เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวถึงสงครามโลก

    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้คนพบทฤษฎีควันตัม น่าจะทราบความรุนแรงของระเบิดนิวเคลียร์ได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าเกิดขึ้นจริงโลกคงไม่เหลืออะไร กว่าจะวิวัฒนาการกันใหม่น่าจะนานโข




    ไม่น่าจะเกิดขึ้นค่ะ jityim ว่านะคะ เพราะตอนนี้ไม่ว่ารัสเซียและอิหร่าน ก็เริ่มทำสงครามกับภัยพิบัติในประเทศของตนเองอีกทางด้วยค่ะ ประเมินสถานการณ์แล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นค่ะ

    เพราะผู้นำของแต่ละประเทศน่าจะรู้ดี และคงมีที่ปรึกษา การตัดสินใจน่าจะคิดกันหนักขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในตะวันออกกลางและรัสเซีย น่าจะเห็นเค้าลางได้บ้างแล้วโดยเฉพาะรัสเซียคราวนี้จะหนักมาก อิหร่านก็เจอน้ำท่วมด้วยเหมือน ก็เพื่อป้องปราม ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับสงครามในอิสราเอล ฟ้าดินจะลงโทษเอง ส่วนที่ประเทศที่ไม่เจอภัยพิบัติอาจเพราะไม่อยากซ้ำเติมผู้คนในประเทศที่เจอภัยสงครามอย่างสาหัสากรรจ์กันมาแล้ว jityim รู้สึกอย่างนั้นค่ะ

    ใครรับรู้พลังงานของโลกสัดส่ายในเวลาชัดเจนบ้างในเวลานี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า พลังอำนาจแม่เหล็กโลกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับมนุษย์มากเพราะมันเกี่ยวกับความสมดุลของอำนาจแม่เหล็กในรหัสพันธุกรรมของมนุษย์โดยตรง ถ้าหากความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นด้านบวก หรือด้านลบหรือน้อยลง จะเกิดผลกระทบครั้งใหญ่ทั้งตัวโลกเองและไม่เว้นแต่มนุษย์บนโลกใบนี้

    การหมุนของแกนโลก และการโคจรรอบดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงไป ความเร็วในการหมุนและการโคจรรอบดวงอาทิตย์จะถูกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การเอียงของแกนหมุนก็จะเบี่ยงเบน ขั้วแม่เหล็กเหนือใต้ จะไม่ปกติ จนสร้างผลกระทบต่อกายภาพของโลกอย่างมากมายและน่ากลัวยิ่ง เช่นโลกจะมีอากาศแปรปรวนอุณหภูมิสูงขึ้น บ้างลดต่ำลง ทิศทางในผนที่โลกจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พื้นแผ่นดินบางส่วนจะหายไป บางส่วนก็จะปรากฎขึ้นมา การเคลื่อนตัวของผิวโลกจะรุนแรง จนเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟที่กำลังคุกกรุ่นอยู่อาจถึงขั้นระเบิดได้

    ด้วยกระบวนการทางวิทยศาสตร์ การกระทำต่อโลกในลักษณะนี้ที่เคยปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทดลองระบบนิวเคลียร์ ชั้นใต้ดินใต้มหาสมุทร จะมีผลกระทบต่อคลื่นแม่เหล็กโลกโดยตรงทั้งสิ้น หากเพิ่มความถี่ในการกระทำมากขึ้น หรือรุนแรงขึ้นเท่าใด ผลกระทบจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

    กรณีตัวอย่างเช่น การกระทำของมนุษย์ที่น่าเป็นห่วง คือกระบวนการที่เรียกว่า "scalar" ขณะนี้มนุษย์กำลังเริ่มต้นทดลองใช้กันอยู่เพื่อหวังจะดึงเอาพลังงานใต้โลกขึ้นมาใช้ประโยชน์ กรรมวิธีก็คือ การใช้พลังงานปล่อยลงสู่พื้นดินโลกของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก เพื่อหวังจะดึงเอาพลังงานไฟฟ้าจากโลกขึ้นมาใช้ เสมือนหนึ่งการใช้น้ำปล่อยให้มันไหลเข้าไปตามท่อ จากปลายด้านหนึ่งเพื่อให้มันไหลออกไปยังอีกด้านหนึ่งของปลายท่อนั้น โดยจะต้องใช้น้ำจำนวนหนึ่งดันไปตามท่อตลอดเวลา แต่การดันพลังงานไฟฟ้าผ่านชั้นดินของเปลือกโลกแตกต่างกันตรงที่ ไม่มีความชัดเจนว่าพลังงานทางไฟฟ้าคือโผล่ตรงไหนบนพื้นโลก ถ้ามันไปโผล่อย่างที่ใด มันจะปริมาณหรือศักยภาพทางไฟฟ้าสูงระดับใด และจะควบคุมมันได้หรือไม่ นั่นคืออันตรายในการปฏิบัติต่อมนุษย์เองอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าคิดตามมาก็คือ มันจะส่งผลให้พลังอำนาจแม่เหล็กโลกเสียสมดุลไปหรือไม่ ถ้าการกระทำนี้สามารถดึงเอาพลังงานไฟฟ้าออกมาได้จำนวนมากเกินระดับที่พลังอำนาจแม่เหล็กโลกจะรับไหว

    การใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็เช่นกัน อาวุธนิวเคลียร์ทำลายกายภาพของโลกอย่างรุนแรงส่งผลต่อคลื่นอำนาจแม่เหล็กโลก ก็จะส่งผลต่อการหมุนของแกนโลก ย่อมส่งผลถึงการเอียงของแกนหมุนที่จะเบี่ยงเบนคือ ขั้วแม่เหล็กเหนือใต้ด้วย

    ข้อมูลเหล่านี้ผ่านตาเข้ามานับ 10 ครั้ง และเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง ไม่ใช่เชื่อเรื่องหมอดูว่างมงาย แต่เชื่อเรื่องพลังงานและดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อทุกชีวิต(กรรมล้วนกำหนด)



    เพราะเมื่อวานก็แผ่นดินไหวที่ญี่ปุน ภูเขาไฟระเบิดที่อินโดนีเซีย

    ในการปรับเปลี่ยนความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้จนกว่าจะสิ้นสุด เป้าหมายคือยกระดับความเข้มข้นแม่เหล็กโลกของจักรวาล เพื่อใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นเปลี่ยนแปลงโลกสู่ความสมดุล และเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกทุกคนให้สูงขึ้น ด้วยอำนาจแม่เหล็ก

    การสร้างความสมดุลของโลกมนุษย์จำนวน 1% ของประชากรโลกจะต้องจบชีวิตลง

    อีก 99% ของส่วนที่เหลือ ถ้ามีแบบบทการดำเนินชีวิตเยี่ยงมนุษย์ที่ไร้สมรรถภาพ คือไม่รู้จักใช้ความอดทน อดกลั้น ไม่รู้จักกันให้อภัย ไม่รู้จักมอบพลังงานความรักให้แก่ผู้อื่นที่ด้อยกว่า และยังเป็นมนุษย์ที่ขาดสมดุล คือเต็มด้วยพฤติกรรมขยะประพฤติตนเป็นที่น่าเกลียดกว่าผู้อื่น ทำตัวอุปสรรคในการดำเนินชีวิตของคนอื่น บุคคลเหล่านี้จะต้องไปเหยื่อของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างทุกข์ทรมาน จะต้องตายด้วยอายุขัยแสนสั้น เพราะเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง และการตายอย่างฉับพลัน เพราะป่วยด้วยโรคเครียด โรควิตกกังวล ทำให้เซลล์ร่างกายของตนหลั่งฮอร์โมนแห่งความตายออกมาทำลายระบบชีวิตชีวภาพของตัวเองย่อยยับ โดยไม่รู้ว่าอาการใดๆล่วงหน้ามาก่อน บางคนอาจเป็นมนุษย์ที่เป็นผีดิบเพราะจิตสำนึกภายในการถูกทำลายด้วยพลังงานของตนเอง

