เตือนเรื่อง โรคระบาด !!!!!!!!!!!! - โรคที่อาจมาหลังน้ำท่วม

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พบโรคระบาดที่มากับน้ำหลายโรค หลังน้ำท่วมหนักที่ชัยภูมิ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 กันยายน 2550 13:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> หลังประสบปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา เกิดโรคระบาดที่มากับน้ำขึ้นในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก โรคไข้ฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง และที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้มีประชาชนออกไปจับปลา และเล่นน้ำในแม่น้ำจำนวนมาก ทำให้เกิดการระบาดมากยิ่งขึ้น ขณะนี้มีประชาชนป่วย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วเกือบ 20 ราย แต่ยังไม่พบผู้เสียชีวิต
จากรายงานพบว่าในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 1,500 ราย และในแต่ละวันมีผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ น้ำกัดเท้า โรคตาแดง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลต่างๆ ในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ชาวนราฯตื่น ‘ลูกยุงยักษ์’ วอน จนท.เร่งตรวจสอบหวั่นเป็นพาหะนำโรค</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 กันยายน 2550 12:04 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> นราธิวาส – ชาวบ้านในนราธิวาสตื่นตระหนกหลังพบลูกน้ำที่โตแล้วกลายเป็นยุงขนาดใหญ่ วอนภาครัฐเข้ามาตรวจสอบ กลัวเป็นพาหะนำโรคเข้าในพื้นที่

นายทรงศักดิ์ งามศิริ อายุ 53 ปี ประกอบอาชีพประมงในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นำสื่อมวลชนในพื้นที่เข้าตรวจสอบลูกน้ำของยุงชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกน้ำทั่วไป ซึ่งนายทรงศักดิ์ พบเห็นในพาชนะที่มีน้ำขังบริเวณบ้านพักซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโคกเคียน เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และได้นำมาใส่ในพาชนะใสเพื่อคอยสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลง ซึ่งขนาดของลูกน้ำใหญ่กว่าลูกน้ำยุงทั่วไปกว่า 3 เท่า มีสีดำเข้ม หัวโต และใช้เวลาจากการเป็นไข่ ลูกน้ำ แล้วเป็นตัวยุงไม่นานเหมือนลูกยุงทั่วไป

เมื่อกลายเป็นยุงแล้วจะมีลำตัวยาวถึงครึ่งนิ้ว เห็นได้ถึงความแตกต่างกับยุงทั่วไป โดยนายทรงศักดิ์เคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงปีที่แล้วหลังจากมีพายุเข้ามาในพื้นที่ และในปีนี้ก็พบเห็นอีก จึงอยากวอนภาครัฐให้เข้ามาตรวจสอบ เพราะยุงเหล่านี้อาจจะนำพาหะของโรคร้ายเข้ามาในพื้นที่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะโรคแปลกๆ ที่มาจากสัตว์

นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกด้วยว่า สิ่งที่ตนพบเห็นถือว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเมื่อเป็นยุงแล้วมันน่ากลัวมากๆ หากมันเป็นพาหะลูกหลานละแวกใกล้เคียง หรือผู้สูงอายุอาจจะเป็นโรคได้ อีกทั้งลูกยุงประเภทนี้ไม่ค่อยจะได้พบเห็นทั่วไป ซึ่งเชื่อว่ามันไม่น่าจะเป็นยุงธรรมดา จึงอยากให้มีการตรวจสอบเพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

หลังจากน้ำท่วมนานๆ น้ำขังนานๆ มันจะมีโรคระบาดตามมากันเยอะ ต้องระวังกันหน่อย

 

<table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">'หมอประเสริฐ' จี้รัฐรับมือโรคระบาดจากภาวะโลกร้อน
</td> </tr> <tr> <td valign="top">3 กันยายน พ.ศ. 2550 17:38:00

