่งแล้วแต่เหตุปัจจัยทำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมา


    หากเราไม่รู้ความจริงเหล่านี้บ้าง ทำให้เรายึดทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตัวตน เราจึงต้องต้องเวียนว่ายตายเกิดแล้วๆ เล่าๆ เพื่อรับทุกข์อย่างที่เป็นอยู่นี้ จนกว่าเราจะทำลายอวิชชา โมหะความหลงไม่รู้ตามความเป็นจริงเสียได้ โดยทำจิตใจให้บริสุทธิ์เพื่อหลุดจากแรงดึงดูดของโลก หลุดพ้นไปจากโลก เราจึงหมดเหตุปัจจัยในการเกิดเพื่อมารับทุกข์นั่นเอง
     
  5. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เมื่อทุกคนสามารถทำจิตใจให้บริสุทธิ์หลุดพ้นไปจากความเป็นโลกได้นะจ๊ะไม่กลับมาเกิดอีกนะจ๊ะแล้วชีวิตที่เหลืออยู่ที่ยังมีลมหายใจอยู่จะต้องอยู่กันยังไงจ๊ะอธิบายให้เข้าใจได้มั้ยจ๊ะ
     
  6. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เชื่อหรือไม่เราเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานในจักรวาลนี้


    เชื่อสิจ๊ะถ้าเราทำจิตใจให้บริสุทธิ์กว้างเท่าไหนเราก็สามารถรับรู้พลังงานในจักรวาลได้กว้างเท่านั้นเท่าที่ใจเราบริสุทธิ์ได้
     
  7. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    ตอบคุณวงกลมจุดจ๊ะ

    จักรวาลแห่งความรัก

    โลกของเราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดียว โลกของเรายังมีดาวเคราะห์ต่าง ๆ เป็นดาวเพื่อนมีแรงดึงดูดไปด้วยกันในการหมุนรอบดวงอาทิตย์ ที่เห็นได้เด่นชัดคือ โลกและดวงจันทร์ ที่มีแรงดึงดูดช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้อยู่ได้


    ในโลกมนุษย์ที่เช่นเดียวกัน โลก มนุษย์ สัตว์ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ต่างต้องพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จิตใจมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากมนุษย์งดการทำร้ายเบียดเบียนไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ด้วยกันเอง สัตว์ประจำโลก หรือ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จะทำให้โลกขาดความสมดุล โลกคงอยู่ไม่ได้จะต้องแตกสลายไปในที่สุด


    หรือมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน หากสถานที่ใดหรือกลุ่มบุคคลคณะใด มีความรักความสามัคคี มีคุณธรรม จะทำให้สถานที่นั้นมีความเจริญและมีความสงบสุข พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเรื่องศีลธรรม(ศีลห้า) เป็นขั้นต้นของหลักการร่วมกัน


    จักรวาลแห่งความรัก คือ ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ต้องมีความรักเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งกัน ความรักนี้หมายถึง ความรักที่เป็นรักแบบพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา บุคคลใดที่มีศีลธรรม คุณธรรม มีเมตตา มากเท่าไรก็จะถือว่าบุคคลนั้นจะเป็นผู้มีบุญมาก เป็นผู้ที่มีใจผ่องใสบริสุทธิ์ ปราศจากแล้วซึ่งการเบียดเบียน เช่นพระอริยะสงฆ์สาวก



    ศีลธรรมจึงเป็นความรักขั้นแรกที่เรามอบให้แก่บุคคลอื่น ถ้าเรามีศีลเราก็งดเว้นจากการทำชั่วงดเว้นการเบียดเบียนผู้อื่น ระดับสูงขึ้นไปอีกการทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นให้อยู่รอดปัดเป่าให้เขาคลายจากทุกข์ และระดับสูงสุดคือ เป็นผู้ปราศจากแล้วการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นอย่างถาวร จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ไร้การเสียดการเสียดแทงทางใจไม่มีความเศร้าหมองทางใจใดๆมาปรากฏอีก เรียกว่า ผู้ที่ว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างแท้จริง ทำหน้าที่ของมนุษย์สมบูรณ์แบบแล้ว หมดกิจหมดหน้าที่แล้ว จึงถือว่าเป็นผู้ที่มีบุญมาก หากผู้ใดทำบุญถวายทานจะมีอานิสงส์มากตามลำดับแห่งความผ่องใสบริสุทธิ์ของใจแต่ละดวงนั้น เพราะเป็นจิตใจที่มีความรักความเมตตา เป็นจิตใจที่เป็นประโยชน์แก่โลกอย่างมาก


