เทศน์วันสงกรานต์ วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช
๒๕๖๘
[yt]Gw7UI63lwBI[/yt]
https://www.youtube.com/live/Gw7UI63lwBI เทศน์เริ่มนาทีที่ ๐๑.๐๐.๔๕
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ ติฯ
ณ โอกาสบัดนี้ อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชชนาในสุตกถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ของบรรดาธนิสราทานบดีทั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันมหาสงกรานต์ ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้
ญาติโยมทั้งหลาย ประเพณีสงกรานต์นั้นเป็นวัฒนธรรมของทางอินเดียโบราณ เมื่อส่งผ่านมาจนถึงประเทศไทยของเรา ก็มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทของชาวบ้าน ก็คือ จากที่มีการสาดสีกัน ก็กลายเป็นสาดน้ำแทน จากการที่เลี้ยงพราหมณ์ก็มาเลี้ยงพระ มีการฟังเทศน์ฟังธรรม ทำบุญใส่บาตร ก่อพระเจดีย์ทราย และถวายสังฆทาน เป็นต้น เพียงแต่ว่าคำทายต่าง ๆ เกี่ยวกับวันสงกรานต์นั้นก็ยังคงยึดถือตามแบบพราหมณ์อยู่ดี
สำหรับปีนี้นั้น เนื่องจากว่าการเข้าสู่วาระของมหาสงกรานต์ คือ วันที่พระอาทิตย์ยกย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ ก็คือ ยกจากหมู่ดาวปลาคู่เข้าไปสู่หมู่ดาวหัวแกะ เป็นเวลา ๐๔.๓๐ น. ของเมื่อวาน
ถ้านับตามตำราสากลก็เป็น วันจันทร์ที่ ๑๔ แต่ว่าเรามักจะนับตามหลักโหราศาสตร์และจันทรคติของไทยเรา แต่โบราณมาถ้ายังไม่สว่างก็จะนับเป็นวันเดิม ก็คือ วันอาทิตย์ ดังนั้น..นางสงกรานต์ปีนี้จึงเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ ก็คือ "นางทุงษะเทวี" ซึ่งมีคำทำนายว่า นางทุงษะเทวีนั้นเสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาบนหลังพญาครุฑ
เทศน์วันสงกรานต์ วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 เมษายน 2025 at 10:25.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
การที่นางสงกรานต์จะยืนมา นั่งมา หรือนอนมาก็ตาม ขึ้นอยู่กับเวลาที่พระอาทิตย์ยกย้ายเข้าสู่ราศีเมษ
- ถ้าหากว่าตั้งแต่ ๖ โมงเช้าถึงเที่ยง เวลาใดเวลาหนึ่งที่พระอาทิตย์ล่วงเข้าสู่ราศีเมษ นางสงกรานต์ก็จะยืนมา ถือว่าเป็นเวลาของความขยัน เวลาของการทำงาน
- ถ้าตั้งแต่เที่ยงถึง ๖ โมงเย็น นางสงกรานต์ก็จะนั่งมา
- แต่ถ้าหากว่า ๖ โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน นางสงกรานต์ก็จะนอนลืมตา ยังไม่ได้เวลานอนจริง ๆ
- ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนจนถึง ๖ โมงเช้าของวันใหม่ นางสงกรานต์ก็จะนอนหลับตา
พระหัตถ์ซ้ายทรงจักร หมายถึงว่า อำนาจจะอยู่กับหมู่ทหาร ถ้ามีปัญหาอะไรต้องให้ทหารออกมาแก้ปัญหา ถ้าหากว่าทหารไม่ได้ออกมาแก้ปัญหา อย่างน้อยสุนัขทหารก็ออกมาช่วยหาคนที่ติดอยู่ใต้ซากตึกได้..!