</td> </tr> <tr> <td valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"><table align="left" bgcolor="#ffffdd" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="180"><tbody><tr><td class="difcursor" align="center" valign="top" width="180"> </td></tr></tbody></table> ผู้เชี่ยวชาญไวรัสวิทยาระบุ "ไข้เลือดออก" รุนแรงกว่าทุกปี ส่งผลมีผู้ป่วย-เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ชี้ "โลกร้อน" ส่งผลเชื้อไข้เลือดออก-เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ แนะทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และหาทางป้องกันกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา และที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไข้เลือดออกของประเทศไทยในปีนี้ว่า เป็นปีที่มีการระบาด และสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง
ทั้งนี้ พบว่าในปีนี้มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มจำนวนขึ้นกว่าทุกปี แต่ทุกฝ่ายกลับละเลย และไม่ให้ความสำคัญต่ออัตราการเสียชีวิตที่สูงในขณะนี้ ศ.นพ.ประเสริฐ กล่าวว่า สาเหตุที่จำนวนตัวเลขของผู้ป่วย และเสียชีวิตจากเชื้อไข้เลือดออกสูงขึ้น เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการระบาดของไข้เลือดออกสูง ประกอบกับสภาวะอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ทำให้วงจรชีวิตของยุงมีการเปลี่ยนแปลง และขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม แม้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้วงจรชีวิตของยุงสั้นลง แต่กลับไม่ได้ส่งผลให้การระบาดลดลง เนื่องจากเชื้อไวรัสซึ่งอยู่ในตัวยุงมีการเจริญเติบโตและสามารถแพร่กระจายได้เร็วเช่นกันพร้อมกันนี้ ยังสามารถถ่ายทอดเชื้อไปยังไข่ของยุงได้ ทำให้ยุงที่เกิดมาใหม่มีเชื้อไวรัส ดังนั้น หากทุกฝ่ายยังนิ่งนอนใจ คาดว่าในอนาคตประชากรโลกจะต้องเผชิญกับสภาวะการระบาดใหญ่ และเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสรวมทั้งไข้เลือดออกอย่างแน่นอน “ผลจากการที่โลกร้อนขึ้น ทำให้เชื้อไข้เลือดออกและเชื้อไวรัสต่างๆ เช่นไข้หวัดนก มาลาเรีย มีการกลายพันธุ์ และคาดว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตามแม้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานสรุปที่ชัดเจนว่าสภาวะโลกร้อนทำให้เชื้อไวรัสต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด แต่หากเรายังไม่มีการป้องกันที่ดี รวมทั้งไม่ช่วยกันหยุดอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงมากขึ้น จะไม่สามารถรับมือกับการระบาดใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน" ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้เลือดออกของประเทศไทยในปี 2550 (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-25 ส.ค.) มีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 38,316 ราย เสียชีวิต 42 ราย โดยภาคกลางมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดถึง 20 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตในปีนี้ สูงขึ้นกว่าปี 2549 ที่มียอดผู้ป่วยอยู่ที่ 28,762 เสียชีวิต 36 ราย อีกทั้งจำนวนของผู้เสียชีวิตยังใกล้เคียงกับปี 2548 ซึ่งมีการระบาดและมียอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 49 ราย ซึ่งสอดคล้ององค์การอนามัยโลกออกมาเตือนว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับสภาวะการระบาดของโรคไข้เลือดออกในรอบ 10 ปี


http://www.bangkokbiznews.com







</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

เอดส์รายใหม่ทะลักกว่า 1.7 หมื่นคน วัยรุ่นครองแชมป์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">5 กันยายน 2550 12:23 น.</td></tr></tbody></table>
สปสช.เผยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในไทยยังน่าห่วง ปี 48 ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งกว่า 1.7 หมื่นคน โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมทางเพศเสี่ยงและใช้ยาเสพติด ขณะที่ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อกว่า 1 ล้านคน หวั่นการป้องกันไม่เข้มแข็งจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่ม สปสช.ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาทจับมือกรมประชาสัมพันธ์หวังสร้างกระแสการป้องกัน ด้าน"หมอมงคล" มั่นใจโยกคุมเอดส์ขึ้นกับสวรส.ทำให้คุมเอดส์อยู่หมัดสั่ง ปรับลดบทบาทกรมควบคุมโรคเน้นงานวิชาการเชิงลึก วิจัยและพัฒนา เฝ้าระวัง

