เทคนิคและประสพการณ์การเอาตัวรอดในต่างแดนยุคเก่า..ของคนรุ่นก่อน..

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย modpong, 29 เมษายน 2015.

  1. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    มากิ ไม่ทันเพลง sayonara อ่ะค่ะ แต่เหมือนจะเคยๆได้ยินแต่ ท่อนที่ว่า ซาโย นาร๊าาาาา ....ค่ะ คุณSupatorn

    เพลงแจแปนนิส กู๊ดบาย.. อันนี้ไม่รู้จักเลยค่ะ และอีกเพลงซูกียากี้

    เหมือนจะเคยเห็นแต่ชื่อค่ะ ยังไม่เคยฟัง มากิว่าเป็นเพลงอมตะแน่ๆเลยค่ะ

    พวกเพลงอมตะ และศิลปินรุ่ก่อนๆ ยังมีรายการทีวีญี่ปุ่น นำมาเผยแพร่อยู่ค่ะ

    ญี่ปุ่นเขาจะให้เกียรติให้ความสำคัญกับศิลปินรุ่นก่อนมากค่ะ

    ติดตามอ่านมาถึงหน้านี้แล้ว สนุกมากค่ะ ลุ้นมากๆ ตื่นเต้นดี

    การนั่งรถไฟเนี่ย ต้องขึ้นให้ถูกสายลงให้ถูกสถานี ไหนจะต้องออกให้ถูกทางอีก อ่ะโห

    คุณmodpong ใช้วิธี..จำตัวอักษรคันจิ...”หลังคา-เข้า...สามง่าม-ออก”..

    โดยดูใช้จากลักษณะ ของตัวอักษรใช่เลยค่ะ ถูกต้องนะคร้าบ

    入口 หลังคา-เข้า

    出口 สามง่าม-ออก

    ูยอดเยี่ยมค่ะ
    :cool:
     
  2. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .........................
    ...ขอบคุณ..ที่ชมครับ..คุณมากิ..
    ..คือถ้าผม..เป็นประเภทใครไปไหน..ก็ไปกับเขาด้วย..
    ..ก็คงไม่ต้องทำแบบนี้ละครับ..แต่นี่..คือจุดเริ่มของผม..ในการพลิกแพลง..สถานการณ์..การเอาตัวรอด..ของผม..ในการท่องเที่ยวต่างแดน..ยิ่งอยู่นาน..
    ยิ่งไปเยอะ..ที่..มันก็พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆครับ..
    .........
    ...ขอเพิ่มเติมเรื่องเพลงนะครับ..เพลง..ซูกยากี้..ของ..เคียว ซากาโมโต้..นี้..เป็นเพลงญี่ปุ่นเพลงแรก..ที่ได้ไปติดอันดับ..ใน..Billboard Chart ของ
    อเมริกานะครับ...ผมร้องได้ตั้งแต่เด็ก..เพลงดังในเมืองไทยมากครับ..
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,647
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    แวะมาแจมเพลง Sayonara หน่อยค่ะ สมัยนั้นมีรักเศร้าๆ ระหว่าง สาวไทยชายญี่ปุ่นเยอะมาก หลัง WWll พักนึง

    Sayonara Japanese goodbye
    https://www.youtube.com/watch?v=L7BO5AEPFEQ
     
  4. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................................
    ...ขอบคุณครับ..คุณพี่...ขนาดยุคหลังอย่าง..
    ..นักแสดงที่เป็นนางเอกหนังเรื่อง"ครูบ้านนอก"(โทษทีครับ..รู้สึกว่าจะชื่อ..วาสนา..แต่ไม่แน่ใจจำไม่ชัด)...ได้สามีเป็นญี่ปุ่น..อยู่ที่โน่นจนมีลูก..ก็ยังไม่รอดเลย..ต้องหย่า..แล้วกลับเมืองไทย...
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,647
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    อ้าวเหมือนรู้ใจ พี่ร้องเพลงนี้ได้จนบัดนี้ กําลังนึกอยู่เชียวว่าชื่ออะไรน้อ ขอบคุณจริงๆ
    lungyim~Sukiyaki~1963 by (Kyu Sakamoto)

    https://www.youtube.com/watch?v=DVJJ-1InCEk

    กําลังฟังอยู่ค่ะ:cool::cool:
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,647
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    แถมๆเผื่อท่านมากิจะได้ร้องได้ด้วยค่ะ
    上を向いて歩こう (SUKIYAKI) สุกียากิ - เนื้อร้องและบรรยายภาษาไทย
    https://www.youtube.com/watch?v=y_ffcTC-XoM

    Goodnight ค่ะ
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .................................
    .........นี่เป็นแค่..ตัวอย่างเท่านั้น..สำหรับนักเดินทางอย่างผม..ก็จะสังเกตทุกอย่าง..ยิ่ง
    อะไร..ที่..เห็นบ่อยๆ..และ..ควรจะต้องจำไว้..เพราะจำเป็นอย่าง...

    上..(อูเอะ)หมายถึง..ข้างบน..ขึ้นบน..ด้านบน..ก็จำได้ง่าย..ปลายแหลมชี้ขึ้น.
    ...ถ้าไอ้ตัวนี่..มันไปรวมอยู่กับ..อะไร..มันก้จะมีความหมายทำนองนี้..อย่างชั้นดาดฟ้า

    下.....(ชิตะ)หมายถึง...ข้างล่าง..ลงล่าง..ด้านล่าง..ข้างใต้....เช่นกันจำไว้ว่า..ปลายแหลมชี้ลง..
    ...ทำนองเดียวกัน..ไอ้ตัวนี่..ไปรวมกับตัวอื่น..มันก็จะมีความหมายทำนองเดียวกัน..
    ..เช่น..ชั้นใต้ดิน..ใต้ถุน..เป็นต้น.....
    ......................
    .............ช่วงแรกที่อยู่โตเกียวนี่..ผมก็ได้เปิดหูเปิดตาเยอะแยะ..สมัยโน้นนี่กรุงเทพมันต่างจาก
    โตเกียวมหาศาลจริงๆ..จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องไปเข้าร้าน..หยอดเงินใส่ตู้เอา..บุหรี่..เอย..กาแฟ.
    ..เอย..โค้ก..เอย..ชีวิตมีความสุขจริงๆ..เมืองก็สะอาด..โจรฉกชิงวิ่งราว..ก็ไม่มี..สาวๆกลับบ้าน
    ..กลับหอ..หลังเที่ยงคืน..อย่างสบาย..ผมเองก็ส่วนใหญ่แล้ว..กว่าจะกลับโรงแรม..ก็หลังเที่ยง
    คืน..บางทีก็นั่งเล่นรับลมเย็นๆตามปาร์ค..ไอ้ยุ่นที่..ไม่ประสงค์จะทำงาน..ไม่ประสงค์จะอยู่บ้าน
    ..มันก็มานอนตามปาร์ค..และที่ชอบอีกอย่างคือ..มันไม่มียุง..ไอ้นี่แหละชอบมาก..ผมนั้นอยาก
    อยู่ที่..โตเกียวต่ออีกสักเดือนด้วยซ้ำ...
    ...เวลาแค่ประมาณ.ไม่ถึงสองอาทิตย์..ผมไปเกือบทุกๆเขต..ในโตเกียว(รอบใน..รอบนอกนั้น
    เป็นที่พักอาศัยครับ..ไม่รู้จะไปทำไม)...ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นกลางคืน..ก็ยังดี..เห็นความ
    เหมือนและความแตกต่างกัน..แต่ละพื้นที่..ไม่เบื่อเลย..ยิ่งย่านที่เป็นแสงสี..ยามค่ำคืน..ยิ่งแล้ว
    ..........ผมอยู่เมืองไทย..ผมก็ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกจริงๆของ..คนบ้านนอกเข้ากรุงเป็นยังไง
    ..เพราะผมเกิดในกรุงเทพ..รู้จัก..และ..สัมผัสสังคมกรุงเทพ..ทั้งกลางวัน..และ..กลางคืน..
    มาแต่เด็ก..บ้านผม..เป็นคนทันสมัย..ตั้งแต่เล็ก..พ่อแม่ก็..พาลูกๆไปดูหนัง..ตอนกลางคืน..
    ..ไปกินโน่นกินนี่..สมัยที่ทุกอย่างที่ทันสมัย..มีอยู่ที่วังบูรพาเท่านั้น..ผมไปจนพรุน..โรงหนัง
    ..ร้านอาหาร..ร้านเค้ก..แกรนด์..คิงส์..ควีนส์..ย่านราชดำเนิน..อย่าง..เฉลิมไทย..ไนท์คลับ
    ..สมัยก่อน..แหล่งท่องเที่ยวของคนกลางคืน..ไม่ใช่คาเฟ่..ผับ..อย่างรุ่นหลัง...อย่าง..โลลิต้า..
    มูแลงรูจ..อเล็กซานดร้า..ย่านเฉลิมเขต..กรุงเกษม..ย่านโรงหนังเฉลิมกรุง..โรงหนังชั้นหนึ่ง..
    ดูมาแล้วทุกโรง..ตั้งแต่เด็ก...
    .....ก็อยู่กรุงเทพมาตลอด..เคยฟังจากเพลง..ที่บรรยายความรู้สึกนั้น...ก็ไม่ทราบซึ้งอะไร...
    ......พอมาอยู่ที่นี่..โอ้โห..ก็เลยทำให้ผมสัมผัส..ความรู้สึกนั้นได้....เลย...
    .............................
    ...........นอกจากนี้..ก็ยังโชคดี..ที่ได้เห็น..สัตว์ชนิดหนึ่ง..ในตอนนั้น..นอกจาก..ในเมืองไทย..
    ไม่เคยมี..ประเทศอื่นใน..เอเซีย..นอกจากประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิดแล้ว..ก็มีให้เห็นแห่งเดียว
    ..ก็คือ..ญี่ปุ่น..หลายท่านคงนึกออก..ครับ..เจ้าสัตว์อุ้ยย้าย..ขี้เกียจ..แต่คนชอบ..ที่เดี๋ยวนี้...
    ...คนไทยส่วนใหญ่ก็คุ้นกันหมดแล้ว...แพนด้า..ไงครับ......แต่ผมก้จำไม่ได้ว่า..ไปดูตั้งแต่อยู่
    ช่วงแรกรึเปล่า..หรือ..ตอนหลังที่ไปซูคุบะแล้ว..กลับเข้ามาโตเกียว...
    .......ซึ่ง..ในญี่ปุ่นตอนนั้น..มีให้ดูที่เดียว..คือ..ที่สวนสัตว์แห่งชาติอูเอโน่..(ไปง่ายครับ..เดิน
    ออกจากสถานีรถไฟ..ไม่ไกล..ก็ถึงแล้ว)..มันเป็นครั้งแรกที่ผมงง..คือ..การที่จะดูสัตว์ตัวนึง..
    นี่..ต้องเข้าคิว..กันยาวเฟื้อย..ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน..กรงมันนั้น..ขนาดอยู่ในโตเกียว..ที่
    อากาศสบายๆ..ไม่ใช่กรง..ครับ..ลืมไป..เป็นห้องกระจก...เล็กกว่าที่เมืองไทยเยอะ..ไม่
    Open air ด้วย...ทางเดินเข้าไปดูก็มืด..ผมนะไม่ได้อยู่ติดกระจกหรอก..เพราะเด็กเต็มไป..
    หมด..ผมยืนห่างกระจกเยอะ..ใช้มองข้ามหัวเด็กเอา..เห็นบ้าง..ไม่เต็มตัวซะด้วยซ้ำ...
    (..แพนด้าคู่แรก..มาถึงอูเอโน่..ถือว่า..เป็นประเทศแรกเลย..เมื่อปี..๒๕๑๕..)
    .........มันมีเรื่องแถมที่ภายหลัง..ทราบมาจากคนญี่ปุ่น..เขาบอกว่า..การที่..ที่ญี่ปุ่นได้..
    แพนด้ามานั้น..มันไม่ใช่เชื่อมสัมพันธไมตรีอะไรหรอก..ญี่ปุ่น..ในพ.ศ.นั้น..เป็นมหาอำนาจ
    ทางเทคโนโลยี..และ..อิเล็กโทรนิคส์..ส่วน..จีนแดงนั้น..ยังปิดประเทศอยู่และ..ล้าหลัง..
    ..มันเป็นเรื่องของ..การแลกเปลี่ยนกัน...ผู้อ่านอาจจะแปลกใจว่า..ทำไมเมื่อ๒๐ ปี..เมื่อ..
    จีนเริ่มเปิดประเทศเต็มที่..จีนเองตอนนั้น..ก็มีความก้าวหน้า..ไม่น้อยแล้ว....
    ......................
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,248
    ค่าพลัง:
    +68,026
    คุณSupatorn คุณmodpong สวัสดีค่ะ

