เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    มันคือสัจจะ การดำเนินชีวิต ในการเลือกที่จะทำหรือเลือกคบใครค่ะ ปฏิฆะจิตจะสั่นไหวระระริก แต่สัจจะจิตจะหนักแน่นด้วยทิฐิ จะผิดหรือถูกก็อยู่ที่ ณ ความคิดตรงนั้นค่ะ
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    พูดถึงเรื่องสัจจะแห่งการกระทำ จำได้ว่าจิตยิ้มเคยติดเรื่องนี้ไว้ว่าจะนำมาลง คงถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ จะนำเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตของทุก ๆ คน มาให้พิจารณาค่ะ
     
  3. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    เส้นประสาทมันจะทำงานหนักหนะเวลาคุยกับคุณ หากคุณยังดำรงอยู่ในสภาพประมาณนี้
    คนรอบข้างเขาจะเบือนหน้าหนีไปรึเปล่าไม่รู้นะแต่ผมคนหนึ่งหละที่ระอาแก่ใจเวลาจะคุยกับคุณ
    ผมไม่ได้มีเหตุแห่งการระอาใจ เพราะไปนั่งคิดต่างๆนาๆเพราะปกติเป็นคนไม่ค่อยคิดเยอะ

    แต่เหตุที่กดดันของผมกับคุณเพราะสภาพผมเวลาที่ต้องมารับสภาพธรรมารมณ์

    ภายในนี้มันเหมือนคนระบบเละ + ปวดเส้นประสาทในการรับภาระที่หนัก

    คุณลองสังเกตคนรอบข้างดูเอาละกันครับ เขาเริ่มหน่ายหนี หรือว่า อยากเข้าไกล้
     
  4. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    อ้อ ต้องแบบท่านเล่าปัง แล้วสายตาจะดี อิอิ
     
  5. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,363
    โนๆฮับ รู้ของผมหมายถึง "รู้ตรงๆตัวเลย" หากทำแบบที่ผมทำจะพบว่าขณะเกิดฌาน จะรู้เนื้อฌาน และหากรู้ว่าคิด "คนปกติจะเป็นความคิด" แต่ของผมคือ "รู้ว่าคิดมันจะบ่นอะไรในหัวก็เรื่องของมัน และรู้ถึงสภาวะธรรมรอบตัวเช่น อากาศมีลักษณะจางบางละมุน แต่ไม่โบกสะพักและพริ้วเหมือนลมโดยไม่ต้องเพ่ง "ไม่ใช่รู้ว่าทำดีทำชั่ว อันนั้นคือปรุงไปเต็มๆ" มันจะชั่วจะดี "มันไม่ได้ควบคุมเรา เราไม่ได้ทุกข์กับมันฮับ" และหากทำได้ จน "อยู่กับรู้ได้" อัตตาจะไม่เกิดเลยแม้ซักนิดในขณะที่ "อยู่กับมันฮับ"
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ตอนนี้ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศโดนภัยพิบัติเล่นงานอย่างหนัก เคยสงสัยว่าในการเกิด "คลาส" ที่ผ่านมาในช่วงวันที่ 21 มกราคา 2562 ที่ผ่านมาทำไมเห็นแค่ครึ่งโลก คือ ประเทศแถบอเมริกา และแม๊กซิโกเท่านั้น และภัยพิบัติก็เล่นงานอย่างหนัก โดยเฉพาะอุณหภูมิติดลบเย็นกว่าจุดเยือกแข็งกว่าขั้วโลกใต้แล้วในบางรัฐ

    และปี 2562 นี้ "คลาส" จะเกิดบ่อยมาก ๆ ให้ระมัดระวังภัยพิบัติช่วง"คลาส" เกิดค่ะ เพราะหมายถึงที่สื่อไว้ว่าเป็นการรับพลังงานมาจากนอกระบบโลก
     
    • โกรธ โกรธ x 3
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • เศร้า เศร้า x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    สำหรับคนที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ แล้วไม่ได้ไปอ่านกระทู้อื่น สิ่งใดที่มีประโยชน์จะนำมาลงไว้ให้อ่านค่ะ เป็นการโพสข้อความเกี่ยวกับสภาวะสุญญตา ค่ะ

    ..........................