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคเอดส์ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ยังมิอาจวางใจได้ องค์การอนามัยโลกประมาณการว่า ทั่วโลกมีประชากรที่ติดเชื้อเอชไอวีไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา สำหรับประเทศไทยยังคงมีการระบาดของเชื้อเอชไอวีอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้มีมากกว่าครึ่งได้เสียชีวิตแล้ว อีกกว่า 5 แสนคนยังมีชีวิตอยู่ โดยผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นผู้ป่วยและยังมีอาการหรืออยู่ในระหว่างได้รับยาต้านไวรัสมีจำนวน 1 แสนคน ที่เหลืออีก 4 แสนคน เป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ แต่ก็รอเวลารับยาต้านไวรัสในอนาคต คาดว่าในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยเอดส์ที่มีความจำเป็นต้องได้รับยาเพิ่มขึ้นปีละกว่า 2 หมื่นราย

“ก่อนหน้านี้ประเทศไทยสามารถชะลอการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ได้ดีพอสมควรจนได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก และสามารถจัดระบบริการดูแลรักษาพยาบาล ทำให้ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัสได้มากขึ้น แต่ขณะนี้เรายังคงมีความเสี่ยงของการมีอัตราเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้น ในปี 2548 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังมีจำนวนถึง 17,000 คนโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศและการใช้ยาเสพติด หากไม่จัดการกับปัญหานี้โดยเร็ว อนาคตประเทศชาติก็จะอ่อนแอ และต้องแบกรับภาระด้านงบประมาณรักษาพยาบาลอย่างมาก”รองเลขาธิการฯกล่าว

ดังนั้นการให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสาร สร้างความตระหนัก และความเข้าใจในสังคมไทย จะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงและป้องกันการติดเชื้อรายใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม สปสช.ได้ลงนามร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ในโครงการเพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันเอดส์ โดยดำเนินการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ สร้างความตระหนัก และแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเอดส์ การป้องกัน รวมทั้งลดการแบ่งแยก และการรังเกียจผู้ติดเชื้อและครอบครัว สร้างแรงเสริมด้านบวกทางสังคม และการสร้างเสริมทักษะและคุณภาพชีวิตเยาวชนเพื่อสุขภาวะทางเพศและป้องกันโรคเอดส์ การใช้เครือข่ายวิทยุกระจายเสียงเป็นช่องทางรับฟังการตอบสนองต่อสื่อของกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไป รวมถึงการรับฟังหารือข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการป้องกันเอดส์จากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม

ด้าน นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมที่จัดร่วมการรณรงค์ในครั้งนี้มีทั้งการผลิตและเผยแพร่สื่อโทรทัศน์ การจัดซื้อและแจกถุงยางอนามัยควบคู่ไปกับเอกสารและสื่อ การผลิตเอกสารและสื่อสิ่งพิมพ์ คู่มือและสื่อเกี่ยวกับเอดส์สำหรับรายการวิทยุ รวมทั้งการอบรม โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้รับมอบหมายให้ร่วมประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อผู้ติดเชื้ออย่างมาก

นพ.ประทีปกล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานรับผิดชอบในการดำเนินวานบริหารจัดการภายใต้การกำกับของคณะอนุกรรมการกำกับการขับเคลื่อนการปฏิบัติการโรคเอดส์ ในงบประมาณ 30 ล้านบาท โครงการนี้จะช่วยลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลงครึ่งหนึ่งได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลได้เสนอต่อที่ประชุมสหประชาชาติเมื่อเดือนกันยายน 2548 และหากดำเนินการบรรลุตามเป้าหมายดังกล่าวได้สำเร็จ ก็จะประหยัดงบประมาณที่จะต้องใช้สำหรับรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคเอดส์ได้ 1,200 ล้านบาทต่อปี

วันเดียวกัน นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้ (4 ก.ย.)ได้มีการอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติเป็นหน่วยงานภายในสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข(สวรส.) ทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ และเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ของประเทศ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในช่วงต้นปี 2551 ก็จะมีการปรับเปลี่ยนให้สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ไปอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติต่อไป