    ขอบคุณมากเลยค่ะที่แนะนำเพลงมา

    มากิเข้าไปฟังตามลิงค์ youtubeแล้วค่ะ อ๊ะ เพลงนี้เองหรอกเหรอคะ สุกียากี้

    รู้จักค่ะ แต่จำชื่อเพลงไม่ได้ เคยร้องด้วยล่ะค่ะ

    จำได้ว่า สมัยเรียน เซนเซ(อาจารย์)เอาเพลงนี้มาสอนให้ร้องด้วยละ่ะค่ะ ท่านบอกว่า

    เป็นเพลงที่เวลามีงานปาร์ตี้ แบบยังไงล่ะ เพลงนี้จะเป็นเพลงที่นิยมร้องกัน

    เหมือนที่คนต่างชาติ จะร้องเพลงลอยกระทงของเราค่ะ

    上を向いて歩こう..涙が零れないように :
    ue o muite arukou namida ga koborenai yoni

    คุณmodpong ตัวคันจิ นี่มาจากอักษรภาพค่ะ เขาว่ามาอย่างนั้น

    ถ้าเรารู้ความหมายของมันแล้ว เวลาที่มันไปผสมกับอักษรอื่น

    ความหมายก็จะยังคงเกี่ยวข้องกับความหมายเดิมของมันค่ะ

    คุณmodpong ไปญี่ปุ่นช่วงแรกๆ ซึ่งตอนนั้นไทยเรายังไม่ทันสมัยเท่าไหร่

    แค่คิด ก็เห็นภาพตามเลยค่ะ ว่าน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน แถมยังได้ดูแพนด้า

