เทคนิคในการปรับเวลาเพื่อกระตุ้นร่างกาย

กระตุ้นพลังงานด้วยการปรับเวลา

คุณสาว ๆ ที่ตื่นเช้ามาด้วยความอ่อนเพลีย มานั่งทำงานด้วยความเหนื่อยหน่าย กลับบ้านด้วยความอ่อนล้า ลองมาดูเทคนิคในการปรับเวลา เพื่อให้ร่างกายของเรากระตือรือล้นขึ้นค่ะ



7 โมงเช้า..ลุกจากที่นอนได้แล้ว ดื่มน้ำอุ่น ๆ บีบมะนาวลงไปหน่อย เพื่อปลุกตับ และชะล้างระบบการย่อยอาหาร ตามด้วยผลไม้ ก่อนที่จะไปเริ่มต้นวันยุ่งเหยิง
8 โมงเช้า.. ปลุกสติให้ฟื้น ด้วยกลิ่นอโรมาจากส้ม มะนาว สะระแหน่ สมองจะโปร่ง โดยอาจจะเลือกใช้ครีมอาบน้ำที่มีกลิ่นพวกนี้ก็ได้
9 โมงเช้า.. ไปเดินเล่น บางคนอาจจะไปขึ้นรถเมล์ ก็ถือว่าใช้ได้ หรือจอดรถห่างจากที่ทำงานแล้วเดิน กิจกรรมยามเช้าจะช่วยปลุกร่างกายให้ตื่นตัวพร้อมรับวันใหม่
10 โมงเช้า.. หาของว่างรับประทานสักหน่อย เลือกของว่างที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และโปรตีนเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่
11 โมง.. ดื่มชาขาว งดกาแฟ เพราะชาขาวมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์มากกว่าชาเขียว แต่มีระดับคาเฟอีกต่ำกว่าชาเขียว เพื่อให้พลังงานไม่ดิ่งวูบลงไประหว่างวัน
บ่ายโมง.. หิวแล้ว รับประทานอาหารโปรตีนสูงอย่างเช่น ทูน่า ไก่ หรือสลัดเต้าหู้ การกินโปรตีนล้วนจะทำให้อิ่มเร็ว จากนั้นเดินเร็ว ๆ ชมร้านต่าง ๆ จะทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา และเผนผลาญแคลอรี่ได้
บ่ายสอง..ดื่มน้ำเข้าไว้ จิบบ่อย ๆ เพื่อรักษาพลังงานให้คงที่ ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพราะหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ สมาธิจะน้อยลงไปอีกมากทีเดียว
บ่ายสาม..ยืดเส้นยืดสาย การนั่งทำงานทั้งวันไม่ดีแน่ ดังนั้นให้ยืดเส้นยืดสายสัก 2-3 นาที เหยียดแขน ขา คอ เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
สี่โมงเย็น..หากรู้สึกหิว อย่าพยายามรับประทานของหวาน ให้กินถั่วแทน จะทำให้มีโปรตีนสูงพอที่จะตื่นตัวอยู่ได้
6 โมงเย็น.. ฟังซีดีเพลงโปรด เพราะช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุด ให้กระตุ้นพลังงานด้วยเพลงที่ชอบ บางคนอาจจะนั่งฟังเพลงระหว่างขับรถกลับบ้าน หรือใครเข้าครัวอยู่ก็เปิดเพลงฟังได้เหมือนกัน
หนึ่งทุ่ม.. เลี่ยงอาหารคาร์โบไฮเดรต และรับประทานอาหารมื้อเย็นก่อนที่จะเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อย และไม่ตัวบวมอืดในวันต่อมา
4 ทุ่ม..เข้านอนและนอนให้หลับสนิทวันละ 8 ชั่วโมง ฝึกให้นอนและตื่นในเวลาเดียวกันเสมอ เพื่อให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าตลอดไป