นพ.มงคลกล่าวต่อว่า เดิมสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทำให้คนทั่วไปว่า ปัญหาเอดส์เป็นปัญหาสาธารณสุข เป็นเรื่องเฉพาะของกระทรวงสาธารณสุข มิใช่ภารกิจของหน่วยงานอื่น ๆ ทำให้กิจการและงบประมาณใน หน่วยงานอื่น ๆ ที่จะต้องดำเนินการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ลดลงไปเป็นอย่างมาก จึงควรมีการแยกหน่วยงานออกไป ส่วนด้านงบประมาณจะได้รับเพิ่มขึ้นหรือไม่ เป็นเรื่องเล็กน้อย ที่สามารถเกลี่ยงบประมาณจากส่วนอื่นๆได้

นพ.มงคลกล่าวต่อว่า ส่วนบทบาทหน้าที่ของสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควมคุมโรค จะต้องมีการปรับเปลี่ยนบทบาทให้เป็นหน่วยงานหลักด้านวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ในระดับลึก และเทคโนโลยีด้านการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมั่นใจว่า การโอนย้ายงานควบคุมโรคเอดส์ให้ขึ้นกับสวรส.ครั้งนี้จะทำให้งานควมคุมเอดส์มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม

"6 ปีที่ผ่านมา การป้องกันและการแก้ปัญหาเรื่องเอดส์ด้อยลง 5 ปี มีการประชุมคณะกรรมการเอกส์ชาติเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ที่เคยทำได้ดีแต่ตอนนี้เสียแล้ว โรคเอดส์จึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ทำอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ปัญหาเอดส์เป็นปัญหาสังคมที่ต้องช่วยกัน เป็นเรื่องของชุมชน หากให้สธ.ทำอย่างเดียวก็ทำจนตายจำนวนผู้ป่วยก็มีแต่เพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องงบประมาณก็อย่ากลัวว่าจะไม่มีเงินเพราะเงินจะตามมาทีหลัง อย่างไรก็ตามการหวงเงิน ไม่ยอมจ่ายเงินเล็กๆ น้อย อาจทำให้ต้องเสียงบประมาณที่ต้องแก้ปัญหาใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง ถ้าต้องหมดเงินกับการรักษาพยาบาลประเทศชาติอาจล้มละลาย" นพ.มงคลกล่าว

 

WHO เตือนโรคระบาดจากภัยพิบัติรุนแรงขึ้น ไทยให้แสนเหรียญฯ เข้ากองทุนฉุกเฉิน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">5 กันยายน 2550 09:56 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> องค์การอนามัยโลกออกโรงเตือนโรคระบาดที่มาจากภัยพิบัติจะรุนแรงมากขึ้น ไทยประเดิมบริจาคเงินเข้ากองทุนฉุกเฉิน WHO-SEARO แสนเหรียญสำหรับแก้ปัญหา

นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปร่วมการประชุมองค์การอนามัยโลก ด้านการสาธารณสุขระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO-SEARO) ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-1 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประเทศภูฏาน ซึ่งมีสมาชิกจำนวน 11 ประเทศเข้าร่วมการประชุมว่า ที่ประชุมได้พิจารณาถึงปัญหา 2 เรื่องคือ ปัญหาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ที่ทำให้โรคติดต่อที่มีสัตว์เป็นพาหนะมีการระบาดและรุนแรงมากขึ้น ทั้งไข้เลือดออก มาลาเรีย ฉี่หนู จากการเกิดอุบัติภัยธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระบิด สึนามิ น้ำท่วมเฉียบพลัน

การเกิดภัยธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายตามมาอย่างรุนแรง เพราะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถป้องกันล่วงหน้าได้ ขณะที่ประเทศสมาชิกในแถบภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่มักจะขาดแคลนงบประมาณให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภัย รวมถึงขาดแคลนบุคลากรด้านสาธารณสุขทั้งแพทย์ พยาบาล รวมถึงประเทศในแถบภูมิภาคอื่นก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องมีการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการแพทย์ระหว่างทวีปเกิดขึ้น

