เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา! แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    ไม่ใช่ครับ
    เป็นป้าผมครับ ส่วนท่านลุงไปปฏิบัติธรรมครับ
    ก็ไม่เห็นว่าท่านป้าผมจะหาเรื่องใคร ไม่ได้เอ่ยลงชื่อ
    เห็นแต่คุณเดือดร้อน ผมเลยถามกลีบนะครับว่า

    เอ่อ แล้วคุณเป็นแม่ชีจริงๆหรือขอรับ
     
  2. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005

    สาธุขอรับ 5555

    ผมว่าคนเรานี้ล่ะ หลงมัวเมา จนมั่ว คิดเอาว่าสำคัญน่ะ
    พอมีคนเข้ามาเขียน ขึ้นต้น บ่นๆๆ ก็เหมาว่าเขามาด่าตัวเอง
    โยงอจินไตย มโนอีก ผมน่ะ Ignore แม่ชีปลอม นี้นานแล้วครับ
    แต่คนเล่นสายอภิญญาน่ะ อะไรเป็นอะไรก็รู้ดีอยู่น่ะครับ
     
  3. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ผลกรรมของบุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย
    1 พฤษภาคม 2010 เวลา 07:41 น.
    บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการเป็นแท้”

    “ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้งหลาย ผู้ไม่มีอาชญา ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว คือ

    ถึงเวทนากล้า ๑
    ความเสื่อมทรัพย์ ๑
    ความสลายแห่งสรีระ ๑
    อาพาธหนัก ๑
    ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑
    ความขัดข้องแต่พระราชา ๑
    การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง ๑
    ความย่อยยับแห่งเครือญาติ ๑
    ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย ๑
    อีกอย่างกนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา,
    ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงนรก.”

    http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006995.htm

    อ้างอิง

    บุคคลที่ประทุษร้ายต่อผู้ไม่ประทุษร้าย เช่น กล่าวใส่ความผู้บริสุทธิ์ผู้หาความผิดมิได้ ให้เสียหาย
    ผู้นั้นจะได้ประสบวิบัติทันตาเห็น ๑๐ ประการ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง

    ๑. ทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า เช่น โรคปวดศรีษะอย่างรุนแรง
    ๒. ความเสื่อมสิ้นทรัพย์สินที่มีอยู่
    ๓. ถูกทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกตีหัว หรือถูกผ่าตัด
    ๔. เจ็บหนัก เช่น เป็นอัมพาต
    ๕. ถึงความเสียสติ เป็นบ้า
    ๖. ถูกกฎหมายลงโทษ เช่น ถูกปลดและลดตำแหน่ง
    ๗. ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง
    ๘. ไร้ญาติขาดพี่น้อง
    ๙. โภคทรัพย์ เช่น เรือกสวนไร่นา ฉิบหาย
    ๑๐.เมื่อยังไม่ตาย ไฟไหม้บ้าน ตายแล้วไฟนรกเผาผลาญซ้ำอีก
     
  4. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    จะด่าว่าอะไรใคร นิรนามก็จริงนะครับ

    รู้จักที่ต่ำที่สูงบ้าง

    ถ้ามีอภิญญาเจ๋งพอ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ท่านเอ๋ย เพราะท่านผิดหวังจากเรามิใช่หรือ เพราะท่านอยากแก้แค่นมิใช่หรือ จึงทำให้ท่านได้คนของท่านวันนี้
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เราจะบอกอะไรให้นะ อย่ามาอาฆาตอะไรกัน เราไม่เคยรู้เรื่องกับพวกท่านสองคนเลย นั่นเป็นวิบากรรมของท่านพรายเพลิงพิญเอง
     
  7. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    ส่วนผมกับเมียเข้ามาทำบุญครับ
    เข้ามาทำบุญ ไม่ได้ให้อนุโมทนานะครับเพราะไม่ได้อยากให้ติดตามเจอกันอีก
    เวบนี้เขาสร้างให้เพื่อธรรมะกุศล ไม่ใช่ ระบายอารมณ์ หรือ หลอกสร้างภาพ

