พี่หนุ่มเมืองแกลงที่เคารพ
ผมเห็นพี่หนุ่มนำเหรียญพรหมมาให้บูชา ผมได้อ่านบางส่วนแต่ไม่สามารถทราบราคาได้ และผมไม่มีเบอร์พี่หนุ่มเหมือนพี่ ๆ คนอื่น ผมเลยอยากจะลองสอบถามข้อมูลพี่หนุ่ม ทั้งนี้จะต้องรบกวนพี่หนุ่มกดมาที่เบอร์ผมแล้ว
ผมจะโทรกลับเองครับ 085-5207549 ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับผม
เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.
หน้า 1213 ของ 2901
-
-
จอง 89,90 ครับ
-
แจ้งโอนเงินเหรียญพรหมฯ..หมายเลข 79 ตาม pm..ค่ะ...ขอบคุณค่ะ...:cool:
-
ดำเนินการโอน 4700.05 บาท
เมื่อ 14/06/2014 - 14:20:34 เรียบร้อยครับ
รบกวนส่งที่อยู่ ตาม pm พร้อมกับเหรียญพรหม ครับ
ขอบคุณครับ -
ผ่าน KBANK วันที่ 14/06/14 เวลา 14.57pm
ที่อยู่ส่งผ่าน pm ครับ
ขอบคุณครับ -
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
และได้รับเงินที่โอนมาแล้วครับ ขอบคุณมากครับ -
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
หลายคน...แม้จะมีของดีของแท้บางอย่างอยู่ในตัวและเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว แต่ลิขิตมนุษย์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดรวมทั้งบุพกรรมที่ยังใช้หนี้ไม่หมดในชาตินี้ อาจปิดกั้นการรับผลดีจากอำนาจพระพุทธคุณที่หวังได้เร็วทันใจ หากดวงเราไม่เปิดให้ โอกาสที่จะคว้าความสำเร็จดังฝันไว้ก็แทบไม่มี และเป็นไปตามหลักของพรหมชาติ เมื่อสร้างบุญและแก้ไขดวงชะตาที่ปิดได้แล้ว ช่องทางหรือโอกาสที่พระพุทธคุณอำนาจศักดิ์สิทธิ์ด้านอื่นๆจะหนุนส่งก็เป็นไปได้ง่ายครับ บางคนมีของดี มีครูอาจารย์ดี หยิบจับอะไรก็สำเร็จ พบช่องทางรวยเป็นเงินเป็นทองโดยง่ายทั้งนั้น แต่ของแบบเดียวกันนั้น ครูอาจารย์องค์เดียวกันนั้น เมื่อเราหาเอามาใช้บ้างกลับเงียบเฉย เพราะดวง(โอกาส)และกรรมเก่าของคนเราไม่เหมือนกัน อำนาจพระพุทธคุณจะไม่ฝืนกรรม อำนาจแห่งเทพเท่านั้นที่พอช่วยฝืนแรงกรรมได้บ้าง เมื่อได้ของดีที่พอแก้ดวงชะตา เป็นตัวช่วยหนุนดวง พอเบี่ยงเบนให้พ้นหลุมดำของชีวิตได้บ้างแล้ว อำนาจของพระเครื่องและความศักดิ์สิทธิ์แบบอื่นๆก็จะหนุนส่งตามที่มีอยู่จนเห็นผลได้อีกชัดเจน ดังจะพบเห็นว่า มีศิษย์ก้นกุฏิของพระเกจิเก่งๆระดับประเทศ ที่พระเครื่องของท่านราคาองค์ละหลักแสน-หลักล้านไปแล้ว และศิษย์ของท่านบางคนนั้นก็รับใช้ใกล้ชิดมานาน ได้ของดีมาแขวนคอบูชา แต่ทำไมยังรับจ้างทำนา ยังเป็นลูกจ้างเขา ยังไม่ถึงฝั่งฝันและไม่รุ่งโรจน์เหมือนคนอื่นๆที่เอาไปใช้และพูดต่อๆกันในสื่อสาธารณะ คำตอบอยู่ในเหตุผลที่บอกไว้ข้างต้นแล้ว