    มนุษย์ผู้ทีความสมดุลในจิตใจ และดำเนินชีวิตแบบหมู่คณะ คือผู้ที่มีชีวิตรอด เพราะมีความสงบสุขในจิตใจ

    โลกยุคการเปลี่ยนแปลง หลังจากสุริยุปราคาสู่ยุคพลังงานงานใหม่นี้ มนุษย์จำนวน 1% ตั้งจบชีวิตลงด้วยภัยธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วทุกทวีป ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย (อุทกภัยครั้งใหญ่ วาตภัยที่ร้ายแรงกว่าอดีต แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ในที่ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน)

    สำหรับมนุษย์ 99% ที่เหลืออยู่จากการเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคพลังงานใหม่นี้ ถ้าจะดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปได้ มนุษย์ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น จึงจะเป็นหนทางที่อยู่รอด

    ผู้ที่ขาดความสมดุล แต่เต็มไปด้วยพฤติกรรมขยะ และเป็นมนุษย์ไร้ประสิทธิภาพจะเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่งสูงกว่ายุคพลังงานเก่า และบั้นปลายคือความหายนะของตัวเองที่ไม่มีวันหลีกเลี่ยงได้

    ในส่วนภาครัฐ จะเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจการปกครองประเทศ และกลุ่มผู้บริหารประเทศ ถ้าพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่ขาดความสมดุล มีกาย จิต และจิตวิญญาณที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์ และเป็นผู้ที่ขาดสมรรถภาพ หรือพฤติกรรมขยะอันน่าขยะแขยง บุคคลเหล่านี้จะเป็นผู้ไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้อย่างแน่นอน พวกเขาจะพาการแสดงออกใดๆ ในทางก่อความวุ่นวายสับสนในสังคมประเทศชาติหนักหนักขึ้น พวกเขาจะทะเลาะกันเอง ชิงดีชิงเด่น เข่นฆ่า พยาบาท ขาดจิตสำนึกแบบรวมหมู่ ไม่ละอายต่อการแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่ขลาดกลัวต่อบาป และอีกสารพัดในสังคมมนุษย์นั้นจะได้เห็น สถานการณ์เช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลก

    ผลของความวุ่นวายดังกล่าว จะทำให้ประเทศที่เศรษฐกิจสมดุลถึงคราวต้องล่มสลายลง และการสร้างเศรษฐกิจที่สมดุลจึงจะมีความชัดเจนขึ้น สู่การเริ่มต้นใหม่พร้อมพร้อมไปพร้อมโลกยุคพลังงานใหม่ มนุษย์จะไมมีเวลาทำสงครามระหว่างชนชาติอีกต่อไป มนุษย์จะต้องมีภาระหนักกับการเผชิญหน้าปัญหาสิ่งแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด มากกว่าคิดจะสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งมันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป นอกจากการต่อสู้ระหว่างชนชาติเดียวกันเท่านั้น

    เพราะผลการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกครั้งนี้ ความสมดุลของอำนาจแม่เหล็กและพันธุกรรมของมนุษย์ทั้งระบบ จะถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จะต้องพบความจริงในเรื่องนี้ นอกจากนั้นความเข้มข้นของแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนแปลง จะทำให้สังคมบนโลกเปลี่ยนไป โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินจะสมดุลกันทั่วโลก เพราะจิตสำนึกที่สูงขึ้นของผู้มีอำนาจระดับผู้นำถูกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง


    มีกุญแจ 2 ดอกใหญ่ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้ไว้ที่จะไขประตูไปสู่ความสงบสุขและสันติคือมนุษย์ทุกชนชั้นต้องปฏิบัติตามแนวทางสำคัญ 2 ประการนี้คือ

    1.จะต้องสร้างเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

    2.จะต้องดำเนินชีวิตความอดทนและมอบความรักต่อผู้ที่ด้อยกว่า

    ค่ะข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ ซึ่งความจริงดูข่าวเหมือนสงครามจะบานปลาย ถ้าบานปลายถึงสงครามนิวเคลียร์ อาจทำให้ภัยพิบัติใหญ่ต่อโลก เช่นการเกิดกระบวนการ ploe shift ได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงแสดงว่าสิ่งที่คาดไว้จะไม่เกิดค่ะ
     
  2. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ช่วงระยะเวลานี้นี้เกิดภัยพิบัติ และน้ำท่วมหลายประเทศทั่วโลก

    เมื่อช่วงเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งนำมาให้ดูบางส่วนเท่านั้น (ยังมีจากแหล่งข่าวอื่น ที่น่าเชื่อถืออีกจำนวนมาก)













    https://youtu.be/yBZmBOt45Ew?si=XfY3SBl7qpasw2w2

    เมื่อได้ดูก็พิจารณาว่า ภัยพิบัติเกิดขึ้นทั่วโลก เหมือนน้ำท่วมโลก โลกเดือด สงครามตะวันออกกลาง รัสเซีย-ยูเครน และยังมีอีกหลายที่เช่นทวีปแอฟริกา ประเทศเคนย่าตายนับพัน และประเทศอื่นในแอฟริกา จีนโดนหนักมากน้ำท่วม หลุบยุบตายเกือบร้อย เจอหน้าคลิปข่าวผ่านมา อุณหภูมิโลกเดือด อุณหภูมิประมาณ 40 องศาแต่ตวามร้อนสูงเกินจริงเหมือน 50 องศา ถ้าจำไม่ผิด อ.เจษฎาพร อ.มหาวิทยาลัยดังกล่าวไว้ และข่าวโลกร้อนดั่งนรก ปะการังใต้ทะเลตาย ปลาลอยตายนับล้านที่เวียดนาม อีกหลายอย่างที่โลกเราเข้าสูวิกฤติแล้ว คือ ยุคมิคสัญญีใกล้เข้ามาแล้ว ได้ฟัง อ. ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ยุคมิคสัญญีใกล้เข้ามาโลกใกล้ถึงกำหนดชำระแล้ว (จะไม่ขอกล่าวถึงว่าอ.ท่านใด จนกว่าจะถึงเวลา) เพราะว่าหลายคนไม่เชื่อ! Jityim ก็ใช่ว่าจะเชื่อที่เชื่อ เพราะสถานการณ์โลกมันฟ้อง และเป็นแบบนั้นจริง ๆ

    Jityim ไม่ใช่ผู้วิเศษจะไดเรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับโลกบ้าง แต่ทุกครั้งที่สงสัยอะไรบางอย่าง มักจะมีข้อมูลมาให้เสมอ และจะใช้หลักก กาลามสูตร มิใช่เชื่อเลย

    สงสัยว่า เมื่อโลกเป็นอย่างนี้ประเทศไทยจะเจอแบบไหน คลิปนี้ก็ผ่านตาเข้ามา

    https://youtu.be/cqWXBBeSyqI?si=C-GkocKFzTKB6PKF

    แล้วคำทำนายหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก พระผู้มีอภิญญา บอกว่าประเทศไทยจะเกิด 3 อย่าง ซึ่งอย่างแรกเกิดขึ้นแล้วก็คือ คลื่นยักษ์สึนามิที่ภาคใต้คนจะตายเป็นจำนวนมาก

