เพื่อการกุศล :::(เปิดจอง)ล็อกเกตพระแก้วมรกต"ภูริทัตตเถรานุสรณ์-สมเด็จองค์ปฐมอมฤตศุภมงคลญาณสังวร":::

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย dekdelta2, 13 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    วัตถุมงคลที่โดดเด่น

    [​IMG]

    อีกหนึ่งที่ตอนนี้ในท้องที่ เรียกว่าสุดยอดพระกริ่งดินแดนล้านนาต้องยกให้องค์นี้ พระกริ่งเศรษฐีล้มลุก ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม

    ประวัติการสร้าง
    "พระกริ่งเศรษฐีล้มลุก" ที่ครูบาเจ้าบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม เชียงใหม่ พระอริยเจ้าชั้นสูงที่ครูบาเทือง นาถสีโล รับรองว่าเป็น"อะระหันต๋า"(พระอรหันต์) และกระแสจิต "เย็นที่สุด" ไม่มีใครเทียมเท่าตั้งใจทำไว้อย่างดีและพิถีพิถันที่สุด เสมือนเป็น"ของแทนตัว"ท่านก็ไม่ปาน...

    เนื่องด้วยหลวงปู่ครูบาบุญปั๋น ธัมมปัญโญ ได้ดำริที่จะไปเป็นประธานบูรณะปฏิสังขรณ์ วิหารวัดธรรมชัย ต. บ้านแม อ. สันป่าตอง จ. เชียงใหม่ ซึ้งเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน ที่ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ดังนั้นคณะศิษย์จึงได้ หารือกับคณะกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้ขออนุญาติกับหลวงปู่ ว่าจะจัดสร้างพระกริ่ง พระชัย เศรษฐีล้มลุกขึ้น เพื่อที่จะได้หาทุนทรัพย์ไปบูรณะวิหารวัดธรรมชัยบ้านแม และ ให้สืบสานพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป แผ่นชนวนที่นำมาสร้างพระกริ่ง พระชัย เศรษฐีล้มลุกชนวนเก่าของหลวงปู่ครูบาเจ้าบุญปั๋น , ชนวนเก่าของหลวงปู่ครูบาน้อย วัดบ้านปง , ชนวนของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน , ชนวนของหลวงปู่อิง โชติโญ , ชนวนของวัดสุทัศน์ฯ ทุกรุ่นได้มาจากพระอาจารย์มงคล คณะ ๗ วัดสุทัศน์ฯ , ชนวนเททอง ครูบาบุญชุ่ม และ ครูบาเทือง , ตะกรุดเก่าหลวงพ่อเดิม , ตะกรุดเก่าหลวงพ่อทองอยู่ วัดบางสำเหร่ , ตะกรุดของหลวงพ่อพุฒ วัดขนอนเหนือ , ตะกรุดเก่าครูบาสม โป่งกว๋าว , ตะกรุดเก่าครูบาสุรินทร์ วัดหลวงศรีเตี้ย , ตะกรุดมหาจักรพรรดิหลวงตาม้า , ตะกรุดสามกษัตริย์ หลวงปู่หยอด , ตะกรุดหลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม , ตะกรุดหลวงปู่คำพันธ์ , แผ่นจารยันต์เศรษฐีล้มลุก , แผ่นจารยันต์สุคโตมหาวิเศษ , แผ่นจารยันต์ยอดมหาไจยเบ็งจร , แผ่นจารยันต์น้ำบ่อซึมทราย , แผ่นจารยันต์ดอกบัวคำเก้ากาบ , แผ่นจารยันต์เก้าหย้อเก้าแป้ , แผ่นจารยันต์จำปาสี่ต้น , แผ่นจารยันต์ฟ้าฟิก และ แผ่นยันต์อีกมากมายของหลวงปู่ครูบาเจ้าบุญปั๋น และตะกรุดเก่าของครูบาอาจารย์อีกหลายๆ รูปที่ไม่สามารถจดจำได้อีกมากมาย และยังมีแผ่นชนวนจาร แผ่นอธิฐานของพระมหาเถระครูบาอาจารย์ต่างๆ ดังนี้
    ๑ . สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศ
    ๒ . หลวงปู่จันทร์ กุสโล วัดเจดีย์หลวง
    ๓ . หลวงปู่หนู ถาวโร วัดพระสิงห์
    ๔ . พระเทพวิสุทธิคุณ วัดบุพพาราม
    ๕ . หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง
    ๖ . หลวงปู่สำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ๗ . หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ สำนักสวนจิตรลดา
    ๘ . หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
    ๙ . หลวงพ่อวรรณรงค์ วัดมกุฏ
    ๑๐ . หลวงพ่อทุเรียน สุโขทัย
    ๑๑ . หลวงพ่อถม วัดเชิงท่า
    ๑๒ . หลวงปู่ครูบาน้อย วัดบ้านปง
    ๑๓ . หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง
    ๑๔ . หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี
    ๑๕ . หลวงปู่ครูบาคำตั๋น วัดสันทรายหลวง
    ๑๖ . หลวงปู่ครูบาคำปัน วัดหม้อคำตวง
    ๑๗ . หลวงปู่ครูบาอิ่นคำ วัดข้าวแท่นหลวง
    ๑๘ . หลวงปู่ครูบาหล้า วัดป่าลาน สันทราย
    ๑๙ . หลวงปู่ครูบาอินถา วัดหนองแฝก
    ๒๐ . ครูบาคำตั๋น วัดป่าลาน สันป่าตอง
    ๒๑ . หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน
    ๒๒ . หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว วัดศรีสว่าง
    ๒๓ . หลวงปู่ครูบาอินตา วัดห้วยไซ
    ๒๔ . หลวงปู่ครูบาอินตา วัดวังทอง
    ๒๕ . หลวงปู่ครูบาดวงจันทร์ วัดป่าเส้า
    ๒๖ . หลวงปู่ครูบาชัยวงษ์ศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    ๒๗ . หลวงปู่ครูบาจ๋อน วัดป่าตาล
    ๒๘ . ครูบาสุข วัดป่าซางน้อย
    ๙ . ครูบาจันต๊ะ วัดหนองช้างคืน
    ๓๐ . หลวงปู่ครูบาคำอ้าย วัดโป่งเหนือ
    ๓๑ . ครูบาผัด วัดศรีดอนมูล
    ๓๒ . ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล
    ๓๓ . ครูบาจันต๊ะรังษี วัดกู่เต้า
    ๓๔ . ครูบาอิ่นคำ วัดมหาวัน
    ๓๕ . ครูบาก๋องคำ วัดดอนเปา
    ๓๖ . หลวงพ่อบัวเกตุ วัดป่าบ้านปง
    ๓๗ . พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป วัดอรัญญวิเวก
    ๓๘ . หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    ๓๙ . หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
    ๔๐ . หลวงปู่อุ้น วัดตาลกง
    ๔๑ . หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม
    ๔๒ . หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร
    ๔๓ . หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม
    ๔๔ . หลวงพ่อพุฒ วัดขนอนเหนือ

    และคณาจารย์อีกมากมายจัดสร้างเป็น
    เนื้อ นวะโลหะหุ้มก้นทองคำจำนวน 13 องค์ , นวะโลหะหุ้มก้นเงิน( กรรมการ )จำนวน 194 องค์ , นวะโลหะหุ้มก้นนวะจำนวน 594 องค์ , เนื้อทองทิพย์หุ้มก้นทองแดงจำนวน 999 องค์

    วัตถุมงคลพระกริ่งพระชัยวัฒน์รุ่นนี้ หลวงปู่ครูบาบุญปั๋น ได้อธิฐานจิตปลุกเสกเป็นปฐมฤกษ์ในวันพระเจ้าเปิดโลก(เทโวโรหะนะ) วันเสาร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๓ ในอุโบสถ์วันร้องขุ้ม วัตถุมงคลรุ่นนี้ยังนำมาแช่น้ำมนต์และหลวงปู่ปลุกเสกทุกวัน จนถึงวันที่ปิดการปลุกเสก ในวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ ซึ่งตรงกับวันจันทร์เพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสามเหนือ(เดือนอ้ายใต้) ซึ่งในวันนี้ทางเหนือถือว่าเป็นวันมหาโชคหลวง ซึ่งเหมาะแก่การทำพิธีมหามงคลต่างๆ ดียิ่ง โดยจะทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว โดยหลวงปู่ครูบาบุญปั๋๋น ธมฺมปญฺโญ ในเวลา ๑๒.๐๐ น. เที่ยวตรงวันจันทร์เพ็ญ

    การปลุกเสกครั้งสุดท้ายต้องหยุดเสกกลางคัน เนื่องจากกระเบื้องพระอุโบสถได้ทลายลงมาทีละแผ่นสองแผ่น
     
  2. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]