แม้จะมีวัตถุมงคลอีกหลายอย่างที่ทุกคนก็ยอมรับว่าดี แต่เพื่อให้เร็ว เห็นผลชัดเจน ได้ผลตรงจุดประสงค์ สำหรับบางคนจะเลือกของที่ดีมากไปเลย ถึงจะแพงสักหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่าในวันหน้า เพราะเวลาที่ก้าวผ่านไปแต่ละวัน เราก็ขาดโอกาสไปแล้ว24 ชั่วโมง ศึกษาหาข้อมูลจริงๆและเลือกเอาให้เป็นของแท้-ของดีจริงเป็นที่ยอมรับและตรงกับศิลป์และศาสตร์ในวิชาของพระเครื่องที่มีข้อปลีกย่อยอีกมากแบบหลายอย่าง และจะต้องมีสิ่งที่ทำพิเศษเฉพาะในแต่ละครูบาอาจารย์ซ่อนหลบไว้ เช่นเหรียญเมตตา ของ ลป.สิม เชียงใหม่, เหรียญเปิดโลกของ ลป.ดู่ อยุธยา, พระกริ่งชินบัญชรอุดผงพรายกุมารของ ลป.ทิม ระยอง,พระกริ่งเจริญลาภ ของ ลป.หมุน, หรือพระผงรุ่นห้ารอบของ ลพ.เกษม ลำปาง ซึ่งแทบทุกอย่างจะมีทำไว้เหมือนรอคอยได้สงเคราะห์คนในยุคหลังๆ แม้บางอย่างที่เลือกบูชาวันนี้อาจจะเสียเงินไปมากกว่าแบบอื่นๆที่มีราคาถูกกว่าและมีให้เลือกมากกว่า แต่หากเราได้เจอของที่ได้ผล หากพบสิ่งที่ช่วยได้จริง ก็อย่าคิดเล็กคิดน้อยให้สิ่งนั้นผ่านไปโดยทิ้งโอกาสที่มาถึงแล้วในตอนนี้ ตอนนี้เหรียญพรหมชุดพิเศษที่ปลุกเสกมาหลายพิธีตลอดอีก10ปีนับถัดจากปีที่สร้างไว้ใน2526 และมีการเก็บรักษาซ่อนเร้นมานานถึงสามสิบปีของท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ได้ถูกนำมาเผยแพร่ให้คนที่เห็นคุณค่าได้เก็บไปพิจารณาดู ผลจากการนำไปใช้บูชา หลายคนยืนยันกลับมาว่าดีจริง และหลายคนก็ยังขอเช่าบูชาเพิ่มเพื่อเก็บไปให้ลูกหลานกันอีกด้วย วิชาบางอย่างหาคนทำสำเร็จได้ยาก นานๆหลายปีจะมีกำเนิดขึ้นสักครั้ง -
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
ในโลกวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับกันว่าสิ่งต่างๆโลกนี้มีเพียง ๒ ชนิดเท่านั้นคือ อนุภาค และคลื่น ความเร็วของคลื่นมีความเร็วเท่ากับแสงคือ ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ เมตรต่อวินาที และพบว่าอนุภาคสามารถเปลี่ยนไปเป็นคลื่นได้ และคลื่นเองก็แปรกับมาเป็นอนุภาคได้เช่นกัน เทคโนโลยีต่างๆบนโลกใบนี้อยู่พื้นฐานของการใช้ความเร็วแสงทั้งสิ้น แสงเดินทางจากดวงอาทิตย์มายังโลกของเรา ใช้เวลานานกว่า ๘ นาที แต่ในโลกของวิญญาณนั้นการเดินทางของความคิด ความรัก หรือรังสีวิญญาณนั้นเร็วกว่าแสงมากนัก เรียกได้ว่ากำหนดปุ๊ปก็ถึงดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ในทันที ความเร็วของวิญญาณจึงหลุดขอบเทคโนโลยีปัจจุบัน จึงไม่สามารถมีเครื่องมือใดตรวจจับหรือพิสูจน์คลื่นวิญญาณได้อย่างเปิดเผยด้วยเครื่องมือในปัจจุบัน