จำนวนไม้เท้าบรมครูที่รับจอง 60 ตามหนังสือที่ขออนุญาตหลวงพ่อใช่ไหม ครับ.
เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย
ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 18 มิถุนายน 2014.
หน้า 244 ของ 824
-
จำนวนไม้จริงๆมัน 70 ท่อน กลึงแล้วแตกไปหลายท่อนเหลือแค่ 58 ท่อนครับ เพราะไม้นี้จะมีตาไม้มากครับ ของแบบนี้แรงครับทำได้เฉพาะกิจจริงๆครับ มีแบบไม้พิเศษด้วยครับ
-
มวลสารที่บรรจุในไม้เท้าบรมครู
1.ลูกอม หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
2.4.งาขนายคืองาอาถรรพ์เป็นของกายสิทธิ์ที่เกิดขึ้นกับช้างตัวเมียนับว่าเป็นช้างพระโพธิสัตว์มาบำเพ็ญบารมี เพราะตามธรรมดาช้างตัวเมียจะไม่มีงา หากช้างตัวเมียเชือกใดก็ตามเกิดมีงางอกออกมาโบราณจารย์ท่านเรียกว่า “งาขนาย” ซึ่งลักษณะจะแตกต่าง ไปจากงาช้างตัวผู้ กล่าวคือจะมีเนื้องากึ่งงา กึ่งเขา กึ่งกระดูกเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งและช้างเชือกนั้น จะมีลักษณะดีมีความสง่างามดั่งนางพญาช้าง เป็นที่เกรงขามต่อบรรดาช้างในโขลงด้วยกันอันเนื่องมาจากพลังวิเศษที่แฝงอำนาจเร้นลับซึ่งสถิตย์อยู่ในงานั่นเองและหากงาขนายนั้นต่อมาได้ กลับกลายสภาพเป็นคด (หิน) ท่านเรียกว่ากายสิทธิ์ซ้อนกายสิทธิ์ ก็ยิ่งจักทวีพลังอานุภาพเป็น ทวีคูณ แต่ใช่ว่าจะพบเจอได้ง่ายๆไม่ เพียงแค่ได้พบเห็นก็นับเป็นบุญวาสนาตายิ่งนัก
อานุภาพนั้นโดดเด่นทางมหาอำนาจราชศักดิ์ ข่มศัตรูคู่อริเป็นที่เกรงขาม หนุนดวงชะตา เรียกโชคลาภ ป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้าย คุณไสยมนต์ดำ นำความเจริญ รุ่งเรืองสู่ผู้เป็นเจ้าของประเสริฐนักแล
3.ลูกอมลูกนี้ชำรุดนะครับ แต่เต็มไปด้วยความขลังและพุทธคุณครับ++++
ลูกอมหรือลูกแก้วของหลวงปู่ดู่นั้นสร้างด้วยกันหลายยุค แต่ยุคแรกหรือรุ่นแรก จะมีส่วนผสมมวลสารเยอะมากครับ ลูกอมรุ่นแรกของท่านจะสร้างประมาณปี 2492 เป็นเนื้อผงผสมว่าน ผสมผงชัน และน้ำมันยาง ถ้าลูกสมบูรณ์จะมีเสันผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว เนื้อค่อนข้างที่จะหยาบและมีน้ำหนักเบา และไม่เจาะรูนะครับ
ลองดูข้อมูลในหนังสือ พรหมปัญโญเถระ รวมวัตถุมงคลต่างๆๆของวัดสะแกครับ เรียบเรียงโดย สโภชน์ ทองแดงครับ
4.เครื่องรางอธิษฐานสีผึ้งและว่านปลุกเสก แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิสิกตาราม กรุงเทพมหานคร
5.เครื่องรางอธิษฐาน หวายแลัตะกรุดปลุกเสก แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิสิกตาราม กรุงเทพมหานคร
6.ลูกอมมหากันฑ์ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ลูกอมมหากัณฑ์ หลวงพ่อคง เนื้อผงพุทธคุณ สภาพดูง่ายครับ ไม่ปวดหัว ครบสูตรเนื้อผงพุทธคุณแห้งสนิทเก่าจัดจ้านมากๆดูง่ายสุดๆ หลวงพ่อคง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกระพ้อม..ท่านได้สร้างและปลุกเสกเอาไว้ในปีพ.ศ2480ครับ..จัดเป็นสุดยอดเครื่องรางของขลัง
ลูกอมของท่านมีทั่งสีดำ สีเทา สีขาวเหลืองอมน้ำตาล สีขาวเหลืองอมชมพู ส่วนที่หายากที่สุดคือสีดำ ซึ่งจะมีการสร้างที่แตกต่างจากสีอื่น คือหลวงพ่อท่านใช้ใบลานเก่าที่พลุ พังจากปลวกกิน และชำรุด มาผสมกับผงที่ท่านได้ปลุกเสกแล้วมาปั้นเป็นลูกอม
7..ประคำคอ 108 พิธีเสด็จกลับปี 06 สุดยอดวัตถุมงคลที่หาได้ยากยิ่งของพิธีเสด็จกลับปี 06 นั้นก็คือชิ้นนี้ล่ะครับ "ประคำคอ 108" ซึ่งผู้ที่ศึกษาพิธีกรรมการสร้างและปลุกเสกอย่างละเอียดจะทราบได้ว่า เฉพาะมวลสารประเภทว่านยา ว่านมงคลอย่างเดียวก็เกิน 200 ชนิดไปแล้วครับ มากที่สุดของวัตถุมงคลที่ทำด้วยเนื้อว่านทั้งหมดของทุกสำนัก ประสบการณ์สุด ๆ เพราะปลุกเสกแยกวัน 7 วัน คือ วันแรก มหาอุด วันที่สอง แคล้วคลาด ฯลฯ จนกระทั่งครบ 7 วันแล้วเอาไปลอยน้ำกลางอ่าวไทย จากนั้นก็จะอัญเชิญกลับมา ถ้ากลับมาได้แสดงว่าถูกต้องตามตำรา ประสบการณ์มากมายเล่าขานไม่จบ และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ววัตถุมงคลในพิธีนั้นได้แบ่งออกให้บูชาที่วัดสารอดส่วนหนึ่ง ลป.สุภาได้นำส่วนหนึ่งกลับไปที่ภูเก็ต อีกส่วนหนึ่งอ.ชุมได้นำกลับไป
8.ลูกแก้วมณีรัตนะ ลูกแก้วมะเฟืองรุ่นแรก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง หลวงพ่อรับบัญชาจากพระท่าน ให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึกขึ้นเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานให้มีความคล่องตัว โดยลูกแก้วมะเฟืองนี้ถือเป็นลูกแก้วมณีรัตนะรุ่นแรกที่หลวงพ่อพุทธาภิเษก เมื่อปี2517 จะมีทั้งที่เป็นลูกใหญ่และลูกเล็ก
ลูกแก้วทั้งหมดทุกแบบทุกรุ่น หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษกโดยใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์จริงเป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
การอาราธนาลูกแก้วท่านบอกให้ทำเป็นกรรมฐานจะเกิดผลมากและยิ่งใหญ่ คือทิพจักขุญาณ ให้อาราธนาทุกวันควบคู่กับการภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย จะมีความคล่องตัว จะบังเกิดให้เห็นทันตา และยังป้องกันอันตรายต่างเหมือนพระเครื่องทุกประการ ควรอธิษฐานว่า "ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ" ".......ลูกแก้วนี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมา มีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหน ทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่า ท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมผู้หญิง
........โยมผู้หญิงท่านบอกว่า ท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า เรามีแก้วลูกเล็กลูกเดียวประชากรในประเทศของเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ ก็เลยถามประวัติความเป็นมา ท่านบอกว่า เดิมทีเป็น "ลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ์" เลยถามท่านว่า เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ์อยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อยู่ที่พระจุฬามณี จึงพาไปดู
.........ความจริงสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิ์นี่มี แก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เทวดาก็จะนำทั้ง ๔ อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์คนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้ ...เทวดาต้องเอาของเขากลับคืนไป เทวดาท่านต้องหวงแหน เพราะว่าของ ๔ อย่างนี้ ต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้
ลูกแก้ว มีลาภแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามเหตุตามผล คล้าย ๆ หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแน่นอน แต่จะไม่เป็นศูนย์ การจัดงานบุญ งานเลี้ยงที่มีคนจำนวนมากจะคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง (หลวงพ่อบอกว่ามีผลเลี้ยงคนจำนวนมากได้) ..ส่วนการรักษาโรคนี่ผมเคยเป็นโรคบิด กินยาหมออย่างดีเป็นเดือน ๆ ไม่หายเลยถึงขนาดแค่มองเห็นเม็ดยา หรือซองยานี่อาเจียรเลย...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนำเอาลูกแก้วหลวงพ่อมาขอบารมีทำน้ำมนต์ และหายเป็นปลิดทิ้งในหนึ่งวันนี่เรื่องจริงครับ (เกิดขึ้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว)
9.ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ประวัติผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม
ประวัติผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามผ้ามงคลที่นำมาแจกนี้ได้จากตำราหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามตำราท่านให้ชื่อว่า ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นตำรา ที่หลวงพ่อปานท่านเรียนและได้รับตำรานี้จากท่านอาจารย์
แจง เมืองสวรรคโลก (อำเภอสวรรคโลก ปัจจุบัน)
ตามตำราแจ้งว่าเป็นตำราที่พระร่วงใช้ในสมัยกู้ชาติ ท่านอธิบายผลไว้มากมาย ขอแจ้งแต่เพียงสรรพคุณโดยย่อว่า ท่านใช้เป็นธงนำทัพวิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปานเป็นที่สุด
แล้วปลุกด้วยคาถา " พุท ธะ สัง มิ. "ผ้ามงคล(ธงมหาพิชัยสงครามนี้) จะมีผลประการใดบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวันท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ
ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ และเวลาเย็นก่อนอาราธนาขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเป็นที่สุด แล้วอาราธนาว่าดังนี้
" อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด."คาถาอาราธนานี้ หลวงพ่อปานบอกว่าเป็นคาถาอาราธนาของพระร่วง...
ความรู้เรื่องธงมหาพิชัยสงคราม เเละความหมายของยันต์บนผืนธงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาว
สวรรคโลกซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ ทรงสมาบัติ 8ธงมหาพิชัยสงครามนี้
หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่าผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่ บังเกอร์?ตัวอย่างมี
เยอะครับพี่ๆ ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดีมี
เกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะ อานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้? อาจถึงตายได้ครับ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้
เเละยังรวมไปถึงวิธี การเป่ายันต์เกราะเพชรของสายพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี
ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อฯ ท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา
ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไปก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆ ได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างเก่งก็ไม่เกิน 10 %
เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาติดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชาถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านทราบ
ข้อบังคับนี้ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวงครับ
อานุภาพผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม
ในเหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
(คัดบางตอนจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก ๓ หน้า ๑๐๔-๑๐๗)
...สมัยนั้น ผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึกเทือกเขาภูพานได้เป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้ต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต.ยุทธศิลป์ เกสรสุข ยศในขณะนั้น (ปัจจุบันมียศ
พล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อๆ เป็นพระจะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านมีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารดังนี้
๑. ท่านเดินทางไป พร้อมกับคณะเพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อน ที่ฐานทัพของทหาร
๒. แจกผ้ายันต์ ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้น ทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา
ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรี ประชาสิกขวานิช ร.น. ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายที่บ้านสายลม และที่วัดท่า
ซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังการบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้ ผกค.อยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอา
ไม้เท้าชี้ไปที่แผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิด หรือต้องเสียเวลา ฝ่ายทหารต่างร้อง อือ พร้อมๆ กันหลายคนและบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจ
ของสงฆ์ ส่วนวิธีการถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ...
หลังจากจากหลวงพ่อและคณะ ได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหาร ตามหน่วยต่างๆ แล้ว ก็กลับไป กทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่ ๑ กองร้อยเข้าโจมตีที่มั่น ผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่บนเครื่องบิน
ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานทางวิทยุว่ามีทหารตาย ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่าทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบิน ให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบ
อะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่า ไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกผ้ายันต์แดงไปด้วย ทั้งๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบหาข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร
อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์แดงก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้ เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากท่อ) ท่านจึงร้องอ้อ
วันที่ ๒ ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็น ๒ กองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่น "ความลับไม่มีในโลก" ทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าว รู้อิทธิปาฏิหารย์ของผ้ายันต์ ธงมหาพิชัย
สงคราม กันหมด ผลคือทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์สีแดงจะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขัวญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้น เพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุก
คน
วันที่ ๓ ทุกคนมีขัวญ และกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานโหญ่ และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมด ชนิดที่ ผกค.ขัวญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใคร
ยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้นและไม่มีใครเสียชีวิตเลย
ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็น ผกค.ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใหร่ก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้า คงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผนท่านแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบ
ที่ไหนก็ชนะหมด)
หลวงพ่อท่านทราบข่าวจากรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะก็ไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้น ในวันต่อมา หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยรบพิเศษนี้แล้ว ผมพอสรุปย่อๆ ดังนี้
๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญบอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยว หรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้ายๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่า ขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิงปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่า ทำไมมาม่ามันถึงแข็ง และเหนียวนักเลยคลายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่
ข้าศึกยิงมาโดนตัว แต่ไม่เข้าลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้ง ก็มองเห็นข้าศึก ที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกัยหุ่น หรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณว่า คงเป็นเพราะอานุภาพของผ้ายันต์แดงทำให้เกิดอาการ "นะ จัง งัง" ขึ้น หรือ
เพราะมันตกใจจริงๆ ที่ไม่เคยเห็คนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี
๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้ มีทั้งโรงพยาบาล และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพลศึกษา สนามบาส โรงครัวขนาดใหญ่ พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี อาวุธมากมาย เครื่องปั่นไฟ และน้ำมันโดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพ
บอกว่า ต้องใช้รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่นานหลายปี
๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากยึดพื้นที่ไว้ ก็เสี่ยงเกินไป เพราะตอนกลางคืนมันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็น ผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ๆ
เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก
๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย
เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมากยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไปผลแทนที่มันจะมากตามส่วน กลับไม่ได้ผล หรือกลับเป็นผลเสีย...ผมจึงขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้
แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้
๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย..