    ส่วนญาติพี่น้องท่านอื่นๆเข้ามาศึกษาธรรมทานในนี้ครับ

    แล้วแวะมาบอก คนบางคน กลุ่มบางกลุ่มว่า อยากจะแชทด่ากันกลางตลาด แบบนั้น
    มันส่อไปถึงอนุสสัย ขันธสันดาน ภพภูมิเชียวนะครับ

    ผมก็อยากจะทราบเหลือเกินเชียวครับ ว่า แม่ชีเล่นเนตแบบนี้ ผิดธรรมวินัยมั้ย เล่นโต้ตอบกับกระผมได้นี้ มิธรรมดา นะครับ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    มันเกี่ยวกับกรรมในจิตของท่านสองคนต่างหาก ที่เรากระทุ้งให้ วันหน้า หรือ อนาคตต่อไป ท่านจะต้องวนเวียนรับกรรมอย่างนี้ไป ไม่มีสิ้นสุด เพราะตัณหาราคะพาไป
     
  9. เพลงพรายพิญ

    เพลงพรายพิญ The Myth 2077

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,212
    ค่าพลัง:
    +1,995
    ป้าคงสนุกมากไปหน่อยน่ะ ท่านลุงก็เตือนแล้วว่าไม่ให้มาเล่นในเนต มันจะทำให้หม่นหมองจาก กิเลสต่างๆ จริงๆ ป้าก็ไม่ติดใจอะไรนะ

    นิรนามนี้ พอมาพบกัน ก็เลยหัวเราะว่าคนกันเองวินต์ก็ยังไม่รู้ว่าป้ามาเล่นเวบนี้เลยนะ จริงๆแล้วน่ะ

    ป้าไปปฏิบัติธรรมก่อนนะ บุญรักษา ธรรมรักษา นะลูกนะ
     
  10. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005

    สาธุครับผม รักษาสุขภาพนะขอรับท่านป้า
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    หึหึ
     
  12. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    651
    ค่าพลัง:
    +1,005
    จิตยิ้ม

    ผมรู้จัก รพ เช็คประสาทนะครับ จะให้ผมติดต่อให้มั้ยครับ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไม่ต้อง ! ขอบใจ ขอเพียงท่านสองคนอย่ามายุ่งกับเราก็พอ ทุก ๆ ชาติไป เราไม่เคยรู้เรื่องอะไรกับพวกท่านเลย
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ถ้าใครมีสติ คือ สามารถควบคุมจิตใจตนเองให้มีความสมดุลทางอารมณ์ได้ตลอดเวลาแล้ว ผู้นั้นจะสามารถใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตได้อย่างแยบยลเต็มประสิทธิภาพกว่าผู้อื่นแน่นอน

    การสร้างสติของตนเอง ด้วยวิธีควบคุมดูแลจิตใจตนเองในชีวิตประจำวันไม่ให้เกิดการเสียสมดุลทางอารมณ์ อันเกิดจากผู้อื่นซึ่งตนติดต่อผูกสัมพันธ์ด้วยเป็นผู้สร้างเงื่อนไขด้านลบขึ้นมาให้อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยสามารถที่จะควบคุมดูแลจิตใจตนเองให้สมดุลอยู่เสมอ

    สภาวะจิตที่มีสติคอยควบคุมดูแลอยู่ ขณะที่มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นนี้ มนุษย์ควรเรียกว่า

    การปฏิบัติบำเพ็ญ "ธรรมชาติสมาธิ" นั่นเอง

    การดำเนินชีวิตประจำวัน การมีสติ คือ การครองสติ
    ที่การปฏิบัติทางกายและทางจิตใจไปพร้อมกัน ด้วยมีธรรมชาติสมาธิให้เกิดขึ้นอย่างธรรมชาติจากสถานการณ์จริงที่เผชิญนั่นเอง

