เทวภูมิ ๖ (สวรรค์ ๖)

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย ปัญญาพร, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    ;20[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1227361/[/MUSIC]
    เทวภูมิ ๖ ( สวรรค์ ๖)
    แดนอันแสนดีเลิศล้ำด้วย กามคุณ ทั้ง ๕ โลกของ เทวดา ตามปกติหมายถึง กามาพจรสวรรค์<O:p</O:p
    ๑.จาตุมหาราชิการ (สวรรค์ชั้นที่ ๑) สวรรค์ที่ท้าวมหาราช ๔ องค์ ปกครอง<O:p</O:p
    จาตุมหาราชิกา มีมหาราช ๔ องค์<O:p</O:p
    ๑. ท้าววธตรัฐะ มหาราช เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก<O:p</O:p
    ๒. ท้าวิรุฬหกะ มหาราช เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศใต้<O:p</O:p
    ๓. ท้าววิรูปักษ์ มหาราช เป็นผู้ปกครอง นาคะเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก<O:p</O:p
    ๔. ท้าวเวสสุวรรณ มหาราช เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศเหนือ(ท้าวกุเวร หรือ เวสสวัณ)<O:p</O:p
    ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็นผู้รักษาโลกมนุษย์ด้วย จึงชื่อว่า ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวโลกบาล ๔<O:p</O:p
    พระเจ้าพิมพิสาร เอง แม้จะเป็น พระโสดาบัน แต่ก็พอใจสวรรค์ชั้นนี้<O:p</O:p
    ได้เกิดเป็นบริวารของ ท้าวเวสสุวรรณมหาราช<O:p</O:p</O:p
    เทวดาที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของ ท้าวจาตุมหาราช<O:p</O:p
    ๑. ปัพพตัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยภูเขาอยู่<O:p</O:p
    ๒. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่ อาศัยอยู่ในอากาศ<O:p</O:p
    ๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่ มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมบริโภคอาหาร แล้วตาย<O:p</O:p
    ๔. มโนปโทสิเทวดา เทวดาที่ ตายเพราะความโกรธ<O:p</O:p
    ๕. สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น<O:p</O:p
    ๖. อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น<O:p</O:p
    ๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระจันทร์<O:p</O:p
    ๘. สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่ อยู่ในพระอาทิตย์</O:p
    ยักษิณี นางยักษ์<O:p</O:p
    ยักษ์ มีความหมายหลายอย่าง แต่ที่ใช้บ่อยหมายถึง อมนุษย์ พวกหนึ่ง เป็นบริวารของ ท้าวกุเวรตามที่ถือกันมาว่ามีรูปร่างใหญ่โตน่ากลัว มีเขี้ยวโง้ง ชอบกินมนุษย์กิสัตว์ โดยมามีฤทธิ์ เหาะได้ จำแลงตัวได้<O:p</O:p
    เทวดา หมู่ เทพ ชาว สวรรค์ เป็นคำรามเรียกชาว สวรรค์ ทั้งเพศชายและเพศหญิง</O:p
    เทวดาตามที่อยู่อาศัย <O:p</O:p
