*เปลือกไม้*สายกรรมฐานล้านนาและหลวงปู่พระมหาศิลาสวนสงฆ์แกเป๊ะกาฬสินธุ์ครับ

เหรียญหล่อพระพรหมประสิทธิโชค หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย วัดพุทธโมกขพลาราม
เหรียญหล่อรุ่นนี้หล่ออกมาได้สวยงามมากครับ นอกจากจะปลุกเสกโโยหลวงพ่อหนุนแล้ว และยังเสกโดยคุณยายชีลา พรหมสุขันธ์ วัดถ้ำอภัยดำรงธรรมและ ลป. สังข์ อภิวัณโณ ซึ่งเป็นพระที่ ลพ.หนุน ท่านนับถือและรับรอง แบ่งบูชาราคาองค์ละ 350 บาทพร้อมส่งครับ
คุณอาณัติจองแล้วครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

เหรียญหล่อแสงธรรม หลวงปู่แสง ญาณวโร วัดป่าดงสว่างธรรม
จัดสร้างออกแบบถวายโดย อ.อำพน เจน ซึ่งน่าเชื่อถือได้ว่าท่านสร้างพระได้อย่างดีเยี่ยมทั้งการปลุกเสกและมวลสาร และเจตนาการสร้าง เป็นอีกรุ่นที่ทำได้เหมือนหลวงปู่มากครับ
แบ่งบูชาราคาองค์ละ 350 บาทรวมส่งครับ
คุณshaj จองแล้วครับ

 

ขอจองครับ

 

เหรียญรุ่นแรก คุณยายชีลา พรหมสุขันธ์ วัดถ้ำอภัยดำรงค์ เนื้อทองแดงรมดำมันปู
สร้างน้อยหายาก คนกำลังเริ่มหลั่งไหลไปหาท่าน เหรียญรุ่นแรกนี้มีอนาคตแน่นอน
แบ่งบูชาราคาองค์ละ 350 บาทรวมส่งครับ
คุณshaj จองแล้วครับ

 

หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ได้เคยกล่าวไว้ว่า

" ผู้หญิงจิตเขาพิจารณาละเอียด เวลาบรรลุธรรม
จึงมีฤทธิ์มาก มากกว่าผู้ชาย 16 เท่า "

______________________________________

ชีวประวัติ คุณยายชีลา โดยสังเขป
----------

ชาติภูมิ :

แม่ชีลา พรหมสุขันธ์ เกิดเมื่อพ.ศ 2470 เดือน 6 ที่บ้านหนองแวง ต.หนองแวง อ.ส่องดาว จ.สกลนคร

ท่านมีแม่ผู้กำเนิดชื่อแม่ทอง โดยมีแม่บุญธรรมอีก 2 คน คือ 1. แม่บุญตา 2.แม่บัวพา

แม่บัวพานำท่านมาอยู่บ้านปทุมวาปี ต.ส่องดาว จ.สกลนคร ตอนแรกแม่บัวพายังไม่มีบุตรที่เกิดกับท่านก็รักแม่ชีลาเหมือนลูกในใส้

ต่อมาเกิดมีลูกตัวเองสองคน ลูกเลี้ยงที่เคยรักอยู่เดิมก็กลายเป็นทาส ต้องทำงานทุกอย่างด้วยความทุกข์และลำบาก

อุปนิสัย :

เมื่อสมัยเป็นเด็กนั้นท่านชอบไปวัด และสนิทสนมกับแม่ชีในวัดโชติการาม รับใช้แม่ชี ตลอดช่วยงานทุกอย่าง งานเล็กๆน้อยๆ จนถึงงานใหญ่ๆ เช่นช่วยชาวบ้านเลื่อยไม้เพื่อทำศาลาวัด ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อสิลา เทวนิมิตโต เป็นเจ้าอาวาส

ชิวิตการสมรส :

เมื่ออายุได้ 20 ปีต่อสู้ดิ้นรนทุกอย่างมาด้วยความอดทนอย่างยิ่ง พ่อแม่ก็จัดให้แต่งงานกับนายคอย ทองคำมีบุตรด้วยกันสามคน 1. นายโฮม ทองคำ 2.นางฮัง 3.นายฮอง ทองคำ

กรรมบันดาลมัจจุราชมาเตือน :

ไม่ทราบว่าเป็นกรรมเวรมาแต่ปางใดท่านเกิดเกิดเจ็บป่วยลง อาการหนัก ทรุดลงเรื่อยๆ ถึงขั้นเป็นอัมพาต ขาเดินเหินไม่ได้

ต่อมาสามีนำท่านมานั่งใส่เกวียนไปรักษาที่บ้านนาม่วง อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี รักษาอยู่นานก็ไม่หาย จนสามีเกิดเบื่อหน่าย ด่าทุกวันว่าเมื่อไรจะตายเสียที อยู่ไปทำไม จะได้หาเมียใหม่