    เหลืออีก 2 เรื่อง ก็คือ

    1 สงครามพระ เมื่อเกิดขึ้นไฟจะลุกทุกหย่อมหญ้า

    2.ฝนตก 7วัน 7คืน น้ำจะท่วมกรุงเทพ สูงท่วมตึก 4 ชั้น คนจะตายมากกว่าน้ำท่วมที่สึนามิที่ภาคใต้เสียอีก

    ก็ไม่รู้ว่าในประเทศไทยที่ผ่านมา เกิดสถานการณ์สงครามพระขึ้นหรือยัง รู้แต่ว่าช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แค่เกิดสงคราม 2 ฝ่ายของความเห็นต่างกันทางธรรมะคำสอนของพระพุทธศาสนา ไฟก็ไหม้ขนาดใหญ่หลายสิบที่ ระยอง 1 ครั้ง อยุธยา 2-3 ครั้ง สมุทรสาครเมื่อกี้เพิ่งจะไหม้โรงงานกระดาษ ก็ 2 ครั้ง และไฟไหม้เล็ก ๆ น้อย ๆ อื่นหลายกรณี หากจะมองว่าเป็นเพราะอากาศร้อน หรือมีการวางเพลิงก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะไหม้สารเคมียิ่งเพิ่มมลภาวะในอากาศ ที่ทำให้เกิดมลภาวะ พอลลูชั่นใด ๆ ต้องถูกชำระล้างไปด้วย

    และนี่ขนาดยังไม่ใช่สงครามพระ เป็นแค่สงครามพระุพุทธศาสนาเกี่ยวกับคำสอน (ที่เรียกว่าสงคราม ก็คือมี 2 ฝ่าย คือจะต้องมีฝายใดฝ่ายหนึ่งแพ้)

    และถ้าเกิดสงครามพระขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ ตามคำทำนาย ยังนึกไม่ออกเลยว่า พระในประเทศไทยจะทำสงครามแบบไหน โอกาสเกิดคงยาก

    และสมมุติเหตุการณ์ในตอนนี้ถือว่าเป็นสงครามพระตามคำทำนายของหลวงพ่อเกษมล่ะ ที่ว่าเมื่อเกิดแล้วไฟจะลุกทุกหย่อมหญ้า คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหมคะ

    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คำทำนายข้อที่ 3 คงใกล้เข้ามาแล้วล่ะสินะ เพราะสถานการณ์โลกของเราวิกฤติจริง ๆ ทั้งอากาศ ภัยพิบัติ และจิตใจผู้คน คงจะใกล้เข้ามิคสัญญีแล้วจริง ๆ มั้ง

    ใครคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อโลกของเราเดินเข้าไปหาจุดเดือด ร้อนเพิ่มขึ้นยิ่งไปทุก ๆ ปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. ฝ่ายขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2021
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +22
    น่าจะเถียงกันมากกว่าครับสงคราม
     
  4. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
  5. อณูธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +195
    เคยฟังพระท่านเล่าว่า..พระนางวิสาขาก่อนมาเกิดยังโลก ท่านเป็นเทพธิดาอยู่ชั้น นิมมานรดี มีวิมารใหญ่ มีบริวารมาก วันหนึ่งท่านกับบริวารพากันไปเก็บดอกไม้ ในสวน ท่านนั่งดูบริวารเก็บดอกไม้ แล้วเผลองีบหลับไป ก็ได้มาเกิดยังโลกมนุษย์ ได้มาเป็น มหาอุบาสิกา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลูกหลานมากมาย จนกระทั่งมีอายุ 120 ปี จึงได้ตายจากโลกมนุษย์ แล้วท่านก็ตื่นมา ยังเห็นว่าบริวารยังเก็บดอกไม้ไม่เสร็จเลย จะเห็นว่ากาลเวลาต่างกันมาก
    ข้อสังเกต ท่านยังไม่จุติ ท่านยังไม่หมดบุญจากสวรรค์ชั้นนมมานรดี แต่ท่านลงมาทำหน้าที่ ปรับระดับจิตขึ้นเป็นอริยะบุคคลของท่าน เสร็จแล้วก็กลับขึ้นไป แบบนี้ทางฮินดูเขาเรียกว่าอวตาร
    ส่วนเรื่องทื่พระพุทธเจ้า เข้านิพพานแล้ว ไม่มาปรากฎให้ใครเห็นอีกแล้ว โดยส่วนตัว เมื่อก่อนก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แม้ว่าในสภาวะของวิมุตินั้นจะบรมสุขและอิสระมากก็จริง แต่ก็อาจถอยมา สภาวะอรูปพรหม หรือพรหมได้ คล้ายกับเข้านิโรธสมาบัติ โดยอธิษฐานก่อนเข้าไว้ก่อนแล้ว
    ทั้งนี้ก็ได้ฟังพระที่มีญาณหลายองค์ ต่างสายกันด้วยว่าได้พบเจอพระอรหันต์ ในสมัยพุทธกาล มาพูดคุย มาสอนธรรมด้วย ก็เป็นเรื่องอจินไตย อย่าพึ่งไปปรามาส พระอาจารย์เล็ก ท่านก็ว่าพระอรหันต์ท่านไปได้ทุกภพภูมิ ที่ท่านประสงค์จะไปโปรด
     
  6. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    พันธกิจ มหาจุฬา

    สร้างสังคมสันติสุข บูรณาการผสมผสานกับวิชาการ พุทธนวตกรรม

    วิสัยทัศน์ มจร. ปี 2565
    จัดการศึกษาพระพุทธศาสนา
    บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่
    และสร้างพุทธนวตกรรม
    เพื่อพัฒนาจิตใจและสังคม



    บูรณาการพุทธศาสนา กับวิทยาศาสตร์ คือ ทำให้สมบูรณ์เป็นไปตามปรัชญาของ มหาจุฬา 2550 และ ปี 2564 กระทรวง พว. ได้มีการจัดกลุ่มศึกษา ตามข้อ 4. คือ กลุ่มพัฒนาปัญญาคุณธรรมด้วยหลักศาสนา

    ฟิสิกส์ เรียนรู้ความจริงของจักรวาล

    สรรพสิ่งแท้ มีองค์ประกอบเดิมคืออะไร พุทธศาสนา การค้นหาความจริง คือ ปรมัตถ์ ในตัวของมันเอง การหาความจริงในปรมัตถ์ พุทธศาสนาเรียกว่า อภิธรรม ลองฟังดูค่ะ สาธุ

    เป็นคลิปที่น่าฟัง ใครสนใจอย่าพลาด

     
  7. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ประเทศไทย เตรียมความพร้อมหรือยัง!! กับภัยธรรมชาติครั้งรุนแรงของโลก

    ทุกสรรพสิ่งไม่แน่นอน ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัย เมื่อทุกอย่างมาประจบกับปัจจัย ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ ไม่มีสิ่งใดควบคุมให้เป็นไป เพียงแต่มีผู้ดูแลไม่ให้มันเลวร้ายจนระบบใหญ่ต้องเสียหาย

    มนุษย์คิดว่าตนเองสำคัญ ในจักรวาลนี้ ถ้าเปรียบมนุษย์เหมือนเศษธุลีจักรวาล อาจมองให้เห็นภาพหน่อย เหมือนมนุษย์มองดูรังมดทำรังในโลกมนุษย์ เมื่อมีภัยน้ำท่วมรังมด รังของมันพร้อมจะหายไป และมนุษย์ก็กระจัดกระจายหายไปคนละทิศละทาง

    ปัจจัยในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ คือ ปัจจัยที่เป็นเหตุทำให้โลกเสื่อมอย่างทุกวันนี้ ผลตามมาคือโลกและมนุษย์ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติที่ทุกอย่างต้องรักษาสมดุลของตนเองเพื่อความอยู่รอด สิ่งที่ควบคุมไม่ได้คือ ความรุนแรงของโลกที่จะได้รับ เหมือนรังของมด เพราะเหตุของปัจจัยประจบเหมาะสมที่ต้องเกิด

    ถึงกระนั้นทุกสรรพสิ่ง ไม่มีอะไรควบคุมได้ต้องเกิดตามเหตุปัจจัย แต่เมื่อต้องมีการดูแลเพราะยังไม่ถึงเวลาดับไปตามกาล ย่อมต้องมีผลกระทบเกิดขึ้นเสมอ

    1. เมื่อเหตุปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ถึงเวลา เวลาเกิดก็เกิดไปตามกระบวนการที่มันควรจะเป็นไป มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยนั้น (พลังงานโลกอ่อนแอมาก จนควบคุมไม่ได้)

    2. เมื่อเหตุปัจจัยประจวบเหมาะสม สมควรดูแลช่วยเหลือ เหตุปัจจัยหนัก เบา มาก น้อย เพียงใด ก็ต้องเกิดขึ้นที่สมควรแก่เหตุและปัจจัยนั้น










    นับตั้งแต่วันที่ 8 เมษาเป็นต้นมา โลกได้เกิดภัยพิบัติทั่วโลก เกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ ทุก ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน และเป็นเหตุการณ์ที่หนักหนามากทีเดียว โดยเฉพาะประเทศจีน(เขื่อนสามผา) ถ้าใครไม่ได้ติดตามตอนอย่างใกล้ชิด คิดว่าไม่มีอะไร เพราะภัยพิบัติเกิดขึ้นมาจนคุ้นชิน เห็นเป็นเรื่องธรรมดากันไปเสียแล้ว โดนไม่ได้สนใจหรือ เอะใจกันเลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นคำเตือน!!! ว่า ใกล้จะวิกฤติแล้ว มนุษยชาติก็ยังเพิกเฉย แถมกลับทำลายกันมากว่า ช่วยรักษาโลกกันเสียอีก







    สำหรับประเทศไทย มั่นใจว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เพราะเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ ผู้มีบุญบารมีมาเกิดเป็นจำนวนมาก

    ทุกสรรพสิ่งนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีสิ่งใดใหญ่เกินกรรม ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ไว้เสมอ ทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

    ซึ่งการเตรียมพร้อมคืออะไร? มีข้อมูลจำนวนมากมายออกมาเตือน ถ้ามีการรวบรวมข้อมูลจะสรุปได้ว่าคือสิ่งใด หากไม่สามารถทำได้ พร้อมยอมรับชะตากรรมร่วมกันทั่วโลก การเตรียมที่ดีที่สุด คือ การ เตรียมตัว เตรียมใจ ยอมรับชะตากรรมของโลก
     
  8. ฝ่ายขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2021
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +22
  9. ฝ่ายขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2021
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +22
    หายไปนานเลยนะครับ
     
  10. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ค่ะ ถ้าไม่มีเรื่องเป็นเหตุให้นำมาลง ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่มาโพสต์ค่ะ นอกจากเจอเหตุการณ์แล้ว เกิดเหตุปัจจัยเป็นเหตุให้นำมาลง จึงนำมาบอกกล่าวกันค่ะ

    ธรรมโลกุตระเปิด

    จำได้ไหมคะ เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตั้งแต่ปี 2013 jityim ได้นำเรื่องสภาวะธรรมโลกุตระ ได้เปิดมิติให้เห็นสภาวะธรรม หรือ นัยยะ ก็คือ "ธรรมะนิยาม" คือสภาวะธรรมแห่งความเป็นจริงที่อยู่ในธรรมชาติ ซึ่งสภาวะนี้ เป็นกฎธรรมชาติที่เป็นเข่นนั้นอยู่แล้ว (อิทัปปจัยยตา)เพียงแต่ในยุคพุทธกาลพระพุทธเจ้านำมาเปิดเผยให้ได้รู้ความจริง

    เรื่องนี้ได้เปิดเผยออกทีละสภาวะ ถ้าใครติดตามจะรู้ว่าพูดมาเรื่อย ๆ ตลอด

    ทำไม และใคร ๆ มากมายก็ได้พบกับสัจธรรมกันมากในยุคนี้

    อย่างเรื่อง สภาวะของ อาสวักขยญาณ ในพระไตรปิฎก อธิบายไว้ว่า เกี่ยวกับเรื่องสามัญผลที่ประจักษ์ โดยในพระสูตรกล่าวไว้ ให้น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณว่า ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เหล่านี้อาสวะ นี้อาสวสมุทัย นี้อาสวนิโรธ นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อเธอรู้เห็นอย่างนี้จิตย่อมหลุดพ้น แม้จากกามาสวะ แม้จากภวาสวะ แม้จากอวิชชาสวะ ...





    ถ้าหากเราพิจารณาตามคำสอน เราจะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า รู้ชัดตามความจริง รู้เห็นอย่างนี้ จิตย่อมหลุดพ้น มีญาณรู้ว่าหลุดพ้น

    ดูก่อนมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งที่ดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อน ๆ ดูก่อนมหาบพิตร ก็สามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้ออื่น ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่า สามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อนี้ ย่อมไม่มี

    ถ้าเป็นตีความหมายของสภาวะนี้ ..หลายคนตีความว่าอย่างไร? เข้าใจกันว่าอย่างไร? และสามัญผลสิ่งนั้นคืออะไร?

    ถ้าเกิดว่ายุคนี้เป็นยุคธรรมโลกุตระเปิด ตามพุทธทำนาย(แสงธรรมจะส่องลงมายังโลกอีกวาระหนึ่ง) จะมีผู้พบเห็นสภาวะธรรมโลกุตระเปิดให้เห็น

    ถ้าอย่างนั้นเราลองมาพิจารณาสภาวะ "อาสวักขยญาณ" ในวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งญาณที่ 3 คือ บรรลุอาสวักขยญาณ ซึ่งก่อนพระพุทธองค์จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

    มีหนึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญคือ การลอยถาดบุคลาธิษฐาน



    คิดว่า การลอยบุคลาธิษฐานสำคัญไหม! และมีนัยยะ หมายถึงสิ่งใด? และทำไมจึงต้องลอยถาดด้วย แล้วทำไมจึงต้องทำให้เห็นว่า ถาดที่ลอยนั้นมีลักษณะเช่นไร คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก่อนตรัสรู้ ก็ต้องลอยถาดบุคลาธิษฐานเช่นเดียวกัน จะเห็นได้ว่า ณตรงนั้นมีถาด 3 ใบแล้ว พระสมณโคดม เป็นใบที่ 4 แสดงว่า ทุกพระองค์จะต้องตรัสรู้ในลักษณะเดียว ที่เป็นสภาวะอาสวักขยญาณ

    ลักษณะเหตุการณ์ของถาดบุคลาธิษฐาน คือ
    1.ถาดตัดสายน้ำออกไปกลางแม่น้ำ
    2.ถาดลอยทวนกระแสน้ำ
    3.ถาดหมุนจมลงตามวังวนของน้ำ

    ถ้าตามความหมายนัยยะของถาดบุคลาธิษฐาน
    1.ต้องวางสภาวะจิตเช่นไร ที่ต้องทวนกระแสอารมณ์ (นัยยะ คือ ทวนกระแสน้ำ)

    2.ต้องวางสภาวะจิตอย่างไร? ที่ต้องผ่านวังวนของน้ำ เหมือนกับที่ถาดมีน้ำหนักเบา ต้องผ่านคลื่นหมุนวนตกลงไปกลางแม่น้ำ โดยที่ไม่ไหลไปตามกระแส แต่ต้องเป็นแนวดิ่งลงไป เพราะว่าจะต้องไปกระทบกับเศียรพยานาค หรือ ไปตกอยู่ที่เดียวกันกับถาด ของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 ใบที่อยู่กก่อน

    และสิ่งนั้นเป็นอย่างไร? ที่เป็นลักษณะสามัญผลที่ประจักษ์ที่ดีกว่า ประณีตกว่า ข้อนี้ย่อมไม่มี เมื่อประจักษ์แล้ว มีญาณรู้ชัดว่าจิตหลุดพ้น

    สิ่งนั้นมีลักษณะเป็นเช่นไร?