10.เศษพระคำข้าวและหางหมาก ของหลวงพ่อฤาษี
"...อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ..อย่างมี "พระคำข้าว"
พระคำข้าวน่ะ..หนักไปในทาง ลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ..สาธุ ว่า.."นะโม ตัสสะ" ใช่ไหม..ว่า "นะโม ตัสสะ" ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่าวันนี้ต้องการ... (ลาภอย่างไร)
เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติกรรมฐาน" ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติ" เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน
ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง..!
คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐม เป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน
แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่า อิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด..หนามาก "พระคำข้าว" เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ.."
คัดลอกจากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" (ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)
หลวงพ่อเคยบอกว่า "สมเด็จองค์ปฐม" ได้ให้ พระพุทธกัสสป, พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ
"...องค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...องค์ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า
"พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ"
ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน".. ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" องค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง...
...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก
...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล
...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์.."
สมเด็จท่านตรัสว่า อานุภาพของสมเด็จหางหมากนั้น รอบรัศมี 4 เมตร กัมมัตภาพรังสีจะเข้าไม่ได้เลย
11.น้ำมันชาตรีและน้ำมันสังคโลก
12..เชือกแดงหลวงพ่อฤาษี
13.ด้ายเจ็ดสี หลวงพ่อฤาษี
14.ด้ายเจ็ดสี หลวงพ่อฤาษี
15.ทรายเสก หลวงพ่อฤาษี
16.สีผึ้งหลวงพ่อฤาษี
17.สีผึ้งหลวงปู่ปาน
18.ผงตะไบชนวนสมเด็จองค์ปฐม+พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์วัดท่าซุง
19..เส้นเกษาหลวงพ่อฤาษี
20.เหรียญยันต์ตะกรุดเม มหาสะท้อน วัดท่าซุง(เล็ก)
21."ศิลาน้ำ" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม"ศิลาน้ำ" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัตถุมงคลอธิษฐานที่มีความสำคัญอย่างมาก
ใช้ "ตั้งน้ำอธิษฐาน" ดื่มรักษาโรค ป้องกันโรค ป้องกันคุณไสย ใส่ในปูนกินหมากเพื่อให้เป็น
"ปูนเสก" ใช้รักษาโรค หรือ พกติดตัวป้องกันอันตรายต่างๆ
22."พลอยเสก" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม"พลอยเสก" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลอธิษฐาน พกไว้ทำสิ่งใดจะได้เป็นหนึ่ง และทำสิ่งใดจะได้มีผลพลอยได้
23.สีผึ้ง หวายเสก ทรายเงินทรายทอง ข้าวตอกพระร่วง ผงพระพุทโธน้อย
24..ลูกสะกดรวมชนวนมวลสารพระประธาน 108 วัด 108 องค์ และชนวนมวลสารอีกมากมายเกินจะบรรยาย(โลหะ)ผู้ที่เก็บรวบรวมใช้เวลาเก็บ 30 กว่าปี เฉพาะชนวนพระประธาน ยังไม่รวมอย่างอื่นนะ
25..ปรอทเพชร(เย็น)หลวงปู่ลือ
26.ปรอทกินทองของทางพม่า
27..ปรอทเพชร(ร้อน)
28.รวมปรอทที่ใส่เบี้ยแก้มหาสะท้อน(หลวงพ่อหนุนและหลวงปู่ญาท่านสวน)
29.ไม้ไผ่ยอดตาล
30.ไม้ไผ่ตัน
31.ไม้ไผ่ตันไม่มีตา
32..ผงจากต้นมะนาวโห่ ในตำนานในรอบ 12 ปี จะขึ้น 1 ครั้ง บนตอไม้ที่กลายเป็นหิน อานุภาพสูงมาก
33.ชันโรงทุกสายพันธ์
34.ครั่งพุทซากิ่งชี้ทิศตะวันออกผสมรวม
35.รวมไม้มงคลเท่าที่หาได้และหายาก
36..รวมผงแร่ตระกลูเหล็กไหล
37.หินจากเสาอินทขิลสมัยพระเจ้าอโศก(พระธาตุพนม)
38..ดวงตาพระโพธิสัตว์ของหายาก
39.เม็ดประเหล็กน้ำพี้หลวงปู่หมุน
40..ผงพระสมเด็จโต วัดระฆัง วัดเกษไชไย วัดอินทราราม วัดสะตือ อื่นๆ
41..ผงพระหลวงปู่ปาน
42.เกษาหลวงพ่อหนุน
43.เกษาหลวงปู่ใหญ่
44.เหล็กไหลพญานาค(แร่ทรหด)หลวงพ่อหนุน
45..จีวรหลวงพ่อหนุน
46.ทรายเงินทรายทองทรายนิลและอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม
47..เกษารวมครูบาอาจารย์เกือบ 40-60 องค์
48.ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
49.ชานหมากครูบาอาจารย์หลายองค์
50.ขนจามรี ที่ใช้ทำเครื่องสูง
51.ประคำงาช้าง หลวงพ่อกวย
52.ประคำไม้ หลวงพ่อกวย
53.ผงว่าน 108 เมตตา
54.สีผึ้งว่าน 108
55.กระดูกมังกร
56.หงอนพญานาค
57.ไม้แหย่แย้
58.ผงตะไบผานไถ
59.ผงรวมมวลสาร 30000 กว่าชนิด 37 ประเทศทั่วโลก
60.ผงดินเก่าผานไถและอาวุธโบราณ
61.ไม้ไผ่ดำเมืองบงบด
62.ไม้ตีระฆังเก่า
63.อิฐหุ้มองค์พระธาตุดอยตุงองค์เก่า
64.อิฐองค์พระธาตุจอมกิตติ
65.หน้าผากเสือโคร่ง หลวงพ่อกวย
66.ตะกรุดไม้รวก(ไม้ครู)หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
67.ตะกรุดไม้ครู(นิ้วเพชรพระอิศวร)หลวงปู่ภู วัดอินทราราม
68.ปฐวีธาตุเจ้าคุณนร
69.ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
70.ประคำสะหลีพันต้นของครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง
71.เพชรหน้าทั่ง หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
72.เพชรน้ำค้างหรือเหล็กไหลเพชรน้ำค้าง หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
73.ไม้งิ้วดำ หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง เอามาทำผงกสินไฟ
74.ข้าวเปลือกเสก หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
75. ข้าวสารเสก หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
76.ผ้าจีวรหลวงปู่สรวง
77. ผ้าจีวร(ผ้าขาว)หลวงปู่สรวง
78. ผ้าจีวรหลวงปู่ใหญ่
79. ผ้าจีวรหลวงปู่เทพโลกอุดร
80. จีวรแก้วหลวงปู่พระมหากัสสปมหาเถรเจ้า
81. เหล็กไหลหัวใจน้ำพระธาตุจอมกิตติ(สมัยพระเจ้าพรหมมหาราช)
82. ผงกสินไฟหลวงปู่สรวง
83. ไม้เจ้าแม่ตะเคียนทอง วัดเชียงขาง
84. ไม้เสาโบสถมหาอุด หลวงพ่อเดิม
85. ไม้เสากุฏิ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
86. ดินสังเวชนี 4 สถานที่(อินเดีย)
87. ผงตะไบเหล็กยอดพระธาตุเจดีย์
88. ขนหางช้างเผือก
89. เส้นเกษาพระเจ้า
90. ผ้าจีวรหลวงพ่อทองทิพย์ รัตนโคตร
91. ผงอังคารธาตุและอิฐธาตุหลวงปู่ดู่
92. พระธาตุรวมและพระส่รีริกธาตุ
93. จีวรหลวงพ่อเมตตา(พุทธคยา อินเดีย)
94. ประคำนเรศวรปราบหงษา หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
95. ประคำปราบอาถรรพ์(ดินเผาผสมผง)หลวงปู่ดู่
96. ผงงาช้างเผือก
97. ไม้มณีโคตร
98. เศษกระเบื้องเก่าวัดพระแก้ว(เก่ามากอาถรรพ์แรง)
99. ชนวนหล่อพระพุทธชินราช(พลิกแผ่นดินหาหลายรอบ)สมัย ร.๕
100. ชนวนหล่อพระเจ้าองค์ตื้อ สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
101. งาช้างดำ
101. ฟัน(ดำ)พญาช้าง
102. กระดูก(ดำ)พญาช้าง