ด่าแล้วท่านก็ไม่ตอบสักคำ เหมือนยั่วโมโหให้สามี

สามีทนไม่ได้จึงคิดขุดหลุมฝังทั้งเป็น ให้ท่านตายทั้งเป็นอยู่ในหลุมนั้นเสีย

พอขุดหลุมเสร็จ กำนันเดินมาพบพอดี สอบถามรู้เรื่องแล้วสงสารท่านนำท่านมารักษา และนำกลับมาส่งแม่บัวพาเลี้ยงดูต่อจนหายด้วยยาสมุนไพร ทั้งฝน ยาอาบ ของหมอพื้นบ้านในสมัยนั้น

ทั้งฝึกสอนให้ไหว้พระสวดมนต์ภาวนา ได้รับอุบายธรรมปฏิบัติทางทางใจจากหลวงพ่อสีลา เทวนิมิตโต

ส่วนสามีท่านหนีไปแต่งงานใหม่

ชดใช้กรรม :

แม่บัวพาจัดให้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับนายตา แก้วคำ เผื่อเขาจะได้ช่วยเลี้ยงดูแลลูก กับสามีใหม่ได้อยู่กินด้วยกันประมาณ 20 ปี ไม่มีบุตรด้วยกัน

ชิวีตสมรสเริ่มผันแปรอีกครั้ง สามีได้ไปติดพันกับหญิงใหม่ชื่อ นางยา เมื่อท่านรู้แล้วก็เฉยไม่พูดไม่ถาม ไม่รบกวนเขา ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ คิดปลงแล้ว สามีก็ด่าหยาบคายต่างๆนาๆ ท่านก็ได้แต่อดทนเอา

ต่อมาท่านจึงกล่าวกับว่านายตาว่า ถ้าหากรักผู้หญิงคนใหม่จริงก็ไปอยู่กับเขาเสียเถิด ไม่ได้ขับไล่ใสส่งแต่อย่างใด สามีเข้าใจดีเลยหนีไปอยู่กับเมียใหม่

ส่วนเมียใหม่นายตา กลัวสามีจะกลับมาคืนดีกับท่าน จึงลงมือทำร้ายท่านในขณะที่มาตักน้ำบ่อ ทั้งกระโดดเข้าชกต่อยตบตี ทั้งกระชากลากถู จนหัวร้างข้างแตก หน้าปูดบวมไปหมด

แต่ท่านหาได้ตอบโต้ไม่ปล่อยไห้เขาทำอยู่ฝ่ายเดียว จนเขาหยุดทำไปเอง

พอกลับถึงบ้านพบ จ.ส.ต.ศักดิ์สิทธ์ ธรรมดี มีความเอ็นดูสงสารท่าน จึงแนะนำให้ท่านแจ้งความท่านกลับกล่าวว่า ขอชดใช้หนี้กรรมเวรให้เขา ไม่เอาเรื่องเอาราวอะไร

ไม่ถึงคราวก็ไม่ตาย :

เรื่องก็ไม่หยุดแค่นั้น กลับมีคนคิดร้ายหวังฆ่าท่านให้ตายนำยาฆ่าแมลงมาใส่ไว้ในโอ่งน้ำ นี่คือชดใช้กรรมตามกระแสโลกอีกครั้งหนึ่ง

พระธาตุเสด็จ :

ท่านหวนคิดถึงคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สั่งสอน ปลงตกว่ามันเป็นกรรมของเรา ท่านเคยปรารภจะออกบวชเป็นแม่ชีแต่แรก บัดนี้เป็นโอกาสดีแล้วจึงเริ่มฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์ และรักษาศีล 5 คอยรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงพ่อวัน อุตตโม เป็นระยะ

ต่อมาคืนวันหนึ่งท่านนั่งสมาธิจิตสงบดี จิตไม่ส่งออกนอกกายเพียงแต่อย่างเดียว รู้เท่าทันอารมณ์และสภาวะธรรม พิจารณากายตั้งเบื้องบนถึงปลายผมลงมา

สักครู่ได้ยินเสียงดังขึ้นที่หิ้งพระตรงหัวนอน เสียงดังแช๊ต เหมือนคนนำเม็ดข้าวสารมาหว่านใส่จานบนหิ้งพระ ท่านหวนคิดไปว่าอาจเป็นแรงอาฆาตของผู้ที่เคยตบตีครั้งนั้น คงกลับนำเอาไสยศาสตร์มาใส่เราให้ตายเป็นแน่แท้ ท่านก็ไม่สนใจ จะตายก็ให้มันตาย ถือว่าเป็นกรรมเราและก็ปล่อยวางจิตเป็นอิสระ

ท่านนั่งบำเพ็ญภาวนาจนรุ่งเช้า ไม่ใด้หลับนอนสักงีบ ร่างกายก็ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยแต่อย่างใด