เรื่องของวิญญาณจึงต้องพิสูจน์จับด้วยวิญญาณของแต่ละคนเอง คือใช้มโนสัมผัสตรวจจับ เรื่องของสิ่งศักย์สิทธิจึงเป็นปัจจัจตัง คือรู้ได้เฉพาะตน เท่านั้น พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาผู้สั่งสอน ให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้อันจะเห็นระบุอยู่ทั่วไปในพระไตรปิฏก การพัฒนารังสีวิญญาณหรือ คลื่นวิญญาณให้ละเอียดจนตรวจจับคลื่นวิญญาณได้ จึงถือเป็นเรื่องท้าทาย การพัฒนาจิตสู่จิตตานุภาพ สู่มโนมยิทธิ และสูงสุดสู่อภิญญาญาณ เท่ากับเป็นการพัฒนาภพภูมิของเราให้สูงขึ้นสู่รูปพรหมและสู่อรูปพรหม นั่นคือพัฒนาจนรังสีของเราพัฒนาสู่รังสีแห่งพรหม และสูงสุดสู่โลกุตรอภิญญาญาณ จึงเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาในที่สุด
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
เป็นลักษณะวุฒิภาวะของจิต เมื่อถูกพัฒนาตั้งแต่พื้นฐานจนสูงขึ้นไปตามวิถีแห่งการพัฒนาจิตตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนา เป็นการรับรู้ เรียนรู้ รวบรวม แยกแยะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังจิต ไสยศาสตร์ เทพ และ ปาฏิหาริย์ ว่าคืออะไร? มาเกี่ยวข้องกับเราเพราะอะไร? เป็นการศึกษาจิตวิทยาสู่จิตวิญญาณ โดยรู้จักใช้ธรรมวิจยะมาพัฒนา ให้รู้ว่าชีวิตควรจะเดินหน้าอย่างไร และเพื่อนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ให้ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้เราต้องรู้จัก ประเมินและพิจารณาตน พิจารณาจากการเกิดสิ่งที่ผิดปกติในตัวเอง ว่ามีสิ่งบ่งชี้ให้เห็นในชีวิตของเราบ้างหรือไม่ เช่น สอบตก อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารโทรม เราต้องประมาณตนเองว่ามีความรู้ในด้านทางในนี้มากน้อยแค่ไหน การปรึกษาหาผู้รู้มาเป็นผู้ชี้แนะ ก็จะมีส่วนช่วยได้อีกส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง หมั่นค้นคว้า ศึกษา เรียนรู้ และพัฒนาตน ทั้งการปฏิบัติกรรมฐานจนล่วงรู้ฐานของกรรม และที่สำคัญคือเราจะต้องศึกษาหาตัวรู้ระดับจิต จนถึงตัวรู้ระดับวิญญาณควบคู่กันไปและต้องมีความสมดุลย์กันเสมอ หากไม่สมดุลย์ ก็จะก่อให้เกิดเป็นกรรมเก็บกด อันจะก่อให้เกิดปัญหาในวิบากกรรมได้การพัฒนาวุฒิภาวะทางจิต ในที่นี้ขอแบ่งเป็นลำดับของการพัฒนาตามหลักของพระพุทธศาสนาตั้งแต่ต่ำสุดจนสูงสุด ได้ดังนี้
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