    ก่อนที่เมืองไทยจะนำมาแสดง ตั้งหลายปี ว๊าว อ่านเพลินเห็นภาพตามเลยค่ะ

    fishh_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤษภาคม 2015
  9. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ......................
    .........คนรุ่นใหม่..คงนึกไม่ออก..ว่าไอ้สัตว์ขี้เกียจนี่..มันมีค่า..ขนาดไหน..เมื่อกว่า สี่สิบปี
    ก่อน...ก็เพราะ..ตอนนั้น..จีนยังปิดประเทศอยู่...ดังนั้น..ต่อให้คุณรวยขนาดไหน..มีอำนาจ
    ขนาดไหน..แค่..ขอให้ได้แค่ไปเห็น..ตัวเป็นๆของไอ้ตัวนี้..คุณยังทำไม่ได้เลย....
    ...เพราะ..มันมีอยู่ที่เดียวคือ..เมืองจีน...ขนาดคนจีนเอง..ยังมีไม่กี่คนที่ได้เห็นมัน...แล้ว..
    ไอ้ชาติอื่น..นะ..อย่าฝันเลย..ขนาดองค์กรคุ้มครองสัตว์โลก(WWF)..ขอเข้าไปดูยังยากเข็ญ
    ..และได้แค่ส่งคนไปดูได้ไม่กี่คน..ไปยุ่งอะไรไม่ได้ทั้งนั้น....
    .........มันเหมือนพระเครื่อง..ละครับ..ถ้านักเลงพระก็ต้องบอกว่า..กริ่งปวเรศ..มี ยี่สิบกว่า องค์
    แบบนั้นเลย..ใครๆก็อยากได้...คนที่เป็นเจ้าของ..เขาไม่ขาย..คุณก็ไม่มีปัญญา..ต่อให้เสนอ
    ราคาเท่าไหร่ก็ตาม.....แต่อยากเป็นเจ้าของ..กริ่งปวเรศก็ยังง่ายกว่า..เพราะมีหลายเจ้าของ..
    ........แต่..แพนด้า..เจ้าของมีคนเดียวครับ..คือ..ประเทศจีน.....ดังนั้น..ไม่ว่าชาติไหน...
    ความฝันอันสูงสุด..ก็คือ..การมีไอ้เจ้านี่..อยู่ในประเทศนั้นๆ..มันก็จะได้แสดงศักยภาพไปในตัว..
    ..........ชาติมหาอำนาจ..ทุกชาตินั้น..ก็เคยเสนอ..คำขอให้กับจีนมาก่อนหน้านั้นแล้ว...
    ..แต่จีน..ก็..ไม่สน..ปฎิเสธ...ว่ากันว่า..โจวเอินไหล..เป็นคนบอกให้ทางญี่ปุ่นทราบว่า..ได้มี
    การทบทวนข้อเสนอของญี่ปุ่น..และ..ต้องขอรายละเอียดเพิ่มเติม..นั่นแหละ..ญี่ปุ่นก็เนื้อเต้น..
    รีบแจ้น..ไปเจรจาทางลับมาก่อน..ไม่เนื้อเต้นได้ยังไง..ก็เพราะ..ขนาดอเมริกา..อังกฤษยัง
    ไม่มีปัญญาเลย.....มันเลยเป็นที่มา..และทำไมถึงโจวเอินไหล..ถึงพึ่ง..จะพร้อมที่จะเจรจา..
    ...ก็เพราะ..โครงการปั้นอัจริยะ..ของเขามาถึงขั้นสองแล้วนั่นเอง....คือ..ตอนนี้..ผลผลิต..
    ของเขาโตพอ..ที่พร้อมจะบ่ม..แล้วนั่นเอง...
    ........ก็เพราะ...ไอ้แพนด้า..นี่แหละครับ....มันเอาตัวเข้าแลกกับ..เทคโนโลยี..ของญี่ปุ่น
    นั่นเอง..ตั้งแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสาขาต่างๆ..ของญี่ปุ่น..ที่ทยอยเข้าไปถ่ายทอด
    ความรู้..ให้กับ..นักวิทยาศาสตร์รุ่นหนุ่ม..ที่คัดไอคิว..มาแล้วจากระบบ..การจำแนกความถนัด
    ตั้งแต่วัยเยาว์ของจีน..นั่นเอง..เพราะตั้งแต่เป็นเด็กอนุบาลและประถมต้นทั่วเมืองจีน..ต้อง
    ทำการทดสอบไอคิว..และ..ความถนัด...โดยเฉพาะ..พวกไอคิวสูง..จะต้องถูกส่งมาเรียน
    รวมกันอยู่ที่เดียว..เพื่อให้มาเรียนสายวิทยาศาตร์..อย่างเข้มข้นพิเศษ..แล้วก็แยกสาขาย่อย
    กันต่อไป..พวกนี้เองที่เติบโตขึ้นมา..และรับการถ่ายทอด..เทคโนโลยี..อย่างต่อเนื่อง..
    (..ท่านผู้อ่านลองนึกเอาว่า..ประชากรจีนเยอะขนาดไหน..แล้วไอ้พวกเด็ก..ที่ไอคิวระดับ..
    อัจฉริยะ..มันจะมีมากขนาดไหน..แน่นอนครับ..มากที่สุดในโลก..แล้ว..มันได้เรียนอย่าง..
    สมกับ..ไอคิวมัน....โตขึ้นมา..พวกนี้มันจะสร้างประโยชน์ได้มากขนาดไหน..แล้วทุกคนนั้น
    ก็ไปไหนไม่ได้..ต้องทำงานกับรัฐ..สร้างความเจริญตามแนวทางที่วางไว้...)
    จากการแลกเปลี่ยน..แพนด้า...และไม่ใช่..แค่ญี่ปุ่น..ที่ต้องเอาสิ่งนี้เข้าแลก..หลังจาก..ญี่ปุ่น
    ..ไม่ถึง สองปี..ก็เป็น..อเมริกา..และ..ตามมาด้วย..อังกฤษ....นี่ไงครับ..มันเริ่มขบวนการ
    ..มาตั้งแต่กว่า..สี่สิบปีมาแล้ว...(และ..แน่นอน..ทั้งอเมริกา..และ..อังกฤษ..ก็มิอาจปฏิเสธ
    ข้อเรียกร้อง..ที่ต้องทำแบบ..ญี่ปุ่นได้..ก็เพราะ...ถ้ามึงอยากได้..ก็ต้องเป็นแบบนี้..ไม่มีข้อแม้
    ...ไม่งั้น..จบ)
    ............แต่หน้าฉาก..ก็เป็นแค่ความร่วมมือ..ให้ความช่วยเหลือ..ธรรมดาๆ..แต่จริงๆแล้ว..
    ..มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคนั้น..พวกประเทศที่เทคโนโลยีสูง..แล้วอยากได้..แพนด้า
    ...ต้องส่งผู้เชี่ยวชาญ..เข้าไปถ่ายทอดเทคโนโลยี..ทั้งนั้น..และทำต่อเนื่องเป็นทางลับ..ตลอด
    มาที่..แพนด้า..ยังอยู่ที่นั้น..เป็น..ยี่สิบปี..จนนักวิทยาศาสตร์จีนที่ได้รับการอบรมรุ่นแรกๆเก๋าพอ
    ..และ..สามารถถ่ายทอดให้คนรุ่นต่อมาได้เอง....(..ข้อตกลงนี้..คือข้อตกลงที่อยู่นอกเหนือ..ที่
    สามารถ..ระบุเป็นทางการ..หรือให้ข่าวได้นะครับ...)
    .......เพราะฉะนั้นในยุคนี้..หลายคนที่มีอายุใกล้ๆผม..แปลกใจกันว่า..ทำไมจีนมันก้าวหน้าเร็ว
    มาก..ตั้งแต่เปิดประเทศไม่นาน..ไปนึกกันเองว่า..ไอ้เทคโนโลยีต่างๆนี่..คงเรียนมันจากรัสเซีย..
    ....ฮะ..ฮะ..ขอโทษ..ผิดถนัด..คิดดู..เปิดประเทศแป๊บเดียว..จีนก็ส่งจรวดไปนอกโลกแล้ว..
    .........................แล้วถึง..พ.ศ...นี้คือหอกข้างแคร่..ของญี่ปุ่น...คนญี่ปุ่นยุคโน้น..เข้าใจผิด..
    ตอนที่ได้รับ..แพนด้าใหม่ๆ..นึกว่า..จีนให้อภัยญี่ปุ่นเรื่องสงครามแล้ว..ดีใจกันใหญ่...ที่ไหนได้
    จีนไม่เคยลืมหรอกครับ...ตอนนี้ก็สมใจแล้ว..ที่ไอ้แพนด้า..ช่วยจีน..เอาเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่น
    สอน..มาให้เอง..เอามาทิ่มญี่ปุ่น..ซะจนน่วม...
    ...........................

    [​IMG].
    ....นี่ก็เป็นรูปจากเว็ป..นะครับ..ผมไม่ได้ถ่ายเอง..เป็นรูปในยุคนี้...
     
  10. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................................
    ...ขอบคุณครับ..คุณมากิ.....
    ...ผมยังจำตัว..คันจิ..ได้อีกหลายตัว..ที่เจอบ่อย..
    ..และจำไว้..อย่าง...นาที..


    นาที 分..(บัน)..ก็จำไว้แค่..ใส่งอบ..เป็นต้นครับ..รวมถึง..
    ตัวคันจิ..ที่แสดงถึง..ธรรมชาติ..ต่างๆ..ทั้ง..ภูเขา..ป่า..ต้นไม้..ก้อนหิน
    แม่น้ำ...กยังจำไดัดีครับ..แม้จะไม่ได้ใช้มากว่าสามสิบปีก็ตาม
    ...ไอ้นี่ที่จำง่ายก็เพราะอย่างที่คุณมากิว่า..คือ..
    มันจำลอง..ภาพของธรรมชาติ..มาทั้งสิ้น...
    </pre>
     