    <TABLE id=lightbox5 style="DISPLAY: none; Z-INDEX: 11; LEFT: 346px; POSITION: absolute; TOP: 3482px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>
    <INPUT class=button id=lightboxbutton5 style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; PADDING-RIGHT: 4px; BORDER-TOP: white 1px solid; PADDING-LEFT: 4px; FONT-WEIGHT: bold; LEFT: -12px; PADDING-BOTTOM: 4px; BORDER-LEFT: white 1px solid; WIDTH: 30px; CURSOR: pointer; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; POSITION: relative; TOP: 12px; BACKGROUND-COLOR: black" type=button value=X> ​
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; BORDER-TOP: white 1px solid; BORDER-LEFT: white 1px solid; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; BACKGROUND-COLOR: black" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=center><TD id=lightboxholder style="TEXT-ALIGN: center" vAlign=center align=middle colSpan=2>[​IMG] </TD></TR><TR class=lightboxtextrow><TD class=smallfont style="PADDING-RIGHT: 4px; PADDING-LEFT: 4px; PADDING-BOTTOM: 4px; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BACKGROUND-COLOR: black">5243311.JPG (2 of 2)</TD><TD class=smallfont style="PADDING-RIGHT: 4px; PADDING-LEFT: 4px; PADDING-BOTTOM: 4px; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BACKGROUND-COLOR: black; TEXT-ALIGN: right">22-08-2008 12:31 PM</TD></TR><TR><TD style="COLOR: white; BACKGROUND-COLOR: black" align=middle colSpan=2><INPUT class=button id=lightboxprevbutton5 style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; PADDING-RIGHT: 4px; BORDER-TOP: white 1px solid; PADDING-LEFT: 4px; FONT-WEIGHT: bold; PADDING-BOTTOM: 4px; BORDER-LEFT: white 1px solid; CURSOR: pointer; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; POSITION: relative; TOP: 12px; BACKGROUND-COLOR: black" type=button value=Previous> <INPUT class=button id=lightboxnextbutton5 style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; PADDING-RIGHT: 4px; BORDER-TOP: white 1px solid; PADDING-LEFT: 4px; FONT-WEIGHT: bold; PADDING-BOTTOM: 4px; BORDER-LEFT: white 1px solid; CURSOR: pointer; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; POSITION: relative; TOP: 12px; BACKGROUND-COLOR: black" type=button value=First> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE id=lightbox12 style="Z-INDEX: 11; LEFT: 325px; POSITION: absolute; TOP: 7282px" cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD>
    <INPUT class=button id=lightboxbutton12 style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; PADDING-RIGHT: 4px; BORDER-TOP: white 1px solid; PADDING-LEFT: 4px; FONT-WEIGHT: bold; LEFT: -12px; PADDING-BOTTOM: 4px; BORDER-LEFT: white 1px solid; WIDTH: 30px; CURSOR: pointer; COLOR: white; PADDING-TOP: 4px; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; POSITION: relative; TOP: 12px; BACKGROUND-COLOR: black" type=button value=X> ​
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: white 1px solid; BORDER-TOP: white 1px solid; BORDER-LEFT: white 1px solid; BORDER-BOTTOM: white 1px solid; BACKGROUND-COLOR: black" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=center><TD id=lightboxholder style="TEXT-ALIGN: center" vAlign=center align=middle colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]
     
  3. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ครูบากองคำ กตปุญโญ
    วัดดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่

    ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนสงฆ์ ผู้ดำเนินตามรอยปฏิบัติแห่งองค ์ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญแห่งล้านนาไทย
    ครูบากองคำ ท่านเป็นพระเถระที่มีจริยาวัตรงดงาม ทั้งในศีล สมาธิ ปัญญาญาณ ปฏิบัติธรรมจนหมดสิ้นอาสวะกิเลสต่างๆ ได้ทุกประการ และเป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่งของ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวๆ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาๆ โดยทรงได้เสด็จพระราชดำเนินมาบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นการส่วนพระองค์อยู่เนืองๆ และทรงรับไว้เป็น "คนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์" ในกรณีที่อาพาธ อีกด้วย
    ท่านเป็นพระสงฆ์ที่เปี่ยมด้วยความมีเมตตาธรรมอย่างสูงยิ่งอีกด้วย สิ่งที่ท่านเมตตาต่อชาวโลกอย่างเป็นปกติก็คือ "การอาบน้ำมนต ์ขันบาตรเดียว" ท่านได้เมตตาเพื่อให้ความเป็นสิริมงคล แก่ผู้ที่ไปกราบนมัสการทำบุญกับท่าน โดยที่ท่านไม่ได
    ้คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

    [​IMG]
    [​IMG]

    แม้ท่านจะเป็นพระบ้านนอก ไม่ดัง แต่พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา เคยเสด็จมาเยี่ยมหลวงปู่ถึงที่วัดด้วยพระองค์เองตั้งแต่ปี 2521 ย่อมแฝงความนัยที่ยิ่งใหญ่เป็นแน่แท้
     
  4. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG]

    พระครูวรวุฒิคุณ” หรือ “หลวงปู่ครูบาอิน อินโท” หรือ “ครูบาฟ้าหลั่ง-ฟ้าลั่น” อมตะมหาเถราจารย์แห่งนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ผู้สูงยิ่งด้วยศีล จริยาวัตร และพุทธาคม เชี่ยวชาญสรรพวิชาตามตำราโบราณล้านนา จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป ดังคำกล่าวของบรรดาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ว่า

    “ขอเธอจงไปกราบครูบาอินที่เชียงใหม่และขอศึกษาวิชาจากท่านให้ดีๆ เถิด ท่านเป็นพระผู้เก่งกล้าสามารถมากจริงๆ” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร วัดโฆสิตาราม บ้านบ้านเเค ตำบลบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

    “ดีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว พระของครูบาอิน ไม่ต้องเสกอะไรอีกแล้ว” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

    “จิตของครูบาอิน ประภัสสรยิ่งแล้ว” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อชม วัดโป่ง จังหวัดชลบุรี

    “ครูบาอิน ท่านมีจิตมีจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งเลยทีเดียว” เป็นคำกล่าวของครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

    “หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งนั้น ดีที่หนึ่งเลย” เป็นคำกล่าวของหลวงปู่สิม พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    “ครูบาอินท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบนะ” เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต บ้านลูกกลอน ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ฯลฯ

    [​IMG]
    [​IMG]
    หลวงพ่อชม วัดโป่ง จ.ชลบุรี


    [​IMG]
    ครูบามหายศ อินทปัญโญ พระอุปัชฌาย์
    ในคราวหลวงปู่ครูบาอิน อินโท อุปสมบทเป็นพระภิกษุ


    ๏ ปฏิบัติวิปัสสนาธุระ

    หลวงปู่ครูบาอิน อินโท เมื่อครั้งอายุได้ ๕๑ ปี ได้เดินทางไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซึ่งท่านได้เล่าถึงความแตกต่างระหว่างสมถกรรมฐานกับวิปัสสนาว่า สมถกรรมฐานคือการทำใจให้สงบ เป็นเรื่องของสมาธิ ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเป็นเรื่องการฝึกสติ การฝึกตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ท่านได้ฝึกกับพระเทพสิทธิมุณี โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภเถระ) ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็นพระพิมลธรรม เป็นประธาน ครูบาอาจารย์จากทางเหนือที่ไปปฏิบัติวิปัสสนาในครั้งนั้นก็มี ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า, ครูบาอินทจักร วัดน้ำบ่อหลวง, พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล วัดร่ำเปิง (ปัจจุบันเป็นพระเทพสิทธาจารย์ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร)




    ::: หลวงปู่สิม นับถือ :::

    ในบรรดาศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร สำนักถ้ำผาปล่อง แห่งอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จริงๆ แล้ว จะทราบถึงอัธยาศัยประการหนึ่งของหลวงปู่สิมท่านเป็นอย่างดีที่สุดเลยว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพระไหนก็ตาม หากไม่ดีแท้หรือแน่จริงถึงขีดสุดๆ แล้ว หลวงปู่สิมท่านจะไม่สนใจปรารภปรารมภ์อะไรถึงเลย...”

    ขนาดมีศิษย์ “รุ่นพี่” (สายกรรมฐาน) ของท่านเองบางองค์ถึงแก่มรณภาพ หลวงปู่สิมท่านก็ไปเยี่ยมศพตามธรรมเนียม แต่เป็นการไปด้วยท่าทีที่ “เฉย” อย่างมากๆ จนศิษย์บางคนสังเกตเห็น แล้วอดรนทนไม่ได้มากราบเรียนถามท่านถึงลักษณาการที่ “นิ่งผิดปกติ” เช่นนั้น หลวงปู่สิมท่านก็ได้แต่ยิ้มๆ และไม่ยอมเฉลยอะไรมากความ ทำให้ทราบโดยนัยว่า “รุ่นพี่” องค์นั้น คงจะมีภูมิจิต ภูมิธรรม ไม่ “เสมอ” กับหลวงปู่สิมท่านเป็นแน่ หลวงปู่สิมท่านจึง “เฉยเมย” เห็นปานนั้น

    ตรงข้ามกับ ระดับ “ยอดสุด” ของจริงมาเองแล้ว โดยไม่ต้องพักถามไถ่ว่า จะเป็น “ธรรมยุต” หรือ “มหานิกาย” ให้เสียเวลา หลวงปู่สิมท่านจะกล่าวชมเชยกราบไหว้ถึงตักถึงเท้าอย่างไม่มีรีรอเลยทีเดียว

    “ท่านอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ท่านเก่งมากนะ...ท่านไม่ดุอะไรไม่มีเหตุผลหรอก แต่ท่านจะดุบาปด่าบาปต่างหาก...!!”

    “เจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์ มีกริยามารยาทเรียบร้อยและเป็นผู้มีความกตัญญูสูงมาก..!!!”

    “หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี น่ะ ยอดเยี่ยมที่หนึ่งเลย...แก่ทั้งอายุ แก่ทั้งพรรษา แก่ทั้งมรรคผลนิพพาน...!!!.”