พระหัตถ์ขวาทรงสังข์ สังข์เป็นเครื่องประกาศชัยชนะ เป็นเครื่องประกาศความโด่งดัง ประเทศชาติของเราจะมีชื่อเสียงปรากฏแก่ชาวโลก ตรงนี้ต่อให้ไม่ถือสังข์มาก็น่าจะใช่ เพราะว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศตอนนี้เต็มเมืองไทยเลย พากันมาสาดน้ำสงกรานต์ ต่อให้ประเทศพม่า ประเทศจีนตอนใต้ ประเทศลาว หรือประเทศกัมพูชามีสงกรานต์..เขาก็ไม่ไป..! -
เราจะเห็นว่า บ้านเราเมืองเรานั้นโดยนิสัยของคนไทยแล้ว เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเขามาแล้วได้รับความประทับใจ ถ้าเราไปเน้นตรงเรื่องของการบริการ โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ซื่อตรง ก็จะทำให้นักท่องเที่ยวเขายินดีที่จะมามากกว่านี้
แต่ขอร้องว่า อย่าฝากชีวิตไว้กับการท่องเที่ยว ถ้าสภาพเศรษฐกิจอย่างปัจจุบันนี้ คนก็มักจะที่จะเอาตัวรอดไว้ก่อน ถ้าหากว่ามีเงินน้อยเขาก็ไม่มาเที่ยวกัน เราจะไปฝากประเทศชาติของเราไว้กับการท่องเที่ยวอย่างเดียว ทำท่าจะไปไม่รอด อย่างน้อย ๆ ต้องใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดมา ให้พวกเราเร่งรัดในเรื่องของเกษตรทฤษฎีใหม่ อย่างน้อย ๆ ทำมาแล้วถ้าขายไม่ได้ เราก็กินเองได้ มีความมั่นคงในเรื่องของอาหารอย่างเดียว แก้ปัญหาชีวิตไปได้ครึ่งหนึ่ง
เนื่องเพราะว่าในส่วนอื่น ๆ นั้นเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค หรือว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ เราสามารถหาได้ แล้วใช้งานได้ยาวนานมาก แม้กระทั่งยารักษาโรค อย่างน้อยก็มีอายุ ๔ ปี แต่ว่าอาหารเราต้องกินทุกวัน องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลมาก เห็นว่าถ้าประชากรมีความมั่นคงในด้านอาหารแล้ว ต่อให้โลกมีปัญหา เราก็เอาตัวรอดได้ -
นางสงกรานต์ทรงพาหุรัดทัดดอกทับทิม อาภรณ์ปัทมราค "พาหุรัด" ก็คือ ทองรัดต้นแขน สมัยนี้เห็นนิยมทำเป็นรูปนาคเกี้ยว สมัยก่อนเขามักจะทำเป็นทองแผ่นฉลุ ประดับอยู่บริเวณต้นแขน ถ้าหากว่านุ่งห่มแบบไทย ใส่โจงกระเบน หรือผ้าถุงแล้วห่มสไบ จะเป็นการโชว์สมบัติประจำตัว ขออภัย..โชว์ทองคำ..เดี๋ยวจะไปเข้าใจผิด..! เป็นการโชว์สมบัติประจำตัวให้เขาเห็นว่าเป็นคนมีฐานะ
ดังนั้น..พาหุรัดส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับต้นแขน พวกเราไม่ค่อยจะไม่เข้าใจกัน ฟังเสร็จแล้วว่า นางสงกรานต์จะเอาตลาดขายผ้าไปประดับตัวเองได้อย่างไร ? เพราะว่าสมัยก่อนพาหุรัดเป็นตลาดขายผ้า ส่วนใหญ่ก็พวกแขก ถึงเวลาก็เอาผ้าเทินหัวไปเดินขายทีละบ้าน ผ่อนได้ทุกรูปแบบ อาบังทำมาก่อน ขอเก็บวันละบาท ๒ บาทก็เอา ใครเกิดไม่ทันไม่เป็นไร มีโอกาสจะเล่าให้ฟังต่อไป
คราวนี้นางสงกรานต์ประดับดอกทับทิม ก็ถือว่า ดอกทับทิมเป็นดอกไม้มงคลของปีนี้ ประดับปัทมราค คือ แก้วสีแดง แก้วสีแดงของบ้านเราก็มีแต่ทับทิมเหมือนกัน ถ้าโกเมนก็มักจะออกแดงดำ ดังนั้น..ทับทิมก็ถือเป็นเครื่องประดับมงคลอีกอย่างหนึ่ง