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............................
    ....แต่สิ่งหนึ่ง..ในโตเกียวที่ทำให้ผมติดใจ..และ..เวลากลับเข้ามาทีไร..ก็จะแวะไป...กลายเป็น
    สิ่งที่..เดิม..ผมเฉยๆมากกับเรื่องนี้..แต่มันสร้างอรรถรสให้ผมได้...กลายเป็น...”อาหาร”..ครับ..
    ....ผมนะ..เดิม..เรื่องนี้..ไม่ประสีประสา..ไม่เคยนึก..จะต้องไปกินอาหาร..ที่ร้านโน้น..ร้านนี้..
    ..หรือ..ต้องไปกิน..อาหารแบบนนี้..แบบนั้น..ประสาทด้านรับรู้รส..ของผม..จัดว่าห่วย..กินอะไร
    ก็ได้..ไม่อร่อยก็กินได้..(แต่ถ้า..ห่วยแตกจริงๆ..ก็กินไม่ได้เหมือนกัน..).......
    ......ที่มาก็เพราะ..เรื่องของการประหยัด..อย่างแรก..อยากจะซื้อ..กล้องถ่ายรูป..แล้วก็จะได้
    หัดถ่ายมัน..จริงๆจังๆซะที่นี่เลย..ถึงแม้เงินที่เราได้มาแต่ละเดือน..เหลือเฟือ..ก็ตาม..ผมก็คิดว่า
    ..ควรจะประหยัด......
    ...เริ่มตั้งแต่..บริเวณที่พักคือ..ชินจูกุ..ตั้งแต่วันสองวันแรกเลย..ก็ได้ไปเจอตรอกเล็กๆ..ข้างๆ
    สถานีชินจูกุ..จุดหมายสังเกตที่จำไว้คือ..ปากของตรอก..มันมีป้ายใหญ่ๆอยู่อันนึง..ชื่อเป็น
    ภาษาอังกฤษว่า SUPER DOG..ผมก็เรียมันว่า..ตรอกซุปเป้อร์ด็อก..คนเดินไม่ทั่วจริงๆ..จะไม่
    ทราบว่า..แหล่งธุรกิจและบันเทิงนี่..มีย่านอาหารโคตรถูกอยู่ที่นี่..มีร้านข้างถนนขายอาหาร..
    คนระดับใช้แรงงานอยู่แถวนี้..ร้านข้าวนี่..กินอย่างอิ่มเลย..ก็ไม่เกิน ๓๐๐ เยน(..สามสิบบาท)
    ..ผมก็เคยเข้าไปกินมาแล้ว..ก็คิดเออถูกดี..ก็กะจะเอาไว้เป็นแหล่งประจำ..แต่ตัวผมนะจริงๆ
    แล้ว..ไม่ชอบกินข้าวเท่าไหร่..แต่ชอบกินพวกก๋วยเตี๋ยว..บะหมี่..มากว่า..มาตั้งแต่เด็ก...
    .....ความไม่ประทับใจครั้งแรก..กับอาหารพวกเส้นของญี่ปุ่น..ซึ่งไม่เคยกินมาก่อนใน..
    เมืองไทย..เพราะไม่มี(ตามที่ผมเล่าไป..มันมีแต่ร้านเล็กๆไว้ขายคนญี่ปุ่นด้วยกัน..แถว
    ถนนธนิยะ..สีลม..)..โดยทั่วไป..ผมไปโตเกียว..ด้วยเครื่องแจแปนแอร์ไลน์ครับ..
    ...ก็เลยได้ลิ้มลองอาหารญี่ปุ่น....
    .............................
    ....ต้องเข้าใจก่อนว่า..เมื่อกว่าสามสิบปีก่อนนั้น..ไม่ใช่อยู่ดีๆนึกอยากจะหาอาหารญี่ปุ่น
    กิน..ก็เดินเข้าห้าง..มันไม่มีนะครับ..เว้นแต่..ไดมารูที่ราชประสงค์ที่..เขาขายแบบต้องเอา
    ไปทำต่อกันเอง..ไอ้ที่มีก็เพราะ..คนญี่ปุ่นในกรุงเทพเยอะ..พวกแม่บ้าน..ก็ต้องทำอาหาร
    ญี่ปุ่นให้..สามี.และ..ลูกๆกิน...เขาไม่มีเจตนาขายคนไทยเลยด้วยซ้ำ..และ..ของก็จะมี..
    แค่พอประมาณเท่านั้น....
    ......ผมมีโอกาศได้กินอาหารญี่ปุ่นซักที..ก็ต้องไปงานแต่งงานที่โรงแรมหรู..ระดับสี่ห้า
    ดาวกลางกรุง..และโดยเฉพาะ..ที่เป็นงานเลี้ยงมงคลสมรสแบบ..”ค็อกเทลปาร์ตี้”..ซึ่ง
    เกือบทั้งหมดที่จะจัดงานแบบนี้ได้เจ้าภาพต้องมีฐานะขั้นเศรษฐี(..สมัยก่อนเศรษฐี..ไม่
    ได้มีเกลื่อนประเทศ..แบบสมัยนี้นะครับ)...ซึ่งการ์ดงานแต่งงานสมัยนั้น..และก่อนหน้า
    นั้น..จะมีการระบุอย่างขัดเจน..เพื่อให้ผู้ที่ถูกรับเชิญ..จะได้เตรียมตัวถูก..โดยเฉพาะงาน
    “ค็อกเทลปาร์ตี้”..ที่ถือว่า..หรูสุด..แพงสุด..เมื่อเทียบกับ..”บุฟเฟท์”..และ..”โต๊ะจีน”..
    ......การเตรียมตัว..ก็ไม่ใช่อะไรครับ..มี ๒ เรื่องหลักๆ..คือ..
    ๑ . พาเฉพาะคนที่เหมาะสมไป..คนที่เหมาะสมก็คือ..หนึ่งต้องไม่เป็นเด็ก..(เด็กมัธยม
    ..เด็กประถม..เด็กอนุบาล..)..เพราะจะไปสร้างความวุ่นวาย..และ..ไม่มีที่ให้เด็กนั่ง...
    ...เช่นเดียวกันคือ..ถ้าอายุมากแล้ว..ก็ไม่ควรมา..เพราะไม่มีที่นั่งเช่นกัน..จะเกิดความลำบาก
    คือ..ต้องรีบกลับก่อน..เพราะทนยืนนานไม่ไหว...
    ......อย่าเอาภาพ..ที่คุณคุ้นเคยในยุคนี้ไป..เปรียบเทียบนะครับ..มันคนละเรื่องเลย..ในทุกทาง
    ..ในยุคนั้น..ทั้งห้อง..ทางโรงแรมจะมีเก้าอี้จัดไว้ให้..ไม่เกิน ๑๐ ตัว..ครับ..เหมือนกันทุกที่..
    ..เอาไว้เผื่อ..ญาติผู้ใหญ่..ของเจ้าบ่าว..และ..เจ้าสาว..ที่แก่มากๆและไปงาน...นอกเหนือนั้น..ยืน
    ..เพราะยุคนั้น..เขาพยายามรักษารูปแบบของ..”ค็อกเทลปาร์ตี้”จริงๆแบบฝรั่ง..ก็คือ..ไม่มีเก้าอี้
    นั่ง..คนที่ร่วมงาน..ต้องยืนอย่างเดียว....ถ้าบังเอิญญาติชราๆ..มีเยอะหน่อย..เจ้าภาพก็ต้อง..ไป
    บอกพนักงาน..ขอเก้าอี้เพิ่มเป็น..กรณีพิเศษเอา......
    ........๒. เตรียมตัวกินอาหารเย็น..ไปล่วงหน้าก่อนเข้างาน..เพราะ..สิ่งที่เสริฟ..ในงานหลักๆคือ
    เครื่องดื่ม..และ..ออร์เดริฟ..ที่เป็นกับแกล้มเล็กน้อย..และเช่นกัน..คือ..ก่อนจะอ่านต่อ..คนรุ่น
    ใหม่ต้องลบภาพ..ที่คุณคุ้นเคย..กับค้อกเทลปาร์ตี้..สมัยนี้..ทิ้งให้หมด..ก่อน..ที่จะอ่านต่อ..
    ...............
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  12. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...............