    “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าโคมมน จังหวัดเลย จิตเพิ่น (ท่าน) ดี จิตเพิ่น (ท่าน) ดี...!!!!”

    “หลวงปู่แหวน ยิ่งใหญ่มาก ท่านเข้านิพพานไปแล้วด้วย...!!!!!”

    “ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูนน่ะ ท่านเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งอีกนะ..!!!!!!” ฯลฯ

    และส่วน “ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง” น่ะหรือ.. หลวงปู่สิม ไม่เพียงกล่าวชมแต่เพียงวาจา แต่ “ลัดฟ้า” ไปกราบถึงกุฏิที่วัดฟ้าหลั่ง ปีละหลายๆ ครั้งโน่นเลยทีเดียว...!!!???!!!

    งานนี้ ต้องมี “อะไร” ที่ “ไม่ธรรมดา” อย่างมากๆ ถึงมากที่สุดอย่างแน่ๆ ไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นการยกย่องด้วย “การกระทำ” นั่นเลยเทียว

    หรือใครจะเถียง..????

    ::: น้ำไต่ :::

    ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้วสมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดฟ้าหลั่ง วันหนึ่ง หลวงปู่ครูบาอินได้ออกปากถามพระเลขาของท่านรูปหนึ่งว่า

    “อยากดูน้ำไต่ขื่อไหม...??”

    “อยากดูครับ...ครูบา”

    “งั้นไปเอาน้ำต้นมา...”

    เมื่อพระเลขารูปนั้นไปหา “น้ำต้น” (คนโทดินเผาแบบล้านนา ที่ใช้สำหรับใส่น้ำกินน้ำใช้) ที่มีน้ำบรรจุเต็มมาถวายแล้ว ครูบาอินท่านก็อธิษฐานอยู่ครู่หนึ่ง แล้วปลดเอารัดประคดของท่านออกมาให้พระเลขา ให้เอามามัดน้ำต้นคนโทไว้ให้มั่น แล้วเอาขึ้นไปผูกกับขื่อกุฏิ ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก่อนออกคำสั่งว่า

    “ลองตีน้ำต้นดูสิ” เมื่อได้ฟัง พระเลขาก็อุทธรณ์ทันทีว่า

    “อ้าว...น้ำต้นก็แตก หกเปรอะเลอะเทอะกันหมดพอดีสิครับ ครูบา...???”

    “เถอะน่า...บอกให้ตีก็ตีเถอะ...”

    “เอาก็เอาวะ...??” พระเลขานึกในใจ ก่อนที่จะหลับตา “ตีคนโฑดินเผา” ด้วยคิดว่า อย่างไรเสีย งานนี้ต้อง ”เปียก” อย่างแน่ๆ

    โพล๊ะ...!!!!!!! อะไรกันนี่...????

    ในทันทีที่คนโทดินเผาแตกกระจายจากแรงตีนั้น แทนที่น้ำภายใจจะไหลซ่าตกลงมาตามธรรมดาที่ควรจะเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่พระเลขารูปนั้นแทบจะช๊อคด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตา ก็พลันบังเกิดขึ้นในทันใด

    แม้เศษดินเผาคนโทจะถูกตีแตกร่วงกราวไปหมดแล้ว แต่ “น้ำ” ที่อยู่ในคนโทนั้น กลับจับตัวเป็นก้อนแข็งรูปคนโฑ ภาชนะที่ใส่อยู่นั่นเอง โดยน้ำรูปคนโฑนั้น ก็ยัง “ลอย” แต่งแต่งๆ กลางอากาศ โดยมีรัดประคดที่รัดคนโฑดินเผาไว้แตกแรกผูกมัดติดกับขื่อไว้อย่างมั่นคง เป็นที่น่าตื่นเต้นตกตะลึงเป็นที่สุด !!!!!!!!

    เมื่อเห็น “พระเลขา” ของท่าน “ช็อคซีนีม่า” ได้ที่ ครูบาอินก็สั่งต่อไปอีกว่า

    “งั้นลองเอานิ้วจี้ไปที่น้ำดูสิ...”

    เมื่อหายจากตกตะลึง พระเลขาก็เลยเอานิ้วจี้ไปที่ “น้ำไต่” ที่ลอยยังกับลูกโป่งอยู่กลางอากาศตามคำสั่งโดยมิชักช้า ปานประหนึ่งจะพิสูจน์ให้แจ้งใจไปเลยทีเดียวว่า สิ่งที่ตนเห็นนั้นจะเป็น “ของจริง” หรือ “ภาพลวงตา” หรือไม่

    ซ่า...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    คราวนี้ “ไม่มีอะไรในกอไผ่” อีกแล้ว

    เพราะในวินาทีที่นิ้วสัมผัสกับน้ำที่รวมตัวเป็นรูปน้ำต้น ซึ่งถูก “ผูก” ติดอยู่กลางขื่อนั่นเอง น้ำรูปคนโทนั้น ก็ “คืนสภาพ” แตกกระจายไหลซ่าลงใส่พระเลขาจนเปียกมะล่อกมะแล่กไปหมดเลยทีเดียว โดยหลวงปู่ครูบาอิน อินโท นั่งมองอยู่ใกล้พลางอมยิ้มชอบใจังหวัด.!!

    นี่คือ “ของเล่น” สนุกๆ ของพระอริยเจ้าผู้มีฤทธิ์อันยิ่ง...

    อำนาจจิตฤทธิ์อภิญญาของครูบาอินนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ลำพัง แค่การเสกน้ำให้เทไม่ออก ก็ยากเอาเรื่องอยู่แล้ว...แต่นี่ท่านเล่นเสกให้คงรูปเป็นทรงคนโทใส่น้ำ แถมยังเอาไปผูกห้อยไว้กลางหาวเสียอีก เก่งไม่เก่งหรือไม่อย่างไร คิดดูเอาเองเทอญ...


    [​IMG]
     
  5. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    วัตถุมงคลโดดเด่น

    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/001-AB-WEB.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/001-AB-WEB.jpg" border=0>

    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/-2_resize-19.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/-2_resize-19.jpg" border=0>

     
  6. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ประวัติการสร้างพระกริ่งฟ้าหลั่ง... รุ่นแรก


    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--1-15.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--1-15.jpg" border=0>

    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--2-13.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--2-13.jpg" border=0>
    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--3-5.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--3-5.jpg" border=0>
    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--4-5.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--4-5.jpg" border=0>
    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--5-1.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--5-1.jpg" border=0>
    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--5-2.jpg');" src="http://i617.photobucket.com/albums/tt256/wannabexcite/Web--5-2.jpg" border=0>
     
  7. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    พระกริ่งที่ทำให้หลวงปู่เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ พระกริ่งไจยะเบงชร

    [​IMG]

    [​IMG]

    "อาจารย์ตั้ว วัดซับลำไย ออกเดินทางทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมมวลสารในการสร้างพระ เมื่อไปถึงวัดฟ้าหลั่ง ประมาณตี 4 กว่าเกือบตีห้า ตัดสินใจว่ารอเช้าอีกหน่อยค่อยเข้าไปกราบพบท่าน (ไม่เคยพบกัน) ปรากฏว่ามีพระหรือเณรไม่ทราบ มาบอกว่า "ครูบาให้เรียกไปพบ" อาจารย์ตั้วยังงงๆ คนที่มาตามยิงนัดสองเข้าหัวใจว่า "ครูบาบอกว่าก่อนสว่างจะมีพระจากทางใต้มาหา ให้รอต้อนรับ" อาจารย์ตั้วเข้าไปกราบท่านนอนเอกเขนก เอาขาพาดโต๊ะ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ไม่มีท่าทีของการรอพบแบบรู้ก่อนแต่อย่างใด ก่อนกลับอาจารย์ตั้วเรียนท่านว่า "หลวงปู่ขอโชคขอลาภ เอาไปให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างวัดด้วยครับ" ท่านพูดชัดถ้อยว่า "93" (ถ้าผมจำผิดกราบขออภัยทุกท่านด้วย) อาจารย์ตั้วเดินทางลงลพบุรี แวะเข้าไปหาครูบาสร้อยที่แม่สอด พอเสร็จธุระก็ขอโชคขอลาภแบบเดิม ครูบาสร้อยตอบว่า "เอ็งได้มาแล้วนี่" เป็นอันรู้กัน

    หลวงปู่ขวัญ วัดบ้านไร่ พิจิตร กล่าวถึงหลวงปู่ครูบาอิน



    ..... คุณสุวิทย์ เล่าให้ผมฟังว่า....

    ครั้งหนึ่งคุณสุวิทย์ นำรูปภาพ หลวงปู่ครูบาอิน เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

    นำไปถวายให้หลวงพ่อขวัญดู
    หลวงพ่อขวัญท่านจ้องดูรูปถ่าย...

    ...แล้วเอามือของท่านลูบๆ ตามแขน.. ตามตัว (ในภาพนั้น) อยู่สักพัก...
    แล้วท่านก็เอานิ้วมือที่กำลังชี้รูปภาพนี้อยู่ ชี้ตรงหน้าอกของตัวท่านเอง
    หันมายิ้มกับคุณสุวิทย์ พร้อมกับพูดขึ้นว่า ....

    "... เหมือนกันเลย..."