นี่เป็นความเชื่อตามหลักโหราศาสตร์ของอินเดียเขา เราท่านทั้งหลายแค่ศึกษาเอาไว้ก็พอ -
เกณฑ์ "ธาราธิคุณ" ตกราศีพิจิก ชื่อว่าอาโป แปลว่าน้ำมาก ถ้าน้ำมากแล้วอยู่เป็นที่เป็นทางก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าน้ำมากแบบที่ผ่านมา พี่น้องชาวปักษ์ใต้ก็เดือดร้อนมาก ลงไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์ก็ยังมีน้ำท่วมเดือดร้อนกันไปทั่ว จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง อาตมภาพเคยพูดเรื่องการบริหารจัดการน้ำมาหลายต่อหลายวาระแล้ว ยังไม่ได้รับการสนใจจากผู้มีอำนาจ พวกเราก็ต้องช่วยกันเองไปก่อน
เกณฑ์ธาราธิคุณตกอาโปธาตุ นาคให้น้ำ ๕ ตัว มีการบันดาลให้ฝนตก ๖๐๐ ห่า คำว่า "ห่า" ในที่นี้เป็นมาตราวัดแบบโบราณ เขาวัดง่าย ๆ ว่า เอาบาตรพระขนาดมาตรฐานไปวางไว้กลางแจ้ง ถ้าฝนตกแล้วน้ำเต็มบาตรพระก็ได้ ๑ ห่า แต่คราวนี้ฝน ๖๐๐ ห่านั้นตกในเขาจักรวาล ๒๔๐ ห่า หมดไปเกือบครึ่ง ตกในป่าหิมพานต์ ๑๘๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๒๐ ห่า เหลือตกในโลกมนุษย์ ๖๐ ห่า พอไหม ? มากเกินไป..!
เนื่องเพราะว่าตกในเขาจักรวาล ก็แปลว่า สารพัดดวงดาวได้ไปแค่ ๒๔๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ไป ๑๘๐ ห่า มหาสมุทรมีพื้นที่มากกว่าแผ่นดิน ๓ เท่า ตกไป ๑๒๐ ห่า ที่เหลือ ๖๐ ห่าลงบ้านเราล้วน ๆ นี่แย่เลยนะ..! ดังนั้น..ในเรื่องของน้ำจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก -
เกณฑ์ "ธัญญาหาร" ตกลาภะ เขาว่าข้าวปลาอาหารจะได้ผลดี ดังนั้น..มีวิธีการเดียวก็คือ เร่งในเรื่องของการเกษตรเอาไว้ อะไรที่ปลูกแล้วกินได้ขายได้
ทำอย่างวัดท่าขนุนก็ได้ ปลูกผักปลอดสารพิษในเรือนเพาะชำ ลงทุนไม่กี่สตางค์ สามารถที่จะตัดขายได้ทุกเดือน คำว่า ทุกเดือน หมายถึงว่า แต่ละรอบเดือนจะมีสินค้าออก ถ้าเราใช้วิธีตั้งเรือนเพาะชำเสีย ๔ โรง ก็สลับกันออกอาทิตย์ละ ๑ โรง ถ้าเป็นเรือนเพาะชำใหญ่หน่อยก็ตัดขายได้ทุกวัน ครบอาทิตย์ก็ปลูกใหม่ เรือนที่ ๒ ก็ตัดขายต่อไป ครบอาทิตย์ก็ปลูกใหม่ เรือนที่ ๓ ตัดขายต่อไป ครบอาทิตย์ก็ปลูกใหม่ พอตัดเรือนที่ ๔ ปลูกเสร็จครบเดือนพอดี เรือนที่ ๑ ออกใหม่ได้อีกแล้ว ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ เราก็จะมีพืชผลการเกษตรออกจำหน่ายอยู่ทุกวัน มีรายได้เข้าครัวเรือนทุกวัน หรือว่าถ้าไม่มีใครซื้อจริง ๆ เราก็เก็บไว้กินเองได้ แต่ขอให้เชื่อเถอะ ถึงเวลาแล้วคนที่ปลูกไม่เป็นทำไม่เป็นมีเยอะมาก อย่างไรเสียของ ๆ เราก็ต้องขายได้..!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะพินิจพิจารณาว่า ในสถานการณ์ที่โลกเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย มีทั้งภัยธรรมชาติ มีทั้งภัยสงคราม เราควรที่จะเอาตัวรอดอย่างไรบ้าง ?