103. พลอยสัตตะนาคา
104. ไม้ขอช้างเผือก
105. ไม้เสาตะลุงช้างเผือก
106. ขี้ผึ้งขวางตะวัน
107. เม็ดชนวนรวมแร่เหล็กไหล 30 กว่าชนิด
108. ผ้าจีวรหลวงปู่ทิม วัดช้างไห้
109. ผงมหามงคล(ผงทุกที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทวด)พลังงานบารมีพระมหาโพธิ์สัตว์
110.แร่โคตรเศรษฐี
111.ผ้าห่มร่างแม่ชีประทุม -
ไม้เท้าบรมครูจะทำพิธีอธิฐานจิตต่อหน้าไม้เท้าเบิกไพรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม้เท้าเบิกไพรของท่านพระราหุลเถรเจ้าและสมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อนครับ โดยครูบาอาจารย์ในสายนี้ครับ ทำแล้วต้องให้ได้รับพลังงานเดียวกันเลยครับ แต่ละไม้จะมีพรหมเทพมาเป็นผู้ดูแลรักษา เป็นไม้ที่มีอานุภาพมาก
มีผู้ที่ท่านได้ญาณรู้ ท่านบอกว่าไม้เท้าบรมครู เบื้องบนท่านอนุญาติให้ทำได้ ฉนั้นไม้นี้จะมีพลานุภาพอันสูงยิ่ง เพราะทุกๆท่าน(ข้างบน)ท่านร่วมอนุโมทนาสาธุด้วย
ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ไม้เท้าบรมครู 1 ด้ามต่อ 1 ผืน
ลูกแก้วรุ่น 1 ของหลวงพ่อฤาษี(มะเฟือง) ต่อ 1 ลูก
ศิลาน้ำของแม่ชีบุญเรือน ต่อ 1 เม็ด
ถ้าเป็นเส้นเกษาหลวงพ่อฤาษี ต่อ1 เส้น
เกษาพระเจ้า ต่อ 1 เส้น
ประคำนเรศวรปราบหงษา หลวงปู่บุญ ต่อ 1 เม็ด
อื่นๆอีกมากครับ
ยังมีปรอทที่ทางคุณชัยวิทย์จะทำส่งมาให้บรรจุในไม้เท้าบรมครูด้วย โดยพอกผงหุ้มปรอทอีกที งานนี้พิเศษครับ ยันต์ที่ลงที่หัวไม้เท้าบรมครูทางคุณชัยวิทย์ได้ช่วยออกแบบลงให้ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 4 ยันต์ครับไม่ใช่ 2 ยันต์ ซึ่งในยันต์ที่ลงก็มียันต์พระเจ้าเปิดโลก(ยันต์โบราณทางใช้เฉพาะในไม้เท้าและอาวุธบางอย่าง จะทรงอานุภาพเปิดได้ทุกภพภูมิ และอุปสรรคต่างๆได้หมด)
ไม้เท้าบรมครู สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะใช้งานได้ครับ ไม่ใช่แค่ตั้งโชว์เฉยๆ เพราะตรงหัวไม้เท้าจะเป็นรูปสมเด็จองปฐมบรมครูและยันต์พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ล้อมรอบ เวลาเราจับหัวไม้เท้าก็เหมือนเรากำลังกำพระ เป็นอนุสติไปในตัวครับ
จำนวนไม้จริงๆมัน 70 ท่อน กลึงแล้วแตกไปหลายท่อนเหลือแค่ 58 ท่อนครับ เพราะไม้นี้จะมีตาไม้มากครับ ของแบบนี้แรงครับทำได้เฉพาะกิจจริงๆครับ มีแบบไม้พิเศษด้วยครับ -
ไม่มีแล้วครับนอกจาก 3 สิ่งนี้ครับ -
-
ตามรายละเอียด มอบให้กับผู้จองไม้เท้าครู = 1 ชุด ใช่หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ -
Originally Posted by ไปคนเดี่ยว View Post
ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ไม้เท้าบรมครู 1 ด้ามต่อ 1 ผืน
ลูกแก้วรุ่น 1 ของหลวงพ่อฤาษี(มะเฟือง) ต่อ 1 ลูก
ศิลาน้ำของแม่ชีบุญเรือน ต่อ 1 เม็ด
ถ้าเป็นเส้นเกษาหลวงพ่อฤาษี ต่อ1 เส้น
เกษาพระเจ้า ต่อ 1 เส้น
ประคำนเรศวรปราบหงษา หลวงปู่บุญ ต่อ 1 เม็ด
อื่นๆอีกมากครับ
เรียน พระอาจารย์ ครับ
ตามรายละเอียด มอบให้กับผู้จองไม้เท้าครู = 1 ชุด ใช่หรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
นี้คือมวลสารที่จะบรรจุลงไปในไม้เท้าบรมครู แค่ยกตัวอย่างเพียงเล็กน้อยครับ -
ไม้เท้าบรมครูจะทำพิธีอธิฐานจิตต่อหน้าไม้เท้าเบิกไพรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม้เท้าเบิกไพรของท่านพระราหุลเถรเจ้าและสมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อนครับ โดยครูบาอาจารย์ในสายนี้ครับ ทำแล้วต้องให้ได้รับพลังงานเดียวกันเลยครับ แต่ละไม้จะมีพรหมเทพมาเป็นผู้ดูแลรักษา เป็นไม้ที่มีอานุภาพมาก
การอัญเชิญบารมีของไม้เท้าของบรมครูมาบรรจุใส่ ก็จะมีพลานุภาพแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นของจริง 100 เต็ม ของอัญเชิญถูกต้องตามพิธีและขั้นตอนการสร้างการบรรจุมวลสาร การลงอักขระเลขยันต์ที่ได้กำหนดไว้จะมีผลถึง 99.99 เลยที่เดียวครับ ซึ่งยุดนี้สมัยนี้ไม่มีใครทำแล้วครับ(ทำยาก ถ้าข้างบนท่านไม่เปิดให้)
-
มวลสารที่บรรจุในไม้เท้าบรมครู
1.ลูกอม หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
2.4.งาขนายคืองาอาถรรพ์เป็นของกายสิทธิ์ที่เกิดขึ้นกับช้างตัวเมียนับว่าเป็นช้างพระโพธิสัตว์มาบำเพ็ญบารมี เพราะตามธรรมดาช้างตัวเมียจะไม่มีงา หากช้างตัวเมียเชือกใดก็ตามเกิดมีงางอกออกมาโบราณจารย์ท่านเรียกว่า “งาขนาย” ซึ่งลักษณะจะแตกต่าง ไปจากงาช้างตัวผู้ กล่าวคือจะมีเนื้องากึ่งงา กึ่งเขา กึ่งกระดูกเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งและช้างเชือกนั้น จะมีลักษณะดีมีความสง่างามดั่งนางพญาช้าง เป็นที่เกรงขามต่อบรรดาช้างในโขลงด้วยกันอันเนื่องมาจากพลังวิเศษที่แฝงอำนาจเร้นลับซึ่งสถิตย์อยู่ในงานั่นเองและหากงาขนายนั้นต่อมาได้ กลับกลายสภาพเป็นคด (หิน) ท่านเรียกว่ากายสิทธิ์ซ้อนกายสิทธิ์ ก็ยิ่งจักทวีพลังอานุภาพเป็น ทวีคูณ แต่ใช่ว่าจะพบเจอได้ง่ายๆไม่ เพียงแค่ได้พบเห็นก็นับเป็นบุญวาสนาตายิ่งนัก
อานุภาพนั้นโดดเด่นทางมหาอำนาจราชศักดิ์ ข่มศัตรูคู่อริเป็นที่เกรงขาม หนุนดวงชะตา เรียกโชคลาภ ป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้าย คุณไสยมนต์ดำ นำความเจริญ รุ่งเรืองสู่ผู้เป็นเจ้าของประเสริฐนักแล
3.ลูกอมลูกนี้ชำรุดนะครับ แต่เต็มไปด้วยความขลังและพุทธคุณครับ++++
ลูกอมหรือลูกแก้วของหลวงปู่ดู่นั้นสร้างด้วยกันหลายยุค แต่ยุคแรกหรือรุ่นแรก จะมีส่วนผสมมวลสารเยอะมากครับ ลูกอมรุ่นแรกของท่านจะสร้างประมาณปี 2492 เป็นเนื้อผงผสมว่าน ผสมผงชัน และน้ำมันยาง ถ้าลูกสมบูรณ์จะมีเสันผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว เนื้อค่อนข้างที่จะหยาบและมีน้ำหนักเบา และไม่เจาะรูนะครับ
ลองดูข้อมูลในหนังสือ พรหมปัญโญเถระ รวมวัตถุมงคลต่างๆๆของวัดสะแกครับ เรียบเรียงโดย สโภชน์ ทองแดงครับ
4.เครื่องรางอธิษฐานสีผึ้งและว่านปลุกเสก แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิสิกตาราม กรุงเทพมหานคร
5.เครื่องรางอธิษฐาน หวายแลัตะกรุดปลุกเสก แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิสิกตาราม กรุงเทพมหานคร
6.ลูกอมมหากันฑ์ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จ.สมุทรสงคราม ลูกอมมหากัณฑ์ หลวงพ่อคง เนื้อผงพุทธคุณ สภาพดูง่ายครับ ไม่ปวดหัว ครบสูตรเนื้อผงพุทธคุณแห้งสนิทเก่าจัดจ้านมากๆดูง่ายสุดๆ หลวงพ่อคง อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกระพ้อม..ท่านได้สร้างและปลุกเสกเอาไว้ในปีพ.ศ2480ครับ..จัดเป็นสุดยอดเครื่องรางของขลัง
ลูกอมของท่านมีทั่งสีดำ สีเทา สีขาวเหลืองอมน้ำตาล สีขาวเหลืองอมชมพู ส่วนที่หายากที่สุดคือสีดำ ซึ่งจะมีการสร้างที่แตกต่างจากสีอื่น คือหลวงพ่อท่านใช้ใบลานเก่าที่พลุ พังจากปลวกกิน และชำรุด มาผสมกับผงที่ท่านได้ปลุกเสกแล้วมาปั้นเป็นลูกอม