    ธรรมชาติสมาธิจะตื่นรู้ตัวตลอดเวลา โดยไม่ต้องการโลกส่วนตัวของตนเองเช่นนั้นเลย สามารถปฏิบัติได้แม้กำลังสร้างมนุษยสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น ๆ ก็ตาม ย่อมค้นพบความจริงได้ว่า

    การมีสติในตนเองจะช่วยสร้างมหาสติในสังคมได้

    สังคมจะน่าอยู่มากขึ้น ทุกคนมีความสงบสุขมากขึ้น การสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันแน่นแคว้นมากขึ้น และการสร้างพันธกรรมร่วมกันให้ต้องชดใช้แก้ไขข้ามภพข้ามชาติ จนทำลายความเป็นสุญญตาทางจิตวิญญาณให้เสื่อมถอยลงไปพร้อมกันด้วย ดังเช่นยุคพลังงานเก่าที่กำลังจะผ่านพ้นไปนี้จะถูกปิดมิติปิดโอกาสลงด้วยเช่นกัน

    ข้อดีของธรรมชาติสมาธิ จะช่วยให้มนุษย์อยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างลงตัว โดยตนเองไม่เป็นผู้พลั้งเผลอสร้างเงื่อนไขด้านลบให้ผู้อื่นเสียเอง ในอันที่จะให้ผู้อื่นเสียสมดุลตามไปด้วย และขณะเดียวกันไม่เผลอเรอไปรับเอาเงื่อนไขด้านลบใดๆ จากที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้ทั้ง ๆ ที่เขาทั้งใจและไม่ตั้งใจ ถ้าสมาชิกในสังคมครองตนเช่นว่านี้ได้อย่างมั่นคงแล้ว เพราะไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น ก็จะเป็นสังคมมหาสติโดยแท้

    ความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์ หมายถึง การแสดงออกเป็นพวกเดียวกันนั่นเอง

    ทุกคนต้องปฏิบัติตนอย่างดีที่สุด 3 ประการ

    1.ต้องไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขด้านลบให้แก่ผู้อื่น

    2.ต้องไม่หวั่นไหวไปกับเงื่อนไขด้านลบที่ผู้อื่นยื่นให้

    3.ต้องไม่ละเลยการกระทำตนให้เป็นเงื่อนไขด้านบวกต่อกันเสมอ

    ที่ผ่านมาอาจเป็นบทเรียนบางอย่างพอให้มองเห็นภาพได้บ้างค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มกราคม 2019
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,429
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เผื่อใครที่ไม่ได้เข้าไปอ่านอีกกระทู้หนึ่งที่ลงเอาไว้
    ขอ copy มาไว้ที่กระทู้นี้ เพื่อเตือนความจำค่ะ

    การสร้างเวรกัน ผลที่มาคือความเจ็บใจ
    แล้วต่อไปก็จะเป็นอุปสรรคต่อกันเพื่อขัดขวางผู้นั้นไม่ให้สมปรารถนา
    ผู้ที่มีเจ้ากรรมนายเวรมาก จึงมักมีอุปสรรคนานา
    เหมือนกรรมที่ต้องเจอเฉพาะในเรื่องนั้น ๆ ที่เกิดมาจากสาเหตุหลัก คือ การเจ็บใจ
    ไม่ว่าจะเจ็บทางใด การที่เขาทำด้วยการขาดความเมตตา
    นำพาซึ่งความเจ็บใจมาให้ โดยที่เราไม่รู้ว่า
    "ตะปู ตอกเนื้อไว้" แม้ถอนออกไปก็ยังมีแผล
    นี้เป็นเรื่องจริงที่ได้จากการพิจารณาเมื่อวาน
    ว่าเพราะอะไร ทำไมเราจึงคิดเช่นนั้น
    เพราะการบ่มเพาะ ตอกลงใจบ่อย ๆ ไม้ก็มีแผล


    ...............