นพ.ปราชญ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงได้มีการก่อตั้งกองทุนฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Emergency Fund) โดยมีประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่บริจาคเงินเข้ากองทุนเป็นเงินจำนวน 1 แสนเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.4 ล้านบาท เพื่อเป็นการแสดงความห่วงใย และเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศอื่นๆ บริจาคเงินเข้ากองทุนเพื่อเป็นเงินทุนกองกลางช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบภัยธรรมชาติ

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้มอบเงินช่วยเหลือให้กับประเทศเปรู เพื่อเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดแผ่นดินไหว เป็นเงินอีก จำนวน 1 แสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว

ด้าน นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO-SEARO กล่าวว่า ในการประชุม ที่ประชุมเห็นตรงกันว่ามีความจำเป็นว่าประเทศในภูมิภาคนี้ ควรร่วมกันตั้งกองทุนฉุกเฉินขึ้น กองทุนฉุกเฉิน เพื่อใช้ในยามประสบภัยพิบัติ เนื่องจากประเทศในภูมิภาคนี้ ส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน เมื่อประสบปัญหาภัยพิบัติ ในช่วง 1-3 เดือนแรกจะประสบปัญหาอย่างมากในเรื่องทรัพยากร งบประมาณในการดูแลประชาชน ส่วนกองทุนต่างๆ ที่จะให้ความช่วยเหลือมักเข้ามาช่วงหลัง 3 เดือน ทำให้การแก้ไขปัญหาจริงๆ เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทย เป็นเพียงประเทศเดียวที่ประกาศจะให้เงินสมทบเข้ากองทุนจำนวน 1 แสนเหรียญสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศอื่นเห็นชอบด้วยแต่ยังไม่ประกาศว่าจะสมทบเงินกองทุนเท่าใด

สำหรับกองทุนฉุกเฉินดังกล่าว คาดว่าจะมีเงินเข้ากองทุนประมาณ 5-10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย WHO-SEARO จะทำหน้าที่บริหารกองทุน โดยมีเงื่อนไขว่า ประเทศที่จะได้รับความช่วยเหลือต้องเป็นประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติ ส่วนเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส มีกองทุนสำหรับช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวจำนวนมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา WHO-SEARO จะมีงบประมาณสำหรับช่วยเหลือประเทศประสบภัยพิบัติแต่มีจำนวนน้อยมาก เมื่อมีกองทุนฉุกเฉินขึ้น งบประมาณเดิมก็จะนำไปใช้ในทางวิชาการ อบรม ให้ความรู้ แก่บุคลากรจากประเทศต่างๆ เพื่อให้สามารถไปแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในประเทศตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

พบไข้เลือดออกแล้วกว่า 400 ราย ปลุกชาวกาฬสินธุ์กำจัดลูกน้ำยุงลาย <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">10 กันยายน 2550 09:57 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> กาฬสินธุ์ - สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอความร่วมมือประชาชนให้ร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ชี้สถานการณ์โรคไข้เลือดออกระบาดในปีนี้มีความรุนแรง หลังพบผู้ป่วยทั้งจังหวัดกว่า 400 ราย

นพ.พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวภายหลังจากกิจกรรมการอบรม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่อำเภอร่องคำ รุ่น 39 ถึงปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในปีนี้ว่า ปัญหาความแปรปรวนของสภาพอากาศประกอบกับในปีนี้อยู่ในห่วงเวลาของการเกิดโรคไข้เลือดออก สถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงกว่าทุกปี

โดยตัวเลขของผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกทั่วทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ ขณะนี้มีมากกว่า 400 ราย โดยพบมาที่ อ.กุฉินารายณ์ อ.กมลาไสย อ.ยางตลาด อ.ฆ้องชัย และอำเภอเมือง ที่มีสภาพฝนตกชุกจนทำให้ภาชนะเจิ่งนองกลายสภาพเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งแนวทางการแก้ไขมีหนทางเดียว คือ การเฝ้าระวัง ด้วยการร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงทุกสัปดาห์ เพราะหากไม่ร่วมมือกันโรคไข้เลือดออกหากรักษาไม่ทันก็จะทำให้เสียชีวิตลงได้