    .......................เรื่องเครื่องดื่ม..นั้นสมัยโน้น..เนื่องจาก..เป็นของหลัก..ดังนั้น..จึงมีสารพัด..
    ทั้ง..ยินโทนิค..แชมเปญ..ไวน์..บรั่นดี..วิสกี้..เบียร์...ไม่ดู..กิ๊กก็อกแบบ..ยุคนี้..ที่มีให้เลือกไม่
    กี่อย่าง..พวกเครื่องดื่มอ่อนๆ( soft drink)..ก้มีทั้ง..พันช์..น้ำส้ม..น้ำมะนาว..โค้กฯลฯ...
    ..คุณจะเดินไปหาพนักงานแล้ว..เลือกเอาตามใจชอบ..แบบยุคนี้ไม่ได้..เพราะ...ทุกอย่างจะไม่
    มีวางในห้อง..พนักงานจะถือถาดใส่เครื่องดื่ม..เดินไปหาแขก..เอง...
    .....ส่วนกับแกล้ม..หรือ..ออเดิฟ..ก็เช่นกัน..คือ..ไม่มีวางให้เลือกกิน..ในห้อง...พนักงานถือของ
    พวกนี้..เดินไปหา..คุณเอง..แล้วก็เลือกเอา...และ..ของแต่ละชิ้น..ก็ไม่ใหญ่ดุ้นเบ้อเร่อ..อย่างยุค
    นี้..ชิ้นนิดเดียว..แต่ละชิ้น..ก็ใหญ่แค่..พอๆกับหัวแม่มือผู้ชายเท่านั้น..และส่วนใหญ่จะมี..ไม้จิ้ม
    ฟันปัก..ไว้ให้..เพื่อความสะดวก..ที่ไม่มี..ก็อาจจะอยู่ในกระทงเล็กๆ..เพื่อเหมาะสำหรับหยิบ..และถือ
    ไว้..ไม่ว่า..แซนด์วิชชีสแฮม..แซนด์วิชทูน่า..ไข่ปลาคาร์เวียบนขนมปัง..ไข่ปลาซัลม่อนบน
    ขนมปัง..ไข่ปลาเทราต์บนขนมปัง...และ..อาหารญี่ปุ่นคือ..ชิ้นปลาดิบ(ปลาซัลม่อน)..ซึ่ง..เขาก็
    จะมี..มัสตาร์ดเขียว..ใส่กระทงเล็กๆ..ไว้ให้จิ้มด้วย..ฯลฯ..เป็นต้น..ยุคโน้น..แทบจะไม่มีพวก..
    ซูชิ..ครับชิ้นมันใหญ่.....ไอ้วางสารพัดอาหารแบบกินอิ่ม..บนโต๊ะ..แบบยุคนี้ไม่ต้องฝันเลย..
    ..ยุคนี้..มีแม้กระทั่ง..ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น...
    ...........ส่วนซูชิ..จะมีบ้างก็ต้อง..งานเลี้ยงแบบบุฟเฟต์..ในโรงแรมใหญ่สี่ห้าดาว..และ..เจ้าภาพ
    ลงทุนมากๆหน่อย...ถึงจะได้กิน..พวกซูชิ..กัน..งานบุฟเฟต์ธรรมดา..หรือ..ที่จัดตามสโมสร..นี่
    ไม่ต้องไปหาหรอกครับ..ไม่มีอาหารญี่ปุ่น.....
    ........ผมเองนั้น..ก็ได้กิน..จากทั้ง..งานค็อกเทลปาร์ตี้..และ..งานบุฟเฟต์หรู..มาแล้ว..ก็เฉยๆ..
    ไม่ได้ชอบอะไร..แต่ชอบมันตรงกินง่ายเท่านั้นเอง...ก่อนหน้าผมไปญี่ปุ่น..ผมก็คุ้นอยู่แค่นี้...
    .............
    ....ย้อนกลับไปต่อ..เรื่องที่ผมได้ดดยสารเครื่องเจแปนแอร์ไลน์..มา..ญี่ปุ่นนั้น...ก็มีโอกาศ..
    สัมผัศอาหารประเภท..เส้น..ของแท้..ของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก....นั่นคือ...
    ...................โซบะเย็น...ที่เสริฟบนถาดไม้...ที่มันมีไข่มาให้...๑ ฟอง...และ..โชยุ...
    ....ผมเห็นครั้งแรก..งงเลย..อารายวะ..เครื่องอะไร..ก็ไม่มี..หมูซักชิ้น..ก็ไม่มี..ผัก..หอม
    ..ถั่วงอก(..ผมก็คิดเปรียบเทียบกับ..เครื่องก๋วยเตี๋ยวบ้านเรา..)..ก็ไม่มี....ไอ้ไข่นะ..ผมเห็น
    ทีแรก..ก็นึกว่า..ไข่ลวก..ผมก็งง..ว่าไอ่ยุ่นนี่มันแปลกวะ..กินบะหมี่(..ตอนนั้น..ก็ไม่แน่ใจ..
    เพราะเกิดมา..ก้ไม่เคยเห็น..บะหมี่ที่มันสีประหลาดแบบนี้)..ผมลองเอา..ตะเกียบจับเส้น..
    ขึ้นมาใส่ปากยิ่ง..งง..โอ้โห..เย็นเจี๊ยบเลย...ก็เลยคิดงั้นกูกินแค่..ไข่ลวกดีกว่า..แล้วค่อย..
    สั่งอย่างอื่นมากินต่อ...พอจับไข่ทีแรก..ก็ไม่ได้สงสัยอะไร..ว่ามันเย็นธรรมดา..ไม่มีความร้อน
    เลย..ก็คงทำไว้นานแล้ว..พอตอกเท่านั้น..คราวนี้..เละตุ้มเปะ..เลย.....เพราะมันกลายเป็น..
    ..ไข่ดิบ..แล้วตอนนี้..ไอ้ไข่นี่มันก็ไหลไปปน.กับเส้น..แล้ว....สรุป...
    .....................ก็คือ.................ไม่กิน..........คืน..แล้วสั่งอย่างอื่นมากินแทน..............
    ..........................
    ...........ผมก็นั่งไปเปิด..นิตยสารญี่ปุ่นที่เขาเสียบไว้..ไป..ก็มึนเหมือนกันทีแรก..ว่า..หน้าปกมัน
    ..ทำไมอยู่ข้างหลังหว่า..นึกขึ้นมาได้ว่า..อ๋อไอ้ยุ่นมันใช้ตัวจีน..ดังนั้นระบบการอ่านมันก็คงตาม
    ...จีนนั่นแหละ..ผมเปิดไปหน้า..ที่เป็นร้านอาหาร..ก็เห็นก๋วยเตี๋ยวมันดูหน้าตา..น่ากินดี..ยังมา
    นั่งคิดเลยว่า..ทำไมกูถึงซวย..ต้องมาเจอไอ้นี่วะ....ด้วยความที่ชอบอาหารประเภทเส้น...
    ..ก็ตั้งใจไว้เลยว่า....ต้องไปลองไอ้พวกก๋วยเตี๋ยวแบบอื่น..ดูมั่ง..............
    .....................
    .....ผมจำได้ตั้งแต่หลังจากที่ไอ้ยุ่นพาพวกเราออกจากโรงแรมขึ้นรถไฟ..ไปที่ศูนย์..ในตอน
    เช้าวันแรกแล้ว..วันที่สองตอนเช้าก็ไปกันเอง..พอตกเย็นหลังกินข้าวเย็นกลับเข้าโรงแรม..
    ..ผมก็บอก..พวกไอ้ซิงห์..ไอ้โก้..ไอ้โด้...บอกมึงก็ไปเองเป็นแล้วนิ..ตอนเช้าไม่ต้องรอกู...
    พวกมึงก็ไปกันเลย..เพราะ..กูอาจจะไปก่อน..หรือ..หลังมึงก็ได้..เพราะกูตื่นเช้ามาก...กูก็จะ
    ไปเดินเล่น..ในปาร์ค(ชินจูกุปาร์ค)..และ..เดินชมวิวเล่น..เดี๋ยวพวกมึงจะรอ..แยกกันก็แล้วกัน
    แล้ว..ค่อยไปเจอกันที่..ศูนย์.................