    ๑. ภุมมัฎฐเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน เช่น ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร ใต้พื้นดิน บ้านเรือน ซุ้มประตู เจดีย์ ศาลา เป็นต้น ถือว่าที่นั้น ๆ เป็นวิมานของตน<O:p</O:p
    ๒. รุกขเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ มี ๒ จำพวก คือ <O:p</O:p
    ๒.๑ มีวิมานอยู่บนต้นไม้ ถ้าอยู่บนยอดต้นไม้ เรียก รุกขวิมาน<O:p</O:p
    ถ้าอยู่บนสาขาของต้นไม้ เรียก สาขัฏฐวิมาน<O:p</O:p
    ๒.๒ อยู่บนต้นไม้แต่ไม่มี วิมาน (ที่อยู่ของเทวดา)<O:p</O:p
    ๓. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่มีวิมานอยู่ในอากาศ<O:p</O:p
    ในธรรมบทอรรถกถา พุทธวังสอรรถกถา แสดงเทวดาชั้น จาตุมหาราชิกา มี 2 จำพวก โดยจัด <O:p</O:p
    รุกขะเทวดา อยู่ในจำพวก ภุมมัฎฐะเทวดา เทพารักษ์ เทวดาผู้ดูแลรักษาที่แห่งใดแห่งหนึ่ง</O:p
    เทวดาที่มีใจโหดร้าย<O:p</O:p
    ๑. คันธัพโพ คันธัพพี ได้แก่ เทวดาคันธัพพะ ที่ถือกำเนิดภายในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม ที่เรียกว่า นางไม้ หรือแม่ย่านาง<O:p</O:p
    หรือ คนธรรพ ชอบรบกวนให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่นทำให้เกิดเจ็บป่วย หรือ<O:p</O:p
    หรือ คนธรรพ์ ทำ อันตรายแก่ทรัพย์สมบัติของผู้อื่นที่นำไม้นั้นมาใช้สอย อยู่ในความปกครองของ ท้าวธตรัฏฐะ คันธัพพะเทวดา นี้สิงอยู่ในไม้นั้นตลอดไป <O:p</O:p
    แม้ใครจะตัดไปใช้สอยอย่างใด ๆผิดกับ รุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ตามต้น<O:p</O:p
    ไม้ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็ย้ายจากต้นนั้นไปต้นอื่น<O:p</O:p
    ๒. กุมภัณโฑ กุมภัณฑี ได้แก่ เทวดาภุมภัณฑ์ ที่เรียกกันว่า รากษสเป็นเทวดาที่รักษาสมบัติต่าง ๆเช่นแก้วมณี <O:p</O:p
    และรักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามีพวกล่วงล้ำ ก็ให้โทษต่าง ๆอยู่ใน<O:p</O:p
    ความปกครองของ ท้าววิรุฬหกะ<O:p</O:p
    ๓. นาโค นาคี ได้แก่ เทวดานาค ได้แก่เทวดานาค มีวิชาเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ขณะท่องในโลกมนุษย์ บาง<O:p</O:p
    ทีก็เนรมิตเป็นคนสัตว์ต่าง ๆ ชอบลงโทษพวกสัตว์นรก อยู่ในความ<O:p></O:p>
    ปกครองของ ท้าววิรูปักขะ<O:p</O:p
    ๔. ยักโข ยักขนี ได้แก่ เทวดายักษ์ พอใจเบียดเบียนสัตว์นรก อยู่ในความปกครองของ ท้าวเวสสุวรรณ</O:p
    อาการเกิดของเทวดา ถ้าได้เคยสร้างบุญกุศลไว้มากกพอ ก็ไปเกิดในวิมานของตนเองพร้อมกับมีบริวาร ไม่ต้องเป็น<O:p</O:p
    บุตรธิดาหรือเทวดารับใช้ของผู้ใด<O:p</O:p
    กล่าวไว้ในอรรถกถาบางแห่งเป็นพิเศษ เทวบุตร คือ บุรุษ ที่เกิดบนตักของเทวดา<O:p</O:p
    เทวธิดา คือ สตรี ที่เกิดบนตักของเทวดา<O:p</O:p
    เทวดาสตรี ถ้าเกิด ในที่นอน จัดเป็น ปริจาริกา (นางบำเรอ)<O:p</O:p