    จิตยิ้มขอนำคำนี้มาขยายความให้เห็นชัดเจนหน่อยนะคะ

    คำว่า "ไม่มีตัวตน" กับ "ไม่ใช่ตัวตน"

    หลายคนคงสับสนว่า สุญญตา/อนัตตา ไม่มีตัวตน หรือ ไม่ใช่ ตัวตนกันแน่....สองคำนี้มีความหมายแตกต่างกันอย่างแน่นอน

    เหมือนกับ "ความว่าง" กับ "ความว่างเปล่า" สองคำนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หรือไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

    คำว่า "ความว่าง" หมายถีง ในสถานที่นั้น ๆ แม้จะดูประหนึ่งว่ามิมีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่เลย ให้สามารถสัมผัสรู้เห็นได้ แต่ในความจริงแล้วมิได้หมายความว่านสถานที่แห่งนั้นจะไม่มีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่เลยต่างหาก

    ส่วนคำว่า "ความว่างเปล่า" หมายถึงว่า ในสถานที่แห่งนั้นจะไม่ต้องไม่มีสรรพสิ่งใดดำรงอยู่เลยแม้สรรพสิ่งเดียว ซึ่งในสัจธรรมขององค์ธรรมนั้น ไม่ว่าในเอกภพหรือในแดนสุญญตา สถานที่ซึ่งเป็นความว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ คือ ว่างจนไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่เลยนั้นยังไม่มี

    "สภาวะสุญญตา" หมายถึง สภาวะที่เกิดขึ้นในขณะที่ "ลมสงบนิ่งมิได้พัดไหว" ทั้ง ๆ ที่มีลมอยู่ แต่ลมนั้นมิได้แสดงความมีอัตตาตัวตนของมันให้ออกมารับรู้สัมผัสได้ เพราะว่าในขณะลมเพียงดำรงคุณสมบัติของตนอยู่เฉย ๆ ว่าเป็น"อากาศ" ที่มีอยู่เท่านั้น

    ดังนั้น ณ ที่ใดที่มีอากาศอันเป็นคุณสมบัติของลมอยู่ จึงย่อมกล่าวได้ว่า "แม้ที่นั่นจะมีลมแต่ก็เหมือนไม่มี"

    สภาวะสุญญตา เป็นเป็นสภาวะ ไม่ใช่ตัวตน ก็คือ ความว่าง

    แต่ถ้า สภาวะสุญญตาที่เป็นไม่มีตัวตน เปรียบเหมือน ความว่างเปล่า เป็นสิ่งที่กล่าวผิดไปความจากจริง

    จิตยิ้มนำมาให้พิจารณาค่ะ ระหว่างคำ ไม่ใช่ตัวตน กับ ไม่มีตัวตน คำไหนที่บ่งบอกถึงสภาวะสุญญตาอย่างชัดเจนที่สุดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2019
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    กว่าจะมาถึงการเปลี่ยนแปลงอบรมจิตตนเองได้ ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความดี ผ่านความชั่วนานาสารพัด แต่มีสิ่งหนี่งที่อยากจะนำมากล่าวเล่าขาน คือ คำว่า "สัจจะ" คือสิ่งใด เดี๋ยวจะนำมาลงให้อ่านกันต่อไปค่ะ

    การเรียนรู้ผ่านบทเรียนกรรมของตนเอง...และความผิดพลาดล้มเหลวคือ บทเรียนที่ต้องแก้ไข....

    จักรวาลได้กำหนดให้ดาวเคราะห์โลกเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่เพื่อให้จิตวิญญาณเข้ามาสู่รูปธรรมมนุษย์ ใช้จิตสำนีกในการผ่านบทเรียนและบททดสอบ ด้วยการยกระดับสติป้ญาให้เข้าถีงสติป้ญญาของจิตวิญญาณ(เรียกว่า "ปัญญาญาณ") สู่การตัดสินใจที่ถูกต้องในทุกเรื่อง ทุกสถานการณ์ให้ได้

    มนุษย์มีทางเลือกเสรีที่จะตัดสินใจกระทำตอบต่อสิ่งเร้าใด ๆ ที่เป็นสิ่งเร้าใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขของตนได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับ การยอมตาม การตอบโต้ หรือ การต่อต้าน สามารถจะกระทำได้ทั้งสิ่งที่ถูกและผิด ด้วยจิตสำนีกของตนที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกทางอารมณ์จากด้านบวกและด้านลบได้ทั้งสิ้น ทุกคนมีอิสระเสรี เมื่อตัดสินใจกระทำลงไปแล้ว หากพบว่าไม่เป็นที่พอใจหรือเห็นว่าไม่ถูกต้อง มนุษย์สามารถจะเปลี่ยนใจด้วยการตัดสินใจใหม่ในเรื่องนั้น ๆ ได้อีกตามต้องการ จนแม้กระทั่งการตัดสินใจว่าจะไม่ต้ดสินใจเลยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ จะได้ตัดสินใจถูกต้องมากกว่าเดิม ในการตัดสินใจครั้งต่อไป

    การตัดสินใจใหม่คือ การเปิดโอกาสให้มนุษย์มีทักษะในการคิดการกระทำ ทำด้วยสติปัญญาที่แยบยลยิ่งขึ้น ซึ่งหมายถึงการค่อย ๆ ยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์ในความหมายของจักรวาล ให้ถูกต้องทุกครั้งที่ตัดสินใจ