๑. รู้และสนใจแต่เรื่องมนต์ดำทางเสื่อม เช่น หงษ์ร่อน มังกรรำ ควายธนู เสน่ห์ยาแฝด ตะปูโลงผี ฯลฯ ผู้ที่มีจิตระดับนี้จะสนใจแต่เพียงเรื่องของไสยศาสตร์ พลังเทพ พลังผี พลังเปรต และมนต์ดำต่างๆ ไม่สนใจใฝ่เรียนรู้ไปในทางที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นผู้ปฏิบัติธรรมควรพิจารณาให้ดี ไม่ต้องไปลองเล่นหรือทดลองทำมนต์ดำเหล่านี้ แค่ศึกษาให้รู้ก็พอแล้ว จิตระดับนี้จะไม่มีปัญญาในการรวบรวม แยกแยะเหตุและผลให้ชัดเจน เพราะฉะนั้นจิตระดับนี้จึงไม่ใช่เป้าหมายของพระพุทธศาสนา หากเปรียบเทียบวุฒิภาวะทางการศึกษา เทียบเคียงได้เพียงระดับประถมเท่านั้น
-
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
๒. อิทธิปาฏิหาริย์ และ เทวาปาฏิหาริย์
-อิทธิปาฏิหาริย์…..จิตระดับนี้สามารถรับรู้ และได้ซึ่งผลแฝงจากอำนาจบุญบาปที่เราได้สะสมมาทั้งที่โดยไม่รู้ตัวหรือ รู้ตัว โดยไม่มีผู้เกี่ยวข้องเป็นลักษณะที่ไม่มีตัวตนเป็นเพียงพลังงานที่เป็นตัวก่อเหตุ
-เทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ….. คือผลจากอำนาจของบุญบาปที่เราได้ทำมา ซึ่งจะมีผู้เกี่ยวข้อง ทั้งที่มีสังขาร(มาเกิดแล้ว)และไม่มีสังขาร(ยังไม่มาเกิด) ทั้งระดับเทวดา จนถึงระดับมหาเทพมาแสดงฤทธิ์ ร่วมก่อเหตุ ฤทธิ์ชนิดนี้เป็นฤทธิ์ที่ยังห่ามอยู่ ยังควบคุมไม่ค่อยได้ ดังนั้นเราจึงต้องพัฒนาฤทธิ์ขั้นนี้ให้สุกก่อน ให้เป็นธรรมด าธรรมชาติ และที่สำคัญคือเราไม่ควรยึดติดในฤทธิ์ เพราะถ้าเราใช้ฤทธิ์ท่ามกลางความโลภ โกรธ หลง เราอาจไปไม่รอด
ซึ่งอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นี้พระพุทธองค์ทรงรังเกียจ ทรงไม่ต้องการให้พุทธศาสนิกชนมุ่งสนใจ หรือฝึกแต่ฤทธิ์สนใจแต่ฤทธิ์ ซึ่งจะทำให้เราหลงผิด และเดินผิดทางจากพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่มุ่งเน้นปัญญาไปได้ เพราะคนมักติดในฤทธิ์ ได้ง่ายกว่าการเรียนรู้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาซึ่งยากกว่ามาก จึงทำให้ผู้คนไม่สนใจศึกษาธรรมที่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา แต่กลับมาสนใจเพียงฤทธิ์ซึ่งเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ซึ่งสภาวะจิตในขั้นนี้ จะยังไม่สามารถแยกได้ว่าฤทธิ์ที่ได้นั้น ส่วนไหนคือเทพฝ่ายบุญ กับลักษณะไหนคือเทพฝ่ายบาป และจะยังควบคุมองค์ที่ผ่านไม่ค่อยได้ เปรียบเทียบวุฒิภาวะทางการศึกษาได้เท่ากับ ระดับมัธยมต้น -
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
๓. ฤทธานุภาพ และ เทวานุภาพ