    ศีลธรรมจึงเป็นความรักขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ใดมีศีลงดเว้นจากการเบียดเบียน เวรกรรมของบุคคลนั้นก็จะลดน้อยลง ถ้ามีเมตตากรุณาเป็นผู้ให้ด้วยแล้วก็จะเข้าถึงใจที่มีสมาธิความสงบสุขได้ง่าย ทำให้เกิดสติปัญญาเห็นเส้นทางที่จะดำเนินไปถึงแห่งการพ้นทุกข์ จักรวาลนี้จึงเป็นจักรวาลแห่งความรักอย่างแท้จริง เพราะจะทำให้บุคคลนั้นไร้ซึ่งพันธนาการปราศจากเวรกรรมไม่ต้องกลับมาชดใช้ให้กับใครอีก
     
  8. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    นอกจากกด like และกดอนุโมทนาแล้ว ข้าพเจ้ายังขอกล่าวคำอนุโมทนาสาธุอีกด้วยนะจ๊ะ สุดหัวใจเลยจ้า สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
     
  9. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634


    เมื่อเราได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับโลก เราก็ต้องรู้โลก เข้าใจโลก และอยู่กับโลกให้เป็น โดยการเรียนรู้โลกให้แจ้งนั้น สิ่งสำคัญคือ ความเกี่ยวพันกับทุกสรรพสิ่งในโลกไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ ให้กระทำต่อทุกอย่างให้เหมาะสม ถูกต้อง และดีงาม เริ่มแรกต้องเริ่มจากความคิด ความเห็นที่ถูกต้องเสียก่อน การที่มนุษย์จะเห็นค่าของตนเองและผู้อื่นได้ จำเป็นอย่างยิ่งต้องระมัดระวังความคิดตนเองให้มีความเห็นที่ถูกต้อง จึงจะเริ่มเข้าสู่ทางที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ ว่าเป็นทางสายเดียว ที่บุคคลใดได้เดินทางสายนี้จะนำไปสู่ความหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ นั่นคือ มรรคมีองค์ ๘
     
  10. tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
  11. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เมื่อคุณมองไปบนฟากฟ้าคุณนึกถึงอะไร

    ข้าพเจ้าขอตอบบ้างนะจ๊ะ
    ตอนเด็กๆข้าพเจ้าคิดถึงสิ่งที่จ้องมองข้าพเจ้าควบคุมข้าพเจ้าว่าอยู่ที่ไหนสักแห่งในความเวิ้งว้างที่กว้างใหญ่นั้นนะจ๊ะ ตอนวัยรุ่นข้าพเจ้าเลิกให้คนสนใจลดลงเพราะข้าพเจ้าเข้าใจว่าเทพเจ้าหรือเทวดาทั้งหลายคงช่วยเหลือมนุษย์อย่างเราไม่ได้หรอกนะจ๊ะ ตอนเลยวัยรุ่นเข้ามาศึกษาทางพ้นทุกข์ข้าพเจ้ามองท้องฟ้าเพราะต้องการเป็นผู้มีอิสระภาพพ้นจากความเป็นโลกนี้เนื่องเพราะความเป็นโลกเป็นเสมือนโรคร้ายที่กัดกินตัวตนของข้าพเจ้าให้ต้องเป็นไปตามความเป็นโลกคือเกิดขึ้นตั้งอยู่และเสื่อมไปนะจ๊ะ ตอนนี้ข้าพเจ้ามองฟ้าแล้วอมยิ้มและหัวเราะในใจว่าเราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของเราเอง เมื่อเราไม่หลงโลกไม่เป็นทุกข์กับโลกความเป็นโลกก็ทำอะไรกับเราไม่ได้อีกแล้วชีวิตอิสระที่เหลืออยู่ ก็แค่แสดงพลังแห่งความอิสระนี้ เพื่อให้ความเป็นโลกได้รับรู้และสัมผัสเหมือนที่เราสัมผัสและรับรู้ เท่านั้นเองจ้า ทำอะไรมากกว่านี้ก็ไม่ได้นะจ๊ะ ทำได้เท่าที่ความเป็นมนุษย์ทำได้เท่านั้นเองแหล่ะจ้านะจ๊ะ
     