ตอนเช้ามาชาวบ้านได้ทำบุญบ้าน และได้นิมนต์หลวงพ่อวัน อุตตโม มาเป็นประธานสงฆ์ มีชาวบ้านมาทำบุญมากหน้าหลายตาเป็นจำนวนมาก พอฉันเสร็จ หลวงพ่อกล่าวถามชาวบ้านว่าวันนี้แม่ลามาหรือไม่ ชาวบ้านก็ตอบท่านไปว่าไม่ขอรับ และชาวบ้านถามท่านอีกว่ามีอะไรหรือขอรับ ท่านตอบว่าเมื่อคืนมีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาบ้านแม่ลา แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรอีกจนกระทั่งกลับวัดไป

คงมีนายจันทา มรรคนายกวัด มีความฉงนสงสัยคำพูดหลวงพ่อวัน จึงเดินทางไปบ้านแม่ลา สอบถามเรื่องพระบรมสารีริกธาตุ แม่ลาก็งงใหญ่ไม่ทราบอะไรทั้งสิ้น ตอบปฏิเสธว่าไม่มี

นายจันทา ก็บอกว่าเรื่องนี้มันต้องมีเพราะหลวงพ่อวันพูด ขอให้แม่ลาตรวจดูก่อนก็แล้วกัน พร้อมกับอธิบายเรื่องพระบรมสารีริกธาตุสามารถเสด็จมาในอากาศได้ตามแต่บุญวาสนาของแต่ละคน

พออธิบายจบแม่ลาก็เดินไปดูจานดอกไม้บูชาพระบนหิ้งหัวนอนและหยิบจานใบนั้นลงมาดู ก็สะดุ้งตกใจเห็นก้อนแก้วขาวใสเม็ดเล็กใสคล้ายน้ำตาเทียนไขสีขาว หรือกระจกแตกทำนองนั้น แต่มีน้ำหนักเบามาก พร้อมกับยืนให้นายจันทาดู นับดูชุดแรกมีเพียง 9 เม็ด ได้นำพระธาตุทั้งหมดห่อผ้าขาวส่งให้นายจันทาช่วยนำไปถวายท่านหลวงพ่อวันทั้งหมด

ต่อมาหลวงพ่อวันได้กำชับสั่งความมาบอกแม่ลาว่า ถ้าพระธาตุเสด็จมาอีกให้เก็บไว้ และให้นำมาถวายท่าน เพราะสิ่งนี้เป็นของสูง หากนำไปให้คนที่ไม่เชี่อ เขาก็จะทำกรรมหนักเข้าไปอีก

หลังจากนั้นแม่ลาได้นำพระธาตุไปถวายหลวงพ่อวันเรื่อยมา หลวงพ่อได้นำพระธาตุบรรจุใว้องค์พระพุทธรูปใหญ่มุจรินทร์ที่ถ้ำพวง

บวชชี :

ต่อมาหลวงพ่อวัน อุตตโต ได้เรียกท่านขึ้นมาพบ ให้บวชเป็นแมีชีที่วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม หลวงพ่ออนุเคราะห์เท่าที่จำเป็นสำหรับแม่ชี

ต่อมาหลวงพ่อวัน อุตโต(พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) ได้นำท่านแม่ชีลา พรหมสุขันธ์ พร้อมพระบรมสารีริกธาตุน้อมทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จมาวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม และทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างกุฎิให้แมชีลาและพระราชทานสิ่งของด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองทุกครั้งที่เสด็จมาที่นี่

ปัจจุบันแม่ชีลา พรหมสุขันธ์ ท่านมีอายุ 95 ปี สำหรับประวัติและนิมิตทางจิตยังมีอีกมากจะขอยุติเพียงเท่านี้

(เรียบเรียงโดย นายวีระพงษ์ โคตรบัว เลขานุการกองทุนแม่ชีลา พรหมสุขันธ์ และ รองผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดสระทอง และ วัดศรีสว่าง จังหวัดขอนแก่น)

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

ขอจองครับ

 

ขุนแผน จินดามณี หลวงปู่สนม อติธมฺโม วัดพระปราค์เหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ พิมพ์เล็ก
ออกที่วัดองค์ละ 500 บาท วันนี้แบ่งบูชาเพียง 450 บาทรวมส่งครับ