    แล้วท่านก็ยิ้ม "เต็มยิ้ม" อย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกัน

    คุณสุวิทย์... ตกตะลึงกับอาการของหลวงปู่
    จนไม่ทันได้ถามว่า... หลวงปู่หมายความว่าอย่างไร
    และก็ยังเป็นปริศนา... มาจนถึงทุกวันนี้

    เป็นไปได้หรือไม่ว่า....!!!!!
    หลวงพ่อขวัญท่านไม่ค่อยพูด ใครมาพูดอะไรกับท่าน ท่านมักจะเฉย เหมือนไม่สนใจ
    หลวงปู่ครูบาอินท่านเคร่งขรึม ไม่พูดเล่นหัว อยากพูดท่านก็พูด อยากเล่าท่านก็เล่า ใครเซ้าซี้โดนดุ
    "เหมือน" แบบนี้หรือเปล่า????

    เป็นไปได้หรือไม่ว่า....!!!!!
    เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อขวัญ สร้างหลังล็อกเกต
    และเอาภาพจากล็อกเกตมาเป็นแบบแกะบล็อคเหรียญรุ่นแรก
    ลูกศิษย์สร้างล็อกเกตถวายครูบาอินเป็นครั้งแรกปี 18
    สร้างเหรียญรุ่นแรกปี 21 เหรียญลอกแบบจากล็อกเกต
    "เหมือน" ในความหมายนี้หรือไม่???

    เป็นไปได้หรือไม่ว่า....!!!!!
    จะเป็นความ "เหมือน" ในความหมายอื่น
    ที่ปุถุชนอย่างเราๆ ไม่สามารถสัมผัสได้ ????

    ธีระยุทธ

     
  8. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    <IMG onclick="if(this.width>screen.width-461) window.open('http://www.krubain.com/forum/attachment/Mon_1001/9_1_da3ab8df73ff26f.gif');" src="http://www.krubain.com/forum/attachment/Mon_1001/9_1_da3ab8df73ff26f.gif" border=0>

    ภาพน่ารักๆ ของ หลวงปู่ครูบาอิน และหลวงปู่ครูบาตั๋น ม่อนปู่อิ่น แสดงถึงความเคารพนับถือไม่น้อย ทั้งๆที่หลวงปู่ครูบาตั๋นเอง ท่านก็ไม่ธรรมดา เคยมีคนนำวัตถุมงคลไปตรวจสอบพลัง ปรากฏว่าเป็นกำลังของพระอริยเจ้าที่มีฤทธิ์มาก (ซึ่งผมจะนำเสนอประวัติท่านต่อไปในส่วนครูบาอาจารย์ที่ปลุกเสก) ลูกศิษย์สายพระป่าในเชียงใหม่ ยอมนับถือท่านเป็นจำนวนมาก ในปฏิปทาที่ไม่ด้อยว่าพระอรัญญวาสีแต่อย่างใด ซึ่งถ้าใครเคยไปกราบท่านก็จะรู้ว่า ท่านจะมนต์วัตถุมงคลเพียงชั่วอึดใจเดียวก็เป่าแล้ว
     
  9. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    [​IMG] <!--<table height="" width="" border="0" cellspacing="0" cellpadding="0" background=""> <tr> <td>[​IMG]</td> </tr> </table>-->


    [​IMG]
    หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก เดิมชื่อ ดวงดี สมด้วง เป็นบุตรของพ่อด้วง แม่คำป้อ นามสกุล สมด้วง เกิดที่บ้านฟ่อน หมู่ที่ ๒ ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เกิดเมื่อ วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๗ มีพี่น้องร่วมท้องกันมามี ๔ คน คือ ๑. พ่อหนานเขียว ๒.แม่สา ๓.นางแฮ ๔.หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก เดิมครั้งแรกชื่อ เด็กชายดวงดี สมด้วง พอมีอายุได้ ๑๒ ปี พ่อด้วง แม่คำป้อ ได้พาเอาเด็กชายดวงดี มาฝากเป็นลูกศิษย์ ครูบาอินตา สุทธิโก ได้เข้ามา ศึกษาเล่าเรียนกับท่านครูบาอินตาได้หนึ่งปี พออายุได้ ๑๓ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรได้ชื่อว่าสามเณรดวงดี สมด้วง โดยมีพระอธิการคำภีระ เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ ณ ที่วัดวุฑฒิราษฎร์ ( บ้านฟ่อน ) เมื่อวันที่ ๑๙ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๑ พอเป็นสามเณรแล้วก็ไม่นิ่งดูดาย และได้ศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งปริยัติธรรม จนสามมารถ สอบนักธรรมชั้นโทได้ อยู่ต่อมาพออายุได้ ๒๐ ปี ถึงวาระที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในพระพุทธศาสนาแล้ว แต่แล้วสามเณรดวงดี ได้เกิดอาพาธขึ้นมาเป็นเวลา ๕ ปี พอหายจากอาการอาพาธแล้ว อายุได้ ๒๕ ปี รู้สึกว่าสามเณรดวงดี สบายกายสบายใจแล้ว พ่อด้วง แม่คำป้อ และท่านเจ้าอาวาสก็ได้ปรึกษาหารือกันว่า สมควรแก่เวลา ที่จะอุปสมบทสามเณรดวงดี เป็นพระภิกษุได้แล้วจึงได้อุปสมบทให้เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ โดยมี เจ้าอธิการอินถา อริโย วัดท้าวบุญเรืองเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการโอ๊ด อภิชโย วัดตองกายเป็นพระกรรมวาจารย์ พระอธิการอินตา สุทธิโก วัดวุฑฒิราษฎร์ ( บ้านฟ่อน ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ยติโก อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดโพธิ ( หนองควาย ) ขณะนั้นครูบาอินตาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนนี้ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๒ -๒๔๙๒ ในสมัยนั้นมีพระอธิการคำมูล สิริวิชโย และครูบาดวงดี เป็นลูกศิษย์ หลังจากท่านครูบาอินตา มรณภาพลงก็มี พระอธิการคำมูล ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนแทนครูบาอินตา จนมาถึงปี พ.ศ.๒๕๒๕ พระอธิการคำมูล ได้มรณภาพลง หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก จึงได้รักษาการแทนเจ้าอาวาสจนถึงปี พ.ศ.๒๕๓๒ หลวงปู่ท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านฟ่อนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ครูบาดวงดีท่านเป็นพระนักพัฒนา และยังเป็นหมอยาแผนโบราณอีกด้วย โดยสมัยก่อนท่านทำยาแผนโบราณได้หลายอย่าง โดยท่านทำเองทั้งหมด ตั่งแต่ไปเก็บว่าน สมุนไพรต่างๆในป่า แล้วนำมาคั่วและบดทำเองทุกขั้นตอน รักษาชาวบ้านหายมานักต่อนักแล้วครับ หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมอย่างเคร่งครัด และได้คอยอบรมสั่งสอนพระ เณรและศรัทธาญาติโยมของท่านอยู่มิขาด ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีจริยาวัตรอันงดงาม และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่ง ที่มีศรัทธาญาติโยม มาเคารพสักการบูชา อยู่มิขาดได้ทุกวันโดยมีศรัทธาญาติโยมจากต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดเดินทางมาขอพร และประพรมน้ำพระพุทธมนต์มิได้ขาด หลวงปู่ครูบาดวงดี ยติโก นับเป็นพระผู้มีอริยะคุณอันยอดเยี่ยมยิ่งที่หาได้ยากยิ่งแล้วในปัจจุบัน

    วัตถุมงคลที่โดดเด่นของท่าน คือ เหรียญรุ่นแรก ที่มีราคาค่างวดสูงมากในปัจจุบัน รวมทั้งวิชาไก่แก้ว ซึ่งเป็นวิชาทางด้านเมตตา

    ใครไปกราบท่านจะสัมผัสกับความเมตตาสุดยอดจริงๆครับ ท่านเมตตาปลุกเสกล็อกเกตสองครั้ง ทั้งด้วยวิชาไจยะเบงชร และครั้งที่สองท่านมีญาติโยมมาก จึงอธิษฐานจิตเป่าครับ
    แต่ระดับนี้แล้ว พระนับพันองค์ยังมีประสบการณ์ครับ จะแค่อะไรกับพระแค่สามร้อยองค์
     