  12. tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
  13. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    พลังงานจากคุณเจ้าของกระทู้น่าจะเป็นปัจจัยช่วยอีกแรงหนึ่งได้นะจ๊ะเพื่อผลักดันให้ทุกคนได้มีความเห็นที่ถูกต้องถูกทางนะจ๊ะข้าพเจ้าเชื่อในพลังงานของท่านเจ้าของกระทู้นะจ๊ะ
     
  14. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ส่วนพลังงานจักรวาลในตัวข้าพเจ้ามีไม่มากเท่าท่านเจ้าของกระทู้หรอกนะจ๊ะ
    ดังนั้นวันนี้ข้าพเจ้าจึงยินดีเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะที่ท่านเจ้าของกระทู้ผู้มีพลังจักรวาลมากมายมหาศาลได้หยั่งลงสู่ความเป็นโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง ขอบพระคุณท่านมากนะจ๊ะที่ไม่ทิ้งโลกน่ะจ้า
     
  15. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634

    ยังจ๊ะ พลังงานยังไม่ได้มากมายมหาศาลขนาดนั้นหรอก มีนิดเดียวเอง กำลังเรียนรู้เพื่อที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเองอยู่ ขณะนี้มีสิ่งเดียวก็คือ เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งที่ ขอทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง
     
  16. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    คิดได้เช่นนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแล้วนะจ๊ะยินดีด้วยนะจ๊ะขอเป็นกำลังใจนะจ๊ะ
     
  17. กลายแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +634
    จักรวาลให้เรารู้เรื่องอะไร

    ทุกสิ่งล้วนมาจากจุดกำเนิดเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดในสากลจักรวาลนี้ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งตัวเรา อยู่ภายใต้กฎเดียวกัน คือ กฎแห่งไตรลักษณ์


    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สสารและพลังงานทำให้เกิดจักรวาล การรู้เรื่องจักรวาลทำให้เรารู้เรื่องกฎธรรมชาติ เพราะธรรมชาติของจักรวาลคือ ดังที่เรียกว่ามีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเสมอ เมื่อสิ่งหนึ่งเปลี่ยนไป จึงเกิดสิ่งใหม่ขึ้นตลอดเวลา


    หากเราได้ภาพจักรวาลจากสื่อต่าง ๆ เราจะรู้ได้มันเป็นกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตรงตามหลักพระพุทธศาสนา ที่สอดคล้องกับพลังงานของจักรวาลที่มีการเลื่อนไหลตลอดเวลา เปลี่ยนแปลง ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ มีการไหลเวียน การกระแทก การชน การรวมกลุ่ม มีการแยกออกจากกัน ก็ให้มองได้ว่าธรรมชาติพลังงานของจักรวาล ให้เราได้รู้ว่า หากพลังงานทำให้สภาวะใดสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะเหตุยังมีอยู่ แต่ถ้าพลังงานได้เปลี่ยนแปลงไปการเลื่อนไหลไปอีกสภาวะหนึ่งเหตุเดิมก็ดับ เหตุใหม่ก็เกิดขึ้น ซึ่งมันจะเกิดอย่างนี้เสมอ


    นักวิทยาศาสตร์จึงได้กล่าวว่า ในจักรวาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างสสารและพลังงานอยู่ตลอดเวลา หรือ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงทั้งรูปธรรม นามธรรม รวมเรียกว่าขันธ์ห้า เป็นไปตามการกระทำของเราตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งมนุษย์เป็นสิ่งเดียวในจักรวาลนี้ที่มีอิสระในทางเลือกที่ตัดสินใจได้ทุกอย่างแล้วแต่จะเลือกเป็น คือเป็นไปตามความคิด ตามอารมณ์ ตามการปรุงแต่งของใจนั่นเองจึงมีสภาวะอย่างที่เรามีเราเป็นอยู่