หลวงพ่อสนม อติธัมโม
เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2466
ท่านเป็นชาวท่าน้ำอ้อย อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ เดิมเคยบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดพระปรางค์เหลือง ต่อมาได้ลาสิกขาบทไปช่วยครอบครัวทำงาน เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทที่วัดพระปรางค์เหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อนวล เป็นพระอุปัชฌาย์และได้จำพรรษาที่วัดนี้ตั้งแต่นั้นมา ในช่วงแรกหลังอุปสมบท ได้ศึกษากับหลวงพ่อนวล วัดพระปรางค์เหลือง จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยในระหว่างนั้น ยังคงศึกษาจากตำราประจำสำนักวัดพระปรางค์เหลือง ซึ่งถือว่าเป็นตักศิลาแห่งเมืองปากน้ำโพ และได้ศึกษาเพิ่มเติมจากฆราวาสผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาคม วิชาแพทย์ต่างๆ หลังจากหลวงพ่อเดิมละสังขารหลวงพ่อสนม ได้นำข้อติดขัดในการปฏิบัติด้านต่างๆ ไปขอคำปรึกษากับหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว อีกทั้งยังได้เดินทางไปเรียนวิชารักษากระดูก ตลอดจนรวมไปถึงการปฏิบัติกรรมฐานจากหลวงพ่อดำ วัดโคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ในช่วงปี 2502 หลวงพ่อได้เดินทางเข้าไปศึกษากรรมฐานตามแนวมหาสติปัฏฐาน ที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ในโอกาสนั้น หลวงพ่อสนม ได้มีโอกาสได้ศึกษาวิชากับพ่อแม่ครูอาจารย์อีกหลายรูป เช่น หลวงปู่ทอง วัดจักรวรรดิ์ หลวงปู่นาค วัดระฆัง หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง ฯลฯ และยังแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน (ท่านเคยคุ้นกัน ตั้งแต่เมื่อคราวที่ได้พบกัน ในช่วงที่หลวงพ่อสนม อุปฐากหลวงพ่อเดิมอยู่)หลังจากนั้น หลวงพ่อสนม ยังได้เข้าปฏิบัติกรรมฐานเป็นประจำกับหลวงปู่จ้อย จันทสุวรรณโณ วัดศรีอุทุมพร พระอริยเจ้าที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองปากน้ำโพ ด้วยอุปนิสัยรักสงบ และไม่ต้องการชื่อเสียง หรือเงินทอง หลวงพ่อสนมจึงไม่นิยมสร้างวัตถุมงคล หรืออวดโอ่ตน เคยมีหนังสือพระชื่อดังหลายเล่ม มาขอถ่ายรูปและขอประวัติจากท่าน เพื่อนำไปเผยแพร่ ท่านก็ไม่อนุญาต

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

ปฐวีธาตุ พ่อท่านผอม ถาวโร สีขาวใส น่าบูชามากครับ
ขนาดใหญ่พอสมควร แบ่งบูชา 450 บาทพร้อมส่งครับ
คุณ shaj จองแล้วครับ



พ่อท่านผอม ถาวโร พระไม่ทุกข์ สมณะผู้สมถะแห่งเมืองนครศรีธรรมราช
พ่อท่านผอม ถาวโร วัดหญ้าปล้อง (สมัยนั้น) เป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมยุคสมัยเพียงท่านเดียวที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงปี ๒๕๑๘-๒๕๒๓ ท่านได้รับนิมนต์เข้าพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ร่วมกับบรรดาพระเกจิอาจารย์รุ่นใหญ่ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีทั้งที่บันทึกและไม่ได้บันทึกไว้อย่างมากมาย เช่น พิธีปลุกเสกเหรียญพระอาจารย์นำ ชินวโร หลัง “ภปร” ปี ๒๕๒๑, พิธีปลุกเสกเหรียญรูปเหมือนพ่อท่านคลิ้ง หลัง “ภปร” ปี ๒๕๒๑ เป็นต้น

ในสมัยที่พ่อท่านคลิ้ง จันทสิริ วัดถลุงทอง ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะนิมนต์พ่อท่านผอมเข้าร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นประจำ และให้คำรับรองแก่ผู้ใกล้ชิดเสมอๆ ว่า พ่อท่านผอมเป็นพระบริสุทธิ์ที่เก่งมาก มีสมาธิจิตและอาคมที่แกร่งกล้า สมควรแก่การกราบไหว้บูชาอย่างที่สุด