มีรายงานว่า มีประชาชนเริ่มป่วยเป็นโรคระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด ในช่วงหน้าฝนเพื่อเป็นการป้องกันสุขภาพ ขอให้พี่น้องประชาชนควรที่จะเลือกรับประทานอาหารที่มีความสะอาด สดใหม่อยู่เสมอ

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• อินเดียต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคอหิวาต์

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 10-09-2007 | 10:06:27 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> อินเดียต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคอหิวาต์ หลังเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งขณะนี้มมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 150 คน
ชาวบ้านในพื้นที่ที่เพิ่งประสบภัยน้ำท่วมครั้งรุนแรงในอินเดีย ยังต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพตามมา โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์ เนื่องจากปัญหาสุขอนามัยของชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลนั้น พบว่า ยังน่าเป็นห่วง เพราะยังมีผู้ป่วยอีกกว่า 2 พันคน โดยเฉพาะในรัฐโอริสสาทางภาคตะวันออก พบว่าชาวบ้านไม่มีห้องสุขาใช้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ก็เข้าถึงได้ยาก เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งปัญหาดังกล่าว เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขระบุว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ในรัฐโอริสสาไว้ได้แล้ว
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

ห่วงเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น-ชายรักชาย ทำเอดส์ระบาดหนักอีกรอบ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">11 กันยายน 2550 18:22 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> “หมอวัลลภ” ห่วงเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นและชายรักชายทำเอดส์กลับมาแพร่ระบาดอีกรอบ เผยนักเรียน นักศึกษา ติดเชื้อกามโรคและหนองในถึงร้อยละ 13

</td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> นพ.วัลลภ ไทยเหนือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานปิดการประชุมเสนอผลงานวิชาการด้านการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และศูนย์ป้องกันควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือ Global AIDS Program (GAP) จัดโดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ และศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านสาธารณสุข ว่า แม้ผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่ในไทยจะลดลง แต่สิ่งที่น่าห่วง คือ ในกลุ่มวัยรุ่น หญิงให้บริการทางเพศแอบแฝง และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ที่อาจทำให้ปัญหากลับมาแพร่ระบาดอีก

นอกจากนี้ ผลพวงของการมีผู้ติดเชื้อเอดส์มากขึ้น ทำให้วัณโรคในประเทศไทยแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น กลายเป็น 1 ใน 22 ประเทศที่ไม่สามารถควบคุมวัณโรคได้สำเร็จ และจากการศึกษาเยาวชนที่กำลังศึกษาในชั้น ม.5 ใน 24 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า มีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้นประมาณ 2 เท่าตัว โดยเด็กชายผ่านการมีเพศสัมพันธ์แล้ว จากร้อยละ 10 ในปี 2539 เป็นร้อยละ 21 ในปี 2549 ส่วนเด็กหญิงเพิ่มจากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 12 ในช่วงเดียวกัน

การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกใส่ถุงยางอนามัยเฉลี่ยร้อยละ 46 เท่านั้น ทำให้ติดเชื้อกามโรค หนองใน ในกลุ่มนักเรียน-นักศึกษา ร้อยละ 13 ของผู้ป่วยทั้งหมด และปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ นำไปสู่ปัญหาการทำแท้ง และอาจเสียชีวิตในที่สุด
</td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• องค์การอนามัยโลกระบุสาเหตุที่ทำให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของคองโก เสียชีวิตกว่า 160 คนเกิดจากการติดเชื้อไข้เลือดออกอีโบล่า

