ถ้าพระยาธรรมิกราช มาเกิดแล้วไม่ได้ช่วยอะไร ไม่รู้จะมาเกิด ทำไม..
ถ้าบริวาร ของ พระยาธรรมิกราช ไม่รีบเร่งทำหน้าที่ ไม่รู้จะมีบริวาร ไว้ทำไม
เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.
หน้า 154 ของ 183
-
-
-
22.."จงสงบเถิดนี่แหละเรา"
-
ภาวนา ไปถึงไหนแล้ว จขกท.
ภาวนาทุกวัน ด้วยนะ..
ตั้งสัจจะ กำกับไว้ด้วย แต่ละวันจะภาวนา นานกี่ ชม.
เวลาเข้านอน ก็ภาวนา จนหลับไป..
ตั้งสัจจะกำกับไว้ เวลานอนยิ่งดี..
อย่างเช่น..
ข้าพเจ้าจะไม่พลิกตัว แม้ปวดเมื่อยมากเท่าไหร่ก็ตาม ข้าพเจ้าขอยึดคำภาวนาไว้ แม้ตายก็ยอม..
ส่วนเวลาหลับไปแล้ว อันนั้นไม่นับ มันนอกเหนือสัจจะไปแล้ว..
"จำไว้ให้มั่น" -
คิดจะพัก คิดถึงคิดแคท..
-
วันที่19 รายงานผล การปฏิบัติ ด้วยนะ ท่านจิตยิ้ม..
ไปถึงไหนละ สงบหรือไม่สงบ จะได้รู้..
คนมีของเก่าติดมามาก ไม่ต้องให้ เวลานานหรอก ถ้าจิตสงบลงครั้งเดียวนั้นก็มากพอ ที่จะไปบทต่อไป.. -
-
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
-
คำว่า สงบหรือไม่สงบ ตามที่จิตยิ้ม..เห็น...มาแล้วเป็นลักษณะดังนี้ค่ะ
เมื่อก่อน....
1.เป็นความคิดและเป็นอารมณ์เต็มร้อย แสดงปฏิบัติต่ออารมณ์เต็มร้อย และทุกข์บีบเค้นสุด ๆ
2.เห็นความคิด ความฟุ้งซ่าน ควบคุมไม่ได้ ไม่อยากจะเป็น ปล่อยวางไม่เป็น เก็บกดเอาไว้ และทุกข์ภายใน
3.ความคิดมีอยํในหัวตลอดเวลา ไปกับความคิด คิดบรรยายไม่หยุด
4.มีความเห็น ความรู้สึก ที่เป็นตัวตน และเกิดอารมณ์ไปตามนั้น ...กับ...มีความเห็นความคิดและรู้สึก แต่ไม่ไปตามอารมณ์ ใช้ปัญญาควบคุมและใช้ปัญญาพิจารณาให้ได้ความรู้มาเพื่อแก้ไขปัญหา
5.โกรธง่าย
ปัจจุบัน....
1.ไม่ค่อยคิดฟุ้งซ่าน พอคิดก็รู้ และก็หยุดเป็น
2.กำลังโกรธน้อยลง และมีระยะห่างมาก หรือโกรธแล้วแทบไม่แสดงออกแต่รู้สึกภายในแทน
3.เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยปัญญา การยึดมั่นและเข้าใจชีวิตได้ดีและปล่อยวางได้ดีขึ้นมาก
แม้กระทั่งเรื่องที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของใครต่อใคร ก็เข้าใจและยึดมั่นถือมั่นได้น้อยลง เพราะประสบการณ์ อุปสรรค และบททดสอบ กับการแก้ปัญหาที่ได้พบจึงทำให้รู้ว่าชีวิตกับสิ่งที่เป็นจริง ๆ คืออะไร และอะไรที่ทำให้เราตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบันได้
ไม่ยึดมั่นในอดีต ไม่กังวลกับอนาคต ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ได้ เราจะรู้ว่าชีวิตจริง ๆ คืออะไร?
จิตยิ้มว่า การปฏิบัติเหมือนไม่ปฏิบัติ คือ ธรรมชาติสมาธิ และมีพลังอำนาจในตนเองในแสดงออกเพื่อการกระทำทางกาย วาจา และใจ นะค่ะ -
และมีอีกสิ่งหนึ่งค่ะ การกระตุกขึ้นของจิต การไหลของจิต หรือกระแสเริ่มต้นของอารมณ์ เมื่อกระทบมีความรู้สึกไหวขึ้น เรารู้เลยว่ามันคือกระแสความรู้สึกอะไร ที่จะต่อไปเป็นอารมณ์และรู้สึกอะไร พอเรารู้เท่าทันเราไม่ไหลไปเป็นอารมณ์ต่อ แต่เราห้ามมันไม่ให้เกิดไม่ได้ เราจึงแค่รู้และดูมัน และปล่อยมัน
ก็มาคิดพิจารณาว่ามันเกิดจากอะไร?