    การที่เรามีคู่กรณี....เจ้ากรรม-นายเวร
    หากเราอโหสิกรรมให้เขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    เขาจะรับหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของเขา
    แต่ของเราคือ หยุด หรือ การตัดสายใย หรือบ่วงกรรมหลุดออก และปล่อยหลุดมือไป
    แต่เขายังถือไว้ สิ่งที่จะเป็นไป คือจะนำพาสายใย ไปดึงดูดกับผู้อื่นต่อไป
    เพราะ...กรรม คือ กระแสงแห่งแรงดึงดูด
     
  16. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ใช่ค่ะบุคคลทำกรรมแบบใดไว้ เช่นกาก กร่าง เกรียน เจ๋อ สอดเรื่องคนอื่นไปทั่ว ย่อมเจอคนประเภทชอบสอดเหมือนกัน อย่าสมาคมกับคนอันธพาลดีที่สุดค่ะ
     
  17. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เอ่อๆ ขอโทษนะคะคือใครคะเนี่ยะ???
    .เคยรู้จักกันกับใครมาก่อนหรือเปล่าค่ะ. พอดีเขากำลังถกธรรมะกันอยู่ดีๆ

    งงจังเลย อยู่ๆก็มาจากไหนไม่รู้???

    ต้องการอะไรจากสังคมหรือเปล่าคะ หรือต้องการอยากมีตัวตน???

    มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะคะ ยินดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2019
  18. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ข่าวภัยพิบัติที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้คือ ภัยพิบัติในจิตใจคนที่มีความรัก โลภ โกรธ หลง ราคะ
    อยากมี คือ อยากมีตัวตนในสังคม
    อยากเด่น
    อยากดัง
    อยากให้เขายอมรับ
    อิจฉาริษยา
    อยากเป็น พอเป็นไม่ได้เกิดอิจฉาริษยา หาเรื่องด่าว่า
    ไม่มีมารยาท นึกจะเจ๋อยุ่งเรื่องชาวบ้านก็เจ๋อ เขาเรียกว่าขาดการอบรมสั่งสอนที่ดี บ่งบอกถึงสภาพของจิตใจว่ามาจากภพภูมิใด

    สรุปคือทำไม่ได้ ไม่มีความสามารถแต่อยากเป็นอย่างเขาบ้าง เลยทำให้เกิดภัยพิบัติในใจขึ้น เลยส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้าง
    ปล.พวกอยากมีตัวตน จิตใจไม่ปกติพวกนี้วิธีแก้ไขคือต้องไปตรวจพบจิตแพทย์ และรับการบำบัดด่วน ไม่งั้นอาการจะกำเริบหนัก ก่อให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรงทางจิตวิญญาณ เพราะคลื่นพลังแห่งความชั่วปกคลุมแผ่รัศมีดำปกคลุมโลกไปหมด ยิ่งถ้ามีคนแบบนี้เพิ่มมากเท่าใด โลกเราก็จะเข้าสู่หายนะมากขึ้น คนดีๆก็จะอยู่กันลำบาก
     