    เท่าที่เข้ามาศึกษาธรรมในเว็บพลังจิต นอกจาก .... แล้ว ก็เหมือนว่ามีคนมาเขียนในโพสต์ว่า //ด้เคยพบสภาวะสมาธิแนวดิ่งผ่านคลื่นสั่นสะเทือนลงไป มีคนได้พบสภาวะนี้เช่นกัน

    ซึ่งพิจารณาก็คล้ายกับเหตุการณ์ลักษณะของถาดบุคลาธิษฐาน จึงประจักษ์ได้ว่า สภาวะนั้นมีอยู่

    แล้วแต่จะพิจารณา เชื่อหรือไม่? แล้วแต่ท่าน ๆ เลยค่ะ

    เพียงอยากให้รู้ว่า พุทธทำนายเป็นของจริง เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตามนั้นแล้ว เหลือแต่บทสรุป

    และสิ่งสำคัญที่สุดของภัยพิบัติตามพุทธทำนาย หัวใจคือ การยกระดับสติปัญญาให้คนเข้าถึงสัจธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ
     
  11. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เสียงปริศนาดังทั่วเมือง จ.สุราษฎ์ธานี

    เมื่อคืนตื่นขึ้นมาประมาณตอนตี 3 เปิดโทรศัพท์ดูก็มีข่าวหน้าฟีดขึ้นมาว่ามีเสียงปริศนาดังทั่วเมืองจ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 20 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 10 - 11 โมงเช้า

    เมื่อได้เูข่าวก็รู้สึกขนลุก แล้วให้นึกถึงเมื่อปี 2553 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้พบกับเหตุการณ์แบบนี้ครั้งหนึ่งแล้ว ทีจังหวัดลพบุรี เป็นเสียงบึ้มปริศนา ที่คล้ายเสียงฟ้าผ่า แต่ไม่ใช่ปรากฎการณ์ฟ้าผ่า เป็นคล้ายลักษณะฟ้าลั่น สั่นสะเทือน โดยที่ฟ้ามีสภาพปกคิไม่มีเค้าของเมฆในเลยสักนิด และดังไปไกลมาก

    จากข่าวที่ขึ้นมาหน้าฟีดของตน

    ตามข่าวทุกคนที่ต้องการรู้ ที่มาของเสียงปริศนาว่าคืออะไร?



    ซึ่งหลายคนอยากรู้ว่า นั่นคือเสียงอะไร กำลังบ่งบอกอะไร ข่าวยืนยันว่าไม่ใข่แผ่นดินไหว ไม่ใช่โซนิคบูมจากเครื่องบิน และบอกว่าเป็นเสียงอุกกาบาต แต่ไม่มีปรากฎการณ์อะไรบ่งบอกว่าเป็นอุกาบาตเลยเหมือนที่เกิดในจังหวัดกาญจนบุรี แต่ยังไม่มีร่องรอย ใด ๆ ให้ปรากฎให้ได้เห็นเลยสักนิดเดียว

    ถ้าอย่างนั้น หากเสียงนี้เป็นเสียง..บึ้ม..คล้ายเสียงฟ้าผ่า แต่ไม่ใช่ฟ้าผ่า เพราะไม่มีเมฆเค้าอะไรเลย ท้องฟ้าก็เป็นปกติ แต่บึ้มสนั่นคล้ายเสียงฟ้าลั่นสั่นไหว จนดูเหมือนแผ่นดินสะเทือน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าคือสิ่งใดกันแน่ ? แล้วหาคำตอบที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคืออะไร? ถ้าใช่อย่างนั้นจริง

    Jityim ได้พบกับเหตุการณ์อัศจรรย์นานาหลายเหตุการณ์ ถ้าสิ่งที่ได้พบเจอเมื่อปี 2553 ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดในจังหวัดสุราษฎร์ มีลักษณะคล้ายกัน นั่นอาจเป็นเรื่องที่ต้องนำมาบอกกล่าวว่า ปรากฎการณ์นี้กำลังบงบอกถึง เหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดที่ทีผลต่อโลกนี้

    ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้ jityim ได้พบแล้วนำมาบอกต่อเหมือนกับเรื่องธรรมโลกุตระเปิด นั่นเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ต้องรอการพิสูจน์ว่าจะเกิดขึ้นจริงไหม ในอนาคตไม่นานนี้ค่ะ

    และประเทศไทยเราเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง การข่วยเหลือภัยพิบัติติดอันดับโลก

    การร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นพลังงานที่โลกต้องการ สามารถทำให้ผ่อนหนักกเป็นเบาได้ โดยเฉพาะแสงสว่างภายในจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน เป็นสิ่งที่ช่วยเหลือโลกทำให้โลกพ้นภัย ดังนั้น แสงสว่างที่เกิดขึ้นในจิตใจ ให้หมายถึง "เนื้อนาบุญ" ของโลก หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง ถ้าโลกมีแสงสว่างเกิดขึ้นภายในจิตใจม่าก ๆ โลกย่อมเจริญรุ่งเรือง ไปตามยุคสมัย ยุคศิวิไลย์ หมายถึงยุคแห่งความรุ่งเรือง แล้วอะไร ที่จะนำพาให้โลกเข้าสู่ยุคศิวิไลยฺ์



    พุทธทำนายเตือนสติมวลมนุษย์ชาติ เพื่อร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือกัน เพื่อร่วมกันกำหนดชะตากรรมประเทศ และชะตากรรมโลกเพื่อให้พ้นภุัย หรือ ลดความรุนแรงเบาบางลงจากภัยพิบัติขนาดใหญ่ได้ลงบ้าง เพื่อนำพาโลกเข้าสู่ยุคศิวิไลย์

    สวัสดีค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ฝ่ายขาว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2021
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +22
    กำลังมาคับ
     
  13. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    โลกกำลังจะไม่ไหวแล้ว

    สงครามโลกครั้งที่ 3 จะไม่เกิด สิ่งที่จะเกิดก่อนคือ มหาภัยพิบัติขนาดใหญ่จะเกิดขึ้นก่อน เพราะอะไร?