7..ประคำคอ 108 พิธีเสด็จกลับปี 06 สุดยอดวัตถุมงคลที่หาได้ยากยิ่งของพิธีเสด็จกลับปี 06 นั้นก็คือชิ้นนี้ล่ะครับ "ประคำคอ 108" ซึ่งผู้ที่ศึกษาพิธีกรรมการสร้างและปลุกเสกอย่างละเอียดจะทราบได้ว่า เฉพาะมวลสารประเภทว่านยา ว่านมงคลอย่างเดียวก็เกิน 200 ชนิดไปแล้วครับ มากที่สุดของวัตถุมงคลที่ทำด้วยเนื้อว่านทั้งหมดของทุกสำนัก ประสบการณ์สุด ๆ เพราะปลุกเสกแยกวัน 7 วัน คือ วันแรก มหาอุด วันที่สอง แคล้วคลาด ฯลฯ จนกระทั่งครบ 7 วันแล้วเอาไปลอยน้ำกลางอ่าวไทย จากนั้นก็จะอัญเชิญกลับมา ถ้ากลับมาได้แสดงว่าถูกต้องตามตำรา ประสบการณ์มากมายเล่าขานไม่จบ และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ววัตถุมงคลในพิธีนั้นได้แบ่งออกให้บูชาที่วัดสารอดส่วนหนึ่ง ลป.สุภาได้นำส่วนหนึ่งกลับไปที่ภูเก็ต อีกส่วนหนึ่งอ.ชุมได้นำกลับไป
8.ลูกแก้วมณีรัตนะ ลูกแก้วมะเฟืองรุ่นแรก (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง หลวงพ่อรับบัญชาจากพระท่าน ให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึกขึ้นเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานให้มีความคล่องตัว โดยลูกแก้วมะเฟืองนี้ถือเป็นลูกแก้วมณีรัตนะรุ่นแรกที่หลวงพ่อพุทธาภิเษก เมื่อปี2517 จะมีทั้งที่เป็นลูกใหญ่และลูกเล็ก
ลูกแก้วทั้งหมดทุกแบบทุกรุ่น หลวงพ่อท่านพุทธาภิเษกโดยใช้ลูกแก้วจักรพรรดิ์องค์จริงเป็นประธาน พระท่านบอกกับหลวงพ่อท่านว่า ผลจะได้ถึง 99%ของลูกแก้วองค์จริง
การอาราธนาลูกแก้วท่านบอกให้ทำเป็นกรรมฐานจะเกิดผลมากและยิ่งใหญ่ คือทิพจักขุญาณ ให้อาราธนาทุกวันควบคู่กับการภาวนาพระคาถาเงินล้านไปด้วย จะมีความคล่องตัว จะบังเกิดให้เห็นทันตา และยังป้องกันอันตรายต่างเหมือนพระเครื่องทุกประการ ควรอธิษฐานว่า "ขอความปราถนาทุกอย่างของข้าพเจ้าจงสำเร็จทุกประการ" ".......ลูกแก้วนี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมา มีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหน ทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่า ท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมผู้หญิง
........โยมผู้หญิงท่านบอกว่า ท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า เรามีแก้วลูกเล็กลูกเดียวประชากรในประเทศของเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ ก็เลยถามประวัติความเป็นมา ท่านบอกว่า เดิมทีเป็น "ลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ์" เลยถามท่านว่า เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ์อยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อยู่ที่พระจุฬามณี จึงพาไปดู
.........ความจริงสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิ์นี่มี แก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เทวดาก็จะนำทั้ง ๔ อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิ์คนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้ ...เทวดาต้องเอาของเขากลับคืนไป เทวดาท่านต้องหวงแหน เพราะว่าของ ๔ อย่างนี้ ต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้
ลูกแก้ว มีลาภแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามเหตุตามผล คล้าย ๆ หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองแน่นอน แต่จะไม่เป็นศูนย์ การจัดงานบุญ งานเลี้ยงที่มีคนจำนวนมากจะคล่องตัวอย่างคาดไม่ถึง (หลวงพ่อบอกว่ามีผลเลี้ยงคนจำนวนมากได้) ..ส่วนการรักษาโรคนี่ผมเคยเป็นโรคบิด กินยาหมออย่างดีเป็นเดือน ๆ ไม่หายเลยถึงขนาดแค่มองเห็นเม็ดยา หรือซองยานี่อาเจียรเลย...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนำเอาลูกแก้วหลวงพ่อมาขอบารมีทำน้ำมนต์ และหายเป็นปลิดทิ้งในหนึ่งวันนี่เรื่องจริงครับ (เกิดขึ้นมาเกือบ ๓๐ ปีแล้ว)
9.ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ประวัติผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม
ประวัติผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามผ้ามงคลที่นำมาแจกนี้ได้จากตำราหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามตำราท่านให้ชื่อว่า ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นตำรา ที่หลวงพ่อปานท่านเรียนและได้รับตำรานี้จากท่านอาจารย์
แจง เมืองสวรรคโลก (อำเภอสวรรคโลก ปัจจุบัน)
ตามตำราแจ้งว่าเป็นตำราที่พระร่วงใช้ในสมัยกู้ชาติ ท่านอธิบายผลไว้มากมาย ขอแจ้งแต่เพียงสรรพคุณโดยย่อว่า ท่านใช้เป็นธงนำทัพวิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปานเป็นที่สุด
แล้วปลุกด้วยคาถา " พุท ธะ สัง มิ. "ผ้ามงคล(ธงมหาพิชัยสงครามนี้) จะมีผลประการใดบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวันท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ
ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ และเวลาเย็นก่อนอาราธนาขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเป็นที่สุด แล้วอาราธนาว่าดังนี้
" อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด."คาถาอาราธนานี้ หลวงพ่อปานบอกว่าเป็นคาถาอาราธนาของพระร่วง...
ความรู้เรื่องธงมหาพิชัยสงคราม เเละความหมายของยันต์บนผืนธงพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาว
สวรรคโลกซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ ทรงสมาบัติ 8ธงมหาพิชัยสงครามนี้
หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่าผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่ บังเกอร์?ตัวอย่างมี
เยอะครับพี่ๆ ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดีมี
เกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะ อานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้? อาจถึงตายได้ครับ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้
เเละยังรวมไปถึงวิธี การเป่ายันต์เกราะเพชรของสายพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี
ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อฯ ท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา
ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไปก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆ ได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างเก่งก็ไม่เกิน 10 %
เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาติดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชาถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านทราบ
ข้อบังคับนี้ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวงครับ
อานุภาพผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม
ในเหตุการณ์ระหว่างปี ๒๕๑๘-๒๕๒๐ เล่าโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
(คัดบางตอนจากหนังสือ ลูกศิษย์บันทึก ๓ หน้า ๑๐๔-๑๐๗)
...สมัยนั้น ผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึกเทือกเขาภูพานได้เป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้ต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต.ยุทธศิลป์ เกสรสุข ยศในขณะนั้น (ปัจจุบันมียศ