สำหรับบุคคลที่ไม่มีที่ไม่มีทาง แต่มีงานประจำ ก็ประหยัดกินประหยัดใช้ เก็บเงินเก็บทองเอาไว้บ้าง ถึงเวลาเดือดร้อนขึ้นมา จะได้พอช่วยให้ตัวเองรอดไปได้สักระยะหนึ่ง ก่อนที่ความช่วยเหลือจะเข้ามาถึง คงไม่ต้องนอนอยู่ใต้ตึกไป ๑๔ วัน กว่าจะมีคนขุดเจอ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านทั้งหลายก็จะสามารถยืนระยะได้ด้วยตนเองไปก่อน
-
เพียงแต่ว่า..อย่าฝากชีวิตไว้กับความมักง่าย ก็คือ อย่าเชื่อว่ามีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ช่วยให้รวยเร็ว ๆ ใครที่พูดเรื่องเหล่านี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่าจะเป็นมิจฉาชีพมาหลอกลวงเรา โดยเฉพาะพวกขายส่งขายตรงทั้งหลาย ถ้าไม่มีคนซื้อแล้วเราจะไปขายกับใคร ? เอาหัวแม่เท้าข้างซ้ายตรองดูก็รู้แล้ว..!
ดังนั้น..อย่าได้ฟังคำของคนอื่นอย่างเดียวโดยขาดสติปัญญาพิจารณาไตร่ตรอง อย่าทำตัวเป็นนางสงกรานต์นอนหลับตาอย่างเดียว ลักษณะแบบนั้นถ้าหากว่าโดนเขาหลอกลวงก็ไม่น่าจะประหลาดใจ เพียงแต่ว่าตอนนี้คอลเซ็นเตอร์หลุดหายไปแล้ว เพราะได้ "พี่ใหญ่" เขาช่วย ส่วนที่เหลือก็เอาตัวรอดกันเองไปตามอัธยาศัย..!
สงกรานต์ปีนี้ของเราจึงเป็นเรื่องที่ถ้าเป็นไปตามเกณฑ์ของโบราณ ก็แปลว่า ไม่สามารถพึ่งพากฎหมายได้ เพราะว่าหลับตาไปเสียแล้ว ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่าต้องพึ่งพาตนเองก่อน พยายามสร้างกำลังใจของตนให้เข้มแข็ง ถึงเวลาจะได้มีสติ มีปัญญา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ลุล่วงไป ไม่เช่นนั้นแล้วมัวแต่รอพึ่งผู้อื่นอยู่
พระพุทธเจ้าก็ตรัสแล้วว่า...
"อัตตา หิ อัตตโน นาโถ...ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
โก หิ นาโถ ปโร สิยา......ใครอื่นเลยจักเป็นที่พึ่งของเราได้
อัตตาหิ สุทันเตนะ..........ก็ตนที่ฝึกไว้ดีแล้วนั่นแหละ
นาถัง ละภะติ ทุลละภัง....จักเป็นที่พึ่งของเราที่หาได้โดยยาก" -
อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชชนามาในสุตกถา เนื่องในวันสงกรานต์ก็พอสมควรแก่เวลา
ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน มีหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลาย ประสบแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการคือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนปฏิภาณและธนสารสมบัติอันเป็นที่พึงใจทั้งปวง
รับหน้าที่วิสัชชนามาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันสงกรานต์ ณ วัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)