สภาวะจิตระดับนี้จะสามารถเข้าใจ และเข้าถึงปัญญาในธรรมได้มากขึ้น สามารถปรับฤทธิ์ให้เข้าสู่ภาวะธรรดาธรรมชาติได้สมดุลมากขึ้น สามารถเข้าถึงจุดประสงค์ของเทพฝ่ายดีและรับทราบได้ว่า เราจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรตามความประสงค์ ในขณะเดียวกันก็สามารถแยกแยะเทพฝ่ายบุญและเทพฝ่ายบาปออกจากกันได้ ในขั้นนี้อาจมีการดลใจโดยเทวดา (เทียบเท่าการสอบข้อเขียน) และลองใจโดยมหาเทพ (เทียบเท่าการสอบสัมภาษณ์) หากเมื่อทำการทดสอบแล้วพบว่า เรายังติดฤทธิ์ โลภ โกรธ หลง อยู่ เราก็จะไม่สามารถผ่านชั้นนี้ไปสู่ระดับวุฒิภาวะทางจิตที่สูงขึ้นได้ เพราะฉะนั้นเราจึง ควรเริ่มเน้นการพัฒนาปัญญาและ ฝึกการวิจัยธรรม เปรียบเทียบวุฒิภาวะทางการศึกษา ได้เท่ากับระดับมัธยมปลาย -
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
๔. จิตตานุภาพ
เมื่อเราได้พัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปจนมีอำนาจจิตแล้ว พลังจิตนี้จะสามารถรับรู้ถูกต้องตามขั้นตอน จิตพร้อมรับองค์ฌานและจะพัฒนาความรู้ให้ถึงระดับที่รู้จริงและรู้ถูกต้อง ซึ่งฤทธิ์นั้นก็ยังคงรักษาไว้ไม่ได้เสื่อมลงไป แต่ไม่ควรไปยึดติดในฤทธิ์ เราสามารถรวมฤทธิ์ให้เข้ากับตัวรู้ภายในตนได้อย่างสมดุล สามารถรวบรวมความรู้ในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆได้เป็นหมวดหมู่ และแยกแยะได้ว่าตอนไหน บทบาทใด และขั้นไหน เกิดจากเหตุอะไร สิ่งใดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งใดเป็นไสยศาสตร์ เข้าใจในกระบวนการทำงานของจิต รู้สถานะและบทบาทตัวเองในปัจจุบัน สามารถปรับตัวเองให้อยู่ในสภาวะปกติ เป็นธรรมดา-ธรรมชาติ จนดูไม่ออกว่าเป็นคนมีญาณ เมื่อเราพัฒนาจนถึงจิตตานุภาพแล้ว จิตของเราที่พัฒนาแล้วก็จะสามารถช่วยแก้ไข และป้องกันเราจากอกุศลกรรมที่ติดตามเรามา ให้ถึงช้ากว่ากำหนดที่เราจะต้องชดใช้กรรม รวมทั้งช่วยแก้กรรมได้อีกด้วย ดังนั้นเมื่อเราพัฒนาจิตได้ถึงระดับนี้แล้ว เราจึงจำเป็นต้องเร่งฝึกฝนสร้างฌานและสร้างญาณ จนสามารถควบคุมจิตของเราให้ลดความโลภ ลาภ โกรธ หลง และสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับชีวิตได้
จิตที่มีพลังจิตตานุภาพ สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บจากสิ่งเล้นลับได้ หากจิตเราศักดิ์สิทธิ์มีพลังก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด จิตกลางๆนั้นจะเป็นจิตที่มีพลังสูงสุด จิตขั้นนี้จะมีอุเบกขาเป็นฐานที่แข็งแกร่ง มีความเข้าใจในธรรม ชำนาญในธรรมวิจยะ รู้ทุกขั้นตอนการก่อและขั้นที่ต่อๆกันไปจนเกิดเป็นผล สามารถพัฒนาให้มีเมตตาและปัญญาเป็นตัวนำทาง ในขั้นนี้องค์เทพ ฌาน ญาณ จะพัฒนาขึ้นมากถือเป็นมาตรฐานจิต ของคนที่ทำงานทางด้านจิตวิญญาณ เปรียบเทียบวุฒิภาวะทางการศึกษาขั้นนี้ ได้เท่ากับระดับปริญญาตรี -
หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี
๕. มโนมยิทธิ
เป็นจิตที่มีพลังมีฤทธิ์สูง หรือเรียกว่า“ฤทธิ์ทางใจ” โดยเริ่มจากรับรู้ คิดจำ มีความจำได้หมายรู้ และรู้แจ้งแทงตลอด ในที่นี้หมายถึงรู้แจ้งในเรื่องราวที่เป็นเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างคล่องแคล่ว ในระดับภวังค์จิตจนถึงระดับปัญญาญาณ เป็นธรรมารมณ์ฝังอยู่ในจิตใจตลอดเวลา หากคนเรารู้แต่เรื่องที่เป็นโลกีย์วิสัย เจตสิกก็จะทำงานในระดับอารมณ์มนุษย์ คือมีทั้ง โลภ โกรธ หลง อันเป็นอารมณ์ที่ไม่เที่ยงแท้.... เดี๋ยวเกิด เดี๋ยวดับ เดี๋ยวฟู เดี๋ยวแฟบ หากเราพัฒนาจิตจนสามารถเข้าถึงและเข้าสู่อารมณ์ฌาณ อันเป็นอารมณ์ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิแฝงอยู่ ทั้งในรูปของเทวฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และเทวานุภาพ จนถึงจิตตานุภาพ และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ในที่นี้ย่อมหมายถึงการที่เราสามารถพัฒนาตัวฤทธิ์ทางใจของเรา ให้สูงขึ้นตามลำดับนั่นเอง
แม้แต่การเข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่น การที่เรามีความเชี่ยวชาญในเรื่องของพุทธประวัติเป็นอย่างดี สามารถพูด หรืออธิบาย เข้าใจหรือตอบปัญหาเรื่องราวที่มีความศักดิ์สิทธิ์ทางวิญญาณต่างๆ เช่นเรื่องพุทธประวัติได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว ซึ่งการทำงานของจิตในระดับนี้ จะเป็นกระบวนการของจิตในระดับที่ลึกมากๆ จนถึงระดับภวังค์จิตลงไป จิตผู้นั้นก็ย่อมจะเข้าถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้โดยอัตโนมัติ บุคคลนั้นก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคอยกำกับดูแล คุ้มครองให้โอกาสในชีวิตเช่นกัน จัดเป็นธรรมารมณ์ตรึงแน่นอยู่ในมโนภวังค์จิต
จิตขั้นนี้จะสามารถพิจารณาเรื่องกำกวมต่างๆเพื่อการรวมกรรมได้ดี ในขั้นนี้เราควรพิจารณากรรมโดยใช้ภาพของกรรมโดยรวม และอำพรางบ้างเพื่อความเหมาะสม เพราะบางอย่างบางเรื่องที่เราทราบได้จากมโนมยิทธินั้น ไม่ควรนำมาเปิดเผยโดยตรง เราจึงควรบริหารการแสดงออก เช่นทางการพูด ควรพูดหรือฝึกการแสดงออกให้เป็นไปในลักษณะที่เป็นสากล ฟังแล้วเข้าใจได้ทุกคน ทุกชาติ ทุกชนชั้น สามารถแสดงความน่าเชื่อถือในการถ่ายทอดได้อย่างมีเหตุผล จิตขั้นนี้ถือได้ว่าแตะเพดานบนของขั้นอภิญญาญาณแล้ว เป็นขั้นที่มีความจำได้หมายรู้ และมีองค์เทพ องค์ฌานอยู่ในระดับสูง หากเปรียบเทียบวุฒิภาวะทางการศึกษาถือว่า ได้เท่ากับระดับปริญญาโท
หน้า 1213 ของ 2901