วันที่พ่อท่านอธิษฐานจิตปฐวีธาตุ เพื่อแจกในวันสรงน้ำปี ๒๕๖๑ หลังจากที่พ่อท่านอธิษฐานจิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็นอนพักผ่อน ลูกศิษย์ก็นั่งคุยกันสนทนากับท่านถึงเรื่องการอธิษฐานจิตวันนี้
ศิษย์ : "เวลาอธิษฐานจิตเสกปฐวีธาตุทำยังไงเหรอครับ?"
พ่อท่าน : "มันเป็นเรื่องของธาตุเว๊ย!! มึงต้องเข้าใจว่า แต่ละอย่างมันเป็นยังไง? มันทำอะไรได้ มันไม่ใช่แค่มึงรู้ แค่สักแต่รู้ มึงต้องฉลาดใช้มันให้เป็นด้วย"
ศิษย์ : "ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ใช่มั๊ยครับ?"
พ่อท่าน : "ไม่ใช่เว๊ย!!... ธาตุมี ๖ มึงไปค้นหาอ่านเอา"
ศิษย์ : "ครับ!!"
เพราะความอยากรู้อยากเห็นเลยต้องไปค้นหาตามที่พ่อท่านบอก ก็พบว่ามีปรากฏในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์ กล่าวว่า
ธาตุ ๖ (สิ่งที่ทรงสภาวะของตนอยู่เอง คือมีอยู่โดยธรรมดา เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีผู้สร้าง ไม่มีอัตตา มิใช่สัตว์ มิใช่ชีวะ ) ได้แก่
๑.) ปฐวีธาตุ (สภาวะที่แผ่ไปหรือกินเนื้อที่, สภาพอันเป็นหลักที่ตั้งที่อาศัยแห่งสหชาตรูป เรียกสามัญว่า ธาตุแข้นแข็ง หรือ ธาตุดิน)
๒.) อาโปธาตุ (สภาวะที่เอิบอาบหรือดูดซึม หรือซ่านไป ขยายขนาด ผนึก พูนเข้าด้วยกัน เรียกสามัญว่า ธาตุเหลว หรือ ธาตุน้ำ)
๓.) เตโชธาตุ (สภาวะที่ทำให้ร้อน เรียกสามัญว่า ธาตุไฟ)
๔.) วาโยธาตุ (สภาวะที่ทำให้สั่นไหวเคลื่อนที่ และค้ำจุน เรียกสามัญว่า ธาตุลม)
๕.) อากาสธาตุ (สภาวะที่ว่าง โปร่งไป เป็นช่อง)
๖.) วิญญาณธาตุ (สภาวะที่รู้แจ้งอารมณ์ ธาตุรู้ ได้แก่ วิญญาณธาตุ ๖ คือ
จักขุวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางตา)
โสตวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางหู)
ฆานวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางจมูก)
ชิวหาวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางลิ้น)
กายวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางกาย)
มโนวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางใจ)
อีกนัยที่ ๒ ได้แก่ สุขธาตุ ทุกขธาตุ โสมนัสสธาตุ โทมนัสสธาตุ อุเปกขาธาตุ และ อวิชชาธาตุ
นัยที่ ๓ ได้แก่ กามธาตุ พยาปาทธาตุ วิหิงสาธาตุ เนกขัมมธาตุ อัพยาปาทธาตุ และ อวิหิงสาธาตุ
มันแตกแยกย่อยไปอีกหลายอย่างมีหลายนัยยะ มิน่าล่ะพ่อท่านถึงบอกให้ไปหาอ่านเอาเอง เรื่องนี้มันบ่งบอกในภูมิความรู้อันละเอียดลึกซึ้งของ "พ่อท่านผอม ถาวโร" พระแท้ผู้มีหัวใจว่างเปล่า
-----------------------------------------

 

ขอจองครับ

 

องค์บดินทร์ พิมพ์เล็ก หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วัดป่าพุทธมงคล กาฬสินธุ์
เป็นพระที่ถือได้ว่าเมื่อเทียบมวลสาร และการปลุกเสกแล้ว
ในเรื่องความขลังนั้น พระผงองค์บดินทร์ ไม่เป็นสองรองพระรุ่นอื่นแน่นอน
ถ้าไม่ติดใจเรื่องค่านิยม บูชาองค์นี้องค์เดียวพอเลยครับ
แบ่งบูชาเพียง ๖๕๐ บาทพร้อมส่งครับ
คุณsunmk จองแล้วครับ