  10. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว คันธสีโล วัดศรีสว่าง หนึ่งในพระเกจิอาจารย์ ที่มีพรรษาแก่กล้าและวัตร ปฏิบัติอันงดงาม เรียบง่าย ตามแบบอย่าง ครูบาอาจารย์ และพระสุปฎิบันโน ใน อดีตกาลผ่านมา โดยหลวงปู่จันทร์แก้ว หรือครูบาจันทร์แก้ว ชาติภูมิเดิม ท่านเป็น คนบ้านกวน โดยกำเนิด สถานที่กำเนิดหรือบ้านเดิมของท่าน ก็อยู่ บริเวณฝั่งตรงข้ามวัดบ้านกวน และห่างจากวัดไม่ไกลเท่าใดนัก หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว คันธสีโล ท่านถือกำเนิด ในสกุล ดอกศรีเมือง เมื่อ วันจันทร์ ที่ ๕ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๙ ปีมะโรง โยมบิดาชื่อ พ่อหนานนิล โยมมารดาชื่อ แม่ บัว ดอกศรีเมือง มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด ๗ คน โดยท่านเป็นลูกคนที่ ๒ และด้วยเหตุ ที่ท่าน อยู่ใกล้ กับวัดนี้เอง ทำให้ท่านมีความผูกพัน กับวัดมาตั้งแต่เยาว์วัย จนกระทั่งท่านอายุ ๙ ขวบ โยม บิดา ได้นำท่านไปฝากเป็นเด็กวัดหรือ ทางเหนือจะเรียก เด็กวัดว่า (ขะโยม) กับท่านเจ้าอาวาส วัดบ้านกวน ในช่วงนี้ท่านได้มีโอกาสได้เล่าเรียน ตัวอักษรลานนา (ตั๋วเมือง) โดยมี พ่อชื่น หรือ สามเณรชื่นในขณะนั้นซึ่งเป็น รุ่นพี่คอย สอนหนังสือให้ท่าน และก็นับเป็น ครูคนแรกของท่านด้วย จวบจนอายุได้ ๑๒ ปี ท่านก็ได้บวชเป็นสามเณรที่ วัดบ้านกวนนี้เอง ช่วงนี้ท่านก็มีโอกาสได้เล่าเรียน นักธรรม บาลี เรียนหนังสือ ที่วัดทรายมูล ซึ่งก็ไม่ไกลจากวัดที่ท่านอยู่เท่าใดนัก และอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ณ อุโบสถวัดขันแก้ว โดยมีพระครูวัดทรายมูลเป็นพระอุปัชฌาย์หลังจากนั้นไม่นาน หลวงพ่อแก้วเจ้าอาวาสองค์เดิมท่านได้ลาสิกขาบท ออกไปเป็น ฆาราวาส ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบ้านกวนว่างลง พระจันทร์แก้ว พระหนุ่มในเวลานั้น จึงต้องรับหน้าที่การเป็นเจ้าอาวาสแทน หลวงพ่อแก้ว ตั้งแต่เวลานั้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    ในด้านการ พัฒนา หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้วท่านได้ ขยาย อาณาเขตบริเวณวัดออกไปให้กว้าง กว่าเดิม ซึ่งวัดบ้านกวนเดิมเป็นวัดเก่าแก่ มีเจดีย์ทรงลังกา ของเดิมเริ่มทรุดโทรม หลวงปู่ท่านเลยทำการบูรณะโดยการสร้างพระเจดีย์ครอบองค์เดิม และสร้างวิหาร สร้างกำแพงใหม่ ศาลาการเปรียญ ท่านได้จัดตั้งมูลนิธิวัดศรีสวาง ขึ้น เพื่อใช้ในกิจการสาธารณะประโยชน์ และค่าใช้จ่ายในวัด โดยมีคณะกรรมการดูแล
    ในด้านวัตรปฏิบัติท่านยึดถือปฏิบัติแบบ “คัณทาธุระปฏิบัติ” มาโดยตลอด และเน้นหนักไปทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ส่วน คถาอาคมนั้นท่านเล่าว่า “ก็พอมีเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่จะเน้นการภาวนา

    ปัจจุบัน พ่อลูนซึ่งเป็นน้องแท้ๆของท่านเป็นคนอุปฐากและคอยดูแลท่าน เรื่องที่น่าแปลกอีกประการหนึ่งซึ่งพ่อลูนได้กรุณาเล่าให้ฝัง คือมีอยู่คนหนึ่งอยู่ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษในการนิมิตไปในที่ต่างๆ ชื่อคุณไพศาล แสนไชย ในนิมิติได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังเจริญภาวนาเกิดมีแสงสีน้ำเงินใสอยู่รอบตัวพระภิกษุรูปนั้น พอรุ่งเช้าก็ได้ออกตามหาตามที่อยู่ในนิมิตินั้น โดยที่คุณไพศาลกับหลวงปู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจนมาเจอกับหลวงปู่จันทร์แก้ว ซึ่งก็ตรงกันกับพระภิกษุที่เห็นในนิมิตินั้น และต่อมาคุณไพศาลได้ไปมาหาสู่กับหลวงปู่หลายครั้ง และเรื่องที่น่าแปลกอีกประการหนึ่งก็คือในวันที่มีการพุทธาพิเศกพระเครื่องนั้นในรูปถ่ายมีรูปกลมๆสีขาวลอยอยู่มากมาย มีอยู่หลายมุมและหลายๆภาพด้วยกันซึ่งก็คงไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่นอน

    วัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาจันทร์แก้วนั้นมีพระผงทรงสี่เหลี่ยม สร้างปี๒๕๕๐ คราวที่ท่านอายุ ๙๐ปี ที่ท่านเป็นประธานการสร้างเองเพื่อนำรายได้เข้ามูลนิธิ สร้างจากว่าน๑๐๘ ผสมเส้นเกศา จำนวน ๕๐๐๐ องค์ เหรียญรุ่นแรกน่าจะ 3000 องค์ และเหรียญกลมรุ่นแรกสร้างขึ้น ๕๐๐ เหรียญ โดยคุณเล็ก กรุงเทพ สร้างถวาย และ ล็อกเก็ต สร้าง ๓๐๐ องค์ โดยผู้พันเป้ นายทหาร กองบิน ๔๑ สร้างถวาย และพระผงสีขาวทรงสามเหลียม ทรงสี่เหลี่ยม ผสมเกศาสร้างแจกยุคแรกๆ และหยุดสร้างเพราะเห็นว่าพิมพ์ไม่ค่อยสวยงาม เลยทำให้พระมีจำนวนน้อย หายาก วัตถุมงคลทั้งหมดได้เข้าพิธีใหญ่พร้อมกัน วัตถุมงคลของท่านจากประสบการณ์นั้นเด่นในด้านเมตามหานิยม<!-- google_ad_section_end -->


    [​IMG]

    วัตถุมงคลโดดเด่น ของท่านคือ เหรียญรุ่นแรก ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในกุฏิท่านที่เกิดไฟไหม้ ปรากฏว่าเหรียญทั้งหมดไม่ไหม้ไฟ มีเพียงรอยไหม้รอบๆเหรียญเท่านั้น ราคาจึงกระฉูดเลยครับ

    ท่านอธิษฐานจิตล็อกเกตสองครั้ง ถ้านับตั้งแต่มวลสารคงประมาณหกครั้งได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PA186539.JPG
      PA186539.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      91
    • PA186533.JPG
      PA186533.JPG
      ขนาดไฟล์:
      240 KB
      เปิดดู:
      86
  11. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    จบตอนที่ 1 ครับ ยังมีประวัติและวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ที่เกี่ยวข้องกับล็อกเกตรุ่นนี้อีกมาก โปรดติดตามครับ
     
  12. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    แต่ละตอนไม่ได้ลำดับเวลานะครับ อยากเขียนอะไรก็เขียน
    ตอนที่ 2 เจอของจริงเข้าให้

    การนำล็อกเกตไปปลุกเสกนั้นบางครั้งผมก็อยากลองอภิญญาและปรจิตของครูบาอาจารย์ครับ ว่าจะเหมือนที่เค้าเอามาเขียนกันในหนังสือหรือเปล่า ครั้งหนึ่งได้เดินทางไปกราบพระธรรมสิงหบุราจารย์(จรัญ) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ซึ่งทราบๆกันว่า ถ้าเดินทางไปวันเสาร์อาทิตย์ ลูกศิษย์ลูกหาท่านจะมากมายจริงๆ ตอนนั้นเวลา 10 โมงแล้ว ผมเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เกือบไม่ทันเพราะท่านจะออกมารับญาติโยมวันนึงไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้นในรอบเช้า พอผมซื้อพวงมาลัยเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปในวัดเลย ปรากฏว่าได้อยู๋แถวหลังๆเลยครับ ผมคลานเข้าไปเอาพาน และนำล็อกเกตพระแก้วมรกตวางไว้บนพาน เห็นคนอื่นถวายสังฆทานผมก็อนุโมทนาครับ เห็นความศรัทธาจริงๆ แต่ทุกคนต้องเร็วครับ เพราะพอได้ของไปลูกศิษญ์ก็จะส่งต่อกัน หลวงพ่อเพียงแตะๆเท่านั้น ผมเลยอธิษฐานในใจว่า "หลวงพ่อครับ ผมไม่เห็นที่วัดจะมีการเสกเป่าวัตถุมงคลอะไรเลย แต่ผมสร้างพระมาด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ เพื่อสืบทอดพระศาสนา ถ้าหลวงพ่อรับรู้ถึงเจตนานี้ ขอให้หลวงพ่อเมตตาอธิษฐานจิต และเพื่อยืนยันขอให้ท่านหันมาทางผมด้วยครับ" ขาดคำไม่เกิน 1 วินาที ท่านหันหน้ามาจ้องหน้าเราเลยครับ ทั้งๆที่คนในศาลามีหลักร้อยคน
    ผมอึ้งไป ในใจก็คิดแบบชื่อตอน คือ เจอของจริงเข้าแล้ว