    เมื่อประมาณ 2-3 วันก่อน สิ่งที่รับรู้ได้แวบแรกหลังตื่นขึ้นมา ความรู้แวบแรกโลกหมุนเหมือนจะอ่อนแรงเต็มที เคยพูดมาหลายครั้งแล้ว หลายท่านคงจำได้

    ทำไมจึงรับรู้ได้เป็นช่วง ๆ ไม่ได้รับรู้ตลอด น่าจะเกิดจากพลังงานอ่อนลงมากจริง ๆ จึงทำให้รับรู้ได้ว่าการหมุนสัดส่าย เฉื่อยลง ถ้ารับรู้ไม่ได้ น่าจะมีความสมดุล โดยหมุนเร็วขึ้น เมื่อพลังงานขาดความสมดุล จึงรับรู้การสัดส่ายได้ น่าจะเป็นเช่นนั้น

    วันที่ 2 ตุลาคม 67 เกิดสุุริยุปราคา และเกิดพายุหมุนรุนแรง ในแคนา อเมริกา และแม๊กซิโก จากที่เคยนำข้อมูลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าอยากรู้ว่าโลกจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อใด ให้สังเกตุที่หน้าจอข่าวทางโทรัศน์ว่า ในโลกมีพายุฝนรุนแรงเกิดขึ้นที่ใดบ้าง เนื่องจากมีคลื่นพลังงานแม่เหล็กความถี่สูง เดินทางผ่านขั้นบรรยากาศมาสู่โลก จะมีปฏิกิริยากับคลื่นความขื้นในอากาศโลก จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างเฉียบพลัน

    และตามนี้ค่ะ ที่อเมริกา แคนาดา ช่วงเกิดสุริยุปราคา





    ปรากฎการณ์กระบวนการนี้ จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการคือ ปริมาณแม่เหล็กความถี่สูงซึ่งถูกส่งเข้ามา และปริมาณความชื้นในอากาศบริเวณที่คลื่นเดินทางผ่านเข้ามา ปรากฎการณ์ร้ายแรงล้วนเป็นมายาของกระบวนการนี้

    มนุษย์จะเผชิญกับภาวะแผ่นดินไหวรุนแรง (รวมสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวใต้ทะเล) มากน้อยถี่บ่อย ตามสัดส่วนพลังงานที่เสียสมดุลไปเสมอ เป็นกระบวนการคืนพลังงานที่เสียสมดุลไปให้แก่ระบบโลกอยู่เป็นระยะ ๆ เพือสร้างพลังงานใหม่ขึ้นมาทดแทนที่สูญเสียในระดับกลาง มนุษย์ทราบดีอยู่แล้วว่า กฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาลว่าด้วยเรื่องพลังงานล้วน ๆ หากที่ใดที่หนึ่งเพื่มมันจะต้องมีอีกที่หนึ่งลดลงเสมอ

    ความสมดุลของโลกในศาสตร์จักรวาล

    1.ความสมดุลของรูปธรรมบนโลก น้ำหนักมวลของรูปธรรมทางจิตวิญญาณโดยรวม น้ำหนักมวลที่สมดุลของโลก จะต้องพอดีกับแรงเหวี่ยงรอบตัวเอง การโคจรรอบดวงอาทิตย์

    2.ความสมดุลแรงสั่นสะเทือนของโลก การสั่นสะเทือนของจิตสำนึกของมนุษย์ทั้งโลกรวมกัน ส่งผลถึงการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กโลกทั้งระบบ เพื่อให้เกิดคลื่นสนามแม่เหล็กโลกยกตัวสูงขึ้นห่อหุ้มโลกนี้เอาไว้ การสั่นสะเทือนจิตสำนึกโดยรวมในด้านบวก จะช่วยให้คลื่นแม่เหล็กโลกยกตัวขึ้นสูงได้ การสั่นสะเทือนด้านลบทำให้คลื่นสนามแม่เหล็กโลกจะน้อยลง

    3.ความสมดุลของแรงเหวี่ยงของโลก โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งในจักรวาล ที่เกิดจากระเบิดของปฏิกิริยาฟิวชั่นตรงจุดศูนย์กลาง แล้วมีการม้วนตัวคลี่ขยายออกมาภายนอกเสมอ การหมุนตัวจะต้องดำรงอยู่ต่อไปตราบใดที่กระบวนการคลี่ขยายยังไม่สิ้นสุด การหมุนของโลกระยะต้น อาศัยแรงเหวี่ยงที่เกิดจาการระเบิดเป็นหลัก จักรวาลขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ ด้วยกาลเวลาที่ยาวนาน การหมุนตัวจากแรงเหวี่ยงเริ่มต้น ย่อมน้อยลงได้ เสมือนลูกข่าง ถ้าแรงเหวี่ยงน้อยลงจะเกิดการเสียศูนย์ โลกของเราก็เช่นกันถ้าแรงเหวี่ยงลดลง แกนโลกจะเริ่มเอียงมากขึ้นจนทำให้ภูมิอากาศ ฤดูกาล และกายภาพของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ในที่สุดโลกอาจเสียการทรงตัวพลิกคว่ำหงายลงได้

    โลกจำเป็นต้องสร้างมนุษย์ขึ้นมา เพื่อช่วยกันสร้างโลก ค้ำจุนโลก คือใช้กลไกเพียงชนิดเดียวคือ จิตสำนึก ในการสร้างพลังงานบวกให้แก่โลก ที่มนุษย์กระทำต่อกันด้วยความรักอันเป็นพลังงานพื้นฐานสากลจักรวาล

    4.ความสมดุลของอำนาจแม่เหล็กโลก โลกสร้างสนามแม่เหล็กได้ เพราะใจกลางโลกมีโลหะหนักเป็นแกนกลาง มีของไหลเคลื่อนไปมารอบนอกแกนกลางนั้น การเคลื่อนตัวของ ๆ ไหลรอบแกนที่เป็นโลหะดังกล่าวทำให้เกิดสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นแผ่ออกมามากมาย

    การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ การระเบิดของภูเขาไฟ คลื่นวิทยุ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สนามแม่เหล็กเทียม การขุดเจาะเอาพลังงานจากใต้ดินมาใช้ ล้วนลดทอนพลังอำนาจแม่เหล็กโลกได้ทั้งสิ้น มันจะมีผลต่อคลื่นแม่เหล็กโลก ที่อ่อนตัวลงเรื่อย ๆ จนเสียสมดุลไปได้เช่นกัน ความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกจึงต้องมีความสมดุลเสมอ


    มนุษย์ไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในมิติทางกายภาพของสรรพสิ่ง ที่ตนเฝ้าติดตามสังเกตนั้น แท้แล้วมันเป็นเงา หรือมายาที่เกิดจากการกระทำของ ตัวตนแก่นแท้ ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่เร้นอยู่ข้างในต่างหาก

    สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทำให้พลังงานโลกอ่อนแอลง ทางด้านกายภาพ



    และ..แม้กระทั่ง...



    เพราะอะไร?