    สสารและพลังงาน จึงเป็นตัวปรุงแต่งรูปธรรม นามธรรมให้เกิดขึ้น ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ไม่เว้นแต่มนุษย์เราล้วนเป็นพลังงานและสสาร หรือทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า สังขาร และวิญญาณ จึงทำให้เราไม่สามารถยึดมั่นสิ่งใดได้เลย เพราะอะไร สรรพสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้มีมากมายมหาศาล ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดล้วนตกอยู่ภายใต้เหตุและปัจจัยที่ตนเองสร้างขึ้นไว้ด้วยความไม่รู้ คือ อวิชชา ความไม่รู้ปรุงแต่งให้มีชีวิต คือ ร่างกายและจิตใจ มีกิเลส กรรม วิบาก
     
  18. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    สะสารคือธาตุนะจ๊ะ พลังงานคือสนามแม่เหล็กธรรมชาตินะจ๊ะ ส่วนถ้าเกิดความคิดไม่ยอมรับเช่นโลภะหรือโทสะไม่ถูกใจ ก็จะเกิดพลังงานใหม่เรียกว่ากรรมที่ก่อให้เกิดภพชาตินั่นเองนะจ๊ะข้าพเจ้าเข้าใจแบบนี้ถูกต้องมั้ยจ๊ะและธาตุแต่ละธาตุก็มีพลังงานเป็นของมันเองนะจ๊ะเรียกว่าคุณสมบัติประจำธาตุนั่นเองนะจ๊ะ
     
  19. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ซึ่งถ้าใครเคยท่องพระคาถายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฏกจะเห็นว่า โสดาบันก็ธาตุสกิทาคามีก็ธาตุอนาคามีก็ธาตุอรหันก็ธาตุนิพพานก็ธาตุธรรมก็ธาตุแปลว่าสิ่งใดใดที่เกิดขึ้นมาได้ล้วนเป็นธาตุปัญญาก็ธาตุพลังงานจริงๆก็ธาตุแต่ไม่แสดงในรูปวัตถุแต่แสดงในรูปพลังงานหรือคุณสมบัติจิตก็ธาตุวิญญาณก็ธาตุ ในส่วนของการนิพพานดับพลังงานของธาตุก็คือ ดับกรรมในส่วนของโลภะโทสะนั่นเอง เพื่อจะได้ไม่มีกรรมที่สร้างภพสร้างชาติได้นั่นเองนะจ๊ะนะจ๊ะจะเหลือก็เพียงธาตุและพลังงานตามธรรมชาติที่ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ตามธรรมจ้านะจ๊ะ
     
  20. วงกลมจุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,305
    ค่าพลัง:
    +2,253
    นรกก็ธาตุสวรรค์ก็ธาตุจักรวาลก็ธาตุ ดังนั้นคำว่านิพพานดับก็คือ ดับในส่วนที่ไม่ไช่ความเป็นธรรมชาตินั่นเองนะจ๊ะข้าพเจ้าเข้าใจแบบนี้ถูกหรือเปล่าจ๊ะท่านกลายแก้วจ๊ะจิตธาตุมโนธาตุธาตุทั้งนั้นนะจ๊ะนะจ๊ะถ้าเราดับธาตุส่วนเกินที่เกิดจากโลภะโทสะได้แล้วก็เหลือธาตุตามธรรมชาติของความเป็นสัตว์โลกก็คือ รูปนามธาตุเท่านั้นนะจ๊ะนะจ๊ะที่เกิดมาแล้วตั้งอยู่และรอเวลาดับซึ่งก็ต้องตั้งอยู่บนมรรคแปดความรักที่ถูกต้องนะจ๊ะนั่นก็คือพรหมวิหารสี่ เมตตากรุณามุทิตาอุเบกขานั่นเองนะจ๊ะ รวมความเข้ามาก็คือหิริโอตัปปะเมตตาธรรมค้ำจุนโลกนะจ๊ะนะจ๊ะ
     

แชร์หน้านี้