    ........[​IMG]

    ...........[​IMG].

    ............[​IMG]

    .......................
     
  13. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................
    .......ผมนะไม่อยากทำตัวผูกมัดกับใคร..อยู่แล้ว..เพราะจะได้เป็นอิสสระ..แต่ก็เป็นเรื่องจริง
    ด้วย..ที่ไปเดินเล่นที่..สวนซึ่งอยู่ตรงข้ามถนน..หน้าโรงแรมเลย......อากศมันดีจริงๆ..ผมนะ
    ตท่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง..แต่งตัวเสร็จ..หิวของพร้อมออกไปเลย..ไม่แวะกลับเข้ามาอีก...โดยที่
    กดตู้เอานมมากิน ๑ กล่อง..ปกติตอนอยู่เมืองไทย..ผมก็กินแค่นี้แหละ..นมกล่องเดียว....
    .........แล้วก็ออกจากโรงแรม..ข้ามถนนไป..ยังปาร์ค..(..ยังเช้ามากครับตอนนั้น..มีเวลา
    เหลือเฟือ)..........
    .............................
    ............ผมเดินรับสายลมที่โชยมาอ่อน..โดยที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวน..แหงนหน้าสูดอากาศ
    อย่างเต็มปอดรู้สึกแช่มชื่น..มาก..และยังแปลกใจตัวเองที่มาได้ถึงที่นี่..ดูดบุหรี่เสร็จ..ก็เดิน
    รอบๆอย่างเชื่องช้า..แล้วก็ขึ้นไปชมวิว..บนสะพานลอย..ที่เชื่อม..ย่านธุรกิจตึกสูง..กับส่วน
    ของ..ปาร์ค..ก็มองไปเรื่อยๆ..แล้วสายตาก็ต้องไปสะดุด..เข้าที่บริเวณริมขอบปาร์ค..ด้าน
    ทิศตะวันตก..ซึ่งถ้าออกมาจากโรงแรมโดยตรง..ก็ถึงที่ตรงนั้นก่อน..สาเหตุคือ....
    .....มันมีรถแท้กซี่..จอดรวมกันอยู่แถวนั้น..ซักสิบคันได้..และ..มีคนมุง..รถเข็นอะไรซักอย่าง
    แถวนั้น..ความที่อยากรู้..ผมก็เลยลงจากสะพานลอยเดินย้อนกลับไปที่ปารค์..และมุ่งไปที่นั่น..
    ......ปรากฏว่า..ไอ้พวกที่มุงอยู่..บางส่วน..บางส่วนนั่งยองๆ..คุยอยู่ข้างกัน..แต่ไม่ได้นั่งอย่าง
    เดียว..ในมือ..ไอ้พวกนี้..มี..ชามก๋วยเตี๋ยว..อยู่ด้วย..หลายคนก็กำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
    ด้วยความเมามัน..ผมดูแล้วเหมือนกับ..เมื่อคืน..ไอ้พวกนี้มันไม่ได้กินข้าวเย็นกันรึไง...พอเดิน
    เข้าไปใกล้..โอ้โห..เสียงสูดเส้นก๋วยเตี๋ยว..แหวกอากาศมาเลย..(..ผมพึ่งมาใหม่..ไม่รู้เรื่องครับ
    ครั้งแรกๆ..เมื่อไปอยู่ได้ไม่ถึงเดือนที่ผมได้ไปทานข้าวที่บ้านคนญี่ปุ่น..ที่เมียเขาทำอาหารเลี้ยง
    ..ด้วยวัฒนธรรม..ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง..โดยเฉพาะในตัวผู้ชาย..เมียเขาก็ทำอาหาร....
    อร่อยดี..(ผมนะ..ไม่มีปัญหา..ไม่เหมือนคนไทย..คนอื่น..ที่ชอบอาหารรสจัด..ผมกินเผ็ดไม่ค่อย
    ได้อยู่แล้ว..)..ผมก็ยิ้มแย้ม..ระหว่างการกิน..แต่แปลกใจที่สีหน้าเมียเขา..ดูเศร้าๆยังไงไม่ทราบ
    ทั้งๆที่ตอนเจอทีแรกก็ยิ้มแย้มกันดี..(โค้งกันไปมาจนเมื่อยเอว)..กินอิ่ม..ก็ยิ้มและบอกกับผัวเขา
    ให้บอกเมียเขาด้วยว่า..อาหารอร่อยมาก(เมียฟังอังกฤษ..ไม่ออก)..เมียเขาก้ยิ้มและโค้งให้..แต่
    ยังหน้าตาเศร้าๆเช่นเคย..แล้วผมกับ..ไอ้ตัวผัว..ก็ออกสูบบุหรี่..ข้างนอก..รอกาแฟ..ที่ผมขอไว้..
    ..ผมก็อึดอัด..เลยถาม..ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น..ไอ้ผัวก็หัวเราะ..บอกว่า..ก็เพราะท่าทางมึง
    มันดูแล้ว..อาหารไม่ถูกปาก..เพราะดูเงียบๆธรรมดา..กินไปเรื่อยๆ..มันบอกว่า..ผู้ชายญี่ปุ่น
    เวลากินอาหารที่อร่อยเขาไม่เก็บอาการ..เขาจะต้องดูกะตือรือล้น..มูมมาม..และ..กินเสียงดัง
    ..แสดงท่า..บิดหัวเอียงๆ..แล้ว..ซู้ดปากดัง....นั่นแหละถึง..จะอร่อยจริง..แต่ถ้าเอ็งกินแบบนี้
    ..ต่อให้บอกให้อร่อย..คนทำเขาก็ไม่เชื่อ..เพราะเขาคุ้นแบบนี้..คำชมก็แค่เป็นการรักษามารยาท
    ..เท่านั้น..นั่นแหละ..เมียกูถึงเศร้าไง.......
    .........อ้าว !!!!..ไอ้ชิบหาย..กลายเป็นแบบนั้นไป...ผมก็นึกในใจ......
    ...ผมก็เลยบอกว่า...บ้านกูนะ..อาหารจะอร่อยไม่อร่อย..จะมาทำแบบที่มึงว่านี่..เป็นเรื่อง..
    น่ารังเกียจ ( DISGUST )..และไม่ให้เกียรติ..เจ้าของบ้าน..และ..ถือว่าชั้นต่ำ..ไม่มีการศึกษา..
    ...เผลอๆอาจถูกไล่ออกจากบ้าน..ก่อนกินข้าวเสร็จด้วยซ้ำ..การให้เกียรติคือ..การกินอย่าง..
    สุภาพ..เงียบ..ไม่ให้มีเสียง..ไม่พูดคุย..ขณะมีอาหารอยู่ในปาก..
    .....ผมเลยบอก..ไอ้ผัว..ให้รีบเข้าไปอธิบายให้เมียฟัง..ตอนนี้เลย..ที่กูบอกมึงเนี่ย..บอกว่า..
    อันนี้..มันเป็นวัฒนธรรมไทย..ที่ให้เกียรติเจ้าบ้าน..อย่าเข้าใจผิด..เดี๋ยวกูรออยู่ข้างนอกนี่แหละ
    ..แล้ว..มันก็ไปเล่าให้เมียมันฟัง...เมียมันก็หน้าตาดีขึ้นเข้าใจ..ผมขอโทษเขา..เขาก็โค้งขอโทษ
    ผม..กันไปอีก คนละ๒-๓ ครั้ง...กินกาแฟเสร็จ..ก็ออกไปสูบบุหรี่กันนอกบ้านอีกที...คุยกันนิด
    หน่อย..ก่อนจะกลับเข้าบ้านอีกครั้ง..ไอ้ผัวมันบอกผมว่า..มึงอยากเห็น..เมียกูยิ้มดีใจ..อย่างแช่ม
    ชื่นมั้ย....มันให้ผมท่องประโยคสำคัญภาษาญี่ปุ่น..ที่ผมจำจนวันตาย..และ..ภายหลังใช้บ่อย...
    เอามาใช้แม้..ตอนกลับมาไทย..แล้วไปกินข้าวบ้านคนญี่ปุ่น...
    ....มันเป็นเหมือน..คาถาที่ได้ผลชะงัดมาก....คือ....
    ..........................................................................................
    ................โชิโซ่..ซามะ..เดชิตะ............(ผมไม่แปลนะครับ..ถ้าอยากจะรู้กัน...ให้คุณมากิ..
    ..แปล..และ..อธิบายให้....ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกัน..)...
    ...............................................................................
    ...ปรากฏว่า...จริงด้วยแหะ..ตอนลาเมียเขากลับ..ผมก็พูดประโยคนี้...เมียมันก็ยิ้มแฉ่งเลย...
    ...ขอบคุณใหญ่เลย..โค้งอีก ๕ รอบ..ผมเลยต้องโค้งรับอีก ๕ ครั้งเมื่อยเอว..ไปเลย...
    ....จำไว้ได้เลยครับ..ท่านผู้อ่านที่..มีโอกาศไปกินข้าวที่บ้านคนญี่ปุ่น..บอกกับ..แม่บ้านเขา..
    ...วันหลัง..เขาจะเชิญคุณไปกินข้าวอีก..เรื่อยๆ..แบบผม..)
    .....................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2015
  14. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    .โคชิโซ่..ซามะ..เดชิตะ.

    ยังไม่รู้ความหมาย แต่ท่องจำไว้่ก่อน เพราะพี่ modpong ไม่เคยอำและทำให้ผิดหวัง
     
  15. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ............................................
    ...ขอบใจมากน้องพี่..ที่ยังเชื่อมั่นในตัวพี่..แต่ต้องจำไว้ว่า....
    .....ใช้..หลังจาก..ที่ทานอาหารเสร็จแล้ว...ก่อนจะกลับ...
    ....อย่าไปใช้ก่อน..กิน....
    .........................
    ...เรื่อง..คำแปล..คำอธิบาย..รอคุณมากิ..มาแถลงไขเอา..แต่ตอนนี้..ไม่รู้เป็นไงมั่ง..เพราะข่าวแผ่นดินไหว..ที่..ไซตามะ...ขอให้ปลอดภัยนะครับ.....
    ........................
    ...สำหรับท่านอื่นที่..มาอ่าน..แล้วอย่าแปลกใจครับ..
    ..สำหรับ..น้องผม..คนนี้..เขาเป็นแฟนคลับ..ติดตามบทความของผม..มาต่อเนื่องหลายปี..เขาทราบว่า..
    ..ผมเป็น..คนแบบไหน...ถึงแม้ผมจะหน้าใหม่..บอร์ด..นี้..แต่ผม..หน้าเก่ามาก..ของ..อีก..บอร์ดนึง..
    .