    ถ้าเกิด ข้างที่นอน จัดเป็น พนักงานเครื่องสำอาง<O:p</O:p
    ถ้าเกิด กลางวิมาน จัดเป็น คนใช้</O:p
    ๒ ดาวดึงส์ (สรรค์ชั้นที่ ๒) <O:p</O:p
    แดนแห่งเทพ ๓๓ มีจอมเทพชื่อ ท้าวสักกะ หรือที่เรียกว่า พระอินทร์ เป็นใหญ่สุด เมื่อพระอินทร์องค์หนึ่งสิ้นบุญ จุติ ไป ก็มีพระอินทร์อีกองค์หนึ่งเกิดสืบแทนกันไป ดาวดึงส์ เป็นคำบาลีแปลว่า ๓๓ บางทีก็เรียก ไตรตรึงษ์ ซึ่งเป็นคำสันสกฤต แปลว่า ๓๓ เหมือนกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากกุศลธรรมในอดีต บริโภคอาหารอันละเอียดสุขุม ชนิดที่เป็น สุธาโภชน์(ผู้บริโภคอาหารทิพย์) อารมณ์ที่ได้รับจึงล้วนมีแต่ อิฏฐรมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนา) และไม่มีความเจ็บป่วย ไม่มีอุจจาระ ปัสสาวะ เทวดาผู้ชาย มีความเป็นหนุ่มอยู่ในวัย ๒๐ ปี ส่วนเทวดาผู้หญิงมีความเป็นสาวอยู่ในวัย ๑๖ ปี สวยงามตลอดไปจนตาย มิได้มีความชรา เทวดาผู้หญิงไม่มีประจำเดือนและไม่ต้องมีครรภ์ เว้นแต่ ภุมมัฏฐเทวดา บางองค์ที่ยังมีประจำเดือน และครรภ์เหมือนมนุษย์ความเป็นอยู่ของเทวดาในเทวโลกนี้ เป็นเช่นเดียวกับมนุษย์โลก มีการไปมาหาสู่กันและเบียดเบียนกัน มีความรักใคร่ ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน สมบัติของเทวดาเหล่านั้น มีความยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งบริวาร วิมานและ อิฎฐรมณ์ ต่าง ๆ สุดแต่กรรทที่ตนได้กระทำไว้<O:p</O:p</O:p
    โกสิยเทวราช คือ พระอินทร์ เรียก ท้าวโกสีย์ บ้าง ท้าวสักกเทวราช บ้าง<O:p
    เทวดาที่อยู่บนชั้นดาวดึงส์มี ๒ พวก <O:p
    ๑. ภุมมัฏฐเทวดา ได้แก่ พระอินทร์ และเทวดาชั้นผู้ใหญ่ ๓๒ องค์ พร้อมทั้งบริวาร เทวอสุรา ๕ จำพวก<O:p
    ๒. อากาสัฏฐเทวดา ได้แก่ พวกเทวดาที่อยู่ในวิมานลอยไปกลางอากาศ<O:p
    <O:p
    เทพ เทพเจ้า เทวดา<O:p
    <O:p
    เทพ ๓<O:p
    ๑. สมมติเทพ เทวดาโดยสมมติ ได้แก่ พระราชา พระเทวี และพระราชกุมาร<O:p
    ๒. อุปปัตติเทพ เทวดาโดยกำเนิด ได้แก่เทวดาใน กามาวจรสวรรค์ และ พรหม ทั้งหลาย เป็นต้น<O:p
    ๓. วิสุทธิเทพ เทวดาโดยความบริสุทธิ์ ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ ทั้งหลาย<O:p
    <O:p
    สุขาวดี แดนที่มีความสุข เป็นชื่อสวรรค์ของพระอมิตาภพุทธ ฝ่ายมหายาน<O:p
    ๓. ยามา (สวรรค์ชั้นที่ ๓) <O:p
    แดนแห่งเทพผู้ปราศจากความทุกข์ มี ท้าวสุยามเทพบุตร ปกครอง ตั้งแต่ภูมิยามานี้ขึ้นไปตั้งอยู่ในอากาศ จึงไม่มีเทวดา ภุมมัฏฐเทวดา อาศัยอยู่ มีแต่พวก อากาสัฏฐเทวดา พวกเดียว ร่างกายสวยงามประณีต อายุยืนยาวกว่าเทวดาชั้น ดาวดึงส์ มากเป็นภูมิที่สวยงามประณีต ปราศจากความยากลำบาก ไม่มีเรื่องทุกข์ ได้แก่ที่อยู่ของพวกที่รักษา อุโบสถในชั้นฟ้านี้ไม่เห็นพระอาทิตย์เลย เพราะว่าอยู่สูงกว่าพระอาทิตย์มากแต่เทพชั้นนี้เห็นกันได้ด้วยรัศมีแก้ว และด้วยรัศมีของเทพเองจะรู้ว่ารุ่งหรือค่ำด้วยอาศัยดอกไม้ทิพย์ คือ เมื่อเห็นดอกไม้บานจึงรู้ว่ารุ่ง เมื่อเห็นดอกไม้หุบจึงรู้ว่าค่ำ เทพชั้นยามยามาไม่ปรากฏว่าได้ลงมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์<O:p