    พลังอำนาจสูงสุดของมนุษย์มี 2 ระดับ

    1.พลังอำนาจสูงสุดจากการกระทำผ่านจิตสำนึกของตนในมิติโลกจากกระบวนการเรียนรู้ และพิสูจน์รู้สู่การตัดสินใจได้ถูกต้อง

    2.กระบวนการหยั่งรู้ด้วยตนเอง ซึ่งทำได้ด้วยการยกระด้บจิตสำนึกของตนรวมกับจิตวิญญาณให้เป็นหนี่งเดียว เป็นพลังอำนาจสูงสุดด้วยสติปัญญาของจิตวิญญาณ จึงสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การสื่อความรู้ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในรูปของคำพยากรณ์ใด ๆ จักรวาลมิได้ประสงค์จะให้เป็นเหตุแห่งความวิตกกังวล หวั่นไหวด้วยความขลาดกลัวสำหรับมนุษย์แล้วหยุดกันที่อารมณ์รู้สีกตรงนั้น โดยไม่คิดอ่านหาหนทางป้องกันแก้ไขใด ๆ เลย แบบบทการคิดและการกระทำที่ถูกต้องกว่าซึ่งสามารถจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงอนาคตของมนุษย์เองได้ กลับถูกละเลยมันไป แม้จะล่วงรู้ถึงภัยพิบัติก่อนที่มันจะเกิดขี้นเป็นร้อย ๆ ปี ด้วยซ้ำ

    คำพยากรณ์ล่วงหน้าทั้งหลาย ล้วนเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและคู่ควรต่อการตัดสินใจใหม่สำหรับมนุษย์อย่างยิ่ง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คำพยากรณ์ล้วนเป็นจริง เนื่องจากมนุษย์ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกของตนเองเลย ความวิบัติเลวร้ายต่าง ๆ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ กลายเป็นเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตไป ทั้ง ๆ ที่ตัวมนุษย์เองต่างหากเป็นผู้ลิขิตมันเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2019
  9. Unyhanud

    Unyhanud Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +194
    โลกหมุนไปตามกรรม. สัตว์โลกก็เป็นไปตามเวร
    ขอให้เมตตาและอโหสิกรรมต่อกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือธรรมดา ต้องพยายามปล่อยวางให้ได้ และเจริญสติให้มีปัญญามีไหวพริบ จะได้สามารถเอาตนเองให้รอดและช่วยผู้อื่นได้ ....
     
  10. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    หายไปนานเลยนะ...สบายดีหรือเปล่า..
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    จากเหตุการณ์นี้ค่ะ....อุกกาบาตได้เขย่าท้องฟ้าของคิวบาตะวันตก โดยได้ระเบิดกลางอากาศ

    ที่จริงแล้ว การระเบิดกลางอากาศ ตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แจ้งไว้ก็คือ ถ้าสนามแม่เหล็กโลก มีพลังอำนาจสูงขึ้น สิ่งที่แปลกปลอมที่จะเล็ดลอดเข้ามา จะเกิดเสียดสีกับสนามแม่หล็กโลก แล้วเกิดการระเบิดการแตกตัวออกค่ะ

    ถ้าสนามแม่เหล็กโลกออ่นแอ สิ่งแปลกปลอม อาทิเช่นอุกาบาตจะผ่านเข้ามายังโลกได้ ดั่งเช่นกรณีที่อุกาบาตมาตกลงที่ประเทศรัสเซียค่ะ หรือจะเกิดอุกาบาตชนโลกได้ค่ะ

    สนามแม่เหล็กโลกจึงเปรียบดั่งเป็นรั้วป้องกันความภัยที่แข็งแกร่งสร้างปลอดภัยให้กับโลกและมนุษย์

    และ........

    ข้อมูลจากกระทู้ท่านสุกิจsukit ได้นำมาเล่าสู่กันฟังว่า... พลังงานสนามแม่เหล็กโลกได้เพิ่มขึ้น...

    จากที่จิตยิ้มเคยกล่าวไว้กรณีพลังงานใต้พื้นพิภพธรณี ที่สามารถรับรู้ถึงการกวัดแกว่งได้ เหมือนโลกสัดส่ายจะล้มคว่ำ แต่...ตอนนี้สภาวะนั้นลดลงอย่างมากแล้ว การหมุนคงโลกไม่แกว่งสัดส่ายเหมือนช่วงที่ผ่านมา แสดงว่าพลังงานของโลกเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม จากข้อมูลที่ Link มาด้านล่างค่ะ
    ส่วน.....