พล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อๆ เป็นพระจะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านมีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารดังนี้
๑. ท่านเดินทางไป พร้อมกับคณะเพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อน ที่ฐานทัพของทหาร
๒. แจกผ้ายันต์ ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้น ทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา
ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรี ประชาสิกขวานิช ร.น. ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายที่บ้านสายลม และที่วัดท่า
ซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังการบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาดถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้ ผกค.อยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอา
ไม้เท้าชี้ไปที่แผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิด หรือต้องเสียเวลา ฝ่ายทหารต่างร้อง อือ พร้อมๆ กันหลายคนและบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจ
ของสงฆ์ ส่วนวิธีการถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ...
หลังจากจากหลวงพ่อและคณะ ได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหาร ตามหน่วยต่างๆ แล้ว ก็กลับไป กทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่ ๑ กองร้อยเข้าโจมตีที่มั่น ผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่บนเครื่องบิน
ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานทางวิทยุว่ามีทหารตาย ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่าทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น จึงสั่งลงมาจากเครื่องบิน ให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบ
อะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่า ไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกผ้ายันต์แดงไปด้วย ทั้งๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบหาข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร
อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์แดงก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้ เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากท่อ) ท่านจึงร้องอ้อ
วันที่ ๒ ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็น ๒ กองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่น "ความลับไม่มีในโลก" ทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าว รู้อิทธิปาฏิหารย์ของผ้ายันต์ ธงมหาพิชัย
สงคราม กันหมด ผลคือทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์สีแดงจะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขัวญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้น เพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุก
คน
วันที่ ๓ ทุกคนมีขัวญ และกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานโหญ่ และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมด ชนิดที่ ผกค.ขัวญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใคร
ยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้นและไม่มีใครเสียชีวิตเลย
ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็น ผกค.ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใหร่ก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้า คงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผนท่านแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบ
ที่ไหนก็ชนะหมด)
หลวงพ่อท่านทราบข่าวจากรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะก็ไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้น ในวันต่อมา หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยรบพิเศษนี้แล้ว ผมพอสรุปย่อๆ ดังนี้
๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญบอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยว หรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้ายๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่า ขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิงปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่า ทำไมมาม่ามันถึงแข็ง และเหนียวนักเลยคลายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่
ข้าศึกยิงมาโดนตัว แต่ไม่เข้าลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้ง ก็มองเห็นข้าศึก ที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกัยหุ่น หรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณว่า คงเป็นเพราะอานุภาพของผ้ายันต์แดงทำให้เกิดอาการ "นะ จัง งัง" ขึ้น หรือ
เพราะมันตกใจจริงๆ ที่ไม่เคยเห็คนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี
๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้ มีทั้งโรงพยาบาล และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพลศึกษา สนามบาส โรงครัวขนาดใหญ่ พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี อาวุธมากมาย เครื่องปั่นไฟ และน้ำมันโดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพ
บอกว่า ต้องใช้รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่นานหลายปี
๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากยึดพื้นที่ไว้ ก็เสี่ยงเกินไป เพราะตอนกลางคืนมันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็น ผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ๆ
เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก
๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย
เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมากยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไปผลแทนที่มันจะมากตามส่วน กลับไม่ได้ผล หรือกลับเป็นผลเสีย...ผมจึงขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้
แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้
๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย..
10.เศษพระคำข้าวและหางหมาก ของหลวงพ่อฤาษี
"...อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ..อย่างมี "พระคำข้าว"
พระคำข้าวน่ะ..หนักไปในทาง ลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ..สาธุ ว่า.."นะโม ตัสสะ" ใช่ไหม..ว่า "นะโม ตัสสะ" ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่าวันนี้ต้องการ... (ลาภอย่างไร)
เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติกรรมฐาน" ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติ" เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน
ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง..!
คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐม เป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน
แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่า อิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด..หนามาก "พระคำข้าว" เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ.."
คัดลอกจากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" (ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)
หลวงพ่อเคยบอกว่า "สมเด็จองค์ปฐม" ได้ให้ พระพุทธกัสสป, พระพุทธทีปังกร คุมเรื่องลาภ
"...องค์ปฐมก็มา และพระพุทธกัสสปก็มา สมเด็จพระพุทธทีปังกรก็มา...องค์ปฐมท่านบอกว่า เรื่องลาภนะ สมเด็จพระพุทธกัสสป หนักที่สุด และรองลงมาคล้ายคลึงกันคือ สมเด็จพระพุทธทีปังกร ก็เลยถามท่านว่า
"พระพุทธเจ้ามีบารมีเต็มเหมือนกัน ทำไมแตกต่างกันเรื่องลาภ"
ท่านบอกว่า "สุดแล้วแต่การเริ่มต้น คู่อันไหนแรงกว่ากัน".. ท่านบอก "ให้พระพุทธกัสสปคุมเพราะลาภมาก" องค์ปฐมบอกว่า..."ลีลาต่างกันนิดหนึ่ง...
...สมเด็จพระพุทธทีปังกร : มีกำลังแข็งมากสู้แรงมาก
...พระพุทธกัสสป : ท่านนิ่มนวลในทางลาภมหาศาล
...แต่ลาภมหาศาลทั้งคู่ : ท่านก็เลยบอกว่าเป็นหน้าที่ของทั้ง ๒ องค์.."
สมเด็จท่านตรัสว่า อานุภาพของสมเด็จหางหมากนั้น รอบรัศมี 4 เมตร กัมมัตภาพรังสีจะเข้าไม่ได้เลย
11.น้ำมันชาตรีและน้ำมันสังคโลก
12..เชือกแดงหลวงพ่อฤาษี
13.ด้ายเจ็ดสี หลวงพ่อฤาษี
14.ด้ายเจ็ดสี หลวงพ่อฤาษี
15.ทรายเสก หลวงพ่อฤาษี
16.สีผึ้งหลวงพ่อฤาษี
17.สีผึ้งหลวงปู่ปาน
18.ผงตะไบชนวนสมเด็จองค์ปฐม+พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์วัดท่าซุง
19..เส้นเกษาหลวงพ่อฤาษี
20.เหรียญยันต์ตะกรุดเม มหาสะท้อน วัดท่าซุง(เล็ก)
21."ศิลาน้ำ" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม"ศิลาน้ำ" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัตถุมงคลอธิษฐานที่มีความสำคัญอย่างมาก
ใช้ "ตั้งน้ำอธิษฐาน" ดื่มรักษาโรค ป้องกันโรค ป้องกันคุณไสย ใส่ในปูนกินหมากเพื่อให้เป็น
"ปูนเสก" ใช้รักษาโรค หรือ พกติดตัวป้องกันอันตรายต่างๆ
22."พลอยเสก" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม"พลอยเสก" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นอีกหนึ่งวัตถุมงคลอธิษฐาน พกไว้ทำสิ่งใดจะได้เป็นหนึ่ง และทำสิ่งใดจะได้มีผลพลอยได้
23.สีผึ้ง หวายเสก ทรายเงินทรายทอง ข้าวตอกพระร่วง ผงพระพุทโธน้อย
24..ลูกสะกดรวมชนวนมวลสารพระประธาน 108 วัด 108 องค์ และชนวนมวลสารอีกมากมายเกินจะบรรยาย(โลหะ)ผู้ที่เก็บรวบรวมใช้เวลาเก็บ 30 กว่าปี เฉพาะชนวนพระประธาน ยังไม่รวมอย่างอื่นนะ
25..ปรอทเพชร(เย็น)หลวงปู่ลือ
26.ปรอทกินทองของทางพม่า
27..ปรอทเพชร(ร้อน)
28.รวมปรอทที่ใส่เบี้ยแก้มหาสะท้อน(หลวงพ่อหนุนและหลวงปู่ญาท่านสวน)
29.ไม้ไผ่ยอดตาล
30.ไม้ไผ่ตัน
31.ไม้ไผ่ตันไม่มีตา
32..ผงจากต้นมะนาวโห่ ในตำนานในรอบ 12 ปี จะขึ้น 1 ครั้ง บนตอไม้ที่กลายเป็นหิน อานุภาพสูงมาก
33.ชันโรงทุกสายพันธ์
34.ครั่งพุทซากิ่งชี้ทิศตะวันออกผสมรวม
35.รวมไม้มงคลเท่าที่หาได้และหายาก
36..รวมผงแร่ตระกลูเหล็กไหล
37.หินจากเสาอินทขิลสมัยพระเจ้าอโศก(พระธาตุพนม)
38..ดวงตาพระโพธิสัตว์ของหายาก
39.เม็ดประเหล็กน้ำพี้หลวงปู่หมุน
40..ผงพระสมเด็จโต วัดระฆัง วัดเกษไชไย วัดอินทราราม วัดสะตือ อื่นๆ
41..ผงพระหลวงปู่ปาน
42.เกษาหลวงพ่อหนุน
43.เกษาหลวงปู่ใหญ่
44.เหล็กไหลพญานาค(แร่ทรหด)หลวงพ่อหนุน
45..จีวรหลวงพ่อหนุน
46.ทรายเงินทรายทองทรายนิลและอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม
47..เกษารวมครูบาอาจารย์เกือบ 40-60 องค์
48.ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
49.ชานหมากครูบาอาจารย์หลายองค์
50.ขนจามรี ที่ใช้ทำเครื่องสูง
51.ประคำงาช้าง หลวงพ่อกวย
52.ประคำไม้ หลวงพ่อกวย
53.ผงว่าน 108 เมตตา
54.สีผึ้งว่าน 108
55.กระดูกมังกร
56.หงอนพญานาค
57.ไม้แหย่แย้
58.ผงตะไบผานไถ
59.ผงรวมมวลสาร 30000 กว่าชนิด 37 ประเทศทั่วโลก
60.ผงดินเก่าผานไถและอาวุธโบราณ
61.ไม้ไผ่ดำเมืองบงบด
62.ไม้ตีระฆังเก่า
63.อิฐหุ้มองค์พระธาตุดอยตุงองค์เก่า
64.อิฐองค์พระธาตุจอมกิตติ
65.หน้าผากเสือโคร่ง หลวงพ่อกวย
66.ตะกรุดไม้รวก(ไม้ครู)หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
67.ตะกรุดไม้ครู(นิ้วเพชรพระอิศวร)หลวงปู่ภู วัดอินทราราม
68.ปฐวีธาตุเจ้าคุณนร
69.ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์
70.ประคำสะหลีพันต้นของครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง
71.เพชรหน้าทั่ง หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
72.เพชรน้ำค้างหรือเหล็กไหลเพชรน้ำค้าง หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
73.ไม้งิ้วดำ หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง เอามาทำผงกสินไฟ