    ๔. ดุสิต (สวรรค์ชั้นที่ ๔)<O:p</O:p
    แดนแห่งเทพผู้เอิบอิ่มด้วยสิริสมบัติของตน มี ท้าวดุสิตเทวราช ปกครอง เป็นภูมิของเทวดาผู้อิ่มเอิบด้วยบารมี ผู้มีปัญญา ผู้อยู่ในภูมินี้จึงมีแต่ความชื่นบาน มีวิมานทิพย์ ทิพย์สมบัติ ร่างกายประณีตกว่าเทวดาในชั้น ยามา เป็น ภพ สุดท้ายของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทุกพระองค์ก่อนที่จะมาบังเกิดและตรัสรู้ในมนุษย์โลก<O:p
    ทิพย์ เป็นของเทวดา วิเศษ เลิศกว่าของมนุษย์<O:p
    ๕. นิมมานรดี (สวรรค์ชั้นที่ ๕)<O:p</O:p
    แดนแห่งเทพผู้ยินดีในการนิรมิต มีท้าวสุนิมมิต หรือ นิมมิตเทวราช ปกครองเทวดาชันนี้ปรารถนาสิ่งใด นิรมิตเอาได้ตามความพอใจของตน ไม่มีคู่ครองของตนเป็นประจำ เมื่อใดปรารถนาใคร่เสพ กามคุณ เวลานั้นก็ เนรมิต เทพบุตร หรือเทพธิดาขึ้นมาตามความปรารถนา และเมื่อใดได้เพลิดเพลินกับ กามคุณ นั้นสมใจแล้ว กามคุณ ที่เนรมิตขึ้นมานั้นก็จะอันตรธานหายไป<O:p
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า <O:p</O:pกัมมัง เขตตัง กรรม เป็นเหมือนนา<O:p</O:p
    วิญญาณัง พีชัง วิญญาณ เป็นเหมือนพืชที่หว่านลงในนา<O:p</O:p
    ตัณหา สิเนโห ตัณหา เหมือนยางเหนียวมีอยู่ในพืช อันจะทำให้พืชนั้นปลูกงอกงามขึ้นได้<O:p</O:p
    เพราะฉะนั้น เมื่อยังมี กรรม วิญญาณ และ ตัณหา อยู่ ก็ยังจะต้องไปเกิด<O:p</O:p
    ในภพต่าง ๆ คือหมายความว่า ยังมี อวิชชา เป็นเครื่องกั้นอยู่ ยังมี ตัณหา<O:p</O:p
    เป็น สังโยชน์ คือเครื่องผูกอยู่</O:p
    ๖. ปรนิมมิตวสวัตดี (สวรรค์ชั้นที่ ๖) <O:p</O:p
    แดนแห่งเทพผู้ยังอำนาจให้เป็นไปในสมบัติที่ผู้อื่น นิรมิต (บันดาลให้เป็นขึ้นมีขึ้น) ให้<O:p</O:p
    มีเทพเป็นราชาผู้ปกครองอยู่ ๒ ฝ่าย<O:p</O:p
    ฝ่าย เทพยดา ปรนิมมิตรสวัตตีเทวราช ปกครองเทพไม่เป็นมาร<O:p</O:p
    ฝ่าย มาร (๒) ปรนิมมิตวสวัตตีเทวราช (ชื่อเหมือนกัน)<O:p</O:p
    หรือ พญามาราธิราช หรือ วสวัตตีมาร ปกครองเทพที่เป็นมาร<O:p</O:p
    ฝ่ายมาร(๒) หรือเทวปุตตมาร<O:p</O:p