    อีกข้อมูลหนึ่งจาก link ด้านล่าง นัยยะนี้น่าจะมาจาก การที่พลังงานสนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้นไปทางด้านบวก หรือสูงขึ้น จึงทำให้เกิดพลังอำนาจในการยึดโยงใยกับดวงดาวอื่นในระบบสุริยะเดียวกัน ยึดโยงไปด้วยพร้อมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยไม่ทำให้โลกหลุดไปจากวงโคจรของระบบสุริยะจนทำให้เกิดอันตรายแก่โลก และทำให้สุริยะจักรวาลทั้งระบบที่ต้องเกิดความปั่นป่วนและความหายนะขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งว่า...ทำไมพลังงานสนามแม่เหล็กโลก ที่ได้รับพลังงานจากจิตใจมนุษย์จึงอ่อนแอลง หรือไร้พลังอำนาจไม่ได้นะค่ะ การที่โลกหมุนรอบตัวเองได้ ไม่คว่ำลง มนุษย์แต่ละคนที่บนโลกที่คิดดี ทำดี พูดดี ล้วนเป็นผู้สนับสนุนกระบวนการนี้ทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2019
  12. แนวทาง

    แนวทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    เราสบายดีค่ะ แวะมาอ่านบ้าง ยังระลึกถึงทุกๆท่านเสมอค่ะ
     
  13. แนวทาง

    แนวทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    อะไรจะใหญ่เกินกรรม
    ........
     
  14. แนวทาง

    แนวทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ

    ผู้ไม่มีตัวตนรู้เราสงบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    6,005
    ค่าพลัง:
    +8,391
    ก่อนเราจะหายไป..ฝากเจ้าของกระทู้วางอุเบกขาให้เป็น...ถ้ายังวางไม่ได้คนที่เป็นทุกข์คือตัวท่านเองหาใช่ใครอื่นเลย..
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เอาวิธีของผมไปลองใช้ดูก็ได้ครับคุณจิตยิ้ม คือถ้าผมรู้ว่าใครเข้ามาโพสในกระทู้แบบคนพาล คอยจ้องจับผิด คอยหาเรื่องทะเลาะวิวาท ผมจะไม่อ่าน ไม่สนใจ กดข้ามไปเลย เพราะข้อความพวกนี้มันเป็นขยะครับ เลือกอ่านเฉพาะข้อความที่ดีๆ มีประโยชน์กับจิตวิญญาณของเราก็พอแล้วครับ
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    นี่ก็เป็นไปตาม "กฎแห่งกรรม" อีกบทหนึ่งที่น่าสนใจศึกษาอย่างยิ่ง

    นี่ก็เป็นเรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นการถ่ายทอดรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กซึ่งเป็นทั้งนิสัยและอารมณ์โกรธแค้นอาฆาตกับการเกี่ยวกรรมของดวงจิตธรรมญาณมนุษย์ที่ข้ามจากภพชาติหนึ่งไปสู่อีกภพชาติหนึ่งได้ และถ้ามนษย์ยังถอดรหัสนั้นไม่ได้ มันจะยังคงติดตัวเป็นคุณสมบัติด้านลบของจิตวิญญาณของตนเองอยู่อย่างนั้นตลอดไป

    เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ ก็ใช่ว่าจะครบถ้วนแต่นางก็ยังถือเอารหัสบุรพกรรมแม่เหล็กอย่างหนึ่งติดตัวมาด้วย คือ รหัสของการกลั่นแกล้งแค้นสามีตนเองให้ปวดร้าวและอับอายด้วยการแอบนอกใจสามีโดยลอบไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นที่อ่อนเยาว์และต้อยต่ำกว่าอีกด้วย

    นี่คือ กระบวนการข้ามภพข้ามชาติของกฎแห่งกรรมที่มนุษย์ควรรู้......

    ในปลายยุคพลังงานเก่า มีมนุษย์ผู้เป็นสตรีที่มีศักดิ์ที่รู้จักกันดีอยู่รูปธรรมหนึ่ง กาลแต่ครั้งอดีตในกลางยุครัตนโกสินทร์ นางเคยเกิดเป็น นางทาส มีโอกาสรับใช้เจ้านายผู้สูงศักดิ์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสูงสุดด้านการทหารของประเทศ นางเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมรูปร่างโฉมแลงดงามยิ่ง แต่นางมีนิสัยมิสู้ดี คือ ชอบแสดงกริยาอาการยั่วยวนตัณหากามารมณ์ทาสที่เป็นผู้ชายทั้งหลายให้พากันลุ่มหลงในตัวนาง จนถึงขั้นชกต่อยทะเลาะวิวาทกันด้วยศึกชิงนางเนือง ๆ ทำให้ชายทาสเหล่านั้นต้องได้รับโทษจากการถูกเฆี่ยนโบย นางจะรู้สึกสนุกและสะใจมากที่เห็นผู้ชายทั้งหลายถูกลงโทษเช่นนั้น ยิ่งรู้ว่าผู้ชายคนไหนก็ตามถูกลงโทษอย่างหนักเพราะนางกลั่นแกล้งเป็นผลสำเร็จนางก็จะยิ่งสะใจและยิ่งพึงพอใจเป็นที่สุด