    ตอนคนนำสังฆทานไปถวาย ผมรอจนแทบไม่มีคนไปถวาย หลวงพ่อกำลังจะกลับขึ้นไป ผมค่อยๆคลานนำพานใส่ล็อกเกตพระแก้วมรกตเข้าไปหาท่านช้าๆ หลวงพ่อท่านจ้องมาแต่ไกล พอไปถึงขอท่านอธิษฐานลูกศิษย์รีบจับพาน ไม่ค่อยอยากให้ท่านรับเท่าไร แต่หลวงพ่อรับไป แตะสามครั้ง พูดเบาๆว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้วท่านก็ส่งคืนมา นับว่าเป็นการอธิษฐานเร็วเป็นอันดับสองที่ผมเจอมารองจากหลวงพ่อคูณ สุเมโธเลยครับ (บางท่านว่าจริงๆหลวงพ่อท่านอธิษฐานให้ตั้งแต่ที่ท่านเห็นเราแล้ว) ผมเห็นว่าไม่จุใจ เลยไปกราบหลวงพี่ที่บวชที่วัดอัมพวัน บอกว่าอยากฝากพระชุดนี้ให้หลวงพ่ออธิษฐานบนกุฎิท่านสักหนึ่งสัปดาห์ แต่ตอนนี้จะไปหาหลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาครก่อน หลวงพี่ให้ข้อคิดว่า โยมรู้หรือไม่ว่า เคยมีคนนำเหรียญเปล่าๆที่ยังไม่ได้เข้าพิธีที่ไหนมาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็แตะแบบนี้ล่ะ โยมคนนั้นเกิดความไม่มั่นใจนำไปให้พระที่นับถือกันดูให้ ท่านก็บอกว่า เต็มแล้ว สว่างมากๆ เค้าเลยเอามาเล่าให้ฟัง นับเป็นประสบการณ์บารมีที่ยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อจรัญอีกเรื่องหนึ่ง

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left></TD><TD align=right> </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>

    [​IMG]
    พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ )วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

    พระราชสุทธิญาณมงคล หรือ พุทธศาสนิกชนรู้จัก กันในนาม “ หลวงพ่อจรัญ “ เจ้าอาวาสวัด อัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เดิมชื่อ จรัญ จรรยารักษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๑ ที่ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี เป็บบุตรคนที่ ๕ ในจำนวน ๑๐ คน บิดาชื่อ นายแพ จรรยารักษ์ มารดาชื่อ นางเจิม จรรยารักษ์

    การศึกษา พ.ศ. ๒๔๘๒ สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนวัดศรัทธาภิรม ตำบลม่วงหมู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี พ.ศ. ๒๔๘๗ สำเร็จชั้นมัธยมปีที่ ๔ จากโรงเรียนสิงหวัฒนาพาหะ (โรงเรียนประจำจังหวัด) พ.ศ. ๒๔๙๒ จบนักธรรมโท สนามหลวง วัดแจ้งพรหมนคร อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี (อุปสมบทได้เพียง ๗ พรรษา) พ.ศ. ๒๕๓๘ ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตย์กิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง

    การอุปสมบท

    อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๑ ที่วัด พรหมบุรี ตำบลพรหมบุรี อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี

    ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ได้เลื่อนวิทยะฐานะ ตามลำดับ คือ พระครูภาวนาวิสุทธิ์ พระราชสุทธิญาณมงคล เป็นเจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี และ รองเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี

    ผลงาน

    พระราชวิสุทธิญาณมงคล เป็นพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ และวิปัสสนาจารย์พร้อม ๆ กันในปัจจุบันมี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักศึกษา และประชาชนทั่วไป มาเข้ารับการอบรมฝึกสมาธิกันมาก จนหาวันว่างไม่ได้ ท่านได้พัฒนาวัดอัมพวันให้เป็นสถานพัฒนาจิตใจ

    ยกระดับความเป็นมนุษย์พัฒนาสังคมในแต่ละปีจะมีผู้ที่ผ่านการ ฝึกอบรมจากวัดของท่านนับเป็นแสน ๆ คน และมีผู้ที่ใจบุญนำทรัพย์สิน เงินทอง ข้าวสารอาหารแห้งมาถวาย เป็นจำนวนมาก ผู้ใหญ่ของ ทางราชการ ให้ความเคารพนับถือ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๘ มหาวิทยาลัย รามคำแหงได้ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญา แก่ท่าน ที่วัดอัมพวัน นอกจากนี้ ยังได้รับพระราชทานโล่ จากสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีในฐานะผู้มีผล งานดีเด่น ทางด้านวัฒนธรรม และของกรมศาสนา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    หลายท่านอาจไม่ทราบว่า หลวงพ่อจรัญเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