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [ 11-09-2550 | 21:11 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> องค์การอนามัยโลกแถลงวันนี้ว่า สาเหตุที่ทำให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของคองโก เสียชีวิตกว่า 160 คนนั้น เกิดจากการติดเชื้อไข้เลือดออกอีโบล่า ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้แจ้งให้หน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น สมาคมแพทย์ ไร้พรมแดนส่งแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญไปคองโก เพื่อช่วยควบคุมการระบาดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกระบุว่า คนไข้บางคนอาการดีขึ้น หลังจากที่ได้รับ ยาแอนตี้ไบโอติก ซึ่งจะไม่มีผลต่อการรักษาการป่วยด้วยโรคอีโบล่า ทำให้คาดกันว่า อาจจะเกิดการระบาดของเชื้อบิดชิเกลา หรือไทฟอยด์ ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 โรคนี้ มีอาการคล้ายกันในช่วงแรกที่ติดเชื้อ และในกรณีที่มีอาการของการติดเชื้อบิดชิเกลา หรือไทฟอยด์ที่รุนแรง ก็อาจจะทำให้เกิดอาการของไข้เลือดออกได้
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• องค์การอนามัยโลกระบุสาเหตุที่ทำให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของคองโก เสียชีวิตกว่า 160 คนเกิดจากการติดเชื้อไข้เลือดออกอีโบล่า

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [ 11-09-2550 | 21:11 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> องค์การอนามัยโลกแถลงวันนี้ว่า สาเหตุที่ทำให้ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ของคองโก เสียชีวิตกว่า 160 คนนั้น เกิดจากการติดเชื้อไข้เลือดออกอีโบล่า ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้แจ้งให้หน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น สมาคมแพทย์ ไร้พรมแดนส่งแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญไปคองโก เพื่อช่วยควบคุมการระบาดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกระบุว่า คนไข้บางคนอาการดีขึ้น หลังจากที่ได้รับ ยาแอนตี้ไบโอติก ซึ่งจะไม่มีผลต่อการรักษาการป่วยด้วยโรคอีโบล่า ทำให้คาดกันว่า อาจจะเกิดการระบาดของเชื้อบิดชิเกลา หรือไทฟอยด์ ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 โรคนี้ มีอาการคล้ายกันในช่วงแรกที่ติดเชื้อ และในกรณีที่มีอาการของการติดเชื้อบิดชิเกลา หรือไทฟอยด์ที่รุนแรง ก็อาจจะทำให้เกิดอาการของไข้เลือดออกได้
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

WHO เรียกร้องนานาชาติช่วยยับยั้ง "อีโบล่า" ในคองโก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">14 กันยายน 2550 09:54 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> เกิดการระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสอีโบล่า ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 166 คน และมีผู้ป่วยอีก 372 คน ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้นานาชาติส่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังประเทศนี้เพื่อช่วยกันหาทางยับยั้งการระบาดของโรคดังกล่าว โดยองค์การอนามัยโลกชี้ว่า ผู้ป่วยที่รับเชื้อไวรัสนี้อาจจะเสียชีวิตได้ เนื่องจากยังไม่มียาหรือวัคซีนที่จะสามารถยับยั้งไวรัสหรือรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ และว่าขณะนี้มีเพียงหน่วยแพทย์ไร้พรมแดนเท่านั้นที่เข้าไปปักหลักให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่ในคองโก จึงไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสดังกล่าว

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• ไวรัสอีโบล่าระบาดในคองโกตายแล้ว 160 คน

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%"> โดย ทีมข่าว INN News [ 14-09-2007 | 09:01:53 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> เกิดการระบาดอย่างรุนแรงของไวรัส อีโบล่าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 160 คน
เกิดการระบาดอย่างรุนแรงของไวรัส อีโบล่า ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 160 คน ส่งผลให้องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ นานาชาติส่งแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปยังประเทศนี้ เพื่อช่วยกันหาทางยับยั้งการระบาดของโรคดังกล่าว ที่คร่าชีวิตชาวคองโกไปแล้วถึง 166 คน และมีผู้ป่วยอีก 372 คน โดยองค์การอนามัยโลกชี้ว่า ผู้ป่วยเหล่านี้อาจจะเสียชีวิตได้ เนื่องจากยังไม่มียาหรือวัคซีนที่จะสามารถยับยั้งไวรัส หรือรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ และว่าขณะนี้มีเพียงหน่วยแพทย์ไร้พรมแดนเท่านั้น ที่เข้าไปปักหลักให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยอยู่ในคองโก จึงไม่เพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสดังกล่าว
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