    เป็น มิจฉาทิฎฐฺ เทวดา ที่ไม่มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา มารนี้มีความกลัวเป็นข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งว่าตนจะสิ้นอำนาจครอบครองโลกไม่ประสงค์ให้ใครทั้งนั้นบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เพราะเมื่อผู้ใดพ้นโลก หมายถึงว่ามีจิตใจพ้นกิเลสดังกล่าว ผู้นั้นก็พ้นอำนาจของมารทั้งยังเป็นผู้คอยขัดขวางให้เกิดอุปสรรคต่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เสมอ เมื่อวันที่ พระพุทธองค์ เสด็จอออกบวช พญามารตนนี้ได้มาปรากฏตัว ยกมือห้ามว่าอย่าออกบวชเลย อีกไม่นานเท่าไรท่านก็จะได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงขับไล่ออกไป เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญ ทุกรกิริยา ก็มากระซิบบอกว่า บัดนี้พระองค์ก็บรรลุสัมโพธิญาณดังหวังแล้ว ปรินิพพาน เถอะพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พระองค์จะไม่ ปรินิพพาน จนกว่า พรหมจรรย์ (การประพฤติธรรมอันประเสริฐ) ของพระองค์จะแพร่หลายมั่นคง ครั้นเมื่อเงื่อนไขทุกอย่างพร้อมแล้ว พญามารจึงเข้ามากราบทูลให้ ปรินิพพาน เท่ากับทวงสัญญาว่าบัดนี้ถึงเวลาที่พระองค์จะปรินิพพานแล้วพระพุทธองค์จึงทรง ปลงอายุสังขาร<O:p
    พญามาราธิราช จะต้องทำบุญไว้มาก ไม่เช่นนั้นก็จะไม่บังเกิดในสวรรค์ชั้นสูงนี้ได้ภายหลังละ มิจฉาทิฏฐิ และกลับมาเลื่อมใสในพุทธศาสนา<O:p
    เทวดาชั้นนี้ปรารถนาสิ่งใดไม่ต้องนิรมิตเอง มีเทวดาอื่นที่รับใช้เนรมิตให้ตามต้องการ เป็นภูมิที่มีความสุขและเพลิดเพลินมากเทวดาที่อยู่ในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีนี้ไม่มีคู่ครองเป็นประจำโดยเฉพาะตน เป็นที่อยู่ของพวกที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นไว้มาก<O:p
    <O:p
    ปลงอายุสังขาร ตกลงใจกำหนดการสิ้นสุดอายุ ตกลงพระทัยว่าจะ ปรินิพพาน<O:p</O:p
    ปลงสังขาร ทอดอาลัยในกายของตนว่าจะตายเป็นแน่แท้แล้ว<O:p</O:p
    ทุกรกิริยา การทำความเพียรอันยากที่ใคร ๆ จะทำได้ ได้แก่การบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุธรรมวิเศษด้วยวิธีการทรมานตนต่าง ๆ เช่นกลั้นลม อัสสาสะ (ลมหายใจเข้า) ปัสสาสะ(ลมหายใจออก) และอดอาหาร เป็นต้น เขียนเต็มเป็น ทุกกรกิริยา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เทวภูมิ หรือ ฉกามาพจรสวรรค์ ทั้ง ๖ ชั้นยังเกี่ยวข้องกับ กามคุณ<O:p
    เทวภูมิ ๖ (ฉกามาพจรสวรรค์ ๖)<O:p</O:p
    ๑. จาตุมหาราชิกา มีเหมือนมนุษย์<O:p</O:p
    ๒. ดาวดึงส์ มีเหมือนมนุษย์<O:p</O:p
    ๓. ยามา มีแต่ กายสังสัคคะ (กายสังสัคคะ ความเกี่ยวข้องด้วยกาย การเคล้าคลึงร่างกาย)<O:p</O:p
    ๔. ดุสิต มีเพียงจับมือกัน<O:p</O:p
    ๕. นิมมานรดี มีเพียงยิ้มรับกัน<O:p</O:p
    ๖. ปรนิมมิตสวัตตี มีแต่มองดูกัน<O:p</O:p
    ในเทวภูมิไม่มีสัตว์เดรัจฉาน และเมื่อต้องการจะมีม้ารถเทียม ก็จะมีเทพบุตรจำแลง กายของเทวดา เรียกว่าเป็นกายทิพย์ เป็นกายสว่างละเอียด ไม่มีปฏิกูล เกิดเป็น อุปปาติกะ คือ ผุดเกิดขึ้น มีตัวตนโตเต็มที่เลย แต่เป็น อทิสสมานกาย คือ การยที่ไม่ปรากฏแก่ตาคนในเทวภูมิบริบูรณ์ด้วยความสุข อายุก็ยืนยาว แก่เจ็บไม่ปรากฏตายก็ไม่ปรากฏซาก จึงเห็นทุกข์ได้ยาก</O:p