    [​IMG]
    วันหนึ่งอาตมามากราบเรียนหลวงพ่อเดิมแล้วก้มลงกราบ กล่าวย้ำอีกว่า
    “ผมต้องการสึกครับ ผมจะไม่ครองผ้าต่อไป เพราะผมไม่ปรารถนาจะเป็นพระต่อไป” หลวงพ่อเดิมท่านก็หัวเราะหึ ๆ ส่ายหน้าช้า ๆ ไม่กล่าวอะไรต่อไปอีกเลย อาตมาก็คิดว่าวันนี้แหละสึกแน่ พอกราบลาหลวงพ่อมาแล้วก็เดินไปหาทายกไปบอกว่า “ทายก วันนี้ฉันจะสึกแล้ว เอ้านี่เงินสองบาท ไปจ้างเขารีดเสื้อผ้าให้หน่อยนะ”
    ตอนนั้นอาตมาจำได้ว่ามีกางเกงอย่างดี เสื้ออย่างดี นาฬิกายี่ห้อไวเลอร์หนึ่งเรือน ไม่เดินเสียด้วย เออโก้พิลึกล่ะ ตอนที่เป็นฆราวาสก่อนบวชนี้เปรี้ยวสมวัยในตอนนั้น เตรียมรีดเสื้อไว้แล้วก็พอดีค่ำจึงไปถวายการนวดเพื่อจะได้บอกหลวงพ่อเดิมว่า
    “ผมจะสึกพรุ่งนี้ล่ะขอรับ” แต่ยังไม่ทันจะบอกหลวงพ่อก็บอกกับอาตมาถึงสิ่งที่หลวงพ่อเดิมท่านไม่เคยได้บอกใคร ทำเอาอาตมานิ่งอึ้งเป็นครู่ ท่านพูดด้วยน้ำเสียงอันเรียบ ๆ ว่า
    “นี่แน่ะเธอ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันไม่เคยบอกใครเลย ฉันบอกเธอคนเดียว รู้แล้วนิ่งไว้อย่าแพร่งพราย เขาจะเสียขวัญกัน อีก ๑๔ วัน ฉันจะมรณภาพแล้ว ขอให้เธอจำคำฉันไว้ให้ดี ๆ”
    หลวงพ่อกล่าวจบแล้วก็หลับตาลงนิ่งไปเป็นครู่ ลมหายใจระบายออกเหมือนโล่งใจ ก่อนจะกล่าวกับอาตมาว่า
    “ฉันต้องการมอบวิชาการอย่างหนึ่งให้เธอไว้เป็นคนแรก และคนสุดท้าย ฉันเห็นว่าเธอนั้นเหมาะที่สุดแล้ว”
    อาตมาได้ยินก็ดีใจ เพราะคิดว่าเป็นคาถาเรียกพระเข้าตัวแน่ เพราะต้องการนัก แต่ผิดคาด หลวงพ่อเดิมท่านกล่าวว่า
    “วิชาที่หลวงพ่อจะมอบให้แก่เธอคือวิชาคชศาสตร์ การต่อช้างป่า การกำราบช้างตกน้ำมัน การดูแลช้าง วิชาคชศาสตร์ต้องคนมีวาสนาบารมีพอจึงจะเรียนได้ ฉันเห็นว่าเธอนี่แหละจะรับไว้ได้ ฉันจึงมอบให้”
    อาตมาได้ยินก็เลยตอบไปตรง ๆ ว่า
    “ไม่เอาล่ะครับหลวงพ่อ ผมไม่อยากได้เลยครับ ผมอยากได้คาถาเมตตามหานิยม และเรียกพระเข้าตัวครับ”
    หลวงพ่อเดิมท่านเปลี่ยนจากท่านอนให้นวด มานั่งตัวตรงประกายตาท่านที่ต้องกับแสงตะเกียงเป็นแววแห่งอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ท่านยกนิ้วมืออันเหี่ยวย่นตามวัยของท่าน ขึ้นชี้หน้าอาตมาแล้วกล่าวด้วยเสียงอันมีอำนาจสะท้านเข้าไปถึงหัวอกว่า
    “นี่แน่ะเธอ ฉันจะบอกให้ เธอยังเป็นเด็ก เป็นผู้อ่อนอาวุโส ผู้ใหญ่เขาให้อะไรก็รับไว้ซี ไปปฏิเสธทำไมกัน อย่าจองหองไม่เข้าเรื่องซี”
    อาตมาก็ว่า “ต่อทำไมครับ ช้างป่ามันอยู่ในป่าก็เรื่องของมัน มันตกน้ำมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับ แล้วเดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญมากแล้ว ไม่ต้องใช้ช้างป่าแล้วล่ะครับหลวงพ่อ”
    หลวงพ่อเดิมท่านจึงใช้คำคมมาพูดกับอาตมา ซึ่งทำให้อาตมาถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะท่านมาไม้สูงจริง ๆ ท่านถามว่า
    “นี่คุณ คุณมีเสื้อตัวเดียวกับมีเสื้อสิบตัว อย่างไหนดีกว่ากันล่ะ ลองบอกมาซิ”
    “สิบตัวก็ดีกว่าซีครับหลวงพ่อ”
    “ก็นั่นนะซิ ยังไม่ได้ใส่ก็รีดเก็บแขวนไว้ เวลาจะใช้ก็หยิบมาสวมง่ายไม่ต้องไปรีดให้เปลืองเวลา พ่อแม่ปู่ย่าตายายเขาให้อะไรก็เอาไว้ก่อนเลย อย่าไปจองหอง รับไว้ ของดีทั้งนั้นเลย แม้แต่ไม้แคะหูที่เขาให้ก็เก็บไว้ มันเป็นประโยชน์ในเวลาข้างหน้านะ”
    อาตมาก็ไม่ยอมท่าน เถียงต่อไปอีกเพราะไม่อยากได้ มีอย่างที่ไหนวิชาต่อช้าง บังคับช้าง ไม่เห็นเข้าท่าเลยจริง ๆ เลยบอกหลวงพ่อเดิมไปว่า
    “ผมไม่เรียนครับ ผมจะสึกอยู่วันนี้ พรุ่งนี้ แล้วเรียนไปทำไมกัน ผมจะสึกครับหลวงพ่อ”
    หลวงพ่อเดิมท่านถอนหายใจใหญ่แล้วกล่าวกับอาตมาว่า
    “เธอฟังหลวงพ่อให้ดีนะหลวงพ่อจะว่าให้ฟัง อันผู้ใหญ่น่ะเขาเห็นการณ์ไกลกว่าเด็กมาก ไม่ใช่เขาพูดอะไรส่งเดชก็หาไม่”
    อาตมาก็นิ่งไม่ตอบอะไร เพราะใจนั้นไม่อยากเรียน หลวงพ่อเดิมก็พูดต่อไปว่า
    “ที่หลวงพ่อมอบวิชาคชศาสตร์ให้นี้ เพื่อตอบแทนที่เธอมาช่วยปฏิบัติฉันมาเป็นเวลานาน ฉันไม่เคยให้ใครเลย คนหนองโพหรือคนที่อื่น ฉันไม่เคยสอนให้ใครมาก่อนเลย ต้องการให้เธอสืบวิชาไว้ไม่ให้ตายตามหลวงพ่อไปพร้อมกันเข้าใจหรือยังล่ะ”
    อาตมาได้แต่นิ่ง นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับ หลวงพ่อเดิมท่านก็ว่า
    “เอาล่ะ ๆ คืนนี้เธอกลับไปนอนก่อน พรุ่งนี้หลวงพ่อจะเริ่มสอน”
    อาตมาจึงได้เรียนวิชาคชศาสตร์ เริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิตามที่ท่านสอน โดยท่านควบคุมเอง และยังได้สอนกสิณให้อีกด้วย หลวงพ่อเดิมท่านสอนกสิณอย่างละเอียดทีละขั้นตอน แล้วให้ทดลองทำ อาตมาก็ทำตามได้ความรู้ทางด้านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ทำกสิณอย่างเต็มที่พอได้ความรู้อย่างดีแล้ว หลวงพ่อเดิมท่านกล่าวว่า
    “เห็นไหมล่ะ ถ้าเธอไม่เรียนวิชาคชศาสตร์แล้ว เธอก็จะไม่ได้กสิณจากหลวงพ่อและไม่ได้อะไรเลย มามือเปล่าก็กลับไปมือเปล่า อย่าเป็นคนหยิ่งยะโสแมงป่องเลย ผู้ใหญ่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่พูดเรื่อยเปื่อยไปหรอก”
    อาตมาซาบซึ้งใจเหลือเกิน ตั้งแต่นั้นมา พระเถระผู้ใหญ่ให้อะไร สอนอะไร ก็เอาไว้หมด ไม่เคยรังเกียจหรือถือดีว่าเคยได้ยินได้ฟังหรือเคยทำมาแล้ว ไม่ว่าท่านจะให้อะไรก็น้อมรับไว้หมดเลย ทำให้กลายเป็นคนว่านอนสอนง่าย และเข้ากับคนได้ดีจนทุกวันนี้ อาตมาก็ยังระลึกถึงพระคุณหลวงพ่อเดิมไม่หาย เพราะถ้าไม่ได้ท่าน อาตมาก็คงสึกไปเป็นฆราวาส ไม่ได้นุ่งเหลืองมาสั่งสอนธรรมะกับญาติโยมหรอก อันว่าของที่เขาให้มานั้นนะ ถ้าไม่ได้ใช้เองเห็นคนไหนสมควรก็ให้ไปใช้ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย มีของไว้มาก ๆ แจกเป็นทานก็ได้”
    การเรียนกสิณนั้น เรียนหลายอย่าง กสิณ ดิน น้ำ ลม ไฟ กสิณในวิชากสิณ หลวงพ่อเดิมท่านสอนให้หมดไม่ปิดบัง ทำให้อาตมาเพลินเรียนไม่รู้ว่าเอากำลังมาจากไหน รับไว้อย่างเต็มที่ ความคิดเรื่องสึกเริ่มเลือนหายไป คิดแต่ว่าเรียน ๆ ๆ ให้มากที่สุด พอได้ที่แล้ววันหนึ่งหลวงพ่อเดิมท่านก็เรียกอาตมาไปเรียนวิชาคชศาสตร์ง่าย ๆ ก่อนท่านสอนว่า
    “ช้างนั้นเขาว่ามีหูทิพย์จริงไหม” หลวงพ่อขอตอบว่า “จริง” “มีทุกตัวไหม” “ไม่ทุกตัว” แล้วรู้ได้อย่างไรว่าหูทิพย์
    อาตมาก็งงเลยถามหลวงพ่อเดิมท่านไปตามประสาคนไม่รู้เรื่องว่า “นั่นนะซีครับ ช้างก็เหมือนช้าง ไม่ผิดกันนี่ครับ” หลวงพ่อเดิมจึงได้ไขปัญหาต่อไป
    “ให้ดูที่เทวดารักษาตัวช้างอยู่ก็ด้วยกสิณที่เธอได้เรียนไปนั่นแหละ เป็นตัวกำหนดเอา”
    อาตมาจึงมารู้ตอนนี้เองว่า หลวงพ่อเดิมท่านต้องการให้เรียนกสิณก่อน เพราะกสิณคือหลักในการทำให้จิตแข็งแกร่งเป็นภูมิต้านทานเชื้อโรคสึกที่กำลังเกาะกินใจอาตมาจนกร่อนไปด้วยความเร่าร้อน กสิณดับได้เหมือนเอาน้ำเย็น ๆ สาดลงบนกองไฟอันร้อนรนให้มอดดับ
    “กำหนดเห็นแล้วทำอย่างไรครับจึงจะทำให้ช้างละพยศหายตกมันได้”
    “ไม่ยากแล้ว กำหนดเห็นเทวดารักษาช้าง แล้วก็แผ่เมตตาให้เทวดา เทวดารับแล้วเขาก็จะบังคับช้างให้เชื่องแล้วไม่ตกมันต่อไป พระที่ท่านมีกสิณท่านจึงแผ่เมตตาให้เทวดา ไม่ใช่แผ่ให้ช้าง แผ่ให้ช้างล่ะก็แบนเป็นกล้วยปิ้งหมด”
    อาตมาก็นิ่งฟังหลวงพ่อเดิมท่านว่าจะว่าอะไรต่อไปอีก ท่านก็เล่าความหลังเมื่อท่านเป็นเด็กว่า
    “ตอนที่หลวงพ่อตามโยมพ่อไปทำไร่ที่ท่าตะโก ที่นั่นช้างป่ามาก มันเข้ามากินของในไร่เสียหายมาก พวกชาวไร่พอเช้าขึ้นก็ด่าพ่อล่อแม่ช้างกันเป็นการใหญ่ เคียดแค้นที่ช้างมันเข้ามากินของในไร่ พอตกดึกไม่มากินเปล่า ๆ มาช่วยกันรื้อกระท่อมแล้วรื้อถูกด้วย กระท่อมไหนด่าว่าก็รื้อกระท่อมนั้น เจ้าของวิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิต ทำไมจึงรู้เพราะเทวดาบอกเขานำมาเล่นงานเอา”
    อาตมาจึงเข้าใจในที่สุด ก็เรียนเรื่องช้างในวิชาคชศาสตร์ไปเรื่อย ๆ จนมาถึงการสยบช้างตกมัน หลวงพ่อเดิมท่านก็สอนว่า
    “ช้างตกมันนั้นมันดุและร้ายที่สุด จะสยบได้ต้องเพ่งเมตตาพระกรรมฐานให้มากที่สุด จะเผลอไม่ได้เลยต้องแน่วแน่อย่างที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้วจะต้องเอาชีวิตไปสังเวยมัน มันไม่เห็นแล้วตอนนั้นว่าใครเป็นใคร เพราะมันตกมัน มันมืดบอดไปหมด เทวดาที่รักษาช้างเท่านั้น จะต้านช้างและเอาช้างนั้นไว้ได้ ถ้าเทวดาเขาไม่เอาด้วยล่ะก็ตาย”
    อาตมาจดจำไว้ หลวงพ่อเดิมท่านก็สอนต่อไปอีก ท่านสอนถึง การกำหนดจิตเพ่งกสิณและเจริญเมตตาพระกรรมฐาน ซึ่งการเพ่งกสิณและเจริญเมตตาพระกรรมฐานไปสยบช้างตกมันนั้น มันต้องเพ่งให้ได้ถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นอย่างน้อย ต่ำกว่านั้นไม่ได้ ต้องรีบถอนหนี เพราะช้างเป็นสัตว์ร้ายมันเอาตายแน่ จะแผ่เมตตาจะปราบช้าง ต้องดูกาลเทศะด้วย ไม่ใช่แผ่ดะไป อันนี้ขอบอกขอเตือน พระธุดงค์มือหัดใหม่อย่าได้ริอ่านทำเข้า พลาดแล้วจะกลายเป็นเหยื่อช้างตกมันไปง่าย ๆ ควาญที่เคยเลี้ยงดูมันมา เวลามันตกมัน มันยังขยี้เสียยับเยิน นับประสาอะไรกับคนอื่น
    เทวดารักษาช้างนั้นสำคัญที่สุด ช้างบางตัวก็มีเทวดารักษา บางตัวก็ไม่มี ต้องกำหนดจิตให้เห็นจึงจะสามารถแผ่เมตตาให้กับเทวดารักษาช้างนั้นได้ ถ้าไม่แผ่เมตตาให้เทวดาแล้วล่ะก็เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
    เมื่อได้เข้าป่าได้ผจญช้างตกมัน หรือช้างป่าที่ดุร้ายหมายชีวิตต้อนเจริญกสิณ ให้จิตหยั่งลงลึก ประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ให้จงได้ แล้วเพ่งดูเทวดาที่รักษาช้าง เมื่อเห็นแล้วก็ให้กำหนดจิตแผ่เมตตาออกไปให้เต็มที่ เพื่อให้เทวดารักษาช้างได้รับ และจัดการกำราบช้าง บทที่แผ่ออกไปว่าดังนี้
    “เมตตัญจะสัพพะโล กัสสะหมิง มานะสัมภาวะเย อปริมาณัง”
    ในจังหวะเดียวกันก็แผ่กระแสแห่งเมตตาธรรมออกไปให้กว้างใหญ่ไพศาล ไร้ขอบเขตเหมือนคำบาลีที่แผ่ออกไปว่า
    “เมตตัญจะ อปริมาณัง อันหมายความว่า เมตตานั้นไร้ขอบเขตจำกัดสรรพสัตว์ ตลอดจนอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ย่อมได้รับกระแสแห่งความเมตตานี้ได้ทั่วกัน กสิณคุมเอาไว้ให้มั่น นั่นแหละ คือ การกำราบช้าง”
    การคุมจิตในการแผ่เมตตานั้น หลวงพ่อเดิมท่านให้ใช้คาถาภาวนาในช่วงลมหายใจว่า
    “เมตตาคุณณัง อะระหังเมตตา”
    เจริญไว้ทุกลมหายใจอย่าให้ขาดตกหล่น เพราะเป็นช่วงสำคัญมาก เมื่อเทพยดาที่รักษาช้างได้รับเมตตานั้นแล้วก็จะบังคับช้างให้เบี่ยงเบนแล้วออกไปให้พ้นจากที่ ๆ ประจันหน้าอยู่ พูดง่าย ๆ ก็คือเหมือนกับนักเลงโต สั่งลูกน้องว่า คนนี้เขาเป็นคนดี อย่าได้ไปทำร้ายเขา ไปที่อื่นเสียอย่างนี้แหละ เมตตาหลวงพ่อเดิมท่านว่า เป็นสุดยอดแห่งคุณธรรม เป็นเครื่องค้ำจุนโลก จะพินาศหมดเพราะเข่นฆ่ากั้นจนไม่มีใครเหลือ
     