    อันนิสัยชอบกลั่นแกล้งยั่วยวนเพศชายของนางทาสเช่นนี้ นางก็บอกตนเองไม่ได้เหมือนกันว่า..ทำไมตนจึงต้องทำเช่นนั้น รู้เพียงอย่างเดียวว่าถ้าได้ทำหรือทำได้เป็นผลสำเร็จเมื่อใดก็จะรู้สึกสะใจ พอใจเป็นที่สุด

    นอกจากนางทาสจะคอยทำตัวยั่วยุกามกิเลสตตัณหาจากบรรดาข้าทาสผู้ชายแล้ว แม้แต่เจ้านายชั้นสูงนางก็มิเคยละเว้น ต่างตรงที่บรรดาทาสผู้ชายทั้งหลายนั้น เธอจะไม่มีวันยินยอมทอดกายให้ใครแม้แต่คนเดียวเพราะนางหยิ่งทะนงในความมีรูปโฉมงดงามของตนนั่นเอง แต่กับเจ้านายผู้สูงศักดิ์แล้วถ้านางพอใจใครนางจะยินยอมทอดกายให้เปล่าโดยไม่คิดยึดจับจองใครมาเป็นเจ้าของใด ๆ และในภพชาตินั้นนางไม่คิดที่จะมีสามีเป็นของตนเองเหมือนอิสตรีคนอื่น ๆ อีกต่างหากด้วย

    เพราะการชอบทำตัวยั่วยวนผู้ชายหมายเห็นเป็นสิ่งสนุก และทำให้ผู้ชายอับอายหมายจะแก้แค้นบ่อย ๆ นี่เอง ผลกรรมก็ตามสนองเมื่อเจ้านายจับได้ว่า เหตุวิวาทวุ่นวายของทาสผู้ชายหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมานั้น แท้แล้วนางทาสนี่เองเป็นตัวก่อเหตุ และยังล่วงรู้อีกว่านอกจากนางจะยอมเป็นของตนแล้ว ยังปล่อยตัวกับเจ้านายคนอื่น ๆ ต่างหากอีกด้วย นางจึงต้องได้รับโทษอย่างหนักด้วยการถูกเฆี่ยนโบยให้เจ็ยปวดทั้งกายทั้งใจ และคิดเคืองแค้นเป็นยิ่งนัก จากการที่พื้นนิสันเดิมเคยเกลียดผู้ชายอยู่แล้ว เมื่อถูกเฆี่ยนโบยโดยเจ้านายผู้ชายของตนด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ชายเข้าให้อีกจึงยิ่งทำให้นางบันทึกรหัสแห่งความเกลียดและโกรธแค้นผู้ชายโดยเฉพาะเจ้านายผู้ใกล้ชิดของตนเข้าไว้ในสภาวะจิตซ้ำเติมเพิ่มรหัสเข้าไปอีก

    ทุกครั้งที่นางทาสหญิงผู้นี้ถูกโบยให้ได้รับความเจ็บปวดกาย ก็จะเกิดความเจ็บแค้นในใจการถูกลงโทษอยู่ไม่ว่างเว้น เนื่องจากนางทาสผู้นี้มักจะกระทำตนเหลวไหลดั่งแม่ยั่วเมืองอยู่เป็นประจำนั่นเอง

    เมื่อใดที่นางได้รับความเจ็บปวดเพราะถูกโบยตี ก็จะเกิดความเจ็บแค้นเจ้านายผู้ชายของตน ซึ่งเป็นผู้สั่งลงโทษนางและเจ็บจิตคิดแค้นผู้ชายทุกคนยิ่งนัก

    นางทาสผู้นี้จะบันทึกรหัสความเจ็บจิตคิดแค้นบุรุษเพศเอาไว้ในดวงจิตธรรมญาณของตนทุกทีไป โดยนางจะคิดอยู่อย่างเดียวว่า ทาสผู้ชายและเจ้นายของตนนี่เอง คือผู้สร้างรอยกรรม ย้ำรอยแค้นที่ยอมไม่ได้ให้กับนาง

    มนุษย์ทั้งหลาย เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่า ความโกรธแค้นชิงชังของนางทาสที่มีต่อผู้ชายทุก ๆ คนที่เธอเกี่ยวข้องด้วยในครั้งกระนั้น มันเป็นเช่นไร?