    เทวดาจะจุติ มี ๔ ประการ<O:p</O:p
    ๑. อายุขัย จุติเพราะสิ้นอายุ <O:p</O:p
    ได้แก่ เทวดาที่ได้เคยสร้างกุศลมาก็ได้เสวยสมบัติทิพย์จนครบอายุทิพย์ในเทวโลกชั้นที่ตนอยู่นั้น ครั้นหมดอายุแล้วก็จุติ<O:p
    ๒. บุญญขัย จุติเพราะสิ้นบุญ<O:p</O:p
    ได้แก่ เทวดาที่สร้างสมบุญกุศลไว้น้อย เมื่อกุศลผลบุญที่ได้กระทำไว้หมดสิ้นลงเสีย แต่ในระหว่างยังไม่ถึงอายุขัย จำต้องจุติไปเกิดที่อื่น เพราะหมดบุญแล้ว<O:p</O:p
    ๓. อาหารขัย จุติเพราะสิ้นอาหาร<O:p</O:p
    ได้แก่ เทวดาบางจำพวกที่เสวยทิพย์สมบัติ จนลืมบริโภคสุธาโภชนาหารทิพย์อันเป็นปัจจัยแก่กาย และชีวิตถ้าแม้ว่าเขาลืมบริโภคภายหลังสักร้อยครั้งพันครั้ง ก็มิอาจจะซ่อมแซมให้ดีขึ้นมาใหม่<O:p</O:p
    ๔. โกธพลขัย จุติเพราะความโกรธ<O:p</O:p
    ได้แก่ เทวดาบางจำพวกที่มีจิตริษยาหาเหตุพาล มีความโกรธในหัวใจ<O:p
    จุตินิมิตของเทวดา ๕ ประการ นิมิตล่วงหน้า ซึ่งอุบัติเกิดแก่เทวดาผู้จะต้องจุติ <O:p
    จุติ เคลื่อนจาก ภพ หนึ่งไปสู่ ภพ อื่น ตาย (ส่วนมากใช้กับเทวดา)<O:p</O:p
    ๑. ดอกไม้ทิพย์เครื่องประดับเหี่ยวแห้ง<O:p</O:p
    ๒. ผ้าทิพย์เครื่องประดับสำหรับองค์มีสีเศร้าหมอง<O:p</O:p
    ๓. มีเหงื่อไหลออกมาจากรักแร้<O:p</O:p
    ๔. ที่นั่งและที่นอนร้อนดุจมีไฟอยู่ภายใต้<O:p</O:p
    ๕. กายของเทวดาเหี่ยวแห้งเศร้าหมองหารัศมีเช่นก่อนไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยเนื้อตัวมือตีน มีความกระวนกระวายใจ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ดวงใจปฐพี

    ดวงใจปฐพี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +104
    เทวดาที่จุติแล้ว
    สามารถจุติไปยังภพภูมิใดได้บ้าง
    หรือต้องจุติเป็นมนุษย์อย่างเดียว
     
  3. ปัญญาพร

    ปัญญาพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +797
    ไปได้ทุกภพค่ะ...ทั้งนิพพาน พรหม มนุษย์ หรืออบาย ขึ้นอยู่กับบุญกุศลของเทวดาตนนั้น...ว่าเมื่อก่อนได้สะสมไว้มาก - น้อยเพียงใด หรือเมื่อเป็นเทวดาแล้วจะหลง...จนลืมปฏิบัติต่อหรือไม่ สรุปว่าไปได้ทุกภพค่ะ...
    ขณะเดียวกันผู้ที่จะมาปฏิสนธิเป็นเทวดา...ก็มาจากทุกภพภูมิได้เช่นกัน...ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากมนุษย์ค่ะ...(kiss)

    ขอบคุณ คุณดวงใจปฐพีมากนะคะ ที่ติดตามอ่านกะทู้
    ขอจงมีความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นค่ะ

    ;20
     
  4. ดวงใจปฐพี

    ดวงใจปฐพี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +104
    ขอบคุณ คุณปัญญาพรเช่นกันค่ะ
    ที่หาบทความดีๆมาให้อ่านตลอด
    (เพลงประกอบเพราะมากค่ะ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...