พระเครื่องดีที่ทรงคุณค่ามวลสารที่เข้มข้นมีส่วนผสมของผงสมเด็จบางขุนพรหมมากและมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆมากมายที่หายากยิ่ง
ผ่านการปลุกเสกที่ยาวนาน...ความเข้มขลังของพลังจิตพ่อแม่ครูบาอาจารย์ถูกหล่อหล่อในทุกอณูขององค์พระ
#องค์บดินทร์ หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วัดป่าพุทธมงคล กาฬสินธุ์
สร้างโดย อ.อนันต์ สวัสดิ์เสาวณีย์ ปี 2525
พร้อมกับองค์บดินทร์ของวัดสามปลื้ม
โดยองค์บดินทร์ของ อ.อนันต์ พิมพ์พระด้านหน้าจะเหมือนกับของวัดสามปลื้ม ส่วนเนื้อหามวลสาร และด้านหลังขององค์พระจะแตกต่าง องค์บดินทร์ของ อ.อนันต์ นั้นจะแก่ด้วยเนื้อหามวลสาร
มวลสารสำคัญขององค์บดินทร์
1.ชิ้นส่วนพระสมเด็จบางขุนพรหมที่แตกหักจำนวนมาก เมื่อคราวเปิดกรุ พ.ศ 2500
2.ผงชิ้นส่วนพระกรุต่างๆ ที่ชำรุด เช่น พระคง พระผงวัดสามปลื้ม
3.ผงพระวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
4.ผงงาช้างโบราณ
5.ผงธนบัตรพันล้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย
6.ผงตะไบอาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ง้าวโบราณ
7.ผงว่าน108 ผงจิตรลดา ผงอัญมณี อันเป็นมงคลต่างๆ
8.ผงทรายเสก พระคณาจารย์ 108 องค์
9.ผงอธิฐานนากพระคณาจารย์ทั่วประเทศ ของจอมพลประพาส
#ข้อสังเกตุและความต่าง
#องค์บดินทร์ ของ อ.อนันต์
- พิมพ์ใหญ่จะมีแต่อุณาโลม ไม่มีตัวหนังสือ
- พิมพ์เล็กด้านหลังจะเรียบ
#องค์บดินทร์วัดสามปลื้ม
- พิมพ์ใหญ่จะมีอุณาโลม ตัวหนังสือ
- พิมพ์เล็กจะมีอุณาโลม ตัวหนังสือ
พระผงองค์บดินทร์ ได้นำเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดจักรวรรดิราชาวาส(วัดสามปลื้ม) กรุงเทพฯ โดยมี หลวงพ่อผ่อง วัดจักรวรรดิราชาวาส และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีภายในพระอุโบสถ อธิฐานจิตปลุกเสกโดยพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมหลายรูป ในยุคนั้น อาทิ
-หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
-หลวงพ่อเส็ง วัดกัลยาฯ
-หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิตร
-หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
-หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง
-หลวงพ่อบุญ วัดวังมะนาว
-หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์
-หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม
-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
-ฯลฯ
ขณะทำพิธี ได้เกิดลมพายุพัดเข้ามาในพระอุโบสถหมุนอยู่เหนือกล่องที่บรรจุพระเครื่อง “องค์บดินทร์”
เป็นเวลานาน และสิ่งที่ทำให้ทุกคนที่อยู่ในพิธีต่างตกตะลึงคือ ปรากฏมีพญางูเหลือมขนาดใหญ่ได้ตกลงมาจากเพดานโบสถ์ ขณะกำลังทำพิธี
ส่วนภายนอกพระอุโบสถเกิดพายุ ลม ฝน ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง มีเสียงฟ้าผ่า เสียงดังอย่างกึกก้อง
ทำให้ผู้ที่ร่วมอยู่ในพิธีรู้สึกได้ถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อัศจรรย์ ซึ่งเป็นมงคลนิมิตอันดีที่ดวงวิญญาณเจ้าพระยาบดินทร์เดชา ,เทวดาอารักษ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้ร่วมรับรู้แซ่ซ้องสาธุการ ในการปลุกเสกพระเครื่อง “#องค์บดินทร์” ครั้งนี้
______________________________________
หลังจากที่เข้าร่วมพิธีมหาพุทธาพิเศก เมื่อปี 2525 พร้อมกับองค์บดินทร์ของวัดสามปลื้มแล้ว
อ.อนันต์ #ได้นำตระเวนเสกเรื่อยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
**#ที่พิเศษสุดๆ..
- หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
อธิฐานจิตปลุกเสกนาน 6 เดือนเต็ม
- หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
- หลวงปู่เกษม เขมโก
- หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม
- หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ
- หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
และครูบาอาจารย์อีกมากมาย
ในราวปลายปี 32 - ต้นปี 33
อ.อนันต์ สวัสดิ์เสาวณีย์ ได้นำ
พระผงองค์บดินทร์ ชุดนี้ถวายมอบให้
หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วัดป่าพุทธมงคล กาฬสินธ์ ทั้งหมด
พิธีพุทธาภิเษกนั้นมีจัดขึ้น ตั้งแต่ปี 3กว่า ปี4 กว่า ปี 5กว่า เรื่อยมา จะขอกล่าวคร่าวๆ เท่าที่หาข้อมูลได้
#โดยทางวัดป่าพุทธมงคลได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเรื่อยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี
วันที่ 9 ธันวาคม 2533 ทางวัดป่าพุทธมงค ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก โดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์นั่งอธิฐานจิต 9 รูป ตลอดทั้งคืน
1. หลวงปู่สุข วัดกลางกาฬสินธุ์
2. หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวกาาาม
3. หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก
4. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย
5. หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ วัดบางพระ
6. พระสมุห์อวยพร ฐิติญโณ วัดดอนยายหอม
7. หลวงพ่อเที่ยง วัดเขากระโดง
8. หลวงพ่อฤทธิ์ รัตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ
9. หลวงพ่อฤาษีลิงขาว วัดฤกษ์บุญมี
#วันงานพิธีฯ หลวงปู่คำพันธ์ ได้เดินทางมาถึงวัดป่าพุทธมงคล เวลาประมาณ 18.45 น. ทางคณะกรรมการวัดได้นิมนต์ หลวงปู่คำพันธ์ ขึ้นไปยังประรำพิธี
เมื่อหลวงปู่คำพันธ์ เดินเข้าไปถึงยังประรำพิธี หลวงปู่ยืนสงบนิ่ง แล้วพูดกับคุณพงษ์พันธ์ ผู้ให้การดูแลอุปฐากหลวงปู่ในงานพิธี ว่า
" #ญาคูหนูอินทร์ยังบ่ใด้ลงธาตุตั้วนี้ คุณพงษ์พันธ์ ได้ตอบหลวงปู่คำพันธ์ ไปว่า หลวงพ่อหนูอินทร์ เพิ่นถ้าให้หลวงปู่คำพันธ์ เมตตาลงธาตุ ให้ครับ "
คุณพงษ์พันธ์ ได้นิมนต์หลวงปู่ลงธาตุ โดยหลวงปู่คำพันธ์ เมตตาเดินไปทำพิธีที่ธงเศวตฉัตรทั้งสี่มุม ลงธาตุครบถ้วน
โดยหลวงปู่คำพันธ์ ได้ขึ้นนั่งอธิฐานจิตรอบแรก เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่หลวงปู่ลงมาพักผ่อน คุณพงษ์พัน ได้เข้าไปถามหลวงปู่ว่าพิธีนี้ดีไหม หลวงปู่คำพันธ์ ได้ตอบว่า
" #พิธีนี้เต็มดีมาก พระอินทร์ เทวดา พญานาค พระธาตุพนม มาช่วยเต็มดีมากๆ "
ตลอดทั้งพิธีพระเกจิอาจารย์ร่วมนั่งอธิฐานจิตตลอดทั้งคืน
หลวงพ่ออุตตมะ นั่งชักประคำปลุกเสกตลอดทั้งคืน หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่ออวยพร หลวงปู่มา หลวงปู่ฤทธิ์ หลวงพ่อเที่ยง หลวงพ่อฤษีลิงขาว ร่วมเสกตลอดคืน
หลังจากพิธีมหาพุทธาภิเษกปี 33
ก็จะมีพิธีพุทธาภิเษกเรื่อยมา ตลอดหลายสิบปี
เช่นพิธีพุทธาภิเษก เสาร์ห้า 5 รอบ
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2539
โดยพระเกจิคณาจารย์ 8 รูป อาทิ
1. พระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าคณะกาฬสินธุ์
2. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
3. พระครูสุทธิญาณ วัดนิคมคณาราม ร้อยเอ็ด
4. หลวงปู่ทองฤทธิ์ อุตตโม วัดป่าฉันทนิมิตร
5. หลวงพ่อ ม.ล.ทวีศักดิ์ ดารากร
6. หลวงพ่อบุญมี วัดร่องคำ กาฬสินธุ์
7. พระครูสถิตธรรมสาร วัดธรรมพิทักษ์
8. หลวงพ่อหนูอินทร์ กิตติสาโร
พิธีนี้ ขณะที่ครูบาอาจารย์อธิฐานจิตปลุกเสก จู่ๆได้เกิดไฟลุกที่สายสิญจน์ ในบริเวณที่ไม่มีเทียนอยู่เลย ญาติโยมที่เข้าร่วมในพิธีต่างเห็นเหตุการณ์หลายคน บางคนถึงกับเรียกว่า
"#พิธีไฟลุก "
และในปีเดียวกันนั้น วันที่ 6 - 7 พฤศจิกายน 2539 ได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกขึ้นอีกครั้ง โดยพระเกจิอาจารย์ 4 รูป
1. พระเทพวิสุทธาจารย์ เจ้าคณะกาฬสินธุ์
2. หลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก
3. หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ
4.หลวงพ่อหนูอินทร์ กิตติสาโร
เอาพอคร่าวๆ เท่าที่หาข้อมูลได้ เพราะแทบจะทุกปีที่ทางวัดป่าพุทธมงคลจัดพิธีพุทธาภิเษก นั้น
**#หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ จะต้องมาทุกครั้ง เพราะ หลวงพ่อหนูอินทร์ ท่านให้ความเคารพนับถือในองค์หลวงปู่คำพันธ์ และมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ
#กล่าวได้ว่าเฉพาะหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ องค์เดียวมาร่วมเสกเป็น #สิบๆรอบก็ว่าได้
พระองค์บดินทร์ นี้นับเป็นของดี ราคาเบา พระหลักร้อย พุทธคุณเกินล้าน เป็นพระเครื่องที่ควรค่าแก่การนำมาสักการะบูชาติดตัว เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นอย่างยิ่ง
โดย หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ได้การันตีไว้แล้วในคราวปลุกเสกเมื่อปี 33 ว่า
" พิธีนี้เต็มดีมาก พระอินทร์ เทวดา พญานาคพระธาตุพนม มาช่วยเต็มดีมากๆ "
เมื่อเทียบมวลสาร และการปลุกเสกแล้ว
ในเรื่องความขลังนั้น พระผงองค์บดินทร์ ไม่เป็นสองรองพระรุ่นอื่นแน่นอน
_____________________________________
หมายเหตุ.. ด้านหลังขององค์พระนั้นทั้งพิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก จะมีทั้งที่ปั้มตรายาง และ ไม่ได้ปั้ม ถือเป็นมาตรฐานทั้งสองแบบ
ส่วนที่ปั้มตรายางด้านหลัง เพื่อให้เข้าใจง่ายและแสดงว่า
เป็นชุดของวัดป่าพุทธมงคล โดยการขออนุญาติหลวงปู่หนูอินทร์ อย่างถูกต้อง
ข้อมูลโดยคณะศิษย์หลวงปู่หนูอินทร์
คุณพงษ์พันธ์ เลิศมงคลตะกูล (เอียง กาฬสินธุ์)
ภาพถ่ายเก่า พิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อปี 33
ขอขอบพระคุณข้อมูลดีๆที่ถูกเรียบเรียงขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อเผยแผ่บารมีครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ปลุกเสกไว้ที่จะเป็นตำนานเล่าขานกันต่อไป
....นี่คือ #พระผงที่ห้อยบูชาได้อย่างสนิทใจ...
ขอบคุณ #ข้อมูลพระองค์บดินทร์
โดย..คุณพยุงศักดิ์ เศรษฐมาตย์