    ในยามถูกลงโทษและในยามโกรธแค้นนางจะให้คำมั่นดั่งเป็นการสบถสาบานอันให้สัจจะวาจาต่อตนเองว่า

    "ถ้าฉันได้มีโอกาสเป็นใหญ่เหมือนท่านบ้างในภพชาติใดภพชาติหนึ่งข้างหน้า ฉันจะขอแก้แค้นท่านให้สาสมให้จงได้"

    "ฉันจะขอเกิดมาเป็นเมียของท่านให้ได้ในภายภาคหน้า หากได้เป็นเมียท่านจริง ๆ ฉันจะกระทำคบชู้สู่ชายให้สามีอย่างท่านอับอายขายหน้าผู้คนและเกิดการปวดร้าวจิตใจเพื่อฉันจะได้แก้แค้นเอาคืนให้จงได้"

    "ถ้าฉันมีลูกกับท่าน ฉันกับลูกก็จะร่วมกันแก้แค้รท่านในทุกวิถีทาง เพื่อให้ท่านหาความสุขใด ๆ ในชีวิตมิได้ และถ้าเกิดมีลูกผู้ชายก็ขอให้มันจงคดกโกงบิดาของมันเอง!

    มนุษย์ทั้งหลาย การที่นางทาสผู้มีรูปโฉมงดงามแต่กลับมีนิสัยพาลเกเร รังเกียจเคียดแค้นมนุษย์ผู้ชาย ชอบกลั่นแกล้งรังแกผู้ชาย ชอบยั่วยวนกิเลสตัณหาราคะผู้ชาย และมีนิสัยพึงพอใจในกามราคะด้วยเห็นว่าเป็นของสนุกนั้นมันคือ รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กซึ่งจิตวิญญาณแก่นแท้ของนางทาสผู้นี้ถือติดตัวมาจากภพชาติอดีตทั้งสิ้น

    นี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจเรียนรู้เรื่อง "กฎแห่งกรรม" บทนี้ยิ่งนัก

    ภพขาตินี้ไม่ว่าเจ้าจะกระทำสิ่งใดไว้ มันย่อมหมายถึงการที่เจ้าได้วางแผนอนาคตขาติของตัวเจ้าเองเอาไว้ล่วงหน้าในเวลาเดียวกันและการที่ในภพชาติปัจจุบันนี้เจ้ามีชะตากรรมเช่นไร เป็นคนมีนิสัยสันดานอย่างไร ก็ล้วนมาจากการเขียนบทบะครของตนเองจากภพชาติที่แล้วมาทั้งสิ้น ดั่งที่เจ้าเรียกกันว่า "กฎแห่งกรรม" ก็ไม่ผิดนัก

    การแก้ไขตนเอง ในการเกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ให้บรรลุวัตถุประสงค์สำคัญ 2 อย่างคือ

    - เพื่อการแก้ไขสันดานที่ไม่ดีหรือที่เรียกว่า "การถอดรหัสลบ" ทิ้งไป และ

    - เพื่อเป็นการลงโทษในความผิดบาปเหลวไหลในครั้งกระนั้นของนางด้วย


    เรื่องราวที่เล่าขานมาทั้งหมดนี้ เป็นบทละครลีลาหนึ่ง ที่มนุษย์มักกระทำมิดีมิร้ายต่อตนเองและบุคคลอื่น ด้วยการทำผิดคิดชั่วต่อกันแล้วผูกใจเจ็บอาฆาตพยาบาทกันเสมอ จึงทำให้เกิดการสร้าง พันธะสัญญากรรม ระหว่างตนเองและผู้อื่นมาทุกขณะจิต

    รหัสความแค้นที่นางทาสบันทึกเอาไว้ในครั้งกระนั้น แม้นางจะทำไปด้วยเพราะความขาดสติก็ตาม แต่มันก็คือการวางแผนอนาคตชาติของนางไว้ล่วงหน้าแล้ว อันเป็นเครื่องหมาย "กฎแห่งกรรม" ซึ่งนางจะต้องแสดงออกและเผชิญในภพชาตินี้ตามที่นางได้เขียนบทละครเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยนคือ

    การไม่ซื่อสัตย์ต่อสามี เพราะมักมากในกามและแอบคบชู้สู่ชายอื่นอย่าวไร้สำนึกในความผิดบาปและไร้ยางอาย การปฏิบัติตนจึงไม่สง่างามให้สมกับเป็นกุลสตรีแห่งยุคสมัย