  19. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ก่อนที่จะกล่าวถึง “มารยาททางสังคม” ขอให้มาทำความรู้จักกับคำว่า “มารยาท” ก่อนว่า คืออะไร “มารยาท” หรือ “มรรยาท” (etiquette or good manners) หมายถึง กิริยาวาจาที่ถือว่าสุภาพเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ (อมรรัตน์ เทพกาปนาท, 2553) หรือก็คือ การแสดงออกที่มีแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติโดยได้รับการอบรมให้งดงามตามความนิยมแห่งสังคมมารยาท ไม่ได้ติดตัวมาแต่เกิด แต่ได้มาจากสิ่งแวดล้อม มีการศึกษา อบรมเป็นสำคัญ ดูกิริยา ฟังวาจาของคนแล้ว พอคาดได้ว่าผู้นั้นได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างไร พื้นฐานที่สำคัญที่สุดของมารยาท คือ ความสุภาพและสำรวม คนสุภาพจะเป็นคนที่มีจิตใจสูงเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะคนที่มีอะไรในตัวเองแล้วจึงจะสุภาพอ่อนน้อมได้ ความสุภาพอ่อนน้อมมิได้เกิดจากความเกรงกลัว แต่ถือว่าเป็นความกล้า ส่วนความสำรวม คือ การเป็นคนมีสติ ไม่พูดไม่ทำอะไรที่เกินควร รู้จักการปฏิบัติที่พอเหมาะพองาม คิดดีแล้วจึงทำ คาดแล้วว่า การกระทำจะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย มิใช่เฉพาะตัวคนเดียว (บ้านมหาดอทคอม, 2552) หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า มารยาทเป็นคุณลักษณะประจำตัวของบุคคล ได้แก่ การสัมมาคารวะ ความสุภาพ อ่อนน้อม ความมีวินัยและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏแก่สายตาของผู้อื่น (http://management.aru.ac.th) จึงกล่าวได้ว่า มารยาทเป็นคุณลักษณะประจำตัวของบุคคลที่แสดงออกทั้งในด้านกิริยา วาจา ซึ่งมีแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติ ที่ถือว่าสุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อม มีความสำรวม ถูกกาลเทศะ และปฏิบัติสิ่งที่พอเหมาะพองาม

    มารยาทจึงเป็นสิ่งที่เราเคยชินกับการได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ทั้งจากในบ้านที่คุณปู คุณย่า คุณตา คุณยาย บิดา มารดา และญาติผู้ใหญ่ที่เคารพรักพร่ำสอน ตลอดจนคุณครูและอาจารย์ในโรงเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ปลูกฝังเรา เพื่อให้เรามีมารยาททางสังคม รู้จักอะไรควรและไม่ควรกระทำ สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ มารยาททางสังคมจึงเป็นกรอบหรือระเบียบแบบแผนที่ควรประพฤติหรือควรละเว้นในส่วนที่เกี่ยวกับผู้อื่น รวมทั้งชุมชนหรือคนหมู่มาก โดยเหตุที่มนุษย์เราไม่สามารถอยู่ลำพังคนเดียวในโลกได้ ต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้อื่นไม่มากก็น้อย ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีกฎกติกากำหนดแบบแผนในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งทุกชาติทุกประเทศต่างก็มีแบบอย่างทางวัฒนธรรมที่เรียกกันว่า มารยาททางสังคมนี้ทั้งสิ้น เพียงแต่รายละเอียดอาจจะแตกต่างกันบ้าง อย่างไรก็ดี ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปัจจุบัน อาจทำให้คนสมัยนี้หันไปพึ่งพาเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นน้อยลง อันเป็นเหตุให้ละเลยหรือเพิกเฉยต่อมารยาทที่พึงมีต่อกัน แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ยังจำเป็นต่อการอยู่ร่วมกันในทุกสังคม (อมรรัตน์ เทพกาปนาท, 2553)

    ปัจจุบันด้วยพิษของโลกาภิวัฒน์และโลกของการแข่งขันและการทำงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่แย่งเวลาในการที่จะปลูกฝังสิ่งดีงามเหล่านี้ไป เกิดการหลงลืมคำว่า “มารยาท” และได้เกิดการทำสิ่งต่างๆ ที่ยึดตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงถึงคนในสังคมรอบข้างว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่ตนเองกระทำ กล่าวง่ายๆ ว่า “ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องของเรา คือ เราต้องสบาย ต้องได้ ไม่ต้องเสีย หรือต้องสำเร็จ” จึงทำให้สังคมเกิดความสับสนว่า “สิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำ” “สิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม” “สิ่งใดถูกกาลเทศะหรือไม่ถูกกาลเทศะ” บางคนก็กล่าวไปจนถึงการมีสมบัติผู้ดี จึงทำให้เกิดความขัดแย้งกันในสังคม ความอคติต่อกันทำลายบรรยากาศดีๆ ของการอยู่ร่วมกันในสังคม ทำให้สังคมรอบข้างไม่น่าอยู่ แต่ถ้าทุกคนหันมาปรับปรุงบรรยากาศที่ดีในสังคมตั้งแต่หน่วยเล็กจนถึงหน่วยใหญ่ที่สุด จะทำให้สังคมนั้นๆ น่าอยู่มากขึ้น จะพบกับความถ้อยทีถ้อยอาศัย น้ำใจที่เอื้ออาทรกันและกัน การช่วยกัน/ ร่วมมือกันทำงาน และเกิดความสุขในการอยู่ร่วมกันในครอบครัวและการทำงาน