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

สาริกากาพารวย รุ่นแรกซองเดิม เสกโดย ลพ.หนุน สุวิชโย
ลป.สุธัมธ์ ธัมมปาโล ลป.จันทร์ ปัญญานันโท และ ลป.ปั่น สมาหิโต
แบ่งบูชา ตัวละ ๓๕๐ บาทพร้อมส่งครับ

เปรียบเทียบขนาดครับ

นกสาริกาพารวย รุ่นแรก
หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกพลารามปลุกเสก สวยพร้อมซองเดิม
รับประกันแท้ตลอดชีพ

มวลสารในสาริกาพารวย.
1 .ผงชูดวง 2. ผงสมปรารถนา 3.ผงเบญจทิพ 4.ผงยาทอง 5.ผงจุฬามณี 6. ผงกลับดวง 7. ผงยาสั่งเมตตา 8.ผงสัตฤกษ์ 9.ผงสำฤทธิ์.
ผงทั้ง 9 อย่างนี้เป็นผงของอาจาร์ฆราวาสศิยษ์สายปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ทุกวันนี้ท่านอยู่ที่เขากุเลน และไปๆมามาที่ภูตะแบง
( ขอสงวนนาม ) ท่านไม่ชอบให้ใครไปหาจนกว่าท่านจะมาหาเองถ้าสายเดียวกัน ผงชุดนี้ผมได้รับมาจากลูกศิษย์ท่านอีกที่ อาจารท่านนี้ก็เก่งมากลูกศิษย์ลูกหาเยอะท่านช่วยให้รวยๆมาหลายรายแล้ว ทุกวันนี้ท่านมีเงินจากศิษย์ส่งให้ใช้เดือนนึงไม่ต่ำกว่า 4 แสน
10. ผงขุนแผนชมตลาดของหลวงปู่เสาร์ วัดกุดเวียน ท่านให้ผมมาตั้ง10กว่าปีที่แล้วท่านลบเอง
11. ผงเศรษฐี หลวงพ่อทองวัด ลำกะดาน
12.ผงลูกแป้งของแม่ชีนวล ที่อุบล
13.ผงปู่ปานวัดบางนมโค ได้รับมาจากหลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ผงนี้หลวงพ่อท่านบอกว่า ก๋งจาบแห่งสำนักวัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้มาจากปู่ปาน แล้วตกทอดมาถึงปู่อุดมอีก.
14.ผงจากลูกอมหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอกยอมสละเอามาตำผสม
15.ผงจากลูกอมหลวงปู่มีชัย ยอมสละเอามาตำผสม ลูกอมรุ่นนี้สมัยที่ทำใด้รับความเมตตาจากอาจารพิจารวัดโพธิ์ผักไห่ให้มานั้นคือร่วมผงพุทธคุณหลายหลวงพ่อมากเกียบ30เกจิอาจารสมัยเก่า.
16. ผงอิจธิเจและผงพุทธคุณ หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม
17.ผงลูกอม หลวงปู่อ่อน วัดหนองไผ่
18. สี้ผึ้ง หลวงปู่ฤาษี วัดท่าซุง
19.สีผึ้ง หลวงสาย วัดตะเคียนราม
20.สีผี้งหลวงพ่อ คูณ ที่ขุขันธ์ (จำชื่อวัดไม่ได้)
21.สีผึ้งเมตตาคุณแม่ชีนวล
22.สีผึ้งมหาเสน่ห์จังงัง อ.จ ซาสุดประเทศลาว
23.ลูกอมกสิณหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทอง
24.ผงง้วนดิน ผงนางทิพสุวรรณ
25.น้ำมันเมตตาคุณแม่ชีนวล
26.น้ำมันช้างตกมัน ( เสน่ห์แรงมาก )
27.เคลือสาวหลงตัวผู้ตัวเมีย
29. รังนกสาริดง ตำ

 

พระปิตตาทรัพย์สมบูรณ์รุ่นแรก ลป.สมบูรณ์ ขันติโก เนื้อผงฝังพลอยเสก ลป.มีชัย +
พระปิตตามหาลาภรุ่นแรก คุณยายชีลา พรหมสุขันธ์ วัดถ้ำอภัยดำรงค์
เนื้อผงพุทธคุณ
แบ่งปันชุดนี้ ๒ องค์ เพียง ๒๕๐ บาทพร้อมส่งครับ
คุณPeterbn จองแล้วครับ

 

ขอจองรายการนี้ครับ

 

รับทราบครับ ขอบคุณครับ

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