    ความสมดุลด้านพิกัดของการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งบนพื้นโลก




    เริ่มแรกเดิมทีเลย ทุกสรรพสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ในทางกายภาพ ล้วนกำหนดจัดวางเอาไว้แล้วอย่างเหมาะสม แต่มนุษย์กับทำลายระบบของโลก

    ลองนึกถึงการถ่วงล้อให้สมดุล หมายถึง การนำเอาชิ้นตะกั่วชิ้นเล็ก มาถ่วงที่ขอบกระทะล้อรถนั้นเพื่อให้ล้อรถ ไม่เกิดอาการแกว่งหรือจะส่ายไปมาในขณะที่เหวี่ยงหมุนไปรอบๆแกนหรือดุมล้อด้วยความเร็วสูง และให้ลองนึกถึงการย้ายตะกั่วจากตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสม ไปติดตั้งอยู่ตรงตำแหน่งอื่น ถึงแม้จะเป็นกระทะล้อรถเดียวกัน ตะกั่วชิ้นเดียวกัน มีน้ำหนักเท่าเดิมก็ตาม แทนที่ตะกั่วชิ้นนั้นจะช่วยให้ล้อรถสมดุลดังเดิม มันกลับเป็นตัวการทำให้ล้อรถนั้นเสียสมดุลหนักขึ้นไปอีก เหตุเพราะ ถ่วงผิดที่ นั่นเอง

    การทำให้ล้อรถกิดอาการสมดุล ขณะหมุนไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกิดอาการสะบัด หรือส่ายไปมาดังกล่าว สามารถค้ำจุนได้ด้วยแท่งตะกั่วชิ้นเล็กๆ ซึ่งจะต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไข 3 ประการ คือ

    1 อัตราความเร็วในการหมุนของล้อในระดับที่ต้องการ

    2.พิกัดตำแหน่งถูกต้องและเหมาะสมบนขอบกระทะล้อ ที่จะติดตั้งตะกั่วชิ้นนั้น ๆไว้

    3.ชิ้นตะกั่วขนาดน้ำหนักที่ถูกต้อง คือไม่หนักไปหรือเบาเกินไป ที่ติดตั้งไว้บนขอบกระทะล้อรถ ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น

    การระเบิดภูเขา เพื่อยกขนเอาก้อนหินไปสร้างอาคารวัตถุสูงใหญ่ในเมือง การถมทะเล บ่อ หนอง คลอง บึง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำหนักมวลน้อยกว่า บริเวณอื่นให้ตื้นเขิน เพื่อสร้างแผ่นดินใหม่ด้วยหินทราย คือการเพิ่มน้ำหนัมวลให้กับอณาบริเวณเดิมนั้นให้เสียสมดุลไปจากเดิมอีกเช่นกัน ย่อมเท่ากับว่ามนุษย์กำลังจะทำอุตริย้ายภูเขาของพิกัดตำแหน่งเดิมที่กำหนดวางในพิกัดที่ถูกต้องเหมาะสมอยู่แล้ว พากันไปกองทับถมรวมกันซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง

    เหตุแห่งการเสียสมดุลทั้งทางด้านกายภาพ และพลังงานของโลกในยุคพลังงานเก่า ล้วนเกิดจากมนุษย์เป็นผู้กระทำให้เกิดการเสียสมดุลของระบบของตนเองทั้งสิ้น ส่วนการเสียสมดุลในมิติทางพลังงานของดาวเคราะห์โลก ล้วนเกิดจากความเหลวไหลมนุษย์

    เหตุที่จักรวาล ต้องมาทำการเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลกให้เบี่ยงเบนไป ก็เพื่อที่จะต้องการยกระดับพลังงานของโลก ซึ่งแน่นอนอว่าจะต้องมีการเกิดภัยพิบัติตามมา จากการที่นำพลังงานที่ถูกส่งมาจากนอกโลก เพื่อเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลกให้เบี่ยงเบนไปจาดเดิม เพื่อให้โลยกระดับพลังงานให้สูงขึ้น

    เมื่อพลังงานของโลก ถูกยกระดับให้สูงขึ้น จิตใจองมนุษย์ ก็จะต้องถูกยกระดับตามไปด้วย แต่จะมีบางส่วนที่มีการต่อต้านซึ่งเป็นไปตามกรรมในอดีตชาติของแต่ละคน โดยเฉพาะผู้นำของชาติต่าว ๆ ในโลก ที่ในอดีตชาติที่พกพากรรมจากอดีตชาติติดตัวมาด้วย

    จากข้อมูลข่าวสาร ที่พูดถึง และวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ในช่วงนี้



    ที่พูดถึงองค์กรลับ มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ต้องการครองโลกและบงการอยู่เบื้องหลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้อยู่แล้ว แม้กระทั่งเหตุการณ์ที่จะเกิดกับโลกตอนนี้จักรวาลก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง (ซึ่งโอกาสของโลก อยู่ที่มนุษย์มีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอนาคตตนเองได้)

    ซึ่งตามพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาจะล้มตายเป็นจำนวนมาก ก็เกิดจากการสู้รบจากชนชาติเดียวกันหรือระหว่างประเทศ แต่จะยังไม่ถึงสงครามโลก สงครามนิวเคลียร์อย่างแน่นอน (เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่า ถ้านำเอาอาวุธที่แต่ละประเทศที่สะสมเอาไว้ กดชนวนพร้อมกันจะทำลายโลกลงได้ภายในไม่กี่นาที)



    มนุษย์ทุกคนมีอิสระภาพในการตัดสินใจ โดยที่จักรวาล อยู่ในมิติเหนือจักรวาลโลก มองอนาคตของโลกโดยผ่านอณูช่องว่างว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง เหตุการณ์เวลานี้เท่ากับเร่งยุคโลกใหม่ให้เกิดเร็วขึ้น แทนที่จะเป็นไปตามกำหนด ค่อย ๆ ทำการเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลกให้ได้ตามกำหนด ภัยพิบัติค่อย ๆ ทะยอยเกิดตามแนวแม่เหล็กที่เคลื่อนย้ายเบี่ยงเบนไป

    แต่ภัยธรรมชาติที่ประสบกันรุนแรงเนื่องจากพลังงานโลกอ่อนแอลง จากฝีมือมนุษย์ เมื่อส่งพลังงานเข้ามายังโลก มนุษย์จึงต้องประสบภัยพิบัติ ตามพลังงานที่เสียสมดุลไป

    ถ้าหากว่า มนุษย์ผู้สร้างหายนะภัยตัดสินใจเลือกการทำลายโลก จนทำให้พลังงานโลกอ่อนแอลงมาก อย่างสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีการตัดสินใจผิดพลาด

    พื้นแผ่นดินเป้าหมายที่ถูกกำหนดเป็นอณาเขตหายนะภัย คลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กความถึ่สูงจะถูกส่งเข้ามา ทำให้แนวแกนแม่เหล็กใจกลางโลก บิดตัวอย่างรุนแรง ขณะที่โลกปล่อยคลื่นพายุแม่เหล็กออกมาอย่างรุนแรงอันเกิดจากระเบิดภายใน โดยมันจะรวมตัวกันเป็นคลื่นพลังงานไฟห้าที่เข้มข้น ทำให้ขั้นเปลือกโลกซึ่งกำลังบิดตัวอยู่ จะถูกคลื่นอันมหาศาลกระแทกอัดให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่าแผ่นดินไหวครั้งใด ๆ แผ่นดินหายนะภัย ที่เป็นแผ่นดินใหญ่ที่เป็นเป้าหมาย ที่มีมหาสมุทรคั่นกลาง ก็คือ มหาสมุทรแอตแลนติค จนถึงครอบคลุมถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน จะเป็นแนวภูเขาไฟใต้ทะเล และ รอยแผ่นเปลือกโลก ซึ่งเป็นอณาเขตของอเมริกาฝั่งตะวันตก ทวีปยุโรป รวมถึงประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังมีปัญหากับเหตุการณ์สำคัญโลก ณขณะนี้พอดี

    จงฉีกคำพยากรณ์นอสตราดามุสทิ้งไปเสีย มันจะไม่แม่นยำและไม่เป็นไปตามคำพยากรณ์อีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลก เป็นต้นมา เหตุการณ์วันสิ้นโลก จะไม่มีวันเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

    สงครามโลกครั้งที่ 3 จะไม่มีวันเกิดขึ้น นอกจาก การผจผญภัยธรรมชาติที่ร้ายแรง ของมนุษย์ทั่วทั้งโลก