    ดังนั้น มาช่วยกันทำสิ่งที่หายไปนั้นกลับคืนมาสู่สังคมไทยกันเถอะ นั่นคือ “มารยาททางสังคม” ที่ดูเหมือนสิ่งที่ดูเล็กน้อย แต่มีความสำคัญที่ทำให้ครอบครัว หน่วยงาน และสังคมเราน่าอยู่ เพราะบุคคลเรานอกจากจะมีความสามารถในเชิงการทำงานที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังต้องรู้จักรักษากิริยามารยาท สิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ

    สมัยก่อนคนโบราณจะอบรมสั่งสอนลูกหลาน เวลาผู้ใหญ่คุยกันอย่าสอดขึ้นมา

    สมัยนี้ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลา เอาเวลาไปทำมาหากิน ทำไร่ทำนา เลยไม่มีเวลาอบรมลูกหลาน

    ต้องช่วยๆกันทำให้สังคม ไทย สังคมโลกน่าอยู่นะ
    นี้คือภัยพิบัติใหญ่และร้ายแรงค่ะ นี้คือภัยเงียบ แต่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไปทั่วค่ะ
     
  20. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

    พื้นฐานนิสัยของมนุษย์โดยทั่วๆไปที่ยังไม่ได้รับการฝึกจิตให้ใจใจสูง

    จิตวิทยาการศึกษา : ทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์


    1. ความต้องการด้านร่างกายหรือด้านกายภาพ (Physiological Needs)
      คือความต้องการขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนพึงมีและพึงต้องการเพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอด นึกง่ายสุดคือปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ซึ่งความต้องการเหล่านี้ถือว่ามีความจำเป็น หากมนุษย์ไม่ได้รับความต้องการเหล่านี้อย่างเพียงพอก็จะส่งผลต่อคุณภาพของร่างกายตลอดจนประสิทธิภาพของการทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างบางประเทศในทวีปแอฟริกาที่เกิดภาวะทุกขภิกขภัย ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำและยารักษาโรค เนื่องจากเกิดความขัดแย้งและสงครามกลางเมือง พลเมืองไม่ได้รับความต้องการนี้อย่างเพียงพอจึงส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมทุกด้าน

    2. ความต้องการด้านความมั่นคงปลอดภัย (Safety Needs)
      หลังจากที่มนุษย์ได้รับความต้องการพื้นฐานเพียงพอแล้ว เขาจะเริ่มมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นคือการมีชีวิตอยู่รอดและปลอดภัย เขาจึงต้องการครอบครัวที่อบอุ่น ต้องการการงานที่มั่นคง เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงของฐานะและการเงิน การมีรายได้ที่มั่นคง มีเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดี ล้วนจัดอยู่ในความต้องการนี้ ที่จะยังให้เกิดความสำเร็จทั้งในเรื่องส่วนตัวและการงานอย่างแน่นอน หากเขาได้รับความรู้สึกว่ามั่นคงและปลอดภัย