  14. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    หลวงพ่อจรัญธุดงค์ในป่าเป็นศิษย์หลวงพ่อดำ ว่ากันว่าเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร

    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เคยได้พบท่านโดยที่ไม่ทราบว่าเป็นบรมครูพระเทพโลกอุดร พบที่โคนต้นไทรใหญ่ โดยได้รับการบอกเล่าจากเจ้าของที่ดินว่า ถึงปีหลวงปู่พระเทพโลกอุดรจะมาปักกลดอยู่ชั่วระยะหนึ่ง เจ้าของที่ดินเล่าว่า ตั้งแต่จำความได้จนถึงอายุได้ 80 ปีเศษ หลวงปู่ก็ยังคงทรงลักษณะเดิมไม่แปรเปลี่ยน หลวงพ่อจรัญ เรียกท่านว่า “หลวงพ่อดำ” ได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากท่านพอสมควร บางทีคนมีวาสนาได้พบท่านแล้วไม่รู้จักว่าท่านเป็นใครมีอยู่มาก


    ศิษย์กรรมฐาน หลวง่พ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    หลวงพ่อจรัญเล่าเกี่ยวกับตำราแผ่เมตตา ที่ได้รับถ่ายทอดจากหลวงพ่อสด ความว่า ...

    " เวลาจะรับกรรมฐานวัดรับวันพฤหัส วันพฤหัสหน่ะคนเต็มวัดทีเดียว มารับกรรมฐานมากมาย รับกรรมฐานเสร็จแล้ว ตอนเช้าก็ไปนั่งภาวนากัน แล้วท่านก็ไปพักผ่อน ตอนบ่ายสองโมงท่านจะออกไปที่หน้าลานหอประชุม
    อาตมาผู้หนึ่งก็ไปนั่งด้วยก็มีประชาชนมีทุกข์ มีทุกข์มาก็เขียนทุกข์ ในกระดาษใส่บาตรไว้ ทุกข์เรื่องอะไรใส่บาตรไว้
    ทุกข์เรื่องอะไรใส่บาตรไว้ท่านจะช่วยภาวนาให้ อาตมาเป็นผู้แจง เวลาเสร็จแล้วก็เอากระดาษมาดู ท่านบอกว่าทุกข์เรื่องครอบครัวเอาไว้ที่นึง ทุกข์เรื่องลูกเอาคัดไว้ที่นึง ถ้าทุกข์เรื่องที่ดินหรือกรณีที่เกิดขึ้นโรงศาลไว้ที่นึง
    ทุกข์เรื่องลูกไปอยู่ต่างประเทศต้องเดินทางขึ้นเครื่องบินไปอีกพวกนึง ก็คัด ท่าน เราก็ได้ตำรามาข้อนึง
    ท่านบอกว่าจับดูก็รู้ เราจะแผ่เมตตาออกหรือไม่ออก ถ้าคนนั้นที่มาให้ท่านช่วยถ้ามีจิตเป็นอกุศล ต่ำ
    ต่ำกว่า 50 เปอร์เซนต์ท่านบอกภาวนาไม่ขึ้น แผ่เมตตาไม่ออก คนประเภทนี้ต่ำมาก จิตใจหยาบช้า ไม่ได้ช่วยได้ทุกคนนะ
    นี่อาตมาได้ตำราแผ่เมตตาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ บางคนจะช่วยได้มั้ย ท่านบอกดูชื่อดูนามสกุล ไม่ต้องวันเดือนปี
    คนนี้เราจับแล้วก็มาภาวนาธรรมกายทางบอกงี้ ท่านบอกมันจะมีด้วยความรู้สึกอย่างี้อย่างงี้ ช่วยได้
    ถ้ามีความรู้สึกอย่างงี้แปลว่าคนนี้จิตต่ำ ต่ำจนช่วยไม่ได้ ใครก็ช่วยอุดหนุนไม่ได้ เงินทองให้ต้องสูญหมด
    เราก็ได้เทคนิคมาอย่างหนึ่ง อาตมาจึงมีตำราอย่างนี้อีกประการหนึ่ง ประการแผ่เมตตาช่วยได้หรือไม่ได้
    ลูกจะเรียนหนังสือ เขาจะตายนี่จะช่วยได้หรือไม่ได้ จับดูชื่อนี่ก็รู้ว่าตายแน่ช่วยไม่ได้
    แหม่นี่ ได้เคล็ดลับมา เพราะวิชาเนี๊ยะ ไม่มีขายในตลาด อาตมาก็ได้มาประการหนึ่ง
     
  15. dekdelta2

    dekdelta2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    5,702
    ค่าพลัง:
    +6,948
    ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะได้ ยังไม่ต้องบูชาวัตถุมงคลชุดนี้นะครับ แต่พอเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว ค่อยมาเช่ากันนะครับ แต่ต้องรีบนะครับ เพราะถ้าเสร็จแล้วผมคงลงประชาสัมพันธ์ในหลายๆเว็บไซต์ และจะรู้เองว่า วัตถุมงคลแบบตำนานจริงๆ คงไม่มีบ่อยครั้งนัก

    วันนี้คุณ atha มาดูด้วย ขอบคุณสำหรับผงเทพนิมิตอาจารย์ชุมนะครับ ตอนนี้ผมได้ผงอิทธิเจอาจารย์ชุมมาหนึ่งแท่ง ไม่ทราบว่าต้องการนำไปทำพระหรือเปล่าครับ ถ้าต้องการผมจะแบ่งให้ตอบแทนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  16. watjang2

    watjang2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +5,013
    อยากเห็นรูป

    ล็อกเก็ต

    ด้านหน้า และ หลัง

    มีกี่สี

    และตอนนี้เหลือสีอะไรบ้างครับ

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2010
  17. spharm

    spharm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +389
    ตอบแทนนะครับ รูปดูหน้า 7 ส่วนสีที่เหลือดูหน้า 30 ข้อความที่มีตารางจะเหลือฉากขาวกับดำ
     
  18. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    รูปอยู่ที่ หน้า 7 ของกระทู้นี้ครับ<!-- google_ad_section_end -->
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้นำมาไว้หน้าท้ายเพื่อคนไม่มีเวลาย้อนดูหน้าแรกๆ

    แต่ถ้ามีรูปด้านหลังที่อุดมวลสารแล้วจะดีมากๆ ครับ
     
  19. COFFEEMAX

    COFFEEMAX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,318
    ค่าพลัง:
    +9,085
    ที่หน้าแรกก็มีโพสรูปไว้ด้วยนะครับ

    [​IMG]
     
  20. watjang2

    watjang2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +5,013
    ขอบคุณมากครับ

    สำหรับรูปที่ท่านนำมาให้ดู อีกครั้ง
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...