     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .....................................
    ..........กลับมาต่อเรื่องเดิม..ที่ตรงนั้น..มีรถเข็น..จอดอยู่คันเดียว...นั่นก็คือ..เหล่าแท็กซี่
    ทั้งหลาย..ก็แสดงว่ามากินที่เจ้านี้เจ้าเดียว..มีทั้งยืนกิน..และ..นั่งกิน..อย่างที่ผมบอก.งเห็น
    แต่ชามก๋วยเตี๋ยว..ก็แสดงว่าขายอยู่อย่างเดียว..(ผมนั้น..ยืนอยู่ห่างพอสมควร..สังเกตการณ์
    อยู่..ยังไม่เห็นว่าในรถเข็นมีรายละเอียดอะไร..)..วันนั้นที่เห็น..ทั้งหมดที่เป็นลูกค้า..เป็นผู้ชาย
    ล้วนครับ..ไม่มีเด็ก..หรือ..ระดับเยาวชน..มีแต่คนทำงาน..นอกจากแท็กซี่..ก็มีคนหนุ่มๆใส่สูท
    ..ยืนซดก๋วยเตี๋ยวอยู่อีก ๓-๔ คน..แต่ต่างคนต่างกิน..แสดงว่า..ไม่ได้มาด้วยกัน..เห็นก้ทราบว่า
    ..มันก้พนักงานธรรมดานี่แหละ..ที่อยู่ในย่านธุรกิจ..ในชินจูกุ..ที่ห่างไป..ไม่ถึง ๒๐๐ เมตร..
    ....แต่ขณะที่..ผมยืนดูอยู่นั้นไม่นาน..ก็มี..รถโตโยต้าคราวน์สีดำคันใหญ่..เข้ามาจอดอยู่ห่างๆ
    (..เรื่องรถนี้..ผมทราบธรรมเนียมของญี่ปุ่นอย่างนึงมาก่อนหน้าแล้วคือ..เรื่องผู้บริหารใหญ่..
    ของบริษัทญี่ปุ่น..เขาจะใช้รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นเท่านั้น..ในการเดินทางไปทำงาน..
    ..ไปงานเลี้ยง..หรือ..พิธีรีตรองต่างๆ(..แต่รถส่วนตัวนั้น..ส่วนใหญ่..ก็รถยุโรป..ครับ)...ซึ่งขณะ
    นั้น..ก็เกือบทั้งหมดจะเป็น..โตโยต้า คราวน์..(สั่งทำพิเศษ..ซึ่งจะหรูหรา..และมีสิ่งอำนวยความ
    สะดวกมากมาย..)..ซึ่งเปรียบได้กับ..รถคาดิแลค..ของอเมริกา...นอกจากนั้น..ก็จะมี..นิสสัน
    เซดริก(สั่งทำพิเศษ..เช่นกัน)..แต่น้อย....สาเหตุที่เป็นอย่างนี้..ก็ไม่ใช่อะไรครับ..เพื่อแสดง
    ภาพพจน์ชาตินิยม..ให้คนทั่วไปได้เห็นเท่านั้นเอง..)...พอมันจอดซักพัก..พนักงานขับรถ..
    ..ที่แต่งเต็มยศ..คือ..สูท..หมวก..ถุงมือขาว..ก็ลงมาจากรถ...แล้วก็เดินไปที่รถเข็น...แค่นี้ก็รู้
    แล้วว่า..มันไปทำไม..ซักพัก..ก็เดินถือ..ชามก๋วยเตี๋ยว..ไปที่รถ..ซึ่งคนในรถ..ที่เห็นแต่มือ..
    ก็เปิดประตู..หลังออกไปแล้ว..รับชามก๋วยเตี๋ยว.....
    .......ผมก็แปลกใจ..โอ้โห..นี่ขนาดผู้บริหารบริษัท..มันยังมากิน..ก๋วยเตี๋ยวรถเข็น..ที่นี่..มันต้อง
    ไม่ธรรมดาแหงๆ...ผมก็ตัดสินใจเลย..โดยยังไม่รู้รายละเอียด..เดินเข้าไปใกล้ๆ..แล้วชะโงก
    หน้าเข้าไปมองในรถเข็น...(ยังไม่ได้ต่อคิว..ขอดูก่อน)..กลิ่นโชยเข้ามาปะทะจมูกเลย..
    หอมมากๆ....เรียกว่า..ขนาดยังไม่เห็น..ก็ได้คะแนนแล้ว...ผมก็เห็น..ก็ลักษณะคล้ายๆ..ทำนอง
    เดียวกับ..ก๋วยเตี๋ยวรถเข็นบ้านเรา..ก็มีหม้อลวกอันใหญ่..เป็นหลัก..แต่ผมจะสังเกต..เส้นก่อน
    ..(..ตอนนั้น..ผมยังไม่มี..ประสพการณ์..เรื่องโซบะ..และ..อูด้งมาก่อนเลย..และยังไม่เคย..
    ทดลองกินมาก่อน..)...ผมเห็นเส้นที่..มีอยู่แค่ ๒ อย่าง..อันแรก..ก็คล้าย..เส้นบะหมี่..บ้านเรา
    แต่ไม่เหลืองเท่า..ขาวอมเหลือง..เส้นไม่กลม..ออกแบนหน่อยๆ..กับ..เส้นอีกแบบ..ที่ใหญ่บิ๊ก..
    หนา..ไม่กลมดิก..แต่มีส่วนแบนนิดๆ..สีเดียวกับ..อย่างแรก..ตอนนั้น..ผมรู้เลยว่า..จะสั่งอะไร
    ...ก็คือแน่นอน..สั่งไอ้เส้นบิ๊กนี่แหละ..มันมีที่มาครับ....
    ...........สมัยเด็กๆร่วมๆห้าสิบปีมาแล้ว..นั้น..เวลาปิดเทอมใหญ่ทีไร..แม่ผมจะพา..ลูกๆ..ไป..
    เยี่ยมคุณตา..ซึ่งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง..จังหวัดพังงา..(บ้านเดิมแม่ผม)..และ..ไปอยู่ที่นั่น..
    เป็น..สิบกว่าวันขึ้นไป..ก็ได้ไปเที่ยวเล่นแถวนั้น..ที่ๆไปประจำ..ก็คือ..ภูเก็ต..(..ที่บ้านเราจะเอา
    รถขับลงไป..ใต้..กันเอง)..เนื่องจากแม่ผม.ก็มีบ้านญาติ..ที่แม่เขาจะไปเยี่ยมทุกครั้งที่ลงใต้..
    อยู่ในตัวเมืองภูเก็ตด้วย..ตอนนั้น..สะพานสารสิน(..สะพานที่เชื่อมแผ่นดินใหญ่..กับ..เกาะ
    ภูเก็ต..ยังไม่มีนะครับ..ตอนที่ผมได้ไปเป็นครั้งแรก..ยังไม่ได้เริ่มสร้างด้วยซ้ำ..พอผ่านไปปี
    สองปี..ก็เริ่มมีการก่อสร้าง..)..ขณะที่..ยังไม่มีสะพานนั้น..ชาวบ้านหรือ..ข้าราชการทั่วไป..
    ..จะไปเกาะ..หรือ..ออกจากเกาะ..มาแผ่นดินใหญ่..ต้องพี่งการขนส่งหลักคือ..เรือข้ามฟาก..
    ..ซึ่งจะขนทั้งคน..รถยนต์..รถบรรทุก..ข้ามกลับไปกลับมา..โดยจุดที่เรือจอดทั้งสองฝั่งนั้น
    ..จะเรียกเป็น..ท่าเรือข้ามฟาก..เรียกว่า..ท่านุ่น..กับ..ท่าฉัตรไชย..มันนานจนผมจำไม่ได้แน่
    แต่ผมว่า..ท่าฉัตรไชย..อยู่ฝั่งภูเก็ต..และท่านุ่นอยู่ฝั่งพังงา..นะ....ทั้งสองท่านี่..คนพลุกพล่าน
    มาก..มีของขายเยอะ..ของกินก็เยอะ..และส่วนใหญ่จะเป็นของอร่อย..ของทั้งพังงา..และ..
    ภูเก็ต..เลย..เรียกว่า..ของในตัวเมืองไม่อร่อยเท่าที่นี่....
    .......และผมก็ดันติดใจ..ของอร่อย..อย่างนึงที่นี่..เรียกว่า..มาทุกครั้ง..สั่งกินทุกครั้ง..ที่ไหนก็
    อร่อยสู้ไม่ได้..คนเพียบ..(..มันมีเวลาครับ..เพราะต้องรอเรือข้ามฟากอยู่แล้ว..)....
    .....นั่นคือ...ก๋วยเตี๋ยวลำปำ..หรือ..บะหมี่ลำปำ...ซึ่งเป็นอาหารของพวกฮกเกี้ยน..(คนปักษ์ใต้
    เชื้อสายจีน..ตั้งแต่ชุมพรลงไปส่วนใหญ่..จะเป็นฮกเกี้ยน..โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน..ที่อยู่กันหนา
    แน่น....)..เส้นมันใหญ่ยักษ์..คล้ายๆไอ้นี่เลย..ผมยังจำความหนึกนุ่ม..ของมันได้ดี..ชอบมากๆ..
    (ต่างกันแค่..เล็กกว่ากันหน่อย..และ..เหลืองกว่า.....)
    ..คือ..มันถูกอรรถรสการกิน..ของผม..มากกว่าเส้นบะหมี่..ธรรมดาทั่วไป..
    ...................
     
  17. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ................
    ....ขออนุญาต..แก้ไข..ข้อมูลหน่อย....
    ...เพราะ..สะกดผิดไป..คือ..คาถาที่บอกไป..คราวที่แล้ว..(ผมแก้ที่..ต้นฉบับแล้ว)
    .....สะกดคำขึ้นต้นว่า.."โค"...จำเพี้ยนไปหน่อย..ผมกลับมาทบทวนแล้ว
    ...อ้าว..ไม่ใช่นี่หว่า..มันต้อง.." โก"..ถึงจะถูก..ก็เลยต้องรีบแก้ไขด่วน..
    ...เดี๋ยวจะจำ..ผิดไป..และอาจโดน..คณมากิ..ต่อว่าได้...
    .....ดังนั้น..ประโยคนี้จริงๆคือ..
    ............................................
    ......โกชิโซ่..ซามะ..เดชิตะ..........
    .....................................
    (สาเหตุ..ที่อยากให้..คุณมากิ..แปล...เพราะ..คนที่ใช้ชีวิตที่นั่น..
    ..และ..เข้าใจวัฒนธรรมที่นั่นอย่างดี..ย่อมให้ความหมาย..
    ที่ลึกซึ้ง..กว่าผม..ผมนะเข้าใจว่า..มันแปลว่าอะไร..แต่มันอาจไม่
    ลึกซึ้งพอ..เท่านั้นครับ..ไม่ใช่เล่นตัว...)
    ....ตามนี้ครับ.......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2015
  18. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    เล่าได้สนุก ให้ความรู้ และได้สาระดีมากๆค่ะ ติดตามอ่านอยู่ทุกวัน ขอขอบคุณมากๆค่ะที่ มาโพสต์เล่าให้ทราบค่ะ
     
  19. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....................................
    ..สวัสดี..และ..ขอบคุณมากครับ..คุณมะลิ..
    ..ที่เขียนมาชมเชย..ถือว่าเป็นกำลังใจอย่างดีครับ...
    ..ผมมาเขียนแนวนี้..เป็นครั้งแรก..ที่นี่เลยครับ...
    ..ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า..จะเป็นยังไงบ้าง..แต่พอบอก
    มาแบบนี้..ก็มีกำลังใจเขียนต่อมากขึ้นครับ......
    ...ถ้าชอบก็..ไม่ต้องห่วง..อีกยาวไกลมากครับ...ถึงลอยกระทงแน่ๆ..แต่จะเลยนั้นไปอีกเท่าไหร่..ก็ไม่ทราบครั..นี่เพิ่งเริ่มต้นเรื่องเอง...
     