    3. ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (Belongingness and Love Need)
      เราปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ด้วยเหตุผลนี้มนุษย์จึงเกิดความต้องการขั้นที่ 3 คือการมีเพื่อน มีครอบครัว คนรัก มีการยอมรับในความสามารถและตัวตน ความเป็นพวกพ้อง และสิ่งสำคัญสุดคือ “ความรัก” ที่เป็นสิ่งจรรโลงให้โลกนี้มีความสงบสุข สังคมเกิดความปรองดอง ความรักมีหลากหลายระดับ แต่เชื่อแน่ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่ช่วยเชื่อมต่อความรู้สึก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม

    4. ความต้องการเกียรติยศชื่อเสียงและความภาคภูมิใจ (Self- Esteem Need)
      เมื่อมนุษย์เติบโตมาถึงจุดหนึ่ง ที่มีความต้องการด้านกายภาพ ความปลอดภัย ความรัก เพียบพร้อมสมบูรณ์ เขาจะเริ่มมีความต้องการอีกขั้นคือความก้าวหน้าและการยอมรับในคุณค่าของตนจากบุคคลอื่นรอบข้าง ความต้องการการยกย่องชมเชย โดยแบ่งเป็นการนับถือตนเอง คือการเห็นคุณค่าของตนเอง เชื่อมั่นว่าตนเองมีความรู้ความสามารถ และสามารถประสบความสำเร็จได้ และการยอมรับการนับถือจากผู้อื่นหรือคนรอบข้าง คือการได้รับการยกย่องชมเชย ให้รางวัล เชิดชูจากบุคคลอื่นรอบข้างนั่นเอง

    5. ความต้องการความสมบูรณ์ของชีวิต (Self-Actualization Needs)
      เป็นความต้องการขั้นสูงสุด ที่มนุษย์น้อยคนจะไปถึงได้ เริ่มจากการที่ต้องได้รับความต้องการทั้งสี่ด้านข้างต้นอย่างเพียงพอก่อน ความต้องการนี้มาสโลว์อธิบายว่า เป็นความต้องการและความปรารถนาที่มนุษย์จะใช้ความสามารถและศักยภาพที่มีทั้งหมดในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ เท่าที่เขาพึงจะทำได้ตามศักยภาพ เช่น เมื่อเป็นนักดนตรีก็พยายามพัฒนาตนเองให้เป็นนักดนตรีที่เล่นเก่งที่สุด ด้วยการฝึกฝน เป็นต้น

    ความต้องการนี้เข้าใจดีเพราะเป็นความต้องการระดับมนุษย์ที่มีจิตใจยังไม่ได้รับการฝึกฝนหรือพัฒนา

    แต่หากคนที่เขาได้รับการฝึกฝนมามาก สิ่งเหล่านี้จึงไม่ได้มีความจำเป็น สำหรับพวกเขานัก
    แต่คนจิตที่ยังไม่ได้ผ่านการฝึกฝน อบรมจิต ก็จะแสดงอาการไปตามสภาพของกิเลสและตัณหาใจใจของตนเอง หากมีมากก็จะสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่นมาก ดังนั้นจึงต้องรู้จักควบคุมสิ่งเหล่านี้ของตนเองให้ดี โดยไม่ให้มีมากไปจนไปกระทบใครเขาได้ เพราะสิ่งเหล่านี้นำพามาสู่ภัยพิบัติทางจิตวิญญาณสร้างความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่นเป็นวงกว้างได้ ดังนั้นจึงต้องเริ่มหันกลับไปศึกษาเรื่องมารยาทสังคมที่ดีก่อน ว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนควรพูด

    อิจฉาได้แต่อย่าริษยา

    อยากมี อยากเป็น อยากเด่น อยากดังได้ แต่อย่าอยากมากจนล้นทำให้เกิดความภัยพิบัติในใจตนเองขึ้นถึงขั้นริษยาจนออกนอกหน้า พอทำไม่ได้อย่างเขาเก็บกด ไม่รู้จะหาทางไหนระบาย เลยโรคประสาทเครียดกำเริบ เที่ยวออกมาเกะกะระรานสร้างความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...