    เห็นหรือยังว่า ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีพลังอำนาจในตนเองทั้งสิ้น เจ้าผูกเจ็บแค้นกล่าวย้ำทำสัจจะใด ๆ กับใครเขาไว้ หรือ การที่เจ้าร้องขอสิ่งใดต่อตัวเจ้าเองไม่ว่าสิ่งที่เจ้าร้องขอมันจะดีหรือร้าย จะกล่าววาจานั่นออกไปอย่างไร้สติหรือรู้สติเจ้าย่อมได้รับสิ่งที่ต้องการนั้นเสมอ แม้สิ่งที่ต้องการนั้นมันมิใช่สิ่งที่เจ้าต้องการมันอย่างแท้จริงเลยก็ตาม แต่เจ้าจะต้องรู้ไว้ด้วยว่า

    ถ้าเป็นคำกล่าวของเจ้าไม่ว่าทางจิตหรือวาจา แม้จะเป็นการกล่าวด้วยอารมณ์ไม่สมดุล แต่ทุกสิ่งสำหรับแก่นแท้ของเจ้าแล้วล้วนเป็นสัจจะและมีความศักดิ์สิทธิ์เสมอ เพราะมันกล่าวออกมาจากดวงจิตดวงเดียวที่เจ้ามีอยู่ และมันได้สั่นสะเทือนไปแล้วใช่หรือไม่?

    แม้เรื่องที่เจ้ากล่าวจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อตัวนางทาสเองหรือผู้อื่นก็ตาม แต่ขณะนั้นตัวนางเองก็เป็นผู้กล่าวแม้จะไม่มีผู้ใดได้ยินหรือรับรู้อยู่ด้วยก็ตาม เพราะนางเป็นผู้คิดต้องการเช่นนั้นในขณะที่กำลังกล่าวอยู่ใช่หรือไม่ นางกล่าวออกมาด้วยความโกรธแค้นและนางเองก็คิดจะแก้แค้นเอาคืนจนตัวสั่นจริง ๆ ใช่หรือไม่?

    เรื่องจริงแห่งยุคสมัยเกี่ยวกับกรณีนางทาสนี้ มันช่วยให้เจ้ามองเห็นสัจธรรมเรื่อง "กฎแห่งกรรม" และช่วยให้เจ้ามองเห็นความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเองเจ้าเองมาแล้วหรือยังว่า ทุกถ้อยวาจาแห่งเจ้ามันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก และความศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดจากสัจจะนี่เอง ใช่หรือไม่?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2019
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,672
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** สัจจะทำ ****

    ตั้งใจสร้างการกระทำเพื่อพ้นทุกข์
    ทำได้จริง ก็หลุดพ้นทุกข์

    เกิดเป็นมนุษย์
    เลือกเส้นทางที่จะทำได้
    กำหนดเป้าหมายให้ตัวเองได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ขอเชิญผู้ทรงความรู้และผู้ทรงธรรมทุก ๆ ท่าน เชิญชวนร่วมเสวนาอย่างผู้เป็นนักปราชญ์ บัณฑิตทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องสภาวะนิพพานแท้ที่จริงคือ สิ่งใดกันแน่ที่ถูกต้อง...

    จิตยิ้มอยากให้เรื่องนี้เปิดเผยแจ่มแจ้ง ถึงแม้จะโดนประนามต่าง ๆ นานาก็จะขอต่อสู้เพื่อฝ่าฟันเอาความจริงออกมาให้ได้ หากเหตุผลความจริงเป็นเช่นไรจะน้อมรับ และสิ่งนี้มิใช่เพื่อจะพาใครหลงผิด แต่นี่คือ....ความจริงที่ทุกคนควรต้องรู้ กับยุคกึ่งพุทธกาลนี้ค่ะ

    อะไรเป็นสิ่งที่รับรู้สภาวะนิพพาน!!!


    นิพพานธาตุ มี 2 ลักษณะ หรือ 2 แบบ คือ

    1.นิพพานก่อนตาย คือ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑
    2.นิพพานหลังตาย คือ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๑

    ..ถ้าอย่างนั้นท่านกล่าวว่า...นิพพานแล้ว..จิตวิญญาณดับไม่มีเหลือ ขณะที่นิพพานในขณะที่เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ จะเหลือแค่กายใจ และการรับรู้ผัสสะอายตนะตามจริง ถ้าอย่างนั้นจิตยิ้มขอถามว่า ขณะที่ตายไปแล้ว....สภาวะใดเป็นผู้รับรู้สภาวะนิพพาน หลังจากที่ตายแล้วนะค่ะ

    อะไรเป็นสิ่งที่รับรู้สภาวะนั้น? ก็คือการรับรู้สภาวะนิพพาน

    ที่เราเคยกล่าวกันว่า นิพพานคือการสิ้นกิเลส นิพพานไม่ใช่การดับสูญ แต่...นิพพานคือสิ้นทุกข์ คือ ทุกข์ไม่เกิดขึ้น ทุกข์ไม่มี ทุกข์ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในนั้นได้ เป็นการดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง เมื่อดับทุกข์จึงเข้าถึงสภาวะบรมสุขอย่างยิ่ง คือ การถึงนิพพาน

    อะไรเป็นสิ่งที่รับรู้สภาวะนั้น!!