74.ข้าวเปลือกเสก หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
75. ข้าวสารเสก หลวงปู่สรวง พิธีเพชรน้ำค้าง
76.ผ้าจีวรหลวงปู่สรวง
77. ผ้าจีวร(ผ้าขาว)หลวงปู่สรวง
78. ผ้าจีวรหลวงปู่ใหญ่
79. ผ้าจีวรหลวงปู่เทพโลกอุดร
80. จีวรแก้วหลวงปู่พระมหากัสสปมหาเถรเจ้า
81. เหล็กไหลหัวใจน้ำพระธาตุจอมกิตติ(สมัยพระเจ้าพรหมมหาราช)
82. ผงกสินไฟหลวงปู่สรวง
83. ไม้เจ้าแม่ตะเคียนทอง วัดเชียงขาง
84. ไม้เสาโบสถมหาอุด หลวงพ่อเดิม
85. ไม้เสากุฏิ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
86. ดินสังเวชนี 4 สถานที่(อินเดีย)
87. ผงตะไบเหล็กยอดพระธาตุเจดีย์
88. ขนหางช้างเผือก
89. เส้นเกษาพระเจ้า
90. ผ้าจีวรหลวงพ่อทองทิพย์ รัตนโคตร
91. ผงอังคารธาตุและอิฐธาตุหลวงปู่ดู่
92. พระธาตุรวมและพระส่รีริกธาตุ
93. จีวรหลวงพ่อเมตตา(พุทธคยา อินเดีย)
94. ประคำนเรศวรปราบหงษา หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
95. ประคำปราบอาถรรพ์(ดินเผาผสมผง)หลวงปู่ดู่
96. ผงงาช้างเผือก
97. ไม้มณีโคตร
98. เศษกระเบื้องเก่าวัดพระแก้ว(เก่ามากอาถรรพ์แรง)
99. ชนวนหล่อพระพุทธชินราช(พลิกแผ่นดินหาหลายรอบ)สมัย ร.๕
100. ชนวนหล่อพระเจ้าองค์ตื้อ สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช
101. งาช้างดำ
101. ฟัน(ดำ)พญาช้าง
102. กระดูก(ดำ)พญาช้าง
103. พลอยสัตตะนาคา
104. ไม้ขอช้างเผือก
105. ไม้เสาตะลุงช้างเผือก
106. ขี้ผึ้งขวางตะวัน
107. เม็ดชนวนรวมแร่เหล็กไหล 30 กว่าชนิด
108. ผ้าจีวรหลวงปู่ทิม วัดช้างไห้
109. ผงมหามงคล(ผงทุกที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทวด)พลังงานบารมีพระมหาโพธิ์สัตว์
110.แร่โคตรเศรษฐี(1 ชิ้นต่อ 1 ไม้ครู)
111.ผ้าห่มร่างแม่ชีประทุม
112.วชิระธาตุ (บรรจุในไม้ครู ต่อ 1 องค์ต่อ 1 ไม้ครู)
113.เหล็กไหล(วรรณะท้องปลาไหล ต่อ 1 องค์ต่อ 1ไม้ครู) -
จำนวนไม้จริงๆมัน 70 ท่อน กลึงแล้วแตกไปหลายท่อนเหลือแค่ 58 ท่อนครับ เพราะไม้นี้จะมีตาไม้มากครับ ของแบบนี้แรงครับทำได้เฉพาะกิจจริงๆครับ มีแบบไม้พิเศษด้วยครับ
ไม้พิเศษคือ ไม้ไผ่ตันไร้ตา หลายร้อยกอพันกอจะหาได้ซักอัน ก็ยากเต็มที่(เพราะเคยไปหามาแล้วครับเป็นร้อยๆ กอยังไม่เห็นซักอันเลยครับ)มีทั้งหมด 7 อัน
ตำนานของไผ่ตัน
ไผ่ตันนั้นเป็นของวิเศษจัดอยู่ในประเภทของทนสิทธิ์ที่คนโบราณกล่าวถึงมากอย่างหนึ่ง เป็นของที่มีเทพารักษ์ดูแลรักษาอยู่ เป็นของวิเศษที่นานๆถึงจะปรากฏขึ้นให้พบเห็นกัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบโดยบังเอิญ เช่น มีการตัดต้นไผ่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ แล้วเกิดเจอไปพบลำต้นที่ตันไม่เป็นรูกลวงอย่างปกติทั่วไป อันนั้นแหละ ที่เขาเรียกกันว่า ไผ่ตัน ของธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ อานุภาพของไผ่ตันนั้นท่านว่า ดีเยี่ยมทาง กันไฟมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้เรืองอาคมทั้งหลายจะนำมาจัดสร้างเป็นเครื่องรางในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านมั่นใจในอิทธิคุณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
คุณลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของไผ่ตัน คนโบราณเชื่อว่า หากนำไผ่ตันมาทำไม้เท้าเวลาเดินเข้าป่าแล้ว ไผ่ตันจะสามารถกันสัตว์มีพิษไม่ให้เข้ามาใกล้ตัวเราได้ หรือว่าสัตว์มีพิษต่างหลีกทางให้นั้นเอง ไม้ไผ่ตันไร้ตาหายากมากกว่าไม้ไผ่ตันที่มีตาหลายเท่าครับ -
-
-
ขุนเเผนจะเปิดเมื่อไรเเละค่าบูชาร่วมบุญครับ
-
จะมี 2 รายการ
1.ขุนแผนบล็อด 1 ราคาจอง 500 บาท
2.ประคำพระพุทธสิขี ราคาจอง 500 บาท -
มาอีกแล้วครับพี่น้อง สิ่งที่เฝ้าหวังและรอคอย ในที่สุดก็ปรากฏจนได้ครับ. ใครที่ยังไม่เก็บตังค์รีบเก็บเลยครับ. ไม้เท้าไม้ครู ไม่ใช้จะปรากฏให้ใครได้เป็นเจ้าของง่ายๆครับ. คิดว่าใน 100 ปี จะมีผู้คิดจะสร้างก็ยังหายากแล้วครับ. เพราะว่าเป็นของสูง มีบารมีมากครับ. จะหาสิ่งใดมาเปรียบหนอ ถึงจะคู่ควร. เพราะ
1. การสร้างยากมากๆครับ ผู้ที่เป็นต้นความคิดที่จะสร้าง ต้องมีวิริยะ อุสาหะ พยายามจริงๆ จึงจะสำรึจผล
2. ต้องสร้างขึ้นมาเพื่อดำรงค้ำจุลพระพุทธศาสนาเท่านั้นจึงจะสำริจผล
ใครพลาด ใน100 ปี คงไม่มีอีกแล้วครับ. -
-
ไม่ทราบว่า ไม้เท้าเบิกไพร ขององค์สมเด็จ และพระราหุล เป็นไม้เท้าสมัยพุทธกาล 2500 กว่าปี หรือสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาหลังครับ มีรูปไม้เท้าทั้งสาม ให้ชมไหมครับ
จะให้สิทธิจอง กับคนที่สำรองจองมีดหมอไว้ก่อนจะได้ไหมครับ จะได้แบ่งกันร่วมบุญและกระจายของมงคลให้ทุกคนได้บูชาอย่างทั่วถึงครับ -
ของดั่งเดิมเลยครับเมื่อ 2600 ปีได้แล้วครับ เป็นของสืบทอดรุ่นต่อรุ่นครับ
-
ไม้เท้าเบิกไพร ขององค์สมเด็จ และพระราหุล เป็นไม้เท้าสมัยพุทธกาล 2500 กว่าปี หรือสร้างขึ้นมาในช่วงเวลาหลังครับ มีรูปไม้เท้าทั้งสาม
ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 244 ของ 824