  20. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................
    ...........................ในตอนนั้น..ผมยังใหม่มาก..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า..เขาเรียกว่าอะไร....ก็สังเกต
    ..และ..พยายามจับคำ..(ตอนนั้น..ผมก็ไม่ใส่ใจว่า..จะไปเข้าห้องเรียนทันรึเปล่า..ผมมันประเภท
    มีอะไรค้างคา..ไม่ได้..มันหงุดหงิด..วันนี้ต้องเอาให้รู้เรื่องและ..ต้องสั่งไอ้ที่ผมอยากกิน..มากิน
    ให้ได้..)..พวกผักที่ใส่..ดูแล้วเหมือนต้นหอม..(แต่ไม่ใหญ่ยักษ์..แบบต้นหอมญี่ปุ่นที่ใส่ในอูด้ง
    ทั่วไป)..แล้วก็อะไรไม่รู้อีกบางอย่าง..ไอ้นี่มันหั่นแบบ..ค่อนข้างซอยละเอียด..และใส่เยอะ..
    (..เยอะกว่า..อูด้งทั่วไป)..ส่วนเครื่องอื่นนั้น..ผมดูในรูปก่อนหน้านี้..พวกเป็นเส้นแบบนี้..เอ๊ะ..
    มันไม่เห็นเหมือนเขาเลย..ในหนังสือ..ผมเห็น..กุ้งทอดแป้งโกกิ(..ไอ้นี่เรียกแบบไทยเลย...
    ตอนนั้น..ก็พอรู้จักกุ้งเทมปูระมาบ้างแล้ว...ของไอ้เจ้านี้แปลก..มันเป็นกุ้งเล็กครับ.....หลายตัว
    ทอดติดกันเป็นแพ..และ..ที่สำคัญคือ..มันจะกลมดิก..และ..ขนาดมันจะเล็กกว่า..ปากชาม
    ก๋วยเตี๋ยว..เล็กน้อย...ที่สำคัญทำไมมันเป็นแบบนั้น..เพราะเมื่อใส่น้ำใส่เส้น..ใส่ผักบางส่วน..
    แล้ว..มันจะเอาไอ้แพกุ้งทอดนี้..วางทับไปบนหน้า..แล้ว..แพกุ้งที่มันลอยน้ำก๋วยเตี๋ยวอยู่....
    มันจะปิดทุกอย่างพอดี..แล้วโรยผักซอย..ทับหน้าอีกที..ก็เป็นเสร็จ..เมื่อคุณมองไปที่ชาม
    คุณจะไม่เห็นเส้น..หรือ..อย่างอื่นเลย..เพราะจะเห็นแต่ไอ้แพกึ้งทอดกลมๆนี่..กับผักซอยโรย
    หน้าเท่านั้น........
    ............ไอ้แพกุ้งเล็กทอดแบบเทมปูระนี่..ปรากฎว่า..มันทำมาล่วงหน้าแล้วครับ..มันไม่ได้
    ทำตรงนั้น....มันขายกัน..แค่ ๒ ผัวเมีย..เท่านั้น..ผมก็ดันไม่ได้สังเกตว่า..มันมีหน้าแบบอื่นรึ
    เปล่า..แต่คนที่สั่ง..ก้เห็นมีแต่ไอ้หน้าแพกุ้งทอดแบบนี้..ผมสังเกตและฟัง..หลายครั้ง..ก็จับ
    ความได้..ความที่รู้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า..ไอ้กุ้งทอด..มันคือ..เทมปูระ..คราวนี้ก็เลยแยกออก
    ..เมื่อไอ้พวกแท็กซี่บางคนมันสั่ง..บะหมี่เส้นเล็ก..มันก็เรียกว่า..เทมปูระโซบะ.......
    ..ไอ้คนที่สั่ง..เทมปูระอูด้ง...มันจะได้เส้นอ้วน...แล้วก็จับความได้อีกอย่างคือ...(เนื่องจาก
    ตั้งแต่ตอนรับตั๋วเครื่องบินจากเมืองไทย..เจแปนแอร์ไลน์..เขาก็แถมคู่มือภาษาญี่ปุ่นอย่างง่าย
    เป็นเล่มเล็กๆ..ผมก็ลองอ่านตั้งแต่นั่งบนเครื่องบินมาแล้ว..และวันแรกที่ไปที่ศูนย์เขาก็แจก..
    คล้ายๆกันอีกเล่ม..และ..ผมก้นั่งอ่านก่อนนอน..ในโรงแรมมาแล้ว..และ..ท่องตัวเลข ๑ ถึง
    ๑๐..ได้..)...เขาต่อท้ายอาหารที่สั่งว่า..อิชิ-ไม...
    .........ผมก็จำได้ว่า..อิชิ..มันคือ..๑...งั้นก็แสดงว่า...ไม..นี่น่าจะแปลว่า..ชามมั้ง..(เพราะ..
    ตอนนั้น..ยังไม่รู้เรื่อง..มันก็แทนว่า..อัน..หรือ..ชิ้น..ใช้กับ..สิ่งของอะไรก็ได้).....
    .............ผมรอจนแน่ใจแล้ว..ว่าไอ้ที่ผมจะกินนี่..เรียกว่า..อะไร...(ยืนดู..เขาสั่งกันซัก ๕ นาที
    มั้ง..จนไอ้พนักงานขับรถท่านประธาน..เอาชามมาส่งคืนแล้ว)..ผมถึงไปต่อแถว..กับเขา....
    .....จากที่สังเกตแล้ว..ก็คือประมาณ ๘๐ เปอร์เซนต์..ของลูกค้าที่มากินนี่เบิ้ลทั้งนั้น..โดย
    เฉพาะพวกแท็กซี่..นี่เรียกว่าเกือบร้อยทั้งร้อย(..นี่เป็นการสังเกตจากหลังจากวันนี้ไป ๑
    อาทิตย์..)..ผมไปต่อนี่..คนที่ห้าหรือที่หก..นี่แหละครับ..ทำเร็วมาก(ผมสังเกตตั้งแต่แรกแล้ว)
    ..โชคดี..ที่ไอ้คนก่อนหน้าผม..มันสั่งเหมือนกับที่ผมจะสั่ง..ก็เลยได้ยินชัดๆข้างหู..เพื่อย้ำ
    ความแน่ใจอีกครั้ง..ผมเตรียมเอาแบ็งก์ ๑ พันเยน..ใส่กระเป๋าเสื้อไว้แล้ว..ไม่ต้องถามให้เมื่อย
    ชัวร์ได้..คนชั้นแรงงานกิน..ยังไงก็ไม่เกิน ๓๐๐ เยน..แหงๆ..ยิ่งมันกินเบิ้ลกันทั้งนั้น..

    ....ผมค่อนข้างจะภูมิใจในตัวเอง..ที่จะมีทักษะในการประเมิน..อยู่แล้วในทุกๆเรื่อง..จึ่งมั่นใจ..
    .......พอถึงคราวผม..ผมก็สั่งอย่างเต็มปากเลย..” เทมปูระ-อูด้ง อิชิ-ไม “ (..เทมปูระอูด้ง
    ๑ ชาม )..ทุกอย่างราบรื่น..ให้ผัวมันก็..ไฮ้..แล้วก็บรรเลงทำ..ให้ผมเลย..โอ้โห..ยิ่งยืนใกล้
    หม้อน้ำก่วยเตี๋ยวมันแล้ว..ยิ่งหอมเข้าไปใหญ่..ความจริงตอนที่แล้ว..ที่ผมบอกไปว่า..ปกติ..
    ผมกินอาหารเช้า..ก็แค่..นม ๑ กล่อง..ก็พอ..แล้วตอนที่ตัดสินใจ..ไปเข้าคิวนั้น..มันก็มีอารมณ์
    แค่อยากลอง..แค่นั้น..แต่ตอนนี้..ไอ้กลิ่นนี่..มันลาก..น้ำย่อยออกมาจากต่อมเลย..รู้สึกหิว..
    ขึ้นมาทันที..สาเหตุอย่างหนึ่งที่..มันทำได้เร็วง..ก็อย่างที่ผมบอก..ไว้ก็คือ..มันเตรียมไว้แล้ว
    ..ไอ้พวกผัก..พวกหอม..อะไรนี่มันก็ซอยไว้แล้ว..ส่วนใหญ่ (..ก็อีเมีย..พอล้างชามเสร็จ..ก็
    มาช่วยผัว..เตรียมไอ้พวกกระจุกกระจิกนี่ไว้..ด้วย)..ไอ้ผัวก็แค่ลวกเส้น..ใส่ชาม..เติมน้ำ..แล้ว
    ก็..โรยผักซอย..เอาไอ้เทมปูระแพกลม..มาโปะหน้า..แล้วก็โรยผักข้างบนอีกที..แค่นี้ก็เสร็จ..
    ............”...ไฮ้..โดโซะ..”...เสียงดังฟังชัดแบบบ้านนอกแท้..พร้อมกับ..ของอร่อย !!!..มัน
    ก็มาวางบน..ที่วางแคบๆข้างหน้าผม....
    ....................

    ................[​IMG]


    ....คล้ายๆ..แบบนี้ครับ..แต่สวยงามและ..กลมดิก.."แพกุ้งทอด"..ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า..

    ..........."คาคิอาเกะ".........
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...