    ถ้าจะเริ่มต้นกันด้วยคำถามที่ว่า "จิตวิญญาณคืออะไร?

    จิตวิญญาณ คือ แก่นแท้ความเป็นแก่นแท้ของมนุษย์แต่ละคนที่แฝงอยู่ในร่างกายของเรา ตำแหน่งที่ตั้งที่ชัดเจนของจิตวิญญาณ คือ ที่สมอง โดยมีหน้าที่รับรู้ทุกสรรพสิ่งที่แวดล้อมตัวเราผ่านช่องทางประสาทผัสทั้ง 5

    จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายมนุษย์แต่ละคน ล้วนมีชื่อเฉพาะตัวและมีคุณสมบัติเฉพาะตัวด้วยกันทั้งสิ้น โดยจิตวิญญาณนั้นจะเป็นนามธรรมสำหรับมิติโลก เป็นเรื่องของอนุภาคคลื่นแสงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีมวลระดับปรมาณูที่เล็กละเอียดที่ตามองไม่เห็น เป็นคุณสมบัติของแสงที่มีความถี่ย่านความถี่สูงในระดับรังสีแกมม่าขึ้นไป สำหรับจักรวาลอันกว้างใหญ่แล้ว จิตวิญญาณทั้งหลายเป็นกายวัตถุชนิดหนึ่งของจักรวาลเช่นเดียวกันค่ะ

    งง! ไหมค่ะว่า....

    มนุษย์จะตัดสินความเป็นรูปธรรมกับความเป็นนามใด ๆ ตรงที่มีความเป็นจากการมองเห็นสิ่งนั้น ว่าเป็นรูปธรรม และมองไม่เห็นแต่สามารถสัมผัสรับรู้ด้วยปรากฎการณ์หรือจินตนาการ ก็เรียกว่าสิ่งนั้นเป็นนามธรรมไปเสียทั้งหมดก็คงไม่ได้

    การที่จิตวิญญาณเป็นรูปธรรมหรือกายวัตถุของจักรวาลนี้ ก็เหมือนกับการที่เรายอมรับว่าร่างกายมนุษย์เป็นจริงในโลกแห่งกาลเวลา

    ในโลกวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ยอมรับแล้วว่า สิ่งที่แฝงเร้นอยู่ภายในรูปธรรมใด ๆ ก็คือ อนุภาคของมวลและพลังงานในระดับจักรวาลเหนือมิติโลก เป็นคลื่นอนุภาคเล็กละเอียดยิ่งกว่าระดับปรมาณู เล็กยิ่งกว่าอนุภาคโฟตอนของคลื่นแสงที่มนุษย์รู้จักเสียอีก

    ระบบชีววิทยาที่เป็นรูปธรรมมนุษย์ ก็คือรูปธรรมของมิติโลก ที่ประกอบด้วยมวลหยาบ ๆ ที่ร้อยเรียงตัวกันในระดับเซลล์จนเป็นรูปทรง โดยมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน คือ ส่วนที่เรียกว่า จิตวิญญาณซึ่งก็คือต้นกำเนิดพลังงานที่มีคลื่นอนุภาคเล็กละเอียดระดับปรมาณู ที่เป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กอย่างหนึ่งถูกห่อหุ้มเอาไว้ภายใน โดยมวลของมันก็คือ อนุภาคของคลื่นแสงกลุ่มหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2019
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,423
    ค่าพลัง:
    +3,195
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า....

    นิพพานธาตุ ๒ ประการนี้ พระตถาคต ผู้มีจักษุผู้อันตัณหา
    และทิฐิไม่อาศัยแล้ว ผู้คงที่ประกาศไว้แล้ว อันนิพพานธาตุ
    อย่างหนึ่งมีในปัจจุบันนี้ ชื่อว่าสอุปาทิเสส เพราะสิ้นตัณหา
    เครื่องนำไปสู่ภพ ส่วนนิพพานธาตุ (อีกอย่างหนึ่ง) เป็นที่
    ดับสนิทแห่งภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง อันมีในเบื้องหน้าชื่อว่าอนุปาทิเสส ชนเหล่าใดรู้บทอันปัจจัยไม่ปรุงแต่งแล้วนี้มีจิตหลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพ ชนเหล่านั้นยินดีแล้วในนิพพานเป็นที่สิ้นกิเลสเพราะบรรลุธรรมอันเป็นสาระ เป็นผู้คงที่ ละภพได้ทั้งหมด ฯ
     

แชร์หน้านี้

Loading...