1.การจำความรู้สึกแบบเดิม ๆ หรือ
2.มันยังมีหัวเชื้ออยู่หรืออย่างไร
และทำไมเราจึงเข้าใจและไม่ให้กระแสความรู้สึกไปตามล่ะ
รู้เท่าทัน ยิ้มอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังพยายามปกป้องตนอยู่ เพราะอยากให้รู้ว่าเราไม่ได้คิดและรู้สึกที่ไม่ดีแบบนั้นแล้วนะ เราเข้าใจแล้ว -
และอีกอย่างหนึ่งค่ะ
การชะงักของความคิด พูดอยู่ดี ๆ ก็เหมือนถอดปลั๊กไปดื้อ ๆ ค่ะ นึกไม่ออกว่าคืออะไร ว่างหายไปเลย
ไม่รู้ว่าผลจากโรคซึมเศร้าทำให้เกิดสมาธิสั้นหรือเปล่า จำไม่ค่อยแม่นเหมือนเดิม แต่แปลกทุกอารมณ์และรู้สึกที่เกิดขึ้นกับนามธรรมกับจดจำได้ทุกสภาวะ
และ...
พูดไม่ค่อยเป็นค่ะ เมื่อพิมพ์อยู่ คิดพิจารณาอยู่ ความรู้หลั่งไหลจากไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะพูดกับพูดไม่ได้ และไม่ได้เรื่องเหมือนที่ไม่พูด คือไม่พูดจะดีกว่า จะพูดเมื่อไหร่สัญญาณหรือสมองส่วนการสื่อสารดับ หรือจะพูดก็ไม่น่าฟัง
มีวิธีแก้อย่างไคะ...คือตัวสติหรือ! ถ้าเราไม่มีสติทำไมจำได้กับทุกสภาวะ
จึงเป็นห่วงท่านฬิฬาค่ะ เพราะวจีกรรมที่พูดมีผลจริง ๆ ค่ะ ท่านฬิฬาชอบพูดธรรมะในแนวเล่น สนุกสนาน เพลิน ไม่เครียด แต่ผลบ้างหน้าทำให้เราพูดธรรมะแล้วไม่ค่อยมีคนเชื่อถือหรือเปล่าคะ
ของจิตยิ้มน่าจะมีวิบากกรรเรื่องวาจาไว้มากคิดว่าค่ะ -
แบบนี้ ค่อย น่าคุยหน่อย
คือ ไม่มีแฉลบไปทาง พลังจักรยาน
เรื่อง พูดๆอยู่แล้ว มันดับ
ถ้า มันดับทั้งเรื่อง เหมือนเรามี
เป้าจะเล่าเรื่อง คอนเสปนี้(คำบาลี
คือ สังกัปปะ) แล้วอยู่ มันดับ
นึกเท่าไหร่ก้ไม่ออก ว่า จะคุย/
กล่าว/คิด ประเด็นอะไร อันนี้
อย่างหนึ่ง ( ไม่ต้องสนใจ อะไรดับ
แค่ให้ แยกแยะได้ว่า มีหลายอย่าง)
ถ้า มันดับแบว เฉพาะ คำ ที่ต้อง
การกล่าวถึง /นึกถึง/คิดถึง อันนี้
อีกอย่างหนึ่ง
โดยหลักการ คือ จะเปน กองขันธ์5
คนละกองกัน กองไหน ชืออะไร
ช่าง ยังไม่ต้องสนใจ
เหน ความดับ นั้นบ่อยๆ
แล้ว อย่าไปเข้าใจว่า เปน โรค
อย่าเอา วิชาการฝรั่งมาใส่
ให้รู้ไปซื่อๆ ขันธ์5 ไม่ว่าจะกอง
ไหน ล้วน มี สามัญลักษณะ
คือ ตั้งอยู่ไม่ได้ เกิดจากปัจจัย
หาก "ผัสสะ ฯลฯ" ดับ ขันธ์ที่เนื่อง
กับ "ผัสสะ ฯลฯ" นั้นย่อมดับ
ตามเหนความดับ เนืองๆ จนกว่า
จิตจะยอมรับ สามัญลักษณะ
ว่ามี เปนปรกติ ก้จะเกิด ไตรลักษณญาน
สัมปยุติกับ จิต
พอมีไตรลักษณ์ญานเกิดพร้อมจิต
ก้จะสามารถ เหนได้ว่า ที่มันดับ
ก้เพราะว่า จิต นั้นเอง มีสามัญ
ลักษณะด้วย
เมื่อ ภาชนะ ทีใช้อยู่ ดับ สิ่งที่
อาสัย ภาชนะ นั้นตั้งขึ้น ก้กระจัด
กระจายไป จนกว่า "ผัสสะ นิทาน
นามรูป วิญญาน เวทนา" บางประการ
กระทบซ้ำ วัฏสงสารก้ วนกลับ