    ให้เปลี่ยนจากความหวาดวิตก หรือ ความขลาดกลัว เป็นความรักและห่วงใยโลก เพื่อข่วยกันยกระดับจิตสำนึกโลกสู่สภาวะสมดุล ทางออกของมนุษย์ที่จะช่วยลดความรุนแรงนี้ได้ ทุกคนจะต้องสร้างแรงสั่นสะเทือนด้านบวกแบบรวมหมู่ ด้วยการยกระดับจิตสำนึกตนเองให้สูงขึ้น เร่งหาความสงบสุข เลิกจิตใจใฝ่ต่ำห่างไกลจากธรรมะ


    การเคลียร์พลังงาน ณ สถานที่แห่งใด ให้ลองนึกถึงสถานที่หนึ่งของเมืองไทย ที่แต่ละประเทศต้องประสบชะตากรรมชำระล้างพลังงาน ยกตัวอย่างดังเช่นที่ ตะลุมพุก



    การชำระโลก เมื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์พลังงาน เมื่อมีพลังงานเพิ่มขึ้น จะต้องมีพลังงานที่ใดที่หนึงลดลงเสมอ

    เพื่อให้ชำระโลกสะอาดคืนสู่ความสมดุลได้อย่างแท้จริง พร้อมกับยกระดับความสมดุลใหม่ให้สูงขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า จะต้อง...

    จำนวนน้ำหนักมวลโดยรวมของระบบโลกจะต้องลดลง

    ค่าแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของโลกจะต้องสูงขึ้น

    อำนาจแม่เหล็กโลกจะต้องเพิ่มขึ้น

    ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกจะต้องถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เหมาะสมกว่าเดิม


    ทั้งหมดเป็นเป้าหมายสูงสุด ในมิติคู่ขนานและมิติทางกายภาพ ที่จักรวาลกระทำต่อโลก เพื่อนำมนุษย์กับโลกก้าวสู่ยุคพลังงานใหม่ อย่างแท้จริง
     
  14. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ทำไม? ไม่เชื่อ!!

    และพลังงานจากนอกโลกที่ถูกเข้ามาในโลก ก็คือ "คลื่นพายุสุริยะ" จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จะเป็นช่วง "คลาส" ที่โลก ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มีองศาทำมุมที่ตรงกัน ความหมายของ "คลาส" โบราณเชื่อกันว่า เป็นพลังงานเหนือธรรมชาติ พลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กระทำต่อโลกมนุษย์ ที่ตอนเด็ก ๆ ปู่ย่าตายายจะบอกว่า ให้เคาะกับวัตถุอะไรก็ได้ให้เสียงดัง เพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้รอดปลอดภัย (เป็นสิ่งที่เล่าขานและเชื่อตามกันมาในสมัยโบราณ) คำกล่าวโบราณมักจะมีนัยยะแฝงเสมอสัจจะความจริงไว้เสมอ



    โลก ยังไม่มีเครื่องมือตรวจจับการเกิดแผ่นดินไหวไดด้ล่วงหน้าได้ นอกจากคำบอกกล่าวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และได้เกิดขึ้นแล้ว ตามคำบอกเตือนให้เฝ้าสังเกตุ และเฝ้าระวัง

    [




    ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย ตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกกล่าว แต่มันก็ได้เกิดขึ้นจริงตามข้อมูลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์



    ถึงแม้ว่า วิกฤติของโลกจะเกิดจากผู้นำของประเทศ แต่ประชาชนของประเทศนั้นก็ต้องโดนชะตากรรมด้วย เพราะการมอบอำนาจเปรียบเสมือนเป็นผู้กระทำเอง ประชาชนในประเทศนั้น ๆ จึงหลีกหนีไม่พ้น

    อนาคตใด ๆ อยู่การกำหนดปัจจุบัน ทุกคนมีมีอิสระเสรีภาพในการเลือกตัดสินใจ เพียงว่าต้องมีข้อมูลที่มากพอ ที่สิ่งศักดิ์พยายามสื่อเตือนมาลมนุุษยชาติ ที่ต้องการกำหนดชะตากรรมของตนเอง
     
  15. jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ประเทศที่ตุรกีแล้วค่ะ



    ตามช่วงระยะเวลา และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับโลก ว่ามีเหตุการณ์อะไรต้องเกิดขึ้นบ้างหลังจากคลื่นพลังงานจากนอกโลกถูกส่งเข้ามา

    หลายครั้ง หลายคราที่ตรงกับคำตักเตือนของสิ่งศักดิ์ นั่นแสดงว่า คำเตือนนั้นจะเป็นความจริง เพื่อให้มนุษย์ประจักษ์รู้แจ้งว่า โลกจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สำหรับมวลมนุษยชาติจะเกิดขึ้นจริงตามเหตุปัจจโย

    ข้อที่สังเกตุได้

    1.เกิดคลื่นความถี่สูงในอากาศเสียงดังมาก(แสดงว่ามีกำลังสูงกว่าปกติ)
    2.ถ้าสามารถรับรู้ได้ว่ามีการเคลื่อนตัวใต้พิภพ หรือ ใต้พิภพเกิดการเคลื่อนจนรับรู้ได้

    หากใครมีสถิติไฟใหม้ในห้วงเวลา กับภูมิอากาศที่ไม่น่าเกิด แล้วก็เกิดไฟไหม้บ่อย ๆ ก็น่านำมาพิจารณากันด้วยค่ะ

    หรือนัยยะอีกนัยหนึ่ง คำทำนายของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก ข้อที่ที่ว่าไฟใหม้ทุกหย่อมหญ้า หมายถึง ไฟโทสะคิก จากการรับรู้ข่าวสังคมออนไลน์ ทีมีข่าวกระพือตาม ๆ กัน แล้วคอมเม้นท์ด้วยโทสะคิก โดยขาดการไตร่ตรอง ก็อาจเปรียบนัยยะนั้นก็ได้ค่ะ

    คำของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าจะนำมาพิจารณา กับสถานการณ์ต่างๆ ในสังคมยุคสมัยปัจจุบัน เพื่อเป็นแง่คิดพิจารณากันค่ะ เผื่อใครจะมีแสงนำทางในการใช้ชีวิตค่ะ

    ไม่อยากให้คนอื่น ทำเช่นไรกับเรา เราก็อย่าไปทำแบบนั้นกับเขา

    นิสัยที่แสดงจนความเคยชิน คิดว่าจะละกันโดยง่าย อย่างนั้นหรือ (ก็คือ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อกระทำจนเคยชินแล้ว มันจะเป็นคุณสมบัติของ ๆ เรา ติดตามเราอยู่ร่ำไป )

    เมื่อมีคนกระทำไม่ถูกต้องต่อเรา จงมีความอดทนอดกลั้น

    เมื่อเราทำไม่ถูกต้องต่อเขา เขาจึงมีการต่อสู้ ต่อต้าน ตอบโต้ และการหลีกเลี่ยงคบหา ควรให้อภัย

    เมื่อเราเห็นการกระทำไม่ถูกต้องแก่ตัวเรา และกระทำไม่แก่คนอื่น ควรวางใจเป็นกลาง

    การช่วยคนอื่นไว้มาก ยามตกทุกข์ได้ยาก มักได้รับการช่วยเหลือเสมอ

    มองแล้วเป็นคำพื้นฐานทั่วไป แต่พิจารณาดูดี ๆ ปฏิบัติกันได้ไม่ง่ายนัก

    แสงสว่างใด เสมอด้วย ปัญญาสัมมาทิฐิไม่มี
     

แชร์หน้านี้