 

ไข้หวัดใหญ่ “H3N2” ระบาดปี 50 ตายแล้ว 14 คน
[15 ก.ย. 50 - 04:44]


ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวระหว่างประชุมวิชาการเรื่องไข้หวัดใหญ่ ปี 2550 ซึ่งมูลนิธิร่วมกับสำนักโรคไข้หวัดใหญ่ กรมควบคุมโรคจัดขึ้น โดยมีแพทย์จากภาคอีสานและแพทย์จากประเทศลาวประมาณ 130 คนเข้าประชุมว่า ประเทศ ไทยพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H5N1 ซึ่งคนติดเชื้อนี้จากสัตว์ปีก จึงเรียกว่าไข้หวัดนกเมื่อปี 2547 จนถึงปี 2549 มีรายงานผู้ป่วยแล้ว 25 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 17 ราย ในปี 2550 มีข่าวดี คือ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ แต่กลับพบการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 รุนแรงขึ้น ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนแรกของปีนี้มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 แล้วถึง 14 ราย จากเมื่อปีที่แล้วตลอดทั้งปีมีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 10 ราย เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เชื้อก่อโรครุนแรง มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง อีกทั้งติดต่อจากคนสู่คนอย่างง่ายดาย
ศ.นพ.ประเสริฐกล่าวต่อว่า ภาคกลางถือเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาดของไข้หวัดนกมากที่สุด เพราะมีการพบโรคในสัตว์ปีกซ้ำซากหลายพื้นที่ ส่วนภาคอีสานก็มีโอกาสพบโรคได้เหมือนกัน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงระยะการเตือนภัย ขอให้ทุกคนตระหนักถึงไข้หวัดนกว่า มีโอกาสระบาดได้ทุกเวลา ช่วงที่ผ่านมา ในอินโดนีเซียพบไข้หวัดนกติดต่อจากคนสู่คนในกลุ่มเล็กๆ เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ถือเป็นภัยที่ทุกคนต้องระวัง เพราะหากระบาดใหญ่ จะทำความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=education&content=61150

 

<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td colspan="3">

• จีนต้องเร่งปิดกั้นพื้นที่รอบๆ ฟาร์มเลี้ยงเป็ดหลายแห่ง หลังสงสัยอาจมีไข้หวัดนก

</td> </tr> <tr> <td colspan="3"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="8%"> </td> <td width="92%">โดย สำนักข่าวไทย [ 17-09-2550 | 07:44:28 น. ]</td> </tr> <tr> <td> </td> <td> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> </td> <td colspan="2" valign="top"><table border="0" bordercolor="#666666" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="2%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="93%"><table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="7%"> </td> <td width="93%"> ทางการจีนต้องเร่งปิดกั้นพื้นที่รอบๆ ฟาร์มเลี้ยงเป็ดหลายแห่งในมณฑลกว่างตง หลังจากต้องสงสัยว่าเป็ดหลายตัวอาจตายจากเชื้อไข้หวัดนก
เจ้าหน้าที่ประจำมณฑลกว่างตง รายงานผลการทดสอบเบื้องต้นว่า เป็ดที่ตายภายในฟาร์มต่างๆ ในเมืองปันหยู่ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ติดเชื้อ H5N1 แต่ไม่มีประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ฟาร์มเหล่านี้มีอาการติดเชื้อ แต่ทางการยังจะต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งสวมทั้งหน้ากาก และแต่งตัวอย่างมิดชิด ได้ใช้สเปรย์พ่นยาฆ่าเชื้อรถยนต์ ที่ผ่านเข้าออกภายในบริเวณ ทางด้านคนงานกล่าวว่า มีเป็ดตายหลายตัวเมื่อไม่นานมานี้ และมีฟาร์มเป็ด 9 แห่งจากทั้งหมด 20 แห่งมีเป็ดที่ติดเชื้อไข้หวัดนก เจ้าหน้าที่ของรัฐได้เข้ามาที่ฟาร์มเหล่านั้น เผื่อซื้อเป็ดไปกำจัดและฝัง
</td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>