มาปรากฏ
เมื่อเหนตามจริง อย่างนี้ มากพอ
คือ ภาวนาเปน พหุลีกตา(ให้มากๆ)
เปน ชาครินานุโยค(ตื่นตัวที่จะ
เรียนรู้เสมอ) .....จนกว่า จิต
จะยอมจำนน ต่อ อริยสัจจ
ก้จะเกิดการโน้มไป เฝ้นหา
ธาตุที่ไม่เกิดจาก ปัจจัย
แจ้งธาตุที่ ไม่เกิดจากปัจจัย นั้นมี
อยู่ และ ในธาตุนั้นไม่มี บุคคล
ตน เรา เขา ปรากฏได้ ไม่มี
ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธาตุนั้นๆ
พ้นจาก จิตจักรยานใดๆ
ซึ่ง เวลาพบ ธาตุนั้น จะเกิดการ
ทบทวนหนทาง ...ก้ จะพบว่า
หนทางนั้นไม่มีทางจะมีใครมา
ชี้ได้ แม้นแต่ตถาคตก้กล่าวไม่ได้
แต่ ประกาศได้ว่า มีอยู่จริง
เพื่อให้ ตั้งจิต มีสติ มีความเพียร
ในการ ประกอบ เอกายานมรรค
ทางของการไปคนเดียว ( ตรัสรู้
เองโดยชอบ พ้นการ บอกให้
ลูบคลำ ทำตามๆกันไป ) -
พอไหว ไหม จั๊บ
ถ้า ไม่ไหว ลอง แบบน้ำใส
น้ำข้น คลุกขลิก แล้วแต่ว่า
ตอนนั้น ฉันทะมันพากวัด
แกว่งไปทางใด แล้วอย่า
ลืม สังเกต ว่า เดี๋ยวมัน
ก้ ดับได้ ...
สิ่งใดสิ่งหนุ่งเกิด สิ่งนั้นดับ
ไปเปนธรรมดา ตลอดวัน
ย่ำรุ่งไม่เคยพัก วัฏสงสาร
เวียนวน -
-
ซานตาผู้ช่วยโลกอุตส่าห์ทำงานแบบปิดทองหลังพระเพราะพระเจาไม่ไหวแล้ว สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความระยำตำบลของมนุษย์บางคนอยู่ดี ดูข่าวมากรู้สึกประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกแล้ว สนองนีทโลกนี้ดีจริงๆ สรุปโลกไม่สิ้นง่ายๆ ครับ จนกว่าพระเจ้ากับซาตานจะคืนดีกัน
-
บระเจ้า กับ ไซตอน อันนี้มันเป็น "ตำแหน่ง"
เป็น ชื่อในเชิงตัวละคร
พอจบไป วาระหนึ่ง ก็จะมี โรงละคร โรงใหม่
เปิดอีก
ก็จะมี คนแสดง เข้ามา รับบทบาท หน้าที่
ถ้าไม่แยกแยะ แบบนี้ ก็จะเหมือน "ป้าเม้า"
เปิด รีรัน บุพเพอาละวาด กี่รอบ เรตติ้ง
ก็ยังฟิน ยังสะดุ้ง ยังเศร้าเคล้าน้ำตา
ไปกับ บท เดิมๆ ดูไม่ออกว่า มีคนแสดง
กี่คน บางครั้ง เป็น ตน หรือเปล่า เข้าไป
แสดงด้วย (in จัด จิกหมอน)
นะ
ถอยออกมาดูห่างๆ
ไม่ใช่แค่ บระเจ้า กับ ไซตอน ที่เรากำลังดู
ต้อง ถอยออกจาก คนที่กำลัง ทำบทบาท
ดูละครโรงใหญ่ของโลกด้วย
แล้ว ผลิกอีกนิดเดียว
ให้สังเกต ว่า ตอนที่ คนดูเข้าไปนั่งดู
ก็เกิดอาการ ลุ้น อินบท วิพากษวิจาร
ความ รายำตำบล ของ ตัวละครใช่ปะ
แต่ถ้า คนดู ไม่ได้ นั่งดูหละ หากไป
เดินเล่น ทำงาน ทำการ ซักผ้า เข้าห้อง
น้ำ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา ..คนดู คนนั้น
ยัง แบกภาพ ไปด้วยหรือเปล่า
หรือ วางก็เป็นนี่ ( โดยไม่ต้องเจตนาวาง ด้วยซ้ำ) -
-
-
พลบแล้ว
บะโงบะ ที่หายไปจาก. จิยิ้ม.....
ที่แท้ไปทำ. หล่อ อ๋อน ที่ถิ่นพกยาพาล -
หน้า 154 ของ 183